FB on February 23, 2012, 05:25:46 PM
“มะเดี่ยว” การันตี 2 นักแสดงใหม่วัยรุ่น บทดราม่าสุดหินแค่ไหนก็ “เอาอยู่”







           กว่าจะคัดนักแสดงมารับบทนักเรียนมัธยม 2 คน ที่ต้องมีบทพูดสนทนากันยาวเหยียด แถมยังต้องแสดงออกทางด้านอารมณ์ให้กับคนดูได้อินไปกับสองคนนี้ให้ได้ ทีมงานและผู้กำกับก็เฟ้นหาได้มาอย่างเลือดตาแทบกระเด็น เพราะบทของ “เน” นักเรียนม.6 ที่กำลังจะจบการศึกษาแต่รักการถ่ายภาพที่ขาดมิตรภาพจากเพื่อนตลอดการศึกษาและ “บีม” นักเรียนชั้นม.3 นักบาสโรงเรียนที่ย้ายโรงเรียนบ่อยเกินกว่าจะมีเพื่อนสนิทในภาพยนตร์เรื่อง “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” แนวดราม่าเรื่องล่าสุดจากค่ายสหมงคลฟิล์ม ถือเป็นบทที่ท้าทายความสามารถของนักแสดงอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะระดับมืออาชีพขนาดไหน แต่เมื่อต้องเจอแต่บทสนทนาที่ต้องต่อกันยาวเหยียดบวกกับความรู้สึกที่ต้องเล่นลึกลงไปมากกว่าคำพูดที่ถ่ายทอดออกมาแล้ว ก็เล่นเอาต้องใช้เวลาในการจดจำและความเข้าใจเฉพาะตัวอย่างแท้จริง

ซึ่งครั้งนี้ “มะเดี่ยว” ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ยอมรับเลยว่าเป็นบทที่หานักแสดงมือใหม่มารับบทได้ยากมาก แถมบทยังหินแบบสุดๆ นักแสดงแค่เพียงพูดบทสนทนาก็ต้องตรึงผู้ชมให้อยู่หมัดให้ได้ และกว่าจะได้ “มาร์ช” จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล นักศึกษาจากชั้นปี 1 คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมารับบทเป็น “เน” และ “แจ็ค” กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณะ นักเรียน นักบาส นักดนตรีวงโยธวาทิต ชั้นม. 6 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มารับบทเป็น “บีม” ได้นั้น ต้องผ่านการแคสติ้งนักแสดงมาจากจำนวนนับร้อยคน และต้องเทรนกันแบบตัวต่อตัวตั้งแต่คัดเลือกมาจนถึงวันถ่ายทำจริง ซึ่งทั้งคู่เล่นประสานงานกันออกมาได้ผลดีเกินคาด เพราะด้วยความที่ต้องเจอกัน

          บ่อยต้องต่อบทด้วยกันตลอดเวลา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเหมือนพี่น้องหรือเพื่อนที่สนิทกันไปเลย ความเข้าใจในตัวละครเวลามาเล่นจริงทุกอย่างเลยลงตัว

          และเรื่องนี้ก็พิสูจน์สปิริตของนักแสดงหน้าใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะทั้ง 2 คนมีแต่ฉากที่ต้องเล่นตอนกลางคืนทั้งนั้น เริ่มทำงานกันตอนหัวค่ำเลิกกองตอนเช้าทุกครั้ง แล้วไม่มีอิดออดแม้ว่าโดยปรกติมาร์ชจะใช้ชีวิตในการอ่านหนังสือสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยมาตลอดตอนกลางวัน หรือแจ็คต้องทุ่มเวลาซ้อมวงโยฯ ซ้อมบาสในฐานะนักกีฬาโรงเรียนมาอย่างสาหัสก็ตาม เลยมั่นใจว่าเมื่อหนังได้ถูกฉายออกไปแล้ว สองคนนี้ถือเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก

          “นักแสดงใหม่ของเรา 2 คน น้องแจ็คกับน้องมาร์ช ผ่านการคัดเลือกมาจากนักแสดงนับร้อยนับพัน ทุกครั้งที่เราทำหนังคือถ้าเกิดเป็นนักแสดงใหม่ก็ต้องแคสติ้งแบบหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว เพื่อที่จะได้คนที่มันดูแล้วใช่ แล้วยิ่งเป็นคนที่มีความใกล้เคียงกับเนื้อเรื่องเราก็ยิ่งมีความน่าสนใจ แล้วเราเลือกคนที่มีการแสดงที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด มีเสน่ห์มากที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ ซึ่งน้องทั้ง2คนกว่าจะผ่านการแคสติ้งเข้ามาจากหลายๆ รอบได้ก็ไม่ง่ายเท่าไหร่นัก พอผ่านมาแล้วก็ต้องมีการ workshop และหนังเรื่องนี้ก็มีความยากที่ว่าเป็นบทสนทนากันหลายนาที พูดกัน 2 คนแบบยาวเหยียดถ้าเกิดทั้งสองคนเล่นไม่ดีจะเอาไม่อยู่ แล้วก็ต้องเป็นตัวตนของคนๆ นั้นด้วย คือมันไม่สามารถจะท่องแต่บทได้แค่เพียงอย่างเดียว แต่มันต้องเอาตัวตนไปเป็นคนๆ นั้นจริง กำลังสวมบทบาทอยู่ก็จริงแต่ก็ต้องเหมือนว่าเป็นเรื่องราวของตัวเองจริงๆ

          ซึ่งใช้เวลาทำงานด้วยกันกับ 2 คนนี้มาด้วยกันค่อนข้างนาน กว่าจะได้ออกมาขนาดนี้ ทั้ง 2 เข้าขากันมาก พวกเราทำการบ้านด้วยกันมาอย่างหนักหนาสาหัสกว่าเราจะได้เห็นเขาเล่นด้วยกันได้อย่างดีขนาดนี้ แล้วเขาก็มีความเอาใจใส่กับสิ่งที่เขาทำอยู่ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงานได้อย่างลงตัวทั้งคู่อยากให้ไปชมความสามารถของเด็ก 2 คนนี้กันครับ”

          พบกับ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ได้ 29 มีนาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
« Last Edit: April 12, 2012, 08:53:22 AM by FB »

FB on February 23, 2012, 05:28:20 PM
จาก “รักแห่งสยาม” สู่ “โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ถึงห่างกัน 5 ปี แต่ไม่มีผิดหวังแน่นอน



          เตรียมตัวกันให้ดีสำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ “มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” จาก “รักแห่งสยาม” และเป็นแฟนคลับตัวยงของ “พิช” วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล” เพราะปลายมีนาคมนี้จะได้พบกับภาพยนตร์แนวดราม่าใหม่หมาดๆ จากค่ายสหมงคลฟิล์ม เรื่อง “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงน้องพิชคนเดียวเท่านั้นแต่ยังเต็มไปด้วยขบวนนักแสดงมากฝีมือร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสุดประทับใจจากเบื้องลึกแห่งความทรงจำของผู้กำกับออกสู่แผ่นฟิล์ม เช่น “นุ่น” ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, “เจมส์” เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์, “ต่าย” เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, “ลิฟท์” สุพจน์ จันทร์เจริญ, “อาตุ่ย” พุทธชาต พงศ์สุชาติ, “แมว” จารุณี บุญเสก และ 2 นักแสดงหน้าใหม่แกะกล่องที่น่าจับตามองในปีนี้อย่าง “มาร์ช” จุฑาวุธ ภัทรกำพล กับ “แจ๊ค” กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณะ

          โฮม เป็นเรื่องราวที่ความทรงจำที่เลือกออกมาจากประสบการณ์คนรอบข้างที่ประทับใจ และไม่อาจเลือนหายไปได้ของผู้กำกับตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาที่เต็มไปด้วย มิตรภาพ ความผูกพัน ความอบอุ่น ความรัก หรือแม้แต่การสูญเสียที่อยู่รอบตัวเรา ซึ่งผู้กำกับรุ่นใหม่ผู้กวาดรางวัลจากหลายสถาบันมาแล้วอย่าง “มะเดี่ยว” ได้เลือกเฟ้นความทรงจำเหล่านี้ออกมาเล่าได้อย่างมีชั้นเชิงและกินใจ เหมือนอย่างที่เคยฝากความประทับใจกันมาแล้วจาก “รักแห่งสยาม” ภาพยนตร์ที่ทำกระแสแรงที่สุดแห่งปี แม้ผ่านวันคืนนั้นมาแล้วกว่า 5 ปี แต่ “โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ก็พร้อมแล้วที่จะออกมาพิสูจน์ความฉกาจของภาพยนตร์ที่จะกินใจผู้ชมที่รอคอยกันไปอีกนานเท่านาน ปลายเดือนมีนาคมนี้แน่นอน

FB on February 23, 2012, 05:29:19 PM
วันที่สวยงาม Ost.HOME ค.รัก ค.สุข ค.ทรงจำHOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ ( อัลบั้ม )



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=eOIIfzD0nJ0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=eOIIfzD0nJ0</a>


FB on February 28, 2012, 07:54:15 PM
แฟนคลับเตรียมกรี๊ด “พิช รักแห่งสยาม” เล่นดราม่า ประกบ “นุ่น-ศิรพันธ์” และ “เจมส์-เรืองศักดิ์”



           แฟนคลับไทยและเทศเตรียมกรี๊ดกันอีกครั้ง สำหรับการสวมบทบาทใหม่ของนักแสดงขวัญใจวัยรุ่นยอดนิยมที่เคยทำสนามบินเมืองจีนแทบแตกมาแล้วอย่าง “น้องพิช” วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล (มิว จากรักแห่งสยาม) หรือ พิช วงออกัส เพราะล่าสุดพิชมารับบทเป็น “เลี่ยม” น้องชายวัยมหาวิทยาลัยช่างพูดช่างคุยของปรียา (นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ในภาพยนตร์แนวดราม่าเรื่องใหม่ล่าสุดของค่ายสหมงคลฟิล์ม เรื่อง “ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ผลงานกำกับโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

          ซึ่งบทบาทที่น้องพิชได้รับคราวนี้ เป็นบทของ “เลี่ยม” นักศึกษารั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่โดนเพื่อนตั้งฉายาให้ว่าเลี่ยม (ภาษาเชียงใหม่ แปลว่า ช่างพูดช่างคุย) ที่กำลังเตรียมตัวจัดงานแต่งงานให้กับ ”ปรียา” แสดงโดย “นุ่น” ศิรพันธ์ วัฒนจินดา พี่สาวคนเดียว ซึ่งกำลังจะแต่งงานกับ “เสี่ยเล้ง” แสดงโดย “เจมส์” เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ หนุ่มเศรษฐีจากเมืองภูเก็ต แต่งานแต่งงานที่ตัวเองจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดีจะพังแหลไม่พังแหล เพราะอดีตที่ฝังใจของพี่สาวตัวดีกำลังจะทำป่วน ด้วยความที่เป็นน้องชายและรู้ความลับบางอย่างของพี่สาว ทำให้พี่น้องสองคนอึดอัดกับเหตุการณ์ดังกล่าว บทบาทคราวนี้ของพิชก็เลยเครียดกว่าที่เคยได้รับเล่นมา เพราะนอกจากในเรื่องจะต้องพูดภาษาเหนือ พูดมากเหมือนฉายาในหนังแล้ว พิชก็ต้องเล่นบทเฉือนอารมณ์กับรุ่นใหญ่อย่างนุ่นและเจมส์อีกต่างหาก ถึงขนาดว่าแฟนคลับอาจได้เห็นน้ำตาหนุ่มน้อยอาบแก้มกันเลยแน่ๆ และเพื่อไม่ให้เป็นการผิดหวัง ไหนๆ ก็กลับมาร่วมงานกับมะเดี่ยวอีกครั้ง เรื่องนี้พิชก็ยังฝากฝังผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ประดับวงการแถมให้อีกต่างหาก

          “เรื่องนี้พิชมารับบทเป็น “เลี่ยม” เป็นนักศึกษาอยู่ที่เชียงใหม่ เลี่ยมเป็นฉายาคนเหนือเขาหมายถึง พูดมากพูดไปเรื่อย ในเรื่องนี้พิชก็ต้องพูดภาษาเหนือด้วย ซึ่งพิชก็พูดได้อยู่แล้วเพราะเกิดและเรียนอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็เล่นเข้าฉากกับพี่นุ่น ศิรพันธ์ , พี่เจมส์ เรืองศักดิ์, อาตุ่ย พุทธชาต ในเรื่องก็คือจะเล่นเป็นน้องพี่นุ่น สองคนจะสนิทกันเรารักพี่คนนี้มากก็เลยอยากจะจัดงานแต่งด้วยตัวเองให้กับพี่สาวเป็นของขวัญแต่งงาน แต่พี่สาวยังสับสน ยังมีอดีตที่ฝังใจและเป็นคนคิดมาก แล้วบังเอิญว่าเลี่ยมไปรู้ความลับอะไรบางอย่างของพี่สาวคนนี้ เราก็จะเครียดกับเรื่องราว มองหน้าว่าที่พี่เขยไม่ติด แล้วงานแต่งที่เราอุตส่าห์ตั้งใจจัดขึ้นก็ไม่รู้จะไปรอดหรือเปล่า เหตุการณ์มันเลยเครียดไปหมด ตัวละครตัวนี้ก็เล่นเหมือนจะปนๆ กันระหว่างความสดใสร่างเริงในตัวเองกับความกังวลของงานแต่งพี่ ก็จะมีเห็นพิชเล่นทั้งสองแบบ มีทั้งดราม่ามากๆ มีทั้งสบายๆ มีฉากที่เสียใจดีใจรับส่งกับพี่นุ่นพี่เจมส์ ซึ่งท้าทายดีครับได้เล่นกับพี่นุ่นพี่เจมส์ เพราะสองคนนี้เขามืออาชีพเวลาเหตุการณ์ที่มันบีบๆ ในเรื่องเขาก็จะส่งมาให้กับเราทำให้ราอินไปกับเรื่องราวจริงมาก แฟนๆ ที่รอคอยภาพยนตร์ของพิชก็รอชมได้เลยครับ เรื่องนี้พิชก็เต็มที่มากทั้งเรื่องการแสดงและเพลงประกอบที่พิชทั้งร้องและแต่งเองด้วยอยากให้ทุกคนได้ชมกัน”

          แฟนคลับหนัง และ แฟนคลับเพลงเตรียมตัวกรี๊ดรับกับของขวัญชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นของน้องพิช นักแสดงหน้าใสเสียงชวนฝันคนนี้ได้เร็วๆ นี้ ในภาพยนตร์เรื่อง “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ปลายเดือนมีนาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on February 28, 2012, 07:55:28 PM
MOVIE GUIDE: ตัวอย่าง “HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ”

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=bALlqMUgM8M" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=bALlqMUgM8M</a>

ภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณมีความสุขและได้สัมผัสกับความรัก
ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

อย่าแค่รู้จัก...รัก แต่ให้รู้สึก...รักมากขึ้น
ภาพยนตร์รักที่ไม่ได้ทำให้แค่…รู้จัก “รัก”
แต่จะทำให้ทั้งหัวใจ…รู้สึก และ สัมผัส ถึง “รัก” ไปพร้อมๆ กัน

19 เมษายน 2555
หาคำตอบด้วยหัวใจคุณเอง
« Last Edit: March 03, 2012, 03:59:29 PM by FB »

FB on March 03, 2012, 03:56:40 PM
Movie: Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ


   
          HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ
          เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ รับบทเป็น “เสี่ยเล้ง”
          คาแรกเตอร์ที่ได้รับเล่นเป็นยังไง       

          สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Home” ความรัก ความสุข ความทรงจำ ผมมารับบทเป็น “เสี่ยเล้ง” ในพาร์ทของเรื่อง “แต่งงาน” คาแรกเตอร์ของเสี่ยเล้งในเรื่องนี้ก็คือ เราจะเป็นคนที่ค่อนข้างจะจริงจังกับการทำงาน บุคลิกจะเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ จนคนจะไม่สามารถเดาอารมณ์ถูกได้ว่าเราคิดอะไรอยู่ แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนที่มีความรัก ความเชื่อใจเชื่อมั่นกับคนที่เรารักสูงมาก แล้วก็เป็นคนที่รับผิดชอบต่อทุกสิ่งๆ ทุกๆอย่าง เพราะว่าตำแหน่งที่เขายืน เหมือนว่าต้องมารับตำแหน่งเจ้าของโรงงานหรือดูแลกิจการใหญ่โตตั้งแต่หนุ่มๆ เลยทำให้เสี่ยเล้งต้องวางตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าวัย พอวัยเริ่มจะต้องมีครอบครัวก็เลยต้องกลายเป็นผู้นำอยู่เสมอเพิ่มขึ้นไปอีก จุดที่เขาอยู่มันผลักดันให้ชีวิตเขาต้องแสดงออกแบบนั้น เพราะว่าการที่เขาต้องดูแลคนเยอะๆ ต้องทำงานต้องดูแลลูกน้อง เขาจึงเป็นคนที่ค่อนข้างเด็ดขาดมาก เด็ดขาดทุกเรื่องครับ และก็ในเรื่องเสี่ยเล้งเป็นคนใต้ บุคลิกของคนใต้ก็สั้นๆ เด็ดขาดอยู่แล้ว จะไม่เหมือนกับตัวปรียาซึ่งเป็นผู้หญิงด้วย เป็นคนเหนือด้วย เขาจะอ่อนไหวและแสดงออกได้มากกว่าเรา ตัวปรียาเขามาทำงานกับเสี่ยเล้งที่ใต้ ทำไปทำมาก็ตกลงแต่งงานกัน แต่เลือกมาแต่งที่เชียงใหม่แทน เสี่ยเล้งก็ต้องขนครอบครัวขึ้นมาไกลถึงเชียงใหม่ด้วย เรื่องราวก็จะเกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมด
          เรื่องนี้นิ่งมาก จนนักแสดงบอกกันว่าเจมส์นิ่งมาก อันนี้นิ่งสุดในเรื่องที่ได้รับบทมาเลยหรือเปล่า?
          ใช่ น่าจะได้บทที่นิ่งเงียบที่สุดแล้วตั้งแต่รับงานมา เพราะว่าความจริงแล้วเป็นความต้องการของผู้กำกับ อยากให้คนดูลุ้นไปกับตัวแสดงตัวอื่นๆ หรือว่าตัวแสดงที่เป็นเสียเล้งเองด้วยว่าเขาจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นกับเขา เพราะฉะนั้นวิธีการแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่แล้วจะต้องกลืนความรู้สึกให้หมดนะครับ ด้วยคาแรกเตอร์แล้ว ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ตามที่เสี่ยเล้งก็จะไม่แสดงอาการ อย่างเจอเรื่องราวที่ต้องโมโห หรือว่าต้องอะไรก็ตาม แม้จะเจ็บปวดหรือรุนแรงแค่ไหนแต่ก็ต้องกลืนความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ข้างใน แต่สิ่งที่พูดออกไปหรือว่าแววตาที่ส่งออกมามันต้องมีความอำมหิตซ่อนอยู่เล็กน้อย เพื่อเราจะได้เห็นการตัดสินใจของตัวเสี่ยเล้ง ว่าเขาจะตัดสินใจยังไงกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด กับเหตุการณ์ที่เขาต้องรับฟังรับรู้ทั้งหมด มันจะไปบีบเกร็งคนดูเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องตัดสินใจ
          ทำไมถึงตอบรับเล่นเรื่องนี้กับมะเดี่ยว
          มันเริ่มต้นมาจากว่า โดยส่วนตัวของผมแล้วผมชอบผลงานของมะเดี่ยวอยู่แล้ว ติดตามเขามาแล้วหลายเรื่อง แล้วก็มีโอกาสได้ร่วมงานกันในละครเรื่องวนาลีที่ออกอากาศจบไป มะเดี่ยวก็คงเห็นวิธีการแสดงของเราแล้ว เห็นการทำงานเราแล้วว่าเป็นยังไง วันนึงมะเดี่ยวก็บอกว่ามีบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เขาเขียนเอง อยากให้พี่เจมส์มาลองเล่นดู เราก็เอาเลยไม่อ่านบทด้วย (หัวเราะ) ก็สนใจทันทีเลย มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยเป็นเพราะความชื่นชอบส่วนตัวล้วนๆ แล้วตัวเองไม่ได้เล่นภาพยนตร์มา 10 กว่าปีแล้วครับ ก็เลยคิดว่าไม่มีเหตุผลที่จะไม่เล่นครับ
          พอหลังจากที่รับเล่นแล้ว อ่านบทแล้วรู้สึกยังไงในตอนนั้น
          อ่านบทครั้งแรกก็อ่านผ่านๆ ก่อน อ่านผ่านๆ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่พออ่านรอบที่ 2-3 เริ่มใส่ใจกับรายละเอียดของแต่ละบรรทัดของแต่ละประโยค เริ่มใส่ใจแต่ละเหตุการณ์ เลยรู้สึกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่เล่นยากมากอีกตัวหนึ่งเท่าที่เคยผ่านบทมา ไม่ว่าเราจะเคยเล่นบทเป็นสาวประเภทสอง หรือไปเป็นคนแก่ ไปเป็นตัวร้ายอะไรก็ตาม มันก็ยังเป็นการแสดงที่คิดแล้วแสดงออกเลย ออกมาจากร่างกาย ออกมาจากข้างใน
          แต่ตัวละครตัวนี้แสดงออกทันทีเลยไม่ได้ คิดแล้วต้องเก็บไว้ข้างในแล้วแสดงออกมาแค่นิดเดียว แต่ไอ้นิดเดียวนั้นเป็นอะไรที่แบบไม่ว่าจะเป็นคนดู หรือตัวละครที่เข้าร่วมด้วย เขาจะรู้สึกว่า “เฮ้ยคิดไรอยู่ว่ะ” ทำไมถึงเป็นแบบนี้ พูดกันออกมา เคลียร์กันเลยดีกว่าไหมอะไรประมาณนี้ ซึ่งอันนี้มันค่อนข้างยาก เมื่อไรที่รับการแสดงที่พูดน้อยจะเล่นยาก แต่ว่าเราก็พยายามไม่คิดว่ามันยาก วิธีการก็คือว่าปล่อยตัวเองไปตามบทละครเรื่องนี้ ปล่อยตัวเองไปตามเหตุการณ์ที่เจอ ปล่อยตัวเองไปตามคู่แสดงของเรา มันก็จะเป็นไปเองตามอัตโนมัติ อ่านบทเสร็จแล้วก็เริ่มอินกับมันขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมาเล่นแล้วก็ยิ่งต้องทำการบ้านยิ่งต้องเข้าใจบทมากยิ่งขึ้น
          ร่วมงานกับมะเดี่ยวครั้งนี้แตกต่างหรือน่าสนใจยังไงบ้าง
          ผมชอบเขานะครับสำหรับตัวมะเดี่ยว ตัวเขาเองเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจในเรื่องของบทสูงนะครับ จุดแข็งของมะเดี่ยวอยู่ตรงที่เขาเป็นคนทางบท และวิธีการเขียนบท หรือว่าวิธีการเล่าเรื่องต่างๆ นานา บ้างทีมันดูเหมือนเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไร แต่ในความไม่มีอะไรจะซ่อนคมดาบไว้ตลอดในแต่ละฉาก แต่ละซีนหรือในแต่ละประโยค ซึ่งมันเป็นวิธีการที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่สามารถจะดูแล้วเข้าใจไปได้ง่ายๆ นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเด็กรุ่นใหม่เขาจะถูกซึมซับสิ่งดีๆ สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อผ่านทางบท
          ในส่วนเรื่องการทำงานมะเดี่ยวก็เป็นคนที่เฮฮา สนุกสนานตามประสาตามวัยของเขา เขาจะมีแก๊งค์ มีเพื่อนแซวเพื่อนเม้าท์เหมือนวัยรุ่นทั่วไปคนนึง เขาก็จะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทีมงานได้ตลอดเวลา ตัวผมเองก็ชอบแซวเขาเลยครับว่าจะเอายังไงแน่ยะ (หัวเราะ) ชอบแซวมะเดี่ยว เขาเป็นน้องที่น่ารักอีกคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนที่เก่ง ที่สำคัญคือเขาเป็นนักดนตรี เวลาเราคุยกันเรื่องดนตรีหรือว่าเราคุยกันอะไรต่างๆนาๆ มันจะรู้สึกเลยว่าเราเป็นคนประเภทเดียวกัน รักในเสียงดนตรี เข้าใจกันง่ายมากขึ้น เขาไม่ได้วางตัวว่าเป็นผู้กำกับยิ่งใหญ่อะไร เหมือนเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องอะไรอย่างนี้มากกว่า ถึงแม้ว่าการทำงานจะมีจริงจังบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็เป็นการทำงานกันจริงๆ ไม่ได้มามีบทบาทอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเข้ากันไม่ถึง สบายมากเลยทำงานกับมะเดี่ยว
          แล้วนี่เป็นครั้งแรกไหมที่ได้ร่วมงานกับนุ่น (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา)
          ใช่ครับ เป็นครั้งแรกที่ร่วมงานกับนุ่น ผมว่าเขาเป็นนักแสดงที่มีความสามารถอีกคนหนึ่งเลยล่ะ ซึ่งเราไม่ค่อยรู้เพราะว่าเราอาจจะไม่ค่อยได้ติดตามผลงานของน้องเขาเท่าไหร่นัก อันนี้ต้องยอมรับตรงๆ ว่าแทบไม่ได้ติดตามงานของนุ่นเลย แต่ว่ารู้จักว่าน้องว่าเขาเป็นคนสวยคนหนึ่งซึ่งน่ารัก มีแฟนแล้ว (หัวเราะ) ก็น้องเขาเป็นคนน่ารักดีครับ แต่ว่าพอได้แสดงร่วมกับเขาแล้วมีความรู้สึกว่า เนื่องจากเรามีโอกาสได้ทำงานกับนางเอก และนักแสดงผู้หญิงมาหลายคน แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนก็จะมีความเข้าใจต่างกัน แต่ว่าผมมองว่าเขาเป็นคนที่มีความเข้าใจด้านการแสดงสูงทีเดียว สามารถที่จะแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก็มีความลึกในการแสดงคือ เขาทำการบ้านค่อนข้างเยอะ แล้วก็เวลาที่เขาเล่นมีความรู้สึกว่าเขาสามารถที่จะสวมวิญญาณของตัวละครตัวนั้นได้อย่างเต็มที่ แล้วเล่นแล้วดูน่าสนใจ
          นุ่นเขาจะใส่ใจกับรายละเอียด และค่อนข้างจะอ่อนไหวกับเนื้อหาของเรื่อง ว่าง่ายๆ คือเขาจะอินกับมันจะทุ่มเทกับบทกับการทำงาน อย่างเขาเคยบอกว่ามีปัญหาเรื่องการพูดสำเนียงของคนเชียงใหม่ เขาก็มีความพยายามมาก ว่างก็จะเห็นนั่งติวคำเมืองกับน้องพิช ใครมาที่กองก็จะเห็นสองคนนี้นั่งพูดคำเมืองกันสองคนตลอดเวลา เห็นความพยายามของเขาเลยครับ
          ร่วมงานกับน้องพิช (วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล)ล่ะเป็นยังไงบ้าง
          จริงๆ ณ วันนี้ยังไม่ได้เข้าฉากกับน้องพิชอย่างจริงจัง จะมีเข้าฉากด้วยกันก็นิดๆ หน่อยๆ ยังไม่เข้าฉากอะไรกันมาก แต่ผมเห็นพิชมาตั้งแต่เล่นภาพยนตร์เรื่องรักแห่งสยามแล้วนะครับ ก็คิดว่าเขาเป็นเด็กอีกคนหนึ่งซึ่งมีความตั้งใจในการทำงานค่อนข้างสูง อย่างที่บอกผมสังเกตเวลาพักกองเขาจะนั่งอ่านบท เขาจะนั่งทำการบ้านดูว่าเขาจะเล่นในฉากต่อไปยังไง อันนี้ก็เป็นแบบอย่างที่ดีของนักแสดงรุ่นใหม่ๆ อีกอย่างหนึ่งก็คือว่าเวลาที่เขาแสดงก็รู้สึกกับบทนั้นจริงๆ เขาก็เต็มทีกับมันจริงๆ เขาจะไม่ไปไหนห่างจากกองถ่ายเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีฉากที่ต้องเข้า แต่เขาจะถือบทอ่านบทอยู่ใกล้ๆ มะเดี่ยว ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนก็ถามตลอด ขยันมากครับ ผมว่าน้องพิชไปได้อีกไกลเลยทีเดียวสำหรับการเล่นภาพยนตร์ และเท่าที่ทราบมาคือพิชก็เป็นนักร้องนักดนตรีนักแต่งเพลงด้วย ความสามารถเขาค่อนข้างหลากหลาย เลยทำให้รู้สึกว่าน้องคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถ ทำอะไรก็ดูตั้งใจกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่เสมอ
          เรื่องนี้ได้ทำงานกับอาตุ่ย (พุทธชาต พงษ์สุชาติ) ด้วย เป็นยังไงบ้างฮากันตลอดเลยไหมในการทำงานด้วยกัน
          (หัวเราะ)กับอาตุ่ยหรือครับ ผมไม่เคยดูอาตุ่ยแสดงจริงๆ เลย เห็นแต่บทบาทเป็นดีเจ พิธีกร นี่ถือเป็นครั้งแรก เลยได้รับรู้ว่าเออจริงๆ แล้วอาตุ่ยเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านการแสดงอยู่ไม่น้อยเลยนะ ทั้งเรื่องของเสียง ทั้งเรื่องของการแสดงออกทางสีหน้าแววตา คือเขาเป็น entertainer คนหนึ่งเลย บทตัวน้าอรที่เขาเล่น ผมว่านี้แหละเป็นสีสันที่น่าสนใจมากของภาพยนตร์เรื่องนี้ ในบทน้าอรที่อาตุ่ยรับคือเป็นบทหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าจะเรียกรอยยิ้มจากคนดูได้ หลังจากที่เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะมีความเครียด ความซึ้งความเศร้า ความอะไรก็ตามที แต่น้าอรโผล่มาก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูมีสีสัน อาตุ่ยเป็นคนหนึ่งซึ่งเป็นนักแสดงที่สามารถมาก ดูเผินๆ เหมือนจะมากระชากอารมณ์หนังให้สนุกสนาน แต่จริงๆ แล้วอาตุ่ยเขาเล่นแบบอินมาก เขาสามารถทำให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับเนื้อหาได้อย่างแนบเนียน บนความสนุกเขาก็มีความห่วงหาห่วงใยหลาน หรือห่วงกับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นตรงนั้นอย่างแท้จริง เขาก็ไม่ใช่ว่าจะเอาฮาอย่างเดียว อาตุ่ยเล่นได้สมกับบทที่ได้รับเลยล่ะครับ

FB on March 03, 2012, 03:57:43 PM
          เรื่องนี้ทุกคนพูดภาษาเหนือกันหมด แล้วเสี่ยเล้งเป็นคนใต้มีต้องพูดใต้กับเขาบ้างไหม
          พูดครับ ภาษาใต้ในเรื่องนี้ใช้สำเนียงไปทางจังหวัดภูเก็ต ซึ่งแตกกต่างจากบ้านเกิดของผมที่อยู่นครศรีธรรมราช จะต่างกันตรงเสียงสูง-ต่ำนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากมาย ด้วยการที่ได้ใช้ภาษาใต้กลับทำให้รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นภาษาถิ่นของเราเอง ก็ได้พูดเพราะในเรื่องเสี่ยเล้งยกญาติ พ่อแม่พี่น้องขึ้นมาจากใต้กันหมดเพื่อมางานแต่งงานที่จัดกันที่เชียงใหม่ เวลาที่แม่มาหรือคุยกับญาติเราก็ต้องใช้ภาษาใต้กันเพื่อให้มันดูเหมือนจริง เรื่องพูดใต้เราพูดใต้ได้อยู่แล้ว เวลาที่นักแสดงคนอื่นเขาพูดเหนือกันเราก็ฟัง แล้วก็พยายามทำความเข้าใจว่าเขาพูดอะไรกัน จำบ้างไม่จำบ้าง แต่ว่าอาตุ่ยนี่สิเป็นคนนึงเลยที่พูดได้ทั้ง 2 ภาษา เป็นเหมือนโรงเรียนสอนภาษาเลย (หัวเราะ) ก็สนุกดีครับ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หลายๆ อย่างในความเป็นเชียงใหม่ จากเพื่อนๆ นักแสดง จากสถานที่ จากเหตุการณ์ที่เราต้องถ่ายทำกัน
          แล้วเวลาที่ใต้มาเจอกับเหนือความสับสนความมันส์มันก็จะคละกันไป หันไปทางนั้นทีนี่ก็พูดเหนือใส่ หันไปทางโน้นทีนี่ก็พูดใต้อีก มันก็จะแปลกไปอีกแบบ เป็นสีสันของเรื่องนี้ที่สนุกดีครับอยากให้ติดตามดูกัน
          มีฉากไหนที่เล่นแล้วประทับเป็นพิเศษสำหรับเรื่องนี้
          ฉากประทับใจเป็นฉากที่ไม่สามารถจะเล่าให้ฟังได้ แต่ประทับใจในการแสดงและเรื่องราวของมันมากว่า นุ่นเขาจะเล่นได้แบบเข้าถึงบทบาทมากๆ บอกใบ้ได้นิดนึงว่าเป็นฉากที่ตัวปรียามาสำนึกผิดกับเสี่ยเล้ง แต่รายละเอียดไปดูเอาว่าสำนึกผิดจากเหตุการณ์อะไรยังไง แล้วหนทางออกของทั้งคู่จะเป็นยังไง มันเป็นซีนที่คนดูจะต้องลุ้นเอาเองว่าเสี่ยเล้งจะทำให้มันออกหัวหรือออกก้อย ชีวิตคู่จะเป็นยังไงกันต่อไปสำหรับสองคนนี้ มันเป็นฉากที่เนื้อหากินอารมณ์มาก มันบีบคนดู มันลุ้นอยู่อย่างเกร็งๆ
          ในเรื่องนี้มะเดี่ยวหยิบยกมาจากประสบการณ์ของตัวเองที่เขาอยากจะถ่ายทอดออกมา แล้วความรักความทรงจำของเจมส์ที่อยากจะพูดถึงมีบ้างไหม
          เรื่องที่เรากำลังแสดงอยู่ จริงๆ มันคล้ายชีวิตจริงผมมากเลย ก็คือว่าเรื่องราวของความรักต่างๆ บางครั้งเราก็ไม่ได้อยู่กับคนที่เพอร์เฟ็คที่สุด แต่ว่าเราอยู่กับคนที่เรารู้แล้วว่าจุดด้อย ข้อผิดพลาดเขามีอะไรบ้าง มันดีกว่าเราจะไปอยู่กับคนที่เราไม่รู้เลยว่าเขามีจุดด้อยตรงไหน ไม่เคยรู้แล้วมารู้ตอนที่ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว จริงๆ เป็นชีวิตจริงของทุกคนแหละผมว่า บทบาทของตัวเสี่ยเล้งเอง ผมว่ามีความใกล้เคียงกับผมมาก ตัวผมเองเวลาอยู่ต่อหน้ากล้อง อาจจะดูเป็นคนสนุกสนานเฮฮา แต่ชีวิตจริงก็เป็นนิ่งๆเหมือนเสี่ยเล้งไง เลยมีความรู้สึกว่าพอได้เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วมันหวนให้มองตัวเอง หวนให้คิดถึงเรื่องราวตัวเองหลายเรื่อง ทั้งเรื่องความรัก เรื่องของชีวิตของตัวเอง ก็เลยคิดว่าบางครั้งเหมือนเราไม่ได้แสดงอะไร (หัวเราะ) เดินเข้าฉากก็เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นเสี่ยเล้งเท่านั้นเอง
          นิยามคำว่ารักของเจมส์มีไหม เป็นยังไง
          ความรัก คือ เหมือนกับว่าเราสามารถที่จะยอมรับทุกอย่างของเขาได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ บางวันที่อาจจะไม่สวยเลย หรือบางวันเขาอาจจะประสบอุบัติเหตุเป็นง่อย เราต้องเลี้ยงเขา หรือว่านิสัยโกรธ หงุดหงิดง่าย นิสัยที่คนอื่นรับไม่ได้ แต่คนสองนี่สามารถรับกันได้ สิ่งนี้แหละผมเรียกว่าเป็นความรัก มันคือการตกลงกันของคนทั้งสอง มันคือการลงตัวกันของคนทั้งสอง การเติมเต็มให้กันและกัน
          เรื่องนี้พูดถึงการแต่งงาน การที่คนสองคนที่ต้องตัดสินใจมาเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน มุมมองในเรื่องแบบนี้สำหรับเจมส์มีความเห็นยังไงบ้าง
          คนที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน ผมมีความรู้สึกว่า 1.มันไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าคิดเพียงแต่ว่าเธอสวยจัง ฉันหล่อจัง แล้วเราก็รักกันมาก แต่งงานกันเถอะจบ ส่วนใหญ่จะประสบปัญหาเลิกกัน จะดีในช่วงไม่กี่เดือนแรก ผมคิดว่ามันควรจะต้องมีการคุยและไม่มีคำว่าตัวตนของแต่ละฝ่าย ไม่มีคำว่าไอ (i) ไม่มีคำว่ายู (You) แต่มันต้องมีคำว่าวี (we) หมายความต้องลด i มาครึ่งหนึ่ง ลด you มาครึ่งหนึ่ง แล้วมาเป็น we เพราะมันไม่มีใครหรอกครับที่สองคนอยู่ด้วยกันแล้วจะลงตัว100% โดยที่ไม่มีอะไรกระทบกระทั่งกันไม่มีแน่นอน
          เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะลดการกระทบกระทั่งกันได้ คือ ต้องลดตัวของแต่ละฝ่ายลง ไม่ใช่ว่าฉันจะเป็นแบบนี้ ฉันจะไม่เปลี่ยน เธอต้องเปลี่ยน you ก็บอกว่าฉันจะเป็นอย่างนี้ฉันยืนยัน อยากจะชอบฉันก็เป็นตามฉัน ไม่มีทาง 100 คู่เลิกกัน 100 คู่ถ้าเกิดคิดแบบนี้ หรือถ้าไม่เลิกกันก็ใช้ชีวิตอย่างขมขื่น ผมอยากให้คู่รักทุกคู่นึกถึงคำว่าเรา อย่านึกถึงคำว่าฉัน อย่านึกถึงคำว่าเธอ นึกถึงแต่คำว่าเรา เพราะถ้าเกิดมีคำนี้เมื่อไร มันสามารถทำให้เราลดทิฐิ ลดตัวตนลงเพื่อให้เข้ากับอีกฝ่ายได้
          Home หรือบ้านในความหมายของเจมส์คืออะไร
          ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้นึกถึงสิ่งก่อสร้าง ไม่นึกถึงอิฐ ไม่นึกถึงอะไรเลย นึกถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์หรือจะเป็นสิ่งมีชีวิตก็ได้ ที่มีความสัมพันธ์กันโดยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปนะครับ มีความอบอุ่น มีความโหยหาอาทร มีความคิดถึงกัน มีการดูแลซึ่งกันและกัน ซึ่งเหล่านี้มันเรียกว่าเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่สร้างให้กับมนุษย์ได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ผมเลยคิดว่าคำว่า Home มันน่าจะเป็นสิ่งที่พูดถึงความสุขที่มนุษย์จะได้รับจากคนที่เราอยู่ด้วย
          คิดว่าคนที่ดูหนังเรื่องนี้จะได้อะไรกลับไป?
          ผมว่าการจะเสียสตางค์100 กว่าบาทมาเข้าชมความบันเทิงสักอย่างหนึ่ง นอกเสียจากได้เสียงหัวเราะและรสชาติของการดูหนังแล้ว ผมว่าหากเราได้ความรู้สึกดีๆ ที่มันกระแทกใจ หรือมันสร้างความสุขในใจกับไป มันไม่มีเหตุผลที่จะไม่ดูหนังเรื่องนี้ ตอบไม่ได้ว่าใครจะได้อะไรกลับไปบ้างเพราะภาพยนตร์แต่ละคนดูก็คิดคนละแบบ แต่สิ่งที่คิดว่าเกิดแน่นอนคือ ความรู้สึกประทับใจ มันจับใจ มันไม่รู้ว่ากระทบชีวิตช่วงไหนของแต่ละคน เพราะฉะนั้นผมคิดว่าถ้าหากว่ามีโอกาสอย่างให้มาชม สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในสถานะที่เรียกว่าโฮมหรือบ้าน ที่ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือครอบครัว หรือจะเป็นเพื่อนก็ตามที ผมอยากให้จูงมือหรือพากันมาดูและเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆ กลับออกไป และใช้มันอย่างมีค่าที่สุด
          สุดท้ายแล้วอยากบอกอะไรกับแฟนหนังที่รอคอยการแสดงครั้งนี้ของเจมส์บ้าง
          ครับ ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ซึ่งเป็นผลงานภาพยนตร์อีกเรื่องในรอบ 10 กว่าปีของผม ในการที่กลับมาแสดงอีกครั้งหนึ่ง ผมคิดว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนดูทุกๆ คน และก็ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถทำให้ทุกคนนอกจากจะมีความสุข จากการชมภาพยนตร์แล้ว ยังจะได้สิ่งที่เรียกว่าความสุขจากความรู้สึกของคำว่า Home อยู่ในใจ แล้วก็ทำให้เรามีความรู้สึกเหมือนกับว่า เราจะสนใจสิ่งที่อยู่รอบข้างเรามากขึ้น เราจะสนใจคนที่อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น ยังไงก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง Home เอาไว้อีกเรื่องนะครับ

FB on March 03, 2012, 04:00:51 PM
เจมส์ห่างหนังมากกว่า 10 ปี แสดงฝีมือเต็มที่ ใน Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ



          กว่าจะได้กลับคืนสู่จอเงินก็ปาไปเป็น 10 กว่าปีแล้ว สำหรับพระเอกตัวสูงหน้าคมเข้มอย่าง “เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์” เพราะก่อนหน้านี้คิวแน่นทั้งผลงานเพลงเบื้องหน้าเบื้องหลัง, งานละครทางโทรทัศน์, งานละครเวที รวมไปถึงต้องบริหารร้านข้าวมันไก่อีกหลายสาขา แต่หลังจากล่าสุดได้จับมือกันทำงานกันกับผู้กำกับมือทองอย่าง “มะเดี่ยว” ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” ในละครเรื่องวนาลีแล้ว ก็ติดอกติดใจในฝีมือการแสดงและกำกับของกันและกัน พอมาถึงคิวได้ฤกษ์เปิดกล้องต้องหานักแสดงมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ หนังโรแมนติก-ดราม่าเรื่องใหม่ของค่ายสหมงคลฟิล์มแล้ว มะเดี่ยวเลยรีเควสขอเจมส์เรืองศักดิ์มารับบทเป็น “เสี่ยเล้ง” หนุ่มเจ้าของธุรกิจใหญ่โตจากเมืองภูเก็ตมาเล่นประกบคู่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของสาว “นุ่น” ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ในครั้งนี้ซะเลย

          ซึ่งบทที่เจมส์ได้รับในครั้งนี้เป็นหนุ่มมาดขรึมจากใต้ ไม่ค่อยพูดหรือแสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน ด้วยความที่เป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่ยังหนุ่มต้องคุมคนงานมากมาย เด็ดขาด กล้าตัดสินใจในทุกเรื่อง เลยทำเอา “ปรียา” (รับบทโดยนุ่น) ว่าที่เจ้าสาวถึงกับกังวลและสับสนไปหมด และด้วยความที่เป็นหนุ่มจากใต้เรื่องนี้ก็จะได้เห็นเจมส์พูดภาษาท้องถิ่นกันบ้าง ในขณะที่งานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมาจัดที่เชียงใหม่ ตัวละครอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนุ่น ศิรพันธ์, อาตุ่ย พุทธชาด, น้องพิช วิชญ์วิสิฐ หรือลิฟท์ สุพจน์ ที่มาร่วมเข้าฉากด้วยจะพูดภาษาเหนือกันหมดก็ทำให้ภาพยนตร์กลับดูมีสีสันที่สนุกสนานไปอีกแบบ

          งานนี้เจมส์ เรืองศักดิ์ ยอมรับเลยว่าตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ต้องอ่านบทเลย แถมยังเต็มที่กับการแสดงในครั้งนี้มาก และดีใจที่ได้กลับมาทำงานด้านภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แล้วที่ดีใจสุดๆ คือครั้งนี้ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนเก่าอย่างลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เรือง เพื่อนร่วมรุ่นการแสดงที่ไม่ได้ทำงานร่วมกันมานานมากตั้งแต่สมัยเข้าวงการใหม่ๆ ถือว่าเป็นฤกษ์ดีและเป็นจังหวะดีที่ทุกอย่างลงตัวจัดคิวมาเล่นเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจ

          “โดยส่วนตัวแล้วผมชอบผลงานของมะเดี่ยวอยู่แล้ว แล้วก็มีโอกาสได้ร่วมงานกันก่อนหน้านี้ในละครเรื่องวนาลี พอวันนึงมะเดี่ยวมีงานภาพยนตร์ เขาก็บอกว่าอยากให้พี่เจมส์มาลองดู ผมก็บอกว่าไม่ลองแล้วเล่นเลย ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ได้อ่านบทเลยด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยเป็นความชื่นชอบส่วนตัวล้วนๆ แล้วก็ไม่ได้เล่นหนังมากว่า 10 ปีแล้ว เลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธมะเดี่ยว ทุกอย่างตอนนี้ลงตัวหมดพอดี

          แล้วกลับมารับบทครั้งนี้ได้ร่วมงานกับเพื่อนเก่าอย่างลิฟท์ด้วย ได้ทำงานได้เจอกันตลอดมันเหมือนเราย้อนวันเวลากลับไป มีความสุขและสนุกดีครับ เรื่องนี้ได้มาเล่นคู่กับน้องนุ่นศิรพันธ์ด้วย ซึ่งน้องเขาฝีมือด้านการแสดงดีมาก ถึงแม้ว่าบทในครั้งนี้ของผมจะไม่ค่อยได้พูดอะไรเพราะต้องเล่นเป็นคนเงียบขรึมมากๆ เป็นคนดุ และต้องเก็บงำความรู้สึกไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือมีความสุขแค่ไหนเอาไว้ภายในก็ตาม แต่ความเงียบเหล่านี้แหละที่ทำให้เราต้องมีสมาธิกันบทของเสี่ยเล้งเป็นอย่างมาก ซึ่งน้องนุ่นก็ช่วยได้เยอะเวลาส่งความรู้สึกส่งพลังในการแสดงออกมาถึงตัวเรา อยากให้แฟนๆ ติดตามผลงานครั้งนี้กันครับ นานๆ ได้เล่นภาพยนตร์ที ผมก็เต็มที่กับผลงานทุกชิ้นนี่ก็เป็นอีกชิ้นงานนึงที่อยากให้ทุกคนได้ดูกันครับ”

          พบกับฝีมือการแสดงเฉือดเฉือนอารมณ์ของว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคู่นี้ได้ในภาพยนตร์เรื่อง “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” 19 เมษายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on March 07, 2012, 01:57:20 PM
“มะเดี่ยว ชูเกียรติ” เปิดตัว “รัก” ครั้งใหม่ ดึงนักแสดงคุณภาพ พร้อมปั้นหน้าใหม่ สู่ “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ”


   
           สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ สตูดิโอคำม่วน จัดงานเปิดตัวภาพยนตร์ “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ภาพยนตร์รักโรแมนติก ที่ผู้กำกับ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เต็มใจนำเสนอ พร้อมนำทีมนักแสดงฝีมือคุณภาพอย่าง เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์, นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เรือง, พิช-วิญช์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล และ อั้ม-ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์ รวมถึงนักแสดงหน้าใหม่อย่าง มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล, แจ็ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา ในวันพิเศษที่ 4 ปีมีครั้ง 29 กุมภาพันธ์ 2555 ณ ลานดิสคัพเวอรี่ สยามดิสคัพเวอรี่ ที่ผ่านมา

          ณ ลานดิสคัพเวอรี่ สยามฯแห่งนี้ ยังเป็นที่จดจำในใจหลายๆ คนกับภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม และยังคงอยู่ในใจหลายๆ คนมาตลอด 4 ปี โดยผู้กำกับคนเก่ง มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ขอเลือกวันพิเศษและสถานที่แห่งความทรงจำครั้งนี้ จัดงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” พร้อมนำทีมนักแสดงขึ้นร่วมพูดคุยบนเวที โดยมี เจมส์-เรืองศักดิ์, นุ่น-ศิรพันธ์, ลิฟท์-สุพจน์, พิช-วิชญ์วิสิฐ, อั้ม-ณัฐพงษ์ และนักแสดงหน้าใหม่เตรียมแจ้งเกิด มาร์ช-จุฑาวุฒิ กับ แจ็ค-กิตติศักดิ์ เล่าถึงความสนุกสนานเบื้องหลังในกองถ่าย ซึ่งผู้กำกับยังกล้าการันตีว่าแค่มาดูการแสดงในเรื่องนี้ก็คุ้มแล้ว เพราะนักแสดงแต่ละคนล้วนมีฝีมือที่ดีทั้งนั้นโดยเฉพาะ พี่ต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ที่ถึงแม้จะมาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ครั้งนี้ไม่ได้ แต่ก็อดที่จะกล่าวถึงและชื่นชมในการแสดงครั้งนี้เสียไม่ได้ หรือนักแสดงหน้าใหม่ทั้ง 2 คน ที่ถูกจับเข้าคลาสการแสดงอย่างหนักหนาสาหัสอยู่ไม่น้อย เชื่อมั่นว่าภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องนี้จะทำให้หลายคนไม่ได้รู้จักแค่รัก แต่จะรู้สึกถึงรักมากขึ้นเต็มหัวใจ นอกจากนี้ยังอบอุ่นไปด้วยเสียงเพลงเพราะๆ จากศิลปิน วง 8 ไม้เท้า (ศิลปินใหม่แกะกล่องจากสตูดิโอคำม่วน) ตามด้วย วงเสือโคร่ง Ft. แป้งโกะ กับเพลง “ผ่านเลยไป” และ วงออกัส กับเพลง “วันที่สวยงาม” เพลงประกอบภาพยนตร์ในเรื่องนี้ เรียกเสียงกรี๊ด เสียงปรบมือดังทั่วทั้งลานดิสคัพเวอรี่

          ปิดท้ายด้วยการได้รับเกียรติจาก คุณอวิกา เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บ.สหมงคลฟิล์ม, คุณจาตุศม เตชะรัตนประเสริฐ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์, คุณชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายขาย บ.สหมงคลฟิล์ม และ ตัวแทนจาก โอเรียนไทย แอร์ไลน์ ผู้สนับสนุนภาพยนตร์ ร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกกับทีมนักแสดง ผู้กำกับ และศิลปินในครั้งนี้

          Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ภาพยนตร์รักโรแมนติก ผลงานกำกับโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่จะทำให้ทั้งหัวใจ…รู้สึก และสัมผัสถึง “รัก” ไปพร้อมๆ กัน 19 เมษายนนี้ หาคำตอบด้วยหัวใจคุณเอง

FB on March 10, 2012, 02:13:44 PM
“นุ่น ศิรพันธ์” เตรียมสละโสด ยอมรับสับสนหากต้องเลือกรัก ระหว่าง “เจมส์ เรืองศักดิ์” กับ “ลิฟท์ สุพจน์”





          ตอนนี้กำลังดังเปรี้ยงปร้างกับบทของ “อีแพง” ในเรื่องบ่วง ละครย้อนยุคทางโทรทัศน์ แต่อีกด้านหนึ่งของ “นุ่น” ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ก็กำลังจะสละโสดเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนหนุ่มชาวใต้หน้าตาคม เจ้าของธุรกิจใหญ่โตจากเมืองภูเก็ตเหมือนกัน ก็อย่าเพิ่งตกใจอะไรไปที่ไม่เคยมีข่าวเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน เพราะนุ่นเพิ่งจบคิวปิดกล้องไปแล้วสำหรับบทบาทของ “ปรียา” สาวชาวเชียงใหม่ ขี้ระแวงที่กำลังสับสนในการใช้ชีวิตคู่ และกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับหนุ่มใต้เจ้าของธุรกิจใหญ่อย่าง “เสี่ยเล้ง” ที่รับบทโดย “เจมส์” เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ในภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่าการันตีคุณภาพ เรื่อง “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” จากค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่กำกับโดย “มะเดี่ยว” ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

          แต่ปรียา (นุ่น) เกิดมีอดีตกับอีกหนุ่มรุ่นพี่ชื่อว่า “พี่เป็ก” รับบทโดย “ลิฟท์” สุพจน์ จันทร์เจริญ ที่ฝังใจมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน บวกกับเพื่อนๆ รอบตัวล้วนประสบความล้มเหลวในชีวิตคู่กันแทบทั้งนั้น ในวันที่เรียกว่าเกือบจะได้เป็นเจ้าสาวอย่างเต็มตัว กลับไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะรับมือกับการใช้ชีวิตคู่ได้หรือไม่ ยิ่งคืนก่อนแต่งงานแฟนเก่ากลับมาทำให้ปั่นป่วน แถมน้องชายตัวดีอย่าง “เลี่ยม” (รับบทโดย พิช วิชญ์วิสิฐ) มารู้ความลับนี้เข้า ปรียาถึงกับสติแตกกลายเป็นเจ้าสาวที่กลัวฝน งานแต่งที่เลี่ยมอุตส่าห์จัดให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของพี่สาวสุดเลิฟจะล่มแหล่ไม่ล่มแหล่อยู่ตรงหน้า ทำเอาญาติพี่น้องและพ้องเพื่อนลุ้นกันแทบตัวโก่ง เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนสาวคนนี้จะกลายเป็นหม้ายขันหมากอีกคนหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้ว่าที่เจ้าสาวเจ้าของงานแต่งเล่าถึงคาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ให้ฟังว่า

          “ในเรื่อง โฮม นุ่นรับบทเป็นปรียาค่ะ โดยพื้นเพแล้วเป็นคนเชียงใหม่ เกิดและเรียนหนังสือที่เชียงใหม่มีสังคมมีเพื่อน พอถึงจุดๆ นึงต้องย้ายไปเรียนที่กรุงเทพแล้วก็ไปพบรักกับเสี่ยเล้งที่เป็นเหมือนเจ้านายเราที่ภาคใต้สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับมาแต่งงานที่เชียงใหม่ด้วยกัน

ลึกๆ แล้วตัวปรียาเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างจะวิตกจริตง่ายกังวลคิดมากเพราะว่าโดยพื้นฐานน่าจะเกิดจากการที่อยู่กับน้องแค่สองคนแล้วโตมากับญาติๆ ก็เลยเป็นพวกที่คิดเล็กคิดน้อยคิดมากคิดฟุ้งซ่านแต่งเติมเองตลอดเลย ในเรื่องนี้ใครพูดอะไรหน่อยก็เอากลับมาคิด ใครแสดงท่าทางกริยาที่เราระแวดระวังก็เอากลับมาคิด มันจะเป็นอย่างนั้นไหม อย่างนี้ไหม มันจะดีหรอ อะไรประมาณนี้ค่ะ ไม่ค่อยจะมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจเท่าไหร่ เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง แล้วยิ่งการกลับมาเชียงใหม่ครั้งนี้ ก็มาเห็นชีวิตเพื่อนๆ ต่างมีปัญหาครอบครัวหย่าร้างกันทั้งนั้น นัดปาร์ตี้สละโสดก็ดันมาเจอแฟนเก่าก็มาหวั่นไหวอีก แถมน้องชายดันมาเจอเรากำลังสวีทกับแฟนเก่าต่อหน้าต่อตา ด้วยความที่ผิดเต็มประตู ใจปรียาก็ยิ่งเตลิด กลัวไปหมดทุกอย่างในวันแต่งงานไม่ว่าปรียาจะสวยขนาดไหนแต่หน้าตาก็อมทุกข์ตลอดเลยค่ะ เหมือนเด็กที่ไม่กล้าตัดสินใจ ที่กำลังไม่รู้จะไปทางไหนดีอะไรแบบนี้ค่ะ”

          เจ้าสาวหน้าคมคนสวยจะแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนในนิยายหรือพังทลายเหมือนในละครหรือไม่ รอพบคำตอบและร่วมลุ้นไปกับพิธีวิวาห์ครั้งนี้ได้ 19 เมษายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on March 14, 2012, 11:01:59 AM
บทสัมภาษณ์ “มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล จาก HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ”


 
          ในเรื่องรับบทเป็นใคร
          ในเรื่องนี้ผมรับบทเป็น “เน” เด็กเชียงใหม่เรียนอยู่ที่โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย เรียนอยู่ประมาณมัธยม 6 เป็นเหมือนตากล้องประจำโรงเรียน จะมีกล้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา เหมือนเขาเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่สุงสิงกับใคร แต่ว่าเพื่อนจะเอาผลประโยชน์จากตัวเขาในเรื่องให้เขาไปถ่ายภาพให้ แต่ไม่ได้คบเพื่อความจริงใจ เนเป็นคนน่าสงสารนะ อยู่มา 6 ปีแต่ไม่เจอเพื่อนที่จริงใจเลย ถ่ายรูปให้โรงเรียนก็มีคนหมั่นไส้อีก เหมือนว่าคิดยังไงกับอะไรก็จะถ่ายรูปผ่านมันออกมา

          มารับเล่นเรื่องนี้ได้ยังไง
          ที่มาเล่นเรื่องนี้ได้คือวันนั้นผมสอบโอเน็ทเพิ่งเสร็จ ทางโมเดลลิ่งเรียกไปแคสติ้ง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดไรเพิ่งสอบเสร็จผมก็ไม่ได้เซ็ทเลย หัวยังเกรียนๆ อยู่เลย ผมสั้นเพิ่งโดนตัดมา ก็ไม่ได้หวังอะไรเล่นตามบทไปเขาให้เล่นอะไรก็เล่น แล้วก็มีพี่มาบอกว่าได้เล่นนะ ดีใจมากเป็นโอกาสที่ดี ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจด้วยครับ ตอนที่แคสติ้งตอนนั้นพี่มะเดี่ยวให้เล่นฉากที่ต้องมีการจับกล้อง จังหวะการเล่นการพูด มีเว้นวรรค เขาจะดูการสนทนาของเรามากกว่า ว่าตัวของเราตรงกับคาแรกเตอร์ที่พี่มะเดี่ยวต้องการหรือเปล่า ก็จะมีพี่มาบรีฟบทให้เราก็พูดคนเดียวผ่านกล้อง

          คิดว่าวันนั้นเราได้เพราะอะไร
          คิดว่าที่ได้เหมือนว่าเวลาผมจะพูดอะไรจะคิดก่อนพูด แต่จริงๆ ตอนนั้นต้องคิดเพราะว่าลืมบทครับ (หัวเราะ) อาจจะไม่ได้คิดจริง

          ตอนนั้นพอได้เล่นแล้วได้อ่านบทเลยไหม
          ก็เรื่องบท ไปถึงครั้งแรกพี่มะเดี่ยวเขานัดเวิร์คช็อปครั้งแรก จะไปฝึกการแสดงก็ยื่นบทมาให้อ่านก่อน อ่านแล้วเออ..ก็โอเคน่าสนใจดี ท้าทาย ลุคใหม่อะไรอย่างนี้ก็ลองเล่นดูครับ ได้ท้าทายตัวเองดีครับ

          เข้าฉากส่วนใหญ่เป็นบทสนทนากัน มั่นใจแน่ใจว่าจะเอาอยู่ไหม
          คือเป็นเรื่องแรกของทั้ง 2 คนเลย ทั้งของผมและของแจ็ค (กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณะ รับบทเป็น บีม) ผมก็ไม่ได้มั่นใจตั้งแต่เวิร์คชอป ตอนนั้นผมยังรู้สึกอยู่เลยว่าจะไหวหรือเปล่า พอมาเล่นจริงก็รู้สึกกดดันเหมือนกัน เพราะทุกสายตาจับจ้องแค่คู่นี้คู่เดียวเล่นกันอยู่ 2 คน กลัวทำพี่ๆ เขาช้าเดือดร้อน พอได้บทมาก็รีบหัดพูดก่อน ท่องบทก่อนเยอะๆ ก่อนไปเข้าฉากนี่ท่องมาก่อนทั้งวันเลย ท่องจนซึมเข้าหัวกลัวถึงเวลาแล้วแบบตื่นกล้อง แต่ก็ได้เสิรมความมั่นใจขึ้นเยอะเพราะพี่มะเดี่ยวจับให้มีการเวิร์คช็อปและก็ให้ซ้อมแอคติ้งอยู่ตลอดเวลา

          จริงแล้วก่อนทำหนังมาร์ชก็ถือว่าเป็นเด็กตั้งใจเรียนคนนึงเลยไหม
          ก็ก่อนถ่ายทำหนังเป็นเด็กที่ติดเรียนคนนึงเลยครับ แม่ปลูกฝังให้ตั้งใจเรียนก็ตั้งใจเรียนที่สุดแหละ เพราะมันช่วงม.6 ด้วยเอาแต่เรียนๆ จะเอนทรานซ์แล้ว ก็มีไปแคสงานโฆษณาบ้างนะ ถ่ายแบบนิดหน่อย แต่งานชิ้นใหญ่ก็งานหนังเป็นชิ้นแรกเลย ตอนนั้นเพิ่งสอบเสร็จวันเดียวเอง มาแคสหนังเรื่องนี้เลย เพิ่งผ่านทุกอย่างเลยตอนนั้นไม่รับงาน อ่านหนังสืออย่างเดียว ถ่ายแบบนิตยสารทั่วไป โฆษณา KFC เล็กๆ น้อยๆ ประปรายครับ

          ตัวละครที่ชื่อว่า “เน” กับ “มาร์ช” ตัวจริงมีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง
          ผมว่าคนละขั้วเลยครับ เนเป็นคนพูดน้อยมากแบบคิดไรก็คิดในใจ แต่ตัวจริงผมคิดไรพูดเลยมีแต่คนด่าว่าผมพูดไรไม่คิด แบบชอบโวยวาย แต่เนเขาเป็นคนเงียบๆ แต่ผมว่ามีส่วนที่เหมือนกัน ต้องการเพื่อนที่จริงใจ แต่ผมโชคดีนะที่ผมเจอเพื่อนที่จริงใจทุกวันนี้

          ในเรื่อง เน เป็นช่างภาพต้องถ่ายรูปส่วนตัวมาร์ชสนใจทางด้านนี้บ้างไหม
          ก็สนใจนะครับแต่ไม่ได้เป็นมืออาชีพแบบเน เนเขาเขามีอุปกรณ์ต่อกล้องอย่างยาว แต่ตัวจริงผมมีแต่กล้องถ่ายเล่นครับ ในไอโฟนบ้างดิจิตอลตัวเล็กๆ บ้าง โปรแกรม IG อะไรแบบนี้ ไม่ได้จริงจังแต่ชอบดูรูปสวยๆ

          ก่อนที่จะมาเล่นเราต้องไปเข้าคอร์สเรียนการแสดงอะไรบ้างไหม
          มีครับประมาณ 5-6 ครั้ง พี่มะเดี่ยวเขาบอกว่านักแสดง 2 คนเล่นกันอยู่ 2 คน ต้องทำความคุ้นเคยกันและเล่นกันให้สนิทใจ เพราะผมกับแจ็คต้องเล่นคู่กันตลอดทั้งเรื่อง เข้าบทบ้างหรือทำกิจกรรมที่จะเพิ่มความสนิทให้กันบ้าง ผมกับแจ็คก็เลยสนิทกันเร็วเหมือนกันนะ แจ็คก็เลยเหมือนทั้งน้องเหมือนทั้งเพื่อนผมเลยครับ เพราะพี่มะเดี่ยวช่วยด้วยล่ะครับ

          เคยติดตามผลงานของมะเดี่ยวมาก่อนไหม พอได้มาร่วมงานกันเห็นอะไรในตัวมะเดี่ยวบ้าง
          พี่มะเดี่ยว เขาดังมานานแล้วแต่ที่ผมรู้จักก็จากเรื่อง “รักแห่งสยาม” ผมชอบหนังเรื่องนี้มากเลยนะครับ ชอบที่ตัวเนื้อหาดูแล้วอิน ผมก็ปลื้มผลงานพี่เขา แต่พอมาเจอตัวจริงตอนแรกก็เกร็งนะ แต่พอเจอเขาใจดีมากเป็นกันเองและพูดจาตรงๆ ผมชอบเขาดี
          พี่มะเดี่ยวเขาเหมือนครูผม ทั้งเรื่องการแสดงและการวางตัว พี่มะเดี่ยวสอนการวางตัวเยอะมาก สมมุติว่าถ้าถ่ายหนังไปแล้วพอหนังฉายเราต้องทำตัวยังไงถึงจะเหมาะสมในวงการนี้ถ้าเรามีโอกาสก้าวเข้ามาจะวางตัวยังไงให้เดินต่อไปได้อย่างดี อันไหนไม่ดีไม่ควรทำ สอนเยอะเลยครับตอนอยู่เชียงใหม่ ผมก็ทำตัววัยรุ่นทั่วไปมีดื้อบ้าง หนีเที่ยวดอยบ้าง ก็โดนพี่เขาติๆ มาเริ่มคิดตอนนี้ก็โตขึ้นละเริ่มคิดได้ เราก็ปรับปรุงเราไปทำงานก็ควรอยู่กับงานไม่ควรจะหนีเที่ยวครับ (หัวเราะ)

          ถึงตอนแสดงมีปัญหาไรบ้างไหม
          มีครับตอนซ้อมพี่มะเดี่ยวยังเป็นแบบพ่อพระอยู่เลย ก็คือใจดี แต่พอเข้าบทจริงๆ หรือเราเล่นไม่ได้บางครั้งก็มีโกรธเหมือนกันนะ ผมก็ไม่กล้ายุ่งเลยครับ เขาโมโหเป็นคนละคนกับตอนซ้อมเลยครับ แสดงว่าเขาทำงานแบบจริงจังมากเลย เขาก็จะบอกว่าทำไมตอนซ้อมมันไม่ใช่แบบนี้นี่ (ทำหน้าซีเรียสเลียนแบบมะเดี่ยว) ก็มันตื่นกล้อง (หัวเราะ) บางวันถ่ายไป 10 เทคก็ยังไม่ได้ บางครั้งก็ตาปรือบ้าง พี่มะเดี่ยวก็จะถามว่าทำไมตาปรือแบบนี้ (ทำเสียงเลียนแบบมะเดี่ยว) คือทั้งเรื่องที่ผมเล่นเขาถ่ายแต่กลางคืนผมก็ปรับตัวไม่ทัน เพราะปรกติใช้ชีวิตอยู่แต่กลางวัน กลางคืนก็นอน แต่มาถ่ายเรื่องนี้ต้องตื่นตี 4 อย่างงี้ให้ผมตาโตยังไงไหว(หัวเราะ)

          ฉากไหนที่คิดว่ายากสุดสำหรับมาร์ชในเรื่องนี้
          ฉากสบตากันกับบีม ผมต้องแบบมีอะไรหน่วงๆ ในหัว ยากเพราะเขาต้องโคสอัพมาที่ดวงตาด้วยครับมันก็เลยยาก มันยากตรงความรู้สึกที่ถ่ายทอดผ่านดวงตาออกมา ต้องยืนนิ่งสื่อทางดวงตาออกมาอวัยวะอย่างอื่นเล่นไม่ได้เล่นได้แค่ตา พี่มะเดี่ยวบอกว่าตาต้องบอกทุกอย่าง ตาคนเราเวลาอยู่ในหนังจะเท่ากับลูกบอล ทุกคนจะมองมาที่ตาหมดเลย ก็คิดว่าฉากนั้นยากสุดนะ

          เรื่องบทพูดไม่ค่อยจะมีปัญหาใช่หรือเปล่า
          ตัวเนที่ผมเล่นเป็นคนพูดน้อยแต่อารมณ์มันสำคัญมากกว่า ส่วนคนพูดมากเป็นของแจ็คพูดทั้งเรื่องเลยครับ คนที่จะมีปัญหาเรื่องบทพูดน่าจะเป็นแจ็ค (หัวเราะ)

          ประทับใจอะไรบ้างในเรื่องของการแสดง
          ประทับใจในวันแรกเลยครับ คือฉากที่ยากที่สุดที่พี่มะเดี่ยวถ่ายวันแรก ฉากนั้นคือทุกคนตื่นเต้นมากว่าเด็กสองคนนี้จะผ่านไปได้หรอ แต่มันผ่านเร็วมากไม่กี่เทคเองทั้งกองชมว่าฉากแรกเล่นได้ดีขนาดนี้เลย มันเป็นฉากสบตา ซึ่งพี่มะเดี่ยวบอกว่าฉากนี้สำคัญนะห้ามพลาดเด็ดขาด ผมกับแจ็คนี่มองหน้ากันเลย เอาไงดีล่ะจะผ่านไหมเนี่ย ทุกสายตาก็จ้องและกดดันมาที่เราสองคน แต่พอถ่ายจริงกลับผ่านได้อย่างง่ายดาย มันเลยประทับใจมากครับที่เราสองคนทำสำเร็จ

          ร่วมงานกับแจ็คเป็นอย่างไรบ้าง
          อย่างแรกที่เขามีคือสัมมาคารวะผมชอบ เราห่างกันแค่ปีแต่เขานับถือผมมากผมรู้สึกได้ว่าไม่เคยได้จากใครเท่าเด็กคนนี้มาก่อน การพูดการจายกมือไหว้ เขาเป็นเด็กร่าเริงสมกับในบทเลยครับ เขาเป็นนักกีฬาด้วย อยู่วงโยธวาทิตอีกด้วย ได้ยินกิตติศัพท์มาว่าเด็กคนนี้ความสามารถเยอะมาก ร่วมงานกันเขาเก่งนะเก่งกว่าผมด้วยซ้ำ เล่นบทยาวๆ ได้ ท่องมาได้เป๊ะมาก แล้วก็พูดมากนี่เหมือนเลยครับความกระล่อนที่หนึ่ง พริ้วมาก เอาตัวรอดตลอดเจอสาวๆ ในกองกรี๊ดกร๊าด นอกเรื่องก็มีคุยกัน ก็สนิทกันไปไหนไปกันหลังจากนั้นก็แยกย้ายไปเรียนหลังจากปิดกองแต่ก็ติดต่อกันโทรถามสารทุกข์สุขดิบ ว่าแจ็คเรียนเป็นไงเห็นบอกว่าจะเข้ามหาลัยแล้วครับ

          เล่าถึงการถ่ายทำช่วงเวลากลางคืนให้ฟังหน่อยว่าบรรยากาศโรงเรียนกลางคืนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง
          ตอนถ่ายทำในตอนของผมจะเป็นเนื้อเรื่องเกิดขึ้นทุกอย่างในคืนเดียวทำให้ทุกฉากต้องถ่ายทำตอนกลางคืนในรร.มงฟอร์ต ผมก็รู้จักชื่อโรงเรียนนี้มานานแล้วเป็นรร.ที่ดังและมีชื่อใน จ.เชียงใหม่ ไปถ่ายนี่ไม่เคยเจอตอนกลางวันเห็นแต่ตอนกลางคืน ไฟเปิดทั้งรร.เลยครับ เป็นรร.ที่สวยมากเลย การเตรียมตัวก่อนถ่ายซื้อเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ ใส่ทุกอย่างจนเกือบท้องเสีย กลัวตาปรือ ทุกคนก็ยอมตากยุงรอพวกผมสองคนถ่าย บางฉากถ่ายจนฟ้าสว่างก็ยังไม่ได้เลยต้องไปถ่ายวันต่อไป รู้สึกว่าพี่ๆ ทีมงานน่ารักทุกคนยืนรอตากยุงไม่บ่นสักคำว่าพวกผมสองคนเล่นไม่ได้ ประทับใจทุกคนครับ

          เรื่องราวรักในวัยเรียนในชีวิตจริงของมาร์ชล่ะมีบ้างไหม
          จะเป็นความรักระหว่างเพื่อนมากกว่า ผมเรียนรร. ชายล้วนมา เรื่องเพื่อนสำคัญสุดในรร.ชายล้วนในช่วงมัธยม คนไหนมีปัญหาก็กรูกันไปช่วยหมดเลยไม่ว่าจะเป็นการเรียน เรื่องทุกเรื่อง ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ รักกันมากลืมกันไม่ได้ เพื่อนมัธยมผมว่ามันส์สุดแล้วนะ เพื่อนมหาลัยมันก็ต้องเป็นแบบสหฯก็ยังเกร็งๆ อยู่บ้างเวลาอยู่กับผู้หญิง แต่ชายล้วนสุดๆ เลยเรื่องเพื่อน

FB on March 14, 2012, 11:02:47 AM
          ให้ความหมายของคำว่าเพื่อน
          ผมว่าเพื่อนมีอิทธิพลต่อชีวิตมากนะ เพื่อนเป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่องบางเรื่องผมไม่กล้าปรึกษาพ่อแม่ หรือพี่เลย เพราะว่าเพื่อนเข้าใจเราที่สุดเป็นวัยเดียวกันอยู่กับเราบ่อยกว่าพ่อแม่ เพื่อนบางคนอยู่ด้วยกันที่ รร.อยู่บ้านเราก็คุยกันก็รู้สึกว่าเพื่อนเข้าใจเราที่สุด ผู้ใหญ่บางคนคิดไม่ตรงกับเราก็ค้านแล้ว เพื่อนเขาจะเข้าใจว่าเราคิดแบบนี้เพราะอะไร
          เพื่อนซี้กันมากๆ ก็ตอนมัธยมอยุ่ด้วยกันมา 4-5 ปี เจอกันทุกวันมันผูกพัน เราทำกิจกรรมร่วมกันเยอะไปเที่ยวมีปัญหามีเรื่องก็ช่วยกันตลอด อย่างผมเรียนมัธยมจบจากรร.สวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นรร.ที่มีกิจกรรมเยอะมากเลย ไม่ว่าจะแปลอักษร ซ้อมเชียร์แล้วก็กิจกรรมระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องใน รร. จะเยอะมาก รุ่นน้องจะรู้จักรุ่นพี่เยอะ สนุกนะมันไม่ได้มีแค่การเรียน ไม่ใช่มา รร. แล้วกลับบ้าน มารร.บางคนยอมอยู่จนดึกเพื่อทำกิจกรรมอยู่ถึงจนเช้า มันจะมีงานจตุรมิตรเป็นงานใหญ่แข่งระหว่าง 4 โรงเรียน สวนกุหลาบ เทพศิรินทร์ อัสสัมชัญคอนแวนต์ กรุงเทพคริสเตียน แล้วก็ทุกรร.จะแข่งกันแปลอักษร ฟุตบอล แล้วจะมีถ่ายโค้ดแปลอักษรต้องเหมือนเม็ดสีในภาพๆ นึงต้องมีเป็นหมื่นๆ เม็ดสีให้รุ่นน้องจุดนี้ต้องเป็นเม็ดสีอะไร รุ่นพี่ม.4 ม.5 มาช่วยเหลือกันบางวันอยู่จนเช้า นั่งถ่ายโค้ดเขียนโค้ดจนบางคนเขียนจนต้องเข้ารพ.ก็มีนะ แสดงถึงความที่เราทำเพื่อสิ่งๆ เดียวกันเราทำในสิ่งที่เรารักก็คือชื่อเสียงของรร. ผมรู้สึกว่ามันสอนให้เราทำหรือทำในสิ่งที่เรารักให้มันพยามที่สุด

          รร.ก็เหมือนบ้านที่สองของเรา บอกความรู้สึกของมาร์ชที่มีต่อรร. มันเปรียบได้อย่างไร
          ใช่เลยครับโรงเรียนก็เหมือนบ้านหลังที่สองเลย รู้สึกอุ่นใจทุกครั้งเวลาที่เราก้าวเข้าไปในรร. ผมออกจากบ้านมาเพื่อไปบ้านอีกหลังหนึ่งทุกครั้งที่ไป รร. ก็เหมือนได้เจอคนที่เรารักในรร. เจออาจารย์ เจอเพื่อน ภารโรงที่รร.ผมก็สนิท เหมือนอยู่บ้านก็เจอคนที่เรารักพ่อ แม่ พี่ ไปที่รร.ก็ยังเจออีกเปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองของผมได้เลยครับ ทุกวันนี้ก็ยังกลับไปเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาส และผมยังต้องวิ่งแก้บนอยู่เลย

          ที่บ้านว่าอย่างไรบ้างมาเล่นหนัง
          ทุกครั้งที่ใกล้สอบแม่จะบอกว่าเพลาๆ ลงบ้าง มีแคสงานหรือถ่ายงานก็จะปฏิเสธบ้างเอาเวลามาอ่านหนังสือดีกว่า เพราะว่าแม่มักจะบอกบ่อยๆ ว่าอาชีพด้านนี้มันไม่มั่นคง กราฟขึ้นๆ ลงๆ ยึดหลักอะไรไม่ได้ เรามีอาชีพประจำเป็นวิชาชีพซึ่งผมเรียนบัญชีบริหารอยู่ครับ อันนี้จะมั่นคงทำให้อนาคตเราตำแหน่งที่มั่นคงให้ยึดอันนี้เป็นหลัก
          ตอนเด็กเคยฝันอยากเป็นสจ๊วตมันเท่ดี ก็อยากเป็นให้ได้เลยตอนนั้น สักพักค่อยมาทำธุรกิจตัวเอง เอาความรู้ที่เรียนบริหารมาทำธุรกิจตัวเองแต่ไม่รู้จะรอดป่าวนะครับ (หัวเราะ)

          นี่เป็นเรื่องแรกที่มาร์ชได้เล่นหนัง มาร์ชคิดว่ามาร์ชได้อะไรจากตรงนี้
          ผมว่าเรื่องการเข้าบทบาทผมยังผิดพลาดบ่อย เราต้องไปฝึกฝนถ้ามีโอกาส พูดกับตัวเองกับกระจกให้มากขึ้น ออกกล้องยังมีเขินอยู่ทั้งที่ตอนซ้อมยังเล่นได้ พี่มะเดี่ยวบอกตอนซ้อมเล่นดีกว่านี้ เราก็มานั่งคิดเราดีกว่านี้หรอ แล้วทำไมออกกองจริงๆ เราทำไม่ได้แบบที่เราซ้อมกันก็ต้องฝึกฝนให้มากขึ้น มากขึ้นกว่าเดิมอีก

          บ้าน ในความหมายของมาร์ชคืออะไร
          คำว่าบ้าน คือ สถานที่อยู่แล้วอบอุ่นใจที่สุดแต่ต้องมีคนที่เรารักอยู่ในที่นั้นด้วย ไม่ใช่เราอยู่ในบ้านนั้นคนเดียวมันก็เป็นบ้านไม่สมบูรณ์แบบ อยู่แล้วก็มีคนที่หวังดีกับเราอยู่แล้วเวลาเรามีความสุขด้วยกัน อันนั้นน่าจะเรียกว่าบ้านที่สมบูรณ์แบบที่สุด ก็ผมเคยเรียนมาระหว่างคำว่า Home กับคำว่า House พี่มะเดี่ยวเลือกคำว่า Home มาใช้เพราะว่าโฮม คือบ้านที่มีความรักมีความอบอุ่นมีความผูกพันอยู่ในบ้านถึงเรียกว่าโฮม แต่ถ้าเฮ้าส์ก็เหมือนบ้านปกติ ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลยมีแค่เราไปอาศัยเฮ้าส์อยู่

          นี่เป็นครั้งแรกเลยไหมไปที่ได้เชียงใหม่
          ใช่ครับ ตื่นมาก็ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเชียงใหม่เลยครับว่ามีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง ดอยสุเทพ สถานที่ตรงไหน เส้นนิมมานเหมินทร์ มีอะไรเด็ดๆ บ้าง ไปก็กะเที่ยวเหมือนกัน เคยได้ยินว่าเชียงใหม่เด็ดรองจากกรุงเทพเลย มาทั้งทีผมเลยทั้งเที่ยวและทำงาน ผมมาถ่ายเรื่องนี้ประมาณเกือบเดือน 20 วันได้มั้ง แต่ก็มีถ่ายประมาณ 7 วัน ก็มีเวลาพักบ้างเพราะพี่มะเดี่ยวต้องไปถ่ายเรื่องอื่น
ครั้งแรกที่ไปตื่นตาตื่นใจมากลงจากเครื่องประมาณ 8 โมงเช้า นั่งรถแดงที่เขาฮิตกันหาของกินไม่เจอไปเจอแต่ที่ว่างๆ สุดท้ายไปกิน MK ตอนหลังรู้ว่ามันมีตลาดตรงนั้นตรงนี้ ก็ไปอยู่จนเหมือนคนที่นั่นเลย เริ่มเที่ยว ประทับใจคนที่นู้นรู้อะไรก็ช่วยเหลือกัน ไปกินข้าวร้านไหนก็ชวนคุย สาวก็สวยดี อาหารเหนือผมซื้อแคปหมูมาฝากแม่เป็นลังเลย แม่กินจนหมอห้ามคลอเรสตอรอลพุ่ง แม่ก็เลยต้องลดไป ผมว่าอาหารเชียงใหม่อร่อยมากนะ ถูกและอร่อย มีน้ำเต้าหู้ร้านนึงอร่อยมาก แล้วมันมีร้านนึงผมไปกินบนดอย เด็ดมากมันมีเมนูนึงชื่อไก่โฮะ เป็นดอยเป็นภูเขาชั้นๆ แล้วสร้างศาลาริมดอยให้ไปนั่งกินในศาลาแล้วมีเมฆลอยผ่านหน้า สุดยอด ตอนไปฮันนีมูนต้องไปแน่นอนคิดไว้แล้วโรแมนติก อาหารอร่อย ชื่อดอยม่อนแจ่มครับ สตอเบอร์รี่ลูกเท่ากำปั้นปาหัวแตกแน่นอน (หัวเราะ)
          แล้วก็บางวันก็ได้แวะไปดูพวกพี่ๆ เขาแสดงกันอย่าง พี่เจมส์ พี่นุ่น พี่ตุ๊ยตุ่ย ผมประทับใจพี่นุ่นมากเล่นได้แบบสุดยอด ผมปลื้มเขาอยู่แล้วหนังที่เขาเล่นมาเขาเล่นเก่งมาก พี่เจมส์ตัวจริงนี่ตัวใหญ่มาก เจอครั้งแรกช็อคเลยเพราะผมไม่คิดว่าพี่เจมส์จะตัวใหญ่ขนาดนี้

          ประทับใจรุ่นพี่นักแสดงคนไหนเป็นพิเศษไหม
          ประทับใจพี่ต่าย เพ็ญพักตร์ครับ ดูเหมือนพี่เขาไม่ต้องท่องอะไรเขามานิ่งๆ แต่งหน้า แต่งตัว กินข้าว นั่งนิ่งๆ เข้าบทบาทได้อย่างคล่อง ทีเดียวผ่าน พี่มะเดี่ยวไม่ต้องติอะไรเลย เหมือนแบบเขาจินตนาการในความคิดพี่มะเดี่ยวได้เลยว่าต้องการแบบไหน เขาก็เล่นแบบนั้นได้เลย ผมคิดว่าเขาเก่งมาก แทบไม่ต้องคุยกับพี่มะเดี่ยวเลยเดินเข้ามาเล่น ผ่าน ส่วนผมนี่คุยมาประมาณสองเดือนยังเล่นไม่ได้เลย

          คิดว่าสิ่งที่คนดูจะได้จากการชมเรื่องนี้คืออะไร
          ผมว่าหนังเรื่องนี้โดนใครหลายๆ คนนะ เพราะว่าคนเราเจอมาเยอะกับคนที่ไม่จริงใจด้วย ผมว่าหลายคนอาจเก็บไว้ในใจเจอมาแล้วก็ไม่อยากคิดถึงมัน มันต้องมีอยู่แล้วคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ผมคิดว่ามันต้องมีคนที่จริงใจกับเรา สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนสักวันมันต้องมีคนที่เดินเข้ามาในชีวิตเราให้ความจริงใจกับเราจริงๆ แล้วเราจะมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมว่ามันวิเศษที่สุดแล้วที่คนเราจริงใจให้กัน
อาจจะเป็นเพื่อนหรือแฟนหรือใครที่เข้ามาแล้วให้ความไม่จริงใจรู้สึกไม่ดี รู้สึกว่าชีวิตเราโชคร้ายอย่างนั้นเลยหรอ แต่ถ้ามีสักวันที่มีคนจริงใจเข้ามามาหาเรามอบแต่สิ่งดีๆ ให้เรา ไม่ว่าจะคืนเดียว หรือ 10 ปี 20 ปี หรือตลอดชีวิตผมว่าเราจะมีความสุขมาก คนที่จะอยู่กับเราได้ คนที่เราจะปรึกษาได้ คนที่เป็นเพื่อนคุย เจอปัญหาไรก็ช่วยกันแก้ ให้ทุกคนมีหวังว่าได้เจอคนที่จริงใจกับเราแน่นอน

          ฝากผลงาน
          อยากฝากเรื่องโฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ ด้วยนะครับ ก็อยากให้ติดตาม เพราะเป็นการแสดงครั้งแรกของผมทั้งสองคน หากมีผิดพลาดบ้างแต่เราทุกคนพยามเต็มที่ครับ ตั้งใจเต็มที่มาก กับหนังเรื่องนี้ ยิ่งพี่มะเดี่ยวทุ่มเทมากทั้งเขียนบท ทั้งสอนการแสดงกับผมเกือบเดือน เพราะอยากให้การแสดงออกมาอย่างเพอร์เฟคที่สุด รับประกันว่าทุกคนตั้งใจแสดง และหนังเรื่องนี้ออกมาดีแน่นอนครับ อยากให้ไปดูกันเยอะๆ นะครับ โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำ ครับ

FB on March 15, 2012, 07:37:20 PM
บทสัมภาษณ์ พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล รับบทเป็น “เลี่ยม” ในภาพยนตร์เรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ
 






          คาแรกเตอร์ของเลี่ยมในเรื่องนี้เป็นยังไง
          ในเรื่องโฮมผมรับบทเป็น เลี่ยม ซึ่งเลี่ยมมันเป็นฉายา ภาษาเหนือคำว่าเลี่ยมมันหมายถึงอาการที่เสนอหน้า หรือช่างพูดช่างคุย พูดอยู่นั่นแหละน่ารำคาญ อันนี้จะเป็นความหมายของคำว่าเลี่ยม ซึ่งจริงๆ ในเรื่องเราจะชื่อมอส แต่ว่าเพื่อนๆ จะเรียนกันว่าเลี่ยม นิสัยบุคลิกก็คือคนเลี่ยมๆ อธิบายยังไงดี เหมือนเป็นคนที่ช่างพูดช่างคุยพูดเยอะพูดแยะ แล้วก็เป็นมองโลกในแง่ดี เป็นคนที่รักพี่สาวมาก ครอบครัวเหมือนกับว่าพ่อแม่เสียไปแล้ว แล้วก็เหลือแต่พี่สาวคนเดียว แล้วพอพี่สาวจะแต่งงานมันก็เลยเหมือนกับอยากที่จะจัดงานแต่งงานให้กับพี่สาวของตัวเอง ซึ่งตัวเลี่ยมมันก็เป็นเด็กเรียน mass communication ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่อะไรอย่างนี้ ก็สามารถพอที่จะจัดอีเว้นท์จัดอะไรต่างๆ ก็เลยมาช่วยพี่สาว

          ทำไมถึงมารับเล่นเรื่องนี้
          จริงๆ ก็ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวมาหลายงานแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนังหรือเพลง พอมาถึงเรื่องนี้พี่มะเดี่ยวก็เลยชวนว่า เออมีบทอยากให้เล่นน่าจะเล่นได้อยากให้ได้เจอกับพี่นุ่น ศิรพันธ์ ลองเล่นเป็นน้องชายเขาดู ดูสิว่าจะเป็นยังไง ซึ่งก็ยินดีเพราะว่ามีโอกาสได้ดูผลงานการกำกับของพี่มะเดี่ยวในเรื่องอื่นๆ ในเรื่องที่เราไม่ได้เล่น มีโอกาสได้ติดตาม แล้วก็อย่างตัวพี่นุ่นเองก็ได้ติดตามผลงานต่างๆ มาตั้งแต่เรื่องเพื่อนสนิท ซึ่งตอนนั้นเรายังเป็นเด็กมัธยมอยู่เลย ซึ่งเราก็รู้สึกว่า เออการได้ร่วมงานครั้งนี้เป็นการท้าทายอย่างนึง และก็จะมีนักแสดงคนอื่นๆ อีกไม่ว่าจะเป็นอาตุ่ย พี่แมว-จารุณี พี่เจมส์-เรืองศักดิ์ พี่ลิฟท์-สุพจน์ ซึ่งก็เป็นนักแสดงที่เรียกได้ว่ามีประสบการณ์มากฝีมือ ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้เราก็ตอบตกลงเกือบจะทันที แล้วเราก็ดูในส่วนของการแต่งเพลงประกอบด้วยครับ

          จากเรื่องรักแห่งสยามมาถึงเรื่องนี้มีการพัฒนาการแสดงยังไงบ้าง
          จากเรื่องรักแห่งสยามจนมาเรื่องนี้ มีบทบาทที่เปลี่ยนไปเรื่อย อย่างเรื่องที่ผ่านมาเพื่อนไม่เก่า ก็จะเป็นลักษณะของคนเงียบเซอร์ๆ โดยส่วนตัวแล้วพิชชอบที่จะเล่นบทบาทใหม่ต่อไปเรื่อยๆ อยากจะให้คนดูได้เห็นเราในลุคใหม่ ไม่อยากจะให้มันติดอยู่แต่กับภาพเดิม ดังนั้นพอมาเป็นบทเลี่ยม ก็มาเล่นเป็นคนสนุกสนานร่าเริง ร่าเริงกว่าตัวเราเองด้วยซ้ำ ทั้งที่เราก็เป็นคนที่ร่าเริงอยู่แล้ว ก็เลยเป็นบทบาทที่ท้าทายแล้วก็ต้องใช้พัฒนาการทางการแสดงมากขึ้น เพราะว่านอกจากจะร่าเริงสดใสแล้ว ช่วงนึงที่เป็นช่วงวิกฤตของเรื่อง ตัวเลี่ยมเองก็ต้องเครียด แล้วก็ต้องแบกรับงานที่ตัวเองจัดเอาไว้ ที่เกือบจะล่มแหล่ไม่ล่มแหล่ ซึ่งตัวเลี่ยมเองก็มีความกดดันอะไรบางอย่างอยู่ ดังนั้นมันเป็นตัวละครที่คนดูจะได้มองเห็นตัวละครตัวนี้จากทุกมุมมอง จากความสนุก ความเศร้า ความตลก มันมีตรงนี้อยู่ ตัวละครตัวนี้มันครบรสมากๆ ต้องใช้การแสดงที่มากขั้นขึ้นอีก

          ตอนอ่านบทครั้งแรกรู้สึกยังไงบ้างครั้งแรกที่อ่านบท อ่านเพื่อที่จะเอาไปใช้ในการแต่งเพลง เราจะได้รู้ทั้ง 3 พาร์ทว่าเรื่องราวเป็นยังไงเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยอมรับว่าอ่านครั้งแรกแล้วร้องไห้ เพราะว่ามันมีความเป็นชีวิตอยู่ในบท ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทของตัวเราเองหรือเป็นพาร์ทของคนอื่น ในตอนอื่นของหนังเรื่องนี้ มันพูดถึงความรัก ความผูกพัน การอยู่ร่วมกันของคน ซึ่งบางทีเราอาจจะอยู่ไกลกันมาก หรือเราเพิ่งมาเจอกัน แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกบางอย่างที่พอเราได้อ่านแล้วเรารู้สึกถึงมันได้ ความรู้สึกแบบนี้เราเคยมี มันเคยเกิดขึ้นกับเรา

          ร่วมงานกับมะเดี่ยวครั้งนี้เป็นยังไง
          ร่วมงานกับพี่มะเดี่ยวก็สนุกมันเหมือนเราทำงานกับคนที่เราคุ้นเคย เราไว้ใจ แล้วเรารู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เราดูแย่บนจอแน่นอน ขณะเดียวกันเราก็สามารถจะถามเขาได้อย่างสนิทใจว่า เฮ้ยพี่อย่างนี้ได้ไหม หรือว่าบางทีเรามีอะไรจะเสนอ เขาโอเคไหม มันเป็นการจอยกันระหว่างนักแสดงกับผู้กำกับ ซึ่งในหนังบางเรื่องก็จะมีการทำงานที่ต่างกันไป มันมีความคิดเห็นของผู้กำกับทั้งหมด หรือให้นักแสดงเล่นเอง แต่สำหรับเรื่องนี้มันจะออกมาผสมรวมๆ กัน
          แต่สิ่งหนึ่งที่พิชว่าพี่มะเดี่ยวมีคือ เขาจะเห็นภาพทุกๆ อย่าง เขาจะรู้ว่าตัวละครแต่ละตัวทำอะไรเพราะอะไร แล้วเขาสามารถอธิบายได้จนเราเข้าใจ เราสามารถที่จะเล่นตามที่เขาต้องการได้

          ประทับใจอะไรในตัวมะเดี่ยว พี่มะเดี่ยวเป็นคนที่ทำงานจริงจังมาก อย่างที่พิชบอกว่าเขาจะมองเห็นทุกๆอย่างของหนังเขา แม้กระทั่งตัวประกอบ หรือองค์ประกอบเขาเก็บละเอียดหมดเลย แต่พอสั่งคัทปุ๊บ ความจริงจังก็กลายเป็นความสนุกสนานเขาก็จะเล่น ยิงมุกปล่อยมุกกัน ดังนั้นกองนี้ก็จะเป็นกองที่สนุกมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทีมงานทั้งนักแสดงผู้กำกับและคนอื่น ทุกคนจะแฮปปี้กับมันมาก แล้วก็บางทีก็มีแบบว่าถามว่าพี่มะเดี่ยวอยากได้แบบไหน ลองเล่นให้ดูหน่อยว่าพี่อยากได้ยังไง เขาก็จะเล่นของเขา เราดูแล้วมันตลกมากๆ พอเราดูแล้วมันก็จะมีความผ่อนคลาย แล้วเราก็จะรู้ว่าเขาต้องการแบบนี้

          มาเล่นเรื่องนี้ติดปัญหาตรงไหนบ้างไหม อย่างแรกเป็นเรื่องของภาษา คืออาจจะดูว่าเราเป็นคนเชียงใหม่เราน่าจะพูดภาษาเหนือคล่อง แต่จริงๆ แล้วคือไปอยู่กรุงเทพฯมาระยะนึงมันจะมีบ้างที่ลืมไป เราก็มักจะเอาภาษาเหนือ กับกลางมารวมกัน
          พี่มะเดี่ยวบอกไม่ได้อย่างนี้มันเหนือกรุงเทพ จะเอาแบบเหนือเชียงใหม่เหนือจริงๆ ก็ต้องเอาบทมาเปิดแล้วถอดความจากภาษาไทยกลางให้เป็นภาษาเหนือก่อน แล้วเอาไปถามว่ามีอะไรอยากจะเติมไหม มีอะไรที่เหนือกว่านี้หรือเปล่า พี่มะเดี่ยวก็จะคอยดูว่าพูดอย่างนั้นอย่างนี้ดีกว่า
          อีกอย่างนึงคือมันมีฉากที่เราต้องร้องไห้ แล้วเราจะใส่คอนแทคเลนส์อยู่ตลอดเวลา พอเรามีน้ำตาแต่ คอนแทคเลนส์ก็ดูดไปหมดเลย ก็ต้องพยายามทำอารมณ์ต่อ สุดท้ายเราก็ต้องถอดคอนแทคเลนส์ออก แล้วก็จะเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครที่มันมากขึ้น ซึ่งถามว่ามันเป็นปัญหาไหม มันก็ไม่ได้เป็นปัญหามากแต่มันเป็นความยากของตัวละคร ตัวละครตัวนี้มันแวดล้อมไปด้วยนักแสดงคับคั่ง คือตัวเลี่ยมเป็นตัวจัดงานแต่ขณะเดียวกันเวลาที่มาร่วมเฟรมกัน มีทั้งเลี่ยม ปรียา เสี่ยเล้ง คนอื่นๆ ที่เป็นตัวสำคัญๆ เพราะฉะนั้นเลี่ยมก็สามารถจะจมหายไปในการแสดงได้เกือบทุกฉาก เราก็ต้องพยายามเล่นให้น้ำหนักมันเท่ากับคนอื่น ก็เป็นความยากอย่างนึงในภาพยนตร์เรื่องนี้

          มีฉากประทับใจสำหรับพิชบ้างไหมสำหรับที่พิชเล่นมา เป็นฉากที่ตัวเลี่ยมเองกำลังมองดูหายนะของงานที่เราตั้งใจจะจัดขึ้นให้กับพี่สาวที่เรารักอยู่ แต่ก็เกิดมีเหตุการณ์อื่นแทรกเข้ามาระหว่างนั้น ซึ่งผมเชื่อว่าใครที่ได้ดูฉากนี้จะต้องรู้สึกเหมือนกับเรา ทุกอย่างที่เราไม่ได้คิดเอาไว้ ไม่ได้วางคิวเอาไว้มันกลับเป็นอะไรที่พลิกไปได้เป็นอีกอย่าง ซึ่งเรื่องราวมันสะท้อนให้เราได้เห็นมุมมองอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับความรัก กับพี่สาวและน้องชาย กับชีวิตคู่และคำว่าครอบครัว

          มาเล่นเรื่องนี้เห็นสนิทกับนุ่นเลย ร่วมงานด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง พี่นุ่นคือดาราเจ้าน้ำตา เราไม่เคยเจอนักแสดงคนไหนที่เป็นแบบนี้ กำลังอ่านบทอยู่หันไปดูอีกทีน้ำตาไหลออกมาเยอะมาก เฮ้ยพี่นุ่นเป็นอะไรหรือเปล่า แต่พอคัทปุ๊ปเขาก็จะร่าเริงสดใส เวลาที่เราเห็นผู้หญิงคนนี้เขาเป็นคนไนซ์น่ารักมากๆ ทั้งเวลานอกและในเวลางาน พี่นุ่นเป็นคนที่มีวินัย แล้วก็เวลาที่เล่นเขาตั้งใจมาก ในขณะเดียวกันเขาก็จะเรียนรู้อะไรใหม่อยู่ตลอดเวลา
          พี่นุ่นมักจะปรึกษาเรื่องภาษาเหนือกับพิช ตรงนั้นตรงนี้พูดยังไง เราก็ต้องเหมือนกับเป็นโค้ชให้ อันนี้ไม่ได้มันต้องต่ำกว่านี้นิดนึงนะ มันก็เลยสนุก เลยสนิทกับพี่นุ่นจากการสอนภาษาเหนือให้เขา จริงๆ ตัวพี่นุ่นเองเกิดที่เหนือแต่ไปโตที่กรุงเทพก็จะพูดไม่ค่อยเหมือนกับสำเนียงคนท้องถิ่นเท่าไหร่นัก พอเขาฝึกสักพักเขาก็สามารถพูดได้ด้วยความที่เขาเป็นคนเหนืออยู่แล้ว

          ประทับใจอะไรในตัวพี่นุ่นคนนี้บ้าง พี่นุ่นเป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกทึ่ง คืออย่างที่บอกเราเห็นเขาทำงานหนักมาก บทบาทที่เขารับหนักกว่าเรามากๆ มีอยู่วันนึงเขาร้องไห้ตั้งแต่บ่าย 3 โมงจนถึงเกือบ 1 ทุ่มเขาก็ร้องอยู่อย่างนั้นไม่หยุด ไม่รู้ไปเอาน้ำตามาจากไหนตัวแค่นี้เอง เราก็รู้สึกว่าที่เขาร้องไห้เป็นเพราะเขาเซนซิทีฟหรือเปล่า เป็นเพราะเขาเป็นคนอ่อนไหวหรือเปล่าพอมาดูจริงๆ เขาก็เป็นคนปรกติ แต่นั้นคือความสามารถในการแสดงของเขา มันมาจากการทำสมาธิ การตีความเข้าใจกับบทที่ค่อยๆ ออกมาจากตัวเขาเอง ซึ่งเราทึ่งในการแสดงในตัวเขามาก เรารู้สึกว่าเขามีประกายของนักแสดงที่เป็นมืออาชีพมาก อยากเอาอย่างเขา
          แล้วทำงานร่วมกับพี่เจมส์ล่ะเป็นอย่างไร พี่เจมส์เขาจะเป็นคนที่มาในมาดนิ่งๆ มาถึงก็จะพูดน้อย เป็นคนใจดี แล้วพอพูดไปเรื่อยๆ เขาก็จะมีฮามีปล่อยมุกมีเรื่องตลกๆ มาเล่าให้ฟังในกอง แล้วพอถึงเวลาเขาจะเป็นคนที่มีสมาธินิ่งมากๆ พอจะถึงซีนอารมณ์เขาก็จะเป็นคนที่ต่อบทเอาเอง ทั้งที่กล้องมารับหน้าพี่นุ่น แต่เขาก็จะต่อบทให้เอง เหมือนกับว่าเขาจะมีสมาธิอยู่ในบทตลอดเวลา บางทีเราเห็นเขาไม่ได้อยู่ในฉาก ใกล้ๆ กันนั้นเราก็จะเห็นเขาไปยืนทำสมาธินิ่งของเขาอยู่ แล้วพอเขามาเล่นมันมีความเป็นธรรมชาติ ตอนที่เราอ่านบทเราก็ไม่รู้ว่าใครจะมาเล่นเป็นเสี่ยเล้ง พอเราเห็นว่าเป็นพี่เจมส์เรืองศักดิ์ พอดูเขาเล่นเราก็เห็นเสี่ยเล้งที่เป็นตัวหนังสือมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ

          ประทับใจอะไรในการแสดงของเจมส์บ้าง
          คือเรียกว่าเป็นความเซอร์ไพร์สแล้วกัน เพราะเราไม่เคยฟังพี่เจมส์พูดใต้เลยจนกระทั่งมาหนังเรื่องนี้ เรื่องนี้ได้ฟังคนพูดทั้งเหนือทั้งใต้ซึ่งเราได้เห็นความแตกต่างของภาษา ซึ่งเราได้เห็นว่าพี่เจมส์เป็นคนที่พูดใต้แล้วดูหล่อ ดูแล้วยังมีความเท่ห์ของเขาอยู่

          ร่วมงานกับอาตุ่ย (พุทธชาต พงศ์สุชาติ) เป็นยังไงบ้าง ร่วมงานกับอาตุ่ยนี่ โห..ตลกมากครับ อาตุ่ยจะเป็นคนที่อารมณ์ดีตลอดเวลา เขามีอารมณ์ขำ รู้ว่าคุยกับคนนี้แล้วคนนี้จะขำ สามารถที่จะทำให้คนนี้ตลกได้ แล้วเขาเป็นคนที่เกิดที่ลำปางแล้วก็ไปโตที่นราธิวาส ดังนั้นทั้งภาษาเหนือและภาษาใต้เขาจะได้ทั้งคู่ แล้วทีนี้พูดกันไปพูดกันมา ก็กลายเป็นพูดเหนือสำเนียงทองแดง (หัวเราะ)           


          แล้วในเรื่องอาตุ่ยเล่นเป็นน้าอร น้าอรเขาไปทำโบท็อกมา พอเราเล่นเข้าฉากกับอาตุ่ยพอเห็นหน้าก็จะขำแต่เราก็ต้องกลั้นเอาไว้เพราะอาตุ่ยจะทำหน้ายิ้มอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะทำหน้าอย่างนั้น แววตาหรือการแสดงของเขาก็ทำออกมาได้ดีมากๆ น่าทึ่งมา เขาสามารถส่งอารมณ์ให้เราโดยที่ทำให้เรารู้ว่า เออ ไอ้ตัวที่ยิ้มมันเป็นแค่โบท็อกจริงๆ นะ แววตาหรือความห่วงใยความรักหลานของน้าอรมันส่งมาถึงเราจริงๆ แล้วเราสามารถจะรู้สึกได้

          มาถึงพี่ลิฟท์บ้าง ทำงานกับพี่เขาเป็นยังไง พี่ลิฟท์เป็นผู้ชายที่ร่าเริง เป็นคนที่อารมณ์ดีเป็นคนไนซ์น่ารักสุภาพ เวลาที่เขาทำงานเรารู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ได้เล่นอยู่ เขาเป็นธรรมชาติมาก อันนี้ก็จะเหมือนพี่เจมส์ตอนที่เราอ่านบทเราก็จะไม่รู้ว่าใครจะมาเล่นเป็นพี่เป็ก แต่พอพี่ลิฟท์มาเล่นแล้วเราเห็นพี่เป็กจริงๆ เออเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่มะเดี่ยวถึงเลือกพี่ลิฟท์มารับบทเป็นพี่เป็ก เพราะว่าเขามีความเป็นคนๆ นี้อยู่ แล้วเวลาพูดมันมีความเป็นธรรมชาติ เรารู้สึกดีที่ได้ร่วมงานกับเขา เขาเป็นคนที่ใจดี อย่างเวลาที่เรากำลังทำอารมณ์กำลังจะร้องไห้ เขาก็จะมาบอกว่าอย่าไปเกร็งนะค่อยๆ สบายๆ เขาก็จะใจดีสอนเราอะไรหลายๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นการเจอกันแค่ไม่กี่ฉากเท่านั้น

          เรื่องนี้เราพูดถึงความรัก ความผูกพัน ความทรงจำ ส่วนตัวของพิชมีความทรงจำอะไรที่ยังประทับใจอยู่บ้าง สำหรับความทรงจำที่เราประทับใจ ก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่เราอยู่ที่เชียงใหม่ ชีวิตของการเรียน ได้อยู่กับเพื่อนได้สนุกสนานกับเพื่อนได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขอะไรต่างๆ หรือว่าได้อยู่กับคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือว่าญาติพี่น้อง ทั้งหมดนี่ก็เป็นความทรงจำที่เราประทับใจ พอเราต้องไปเรียนที่กรุงเทพมันก็เป็นสิ่งที่เรานึกถึงอยู่ตลอดเวลา แล้วพอเราได้กลับมาเล่นหนังเรื่องนี้ มันทำให้เรารู้สึกว่าบรรยากาศต่างๆ ความรู้สึกต่างๆ มันได้กลับคืนมาอีกครั้งนึง
          เวลาที่เราได้เข้าฉากกับเพื่อนหรือตัวประกอบอื่น ที่เขาก็เป็นน้องๆ จากมช. เราก็รู้สึกว่าเออ เหมือนเราได้อยู่กับเพื่อนเราจริงๆ เหมือนเขาเป็นเพื่อนเราจริงๆ เราได้อยู่กับพี่นุ่นเราก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นพี่สาวของเราจริงๆ ในชีวิตจริงวัยเด็กเราก็มีพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแล้วก็สนิทกันแบบนี้ มันเรียกความทรงจำบางอย่างกลับมาแล้วเราก็เอามาใช้กับหนังเรื่องนี้ได้ แล้วมันก็เป็นความประทับใจมันทำให้เรานึกถึงเขา อย่างเมื่อวานถ่ายเสร็จก็โทรหาพี่สาวถามว่าเป็นยังไงบ้างอะไรอย่างนี้ครับ

          ความหมายของคำว่าบ้านในความรู้สึกของพิชเป็นยังไง สำหรับพิชคำว่าบ้านคือ มันไม่ใช่บ้านอิฐบ้านปูนที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้วจับคนลงไปอยู่ในนั้น คือถ้าสร้างขึ้นมาแล้วเอาคนไปอยู่ในนั้น ทุกคนไม่มีความสัมพันธ์ ไม่มีความรัก ไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกันมันก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่าบ้าน ดังนั้นความรู้สึกของพิชคำว่าบ้านคือที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ ที่รอบข้างของเรามันแวดล้อมไปด้วยคนที่เขารักและก็เข้าใจเรา แล้วเรารู้สึกอุ่นใจ วันไหนที่เราล้มวันไหนที่เรามีปัญหาคนเหล่านี้จะคอยอยู่ข้างเรา นี่ก็คือความหมายของคำว่าบ้าน

          แล้วนิยามความรักของพิชมีบ้างไหม เป็นอย่างไร สำหรับความหมายของคำว่ารักในความรู้สึกของพิช ณ เวลานี้มันก็คงจะเป็นความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เรารู้สึกดีกับใครคนนึงหรือสิ่งใดสิ่งนึง หรือเหตุการณ์อะไรก็ตาม อย่างพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนแล้วกัน อย่างคนรักกันบางทีมันอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกันตลอดก็ได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง มันสามารถส่งถึงกันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ร่วมกัน ความรักมันคือสิ่งที่เป็นอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่ในอากาศแล้วมันมีอยู่ตลอด อยู่ที่ว่าเรามองเห็นมันหรือเปล่า บางทีเราอาจจะมองผ่านมันไปก็ได้

          ส่วนตัวของ พิช มีมุมมองอะไรเป็นพิเศษสำหรับคำว่าครอบครัวหรือเปล่า
          สำหรับมุมมองของพิชที่มีต่อครอบครัว พิชมองว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มันไม่ได้อยู่ที่ว่า เราจะเจอกันบ่อยแค่ไหน เราจะรู้จักกันหมดทุกเรื่องทุกมุมมองหรือเปล่า แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ครอบครัวจะต้องมีก็คือการสื่อสาร คือความสัมพันธ์ระหว่างกัน อย่างทุกวันนี้เราอยู่ไกลบ้านมาก แต่ว่าเรายังรู้สึกเหมือนเราอยู่บ้านตลอดเวลา เพราะเรายังโทรศัพท์พูดคุยติดต่อกับคนที่บ้านอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละเหมือนเส้นบางๆ ที่เรามองไม่เห็น ที่มันเชื่อมกันอยู่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนไม่ว่าเราจะอยู่ต่างประเทศ เขาไปทำอะไรอยู่ที่ไหนแต่เรายังติดต่อกันสื่อสารกัน มีการโทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ช่วงนี้เหนื่อยไหม แค่นี้มันก็เป็นสายใยบางอย่างที่เชื่อมครอบครัวเอาไว้ด้วยกันไม่ว่าเราจะอยู่ไกลกันขนาดไหนอยู่แล้ว

          ผลตอบรับจากแฟนคลับหลังจากที่รู้ว่าเรามาเล่นเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
          ก็ดีใจมากครับที่ทราบว่า แฟนคลับให้การสนับสนุนในการแสดงครั้งนี้ของพิช พอวันที่เปิดกล้องมีภาพข่าวออกไปแฟนคลับเห็นเราเปลี่ยนลุคอะไรต่างๆ ทุกคนก็ดีใจเห็นพิชเปลี่ยนลุคจะเป็นยังไง อย่างเรื่องที่ผ่านมาเราก็เปลี่ยนลุคไว้ผมยาวไว้หนวดอะไรแบบนี้ คราวนี้ก็มาย้อมผม ทำตัวเลี่ยมๆ ก็รู้สึกดีรู้สึกว่าแฟนๆ ก็จะได้เห็นอะไรใหม่ เห็นของชิ้นใหม่ เห็นงานชิ้นใหม่ที่มันไม่ซ้ำเดิม แล้วเราก็อยากให้มันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ หนังเรื่องต่อไปก็อยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์อย่างนี้อีก แฟนๆ ก็ตั้งตารอแล้วก็อยากดู ซึ่งตัวพิชเอง พิชก็ภูมิใจนำเสนอเรื่องนี้จริงๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เราอ่านบทแล้วเราชอบ เราอ่านบทแล้วมันสนุกมันเป็นหนังที่แฮปปี้มาก เวลาที่ได้มาถ่าย แวดล้อมไปด้วยทีมงานที่มืออาชีพเก่ง แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากให้คนดูหนังเรื่องนี้จริง

          ทุกเรื่องที่ผ่านมาพิชจะมีส่วนร่วมในการทำเพลงประกอบอยู่แล้ว แล้วหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็นผลงานเพลงจากพิชด้วยไหม
จริงๆ แล้วเหมือนเป็นลายเซ็นของเราเลยเนอะ พอไปเล่นหนังเรื่องไหนก็จะต้องมีเพลงที่เราร้องหรือเพลงที่เราแต่ง หรือทั้งแต่งทั้งร้องอยู่ อย่างในหนังเรื่องนี้ก็มีเหมือนกันแต่ก็จะมีอยู่เพลงนึงที่ผมไม่ได้ร้องเอง อันนี้จะแต่งเพื่อให้น้องๆ สองคนน้องเบสบอลกับน้องขนุนที่มงฟอร์ดร้อง ซึ่งน้องมีความสามารถ อย่างน้องขนุนเล่นกีต้าร์ร้องเพลงได้ ส่วนน้องเบสบอลก็ร้องเพลงเก่งมากๆ ซึ่งพอวันที่ซ้อมเนี่ยเราแต่งเพลงไปแล้วน้องเขาก็ร้องออกมาเราได้เห็น นี่เป็นครั้งแรกที่คนถ่ายทอดเพลงที่เราเขียนแล้วเรารู้สึกประทับใจมากๆ เพราะว่าน้องเขาถ่ายทอดออกมาได้ดีกว่าเราด้วยซ้ำทั้งที่เป็นคนแต่งเอง เราได้เห็นน้องเขาตีความในแบบเด็กๆ มันมีความใสมันมีความบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ในนั้น แล้วเรารู้สึกว่าเพลงเพราะจังเลยใครแต่งเนี่ย(หัวเราะ) ก็รู้สึกดีที่ผลงานของเราจะได้มาอยู่ในหนังที่เราเล่นอีกแล้ว ซึ่งเป็นอีก 1 เพลงที่อยากจะให้ฟัง มันพูดถึงความรักที่บางครั้งจบไปแล้ว แล้วหวังก็ให้มันเกิดขึ้นใหม่

          สุดท้ายอยากจะฝากผลงานอะไรกับผู้ชมบ้างก็อยากจะฝากผลงานเรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ มันเป็นภาพยนตร์ที่เหมือนชื่อ มันสร้างมาจากความรัก สร้างมาจากความรู้สึก จากความทรงจำ พิชเชื่อว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ใครหลายๆ คนอาจจะเคยเจอ เคยสัมผัสแบบนี้มา แล้วก็พูดถึงชื่อโฮม มันพูดถึงคำว่าบ้าน การที่คนเราอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยกันในหลายๆ แง่มุม พิชเชื่อว่าทุกๆ คนจะรักหนังเรื่องนี้ แม้แต่ตัวเราเองอ่านบทแล้วก็ลงไปเล่นจริงๆ เรายังรู้สึกรักหนังเรื่องนี้จริงๆ
          แล้วก็ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้นอกจากจะเห็นพิชเปลี่ยนลุคแล้ว ก็ยังมีนักแสดงอื่นๆ อีกคับคั่งไม่ว่าจะเป็นพี่ต่าย-เพ็ญพักตร์ พี่นุ่น พี่เจมส์ พี่ลิฟท์ มีเสียงหัวเราะมีสีสัน หรือเป็นอาตุ่ย หรือพี่แมว จารุณี หรือว่านักแสดงใหม่ๆ ที่เชื่อว่าฝีไม้ลายมือไม่แพ้มืออาชีพเลย ก็ยังไงก็อยากจะฝากพี่ๆ เพื่อนๆ นักแสดงกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยกับภาพยนตร์เรื่องนี้
          นอกจากนี้ยังมีเพลงประกอบหนังที่เรียกได้ว่าเพราะและถ่ายทอดเรื่องราวเสริมบรรยากาศขององค์ประกอบต่างๆ ของหนังให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเชื่อว่าถ้าทุกคนได้ดูหนังเรื่องนี้จะต้องมีความสุข มันเรียกความทรงจำดีๆ หลายๆ อย่างกลับมาได้ ดังนั้นไปดูกันเยอะๆ ครับ โฮม ความรัก ความสุข ความทรงจำครับ

FB on March 17, 2012, 01:04:54 PM
MV: “วันที่สวยงาม ost. HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ”

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=o4UgqAhsIu0" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=o4UgqAhsIu0</a>

         MV "วันที่สวยงาม"
         
         เพลงประกอบภาพยนตร์ “HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ”

          ภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณมีความสุขและได้สัมผัสกับความรัก

          ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

          อย่าแค่รู้จัก...รัก แต่ให้รู้สึก...รักมากขึ้น
          ภาพยนตร์รักที่ไม่ได้ทำให้แค่…รู้จัก “รัก”
          แต่จะทำให้ทั้งหัวใจ…รู้สึก และ สัมผัส ถึง “รัก” ไปพร้อมๆ กัน

          19 เมษายน 2555
          หาคำตอบด้วยหัวใจคุณเอง

FB on March 17, 2012, 01:06:17 PM
“มะเดี่ยว” ทำเซอร์ไพรส์เพลงประกอบภาพยนตร์ “Home ความรัก ความสุข ความจำ” ดึง “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” ร่วมแต่ง และ “พิช ออกัส” ร่วมขับร้อง



          “Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ” ภาพยนตร์โรแมนติก ดราม่า ผลงานกำกับของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ที่เตรียมต้อนรับทุกคนเดินทางสู่บ้าน 29 มีนาคมนี้ และแน่นอนภาพยนตร์เรื่องนี้จะขาดบทเพลงประกอบภาพยนตร์ไปไม่ได้เลย ด้วยความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของ มะเดี่ยว ผู้กำกับ และนักแสดงอย่าง พิช วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล ที่เคยฝากผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์จากเรื่อง “รักแห่งสยาม” และยังคงไพเราะอย่างมิรู้ลืม โดยการันตีความตรึงใจจากหลายสถาบันและเป็นบทเพลงที่ถูกเปิดบ่อยที่สุด และถูกกล่าวถึงไปทุกคลื่นเพลง ณ เวลานั้น

          หลายๆคนคงได้ฟังเพลง “วันที่สวยงาม” เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่คว้าศิลปินขวัญใจวัยรุ่นอย่าง “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” มาร่วมแต่งเพลง และขับร้องโดย น้องพิช วิชญ์วิสิฐ ซึ่งมะเดี่ยว ผู้กำกับ เล่าถึงความเซอร์ไพรส์สุดพิเศษกับเพลงประกอบภาพยนตร์ในครั้งนี้ว่า

“เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้มีความหลากหลาย มีทั้งเพลงที่พิชแต่งเองชื่อเพลง “ผ่านเลยไป” เพลงที่เล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ทั้งหมด และที่พิเศษเป็นอันดับแรกคือเพลง “วันของเรา” ของวง soul after six ที่เอามา cover ใหม่โดยวงออกัส และก็พิเศษมากๆ คือมีเพลง ”วันที่สวยงาม” เป็น original soundtrack ของหนังเรื่องนี้ที่พี่ป๊อด โมเดินร์ด็อก ให้เกียรติมาแต่งให้กับเรา และเพลงนี้น้องพิชเป็นคนร้อง ซึ่งเราดีใจและภูมิใจมาก เพราะว่าพี่ป๊อดเป็นไอดอลของเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไร และก็ใฝ่ฝันจะร่วมงานกันมานาน ฟังครั้งแรกก็ชอบเลย”

          และเร็วๆนี้คงได้ชมมิวสิควิดีโอ “วันที่สวยงาม” ที่มะเดี่ยวขอยกกองไปถ่ายทำกันใน รันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีน้องพิช วิชญ์วิสิฐ ร่วมถ่ายทอดอารมณ์เพลงรัก และเล่าถึงเบื้องหลังของมิวสิควิดีโอครั้งนี้ว่า

          “สำหรับความหมายของเพลง วันที่สวยงาม จะพูดถึงความรัก และความรู้สึกดีๆของคนคนนึง มองเห็นเขาเป็นเหมือนท้องฟ้า เป็นท้องทะเล เปรียบเหมือนวันที่สวยงาม ซึ่งมันจะสอดคล้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่จะเล่าถึงเรื่องราวความประทับใจ ตัวละครก็จะได้พบกันในวันที่สวยงามครับ โดยวันนี้ก็มาถ่ายทำในรันเวย์ ของสนามบิน พิชเองยังไม่เคยเข้ามาในนี้เลยครับ เพราะที่นี่ไม่ได้เข้ามากันง่ายๆ ยากเหมือนกันนะ แดดไม่ค่อยมีเท่าไหร่นะ ก็กังวลว่าภาพออกมาจะสดใสพอไหม แต่พอถ่ายภาพออกมาแล้วสวยงามมาก ยังไงฝากติดตามชมมิวสิควิดีโอเพลงนี้ด้วยนะครับ และติดตามชมภาพยนตร์เรื่อง Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ด้วยเช่นกันครับ”

          ติดตามชมมิวสิควิดิโอเพลง “วันที่สวยงาม” เพลงประกอบภาพยนตร์ Home ความรัก ความสุข ความทรงจำ ได้ก่อนใครที่ www.facebook.com/sahamongkolfilmint หรือwww.youtube.com/sahamongkolfilmint

          MV เพลง “วันที่สวยงาม” http://www.youtube.com/watch?v=o4UgqAhsIu0         

          Home พร้อมที่จะจูงมือทุกคนกลับไปยัง “บ้าน” ที่เต็มไปด้วยชีวิตและความรู้สึกจุดเริ่มต้นของความรัก ความสุข หรือแม้แต่ การสูญเสีย แต่ทว่าอบอุ่นเกินกว่าที่จะลืมเลือนได้ 19 เมษายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์