FB on March 27, 2012, 01:37:31 PM
ท้าทายความสามารถที่สุดในชีวิตการแสดง “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็น “จัน ดารา” ภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมเรื่องยิ่งใหญ่







          ท้าทายความสามารถที่สุดในชีวิตการแสดง “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็น “จัน ดารา” ภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมเรื่องยิ่งใหญ่ ของ “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล”  

          เปิดเผยอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ “จัน ดารา” ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ “หม่อมน้อย-หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล” ผู้กำกับชั้นครูของวงการภาพยนตร์ไทย โดยครั้งนี้ได้นำวรรณกรรม “เรื่องของจัน ดารา” ของ “อุษณา เพลิงธรรม” มาสร้างเป็นภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมเรื่องยิ่งใหญ่ และได้คัดเลือกนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ “มาริโอ้ เมาเร่อ” มารับบทเป็น “จัน ดารา” ตัวละครหลักของเรื่อง ซึ่งถือเป็นบทบาทที่ท้าทายและพิสูจน์ฝีมือที่สุดในชีวิตการแสดงของเขา เพราะต้องแสดงตั้งแต่วัยหนุ่มถึงแก่กันเลยทีเดียว

          หม่อมน้อย เผยถึงผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดนี้เป็นครั้งแรกว่า “ที่เราเลือกทำ ‘จัน ดารา’ ในตอนนี้ก็เพราะรู้สึกว่า โดยเนื้อหาสาระจากหนังสือที่อุษณา เพลิงธรรม (ประมูล อุณหธูป) เขียน ถึงแม้ว่าจะเขียนมานานเกือบ 50 ปีที่แล้ว แต่เนื้อหาสาระก็ยังทันสมัยมาก ยังสะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของมนุษย์ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ และเหมือนเป็นกระจกที่จะสะท้อนให้เห็นกิเลสในใจของคน มันไม่ใช่แค่ตัณหาราคะอย่างเดียว แต่คนที่ยึดมั่นกับความเคียดแค้นมันจะก่อให้เกิดปัญหา และหายนะยังไงกับตัวเองและคนรอบข้างจนนำไปสู่ปัญหาสังคมในระดับรวมด้วย

          และที่เราคัดเลือก ‘มาริโอ้’ มารับบทนำของเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าไม่มีนักแสดงไทยคนไหนแล้วที่ด้วยวัย รูปลักษณ์ และฝีมือที่จะมารับบทจัน ดาราได้เท่ากับมาริโอ้ ซึ่งจากเรื่องที่แล้วใน ‘อุโมงค์ผาเมือง’ มาริโอ้ก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในการก้าวเข้ามารับบทที่แตกต่างจากที่เคยเล่นหนังวัยรุ่นธรรมดามาเล่นเป็นพระได้อย่างบริสุทธิ์ผ่องแผ้วมาก คราวนี้เราเลยรู้สึกว่าอยากทำงานร่วมกับมาริโอ้ให้เข้าไปถึงตัวละครในลักษณะตรงข้าม ที่ดำดิ่งไปสู่ตัณหาราคะและกิเลส ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายฝีมือการแสดงของนักแสดงชายของประเทศเรามาก และน่าจะเป็นงานแสดงที่น่าประทับใจอีกมุมหนึ่งของมาริโอ้ ซึ่งความยากก็คือ มาริโอ้จะต้องเล่นตั้งแต่อายุ 17-90 ปีเลย คือจัน ดาราคราวนี้ จะดำเนินเรื่องในสี่ยุคสมัยเริ่มตั้งแต่สมัย ร.6 จบลงที่ ร.9 การดำเนินเรื่องก็ไม่เหมือนกัน มุมมองก็ต่างกัน และคราวนี้จะมีหลากหลายอารมณ์มากกว่า”

          ด้านหนุ่มมาริโอ้ก็พูดถึงความรู้สึกในผลงานสุดท้าทายความสามารถนี้ว่า “ครั้งแรกที่โอ้ได้รู้ว่าหม่อมทำเรื่องนี้ โอ้ก็เชื่อมั่นและรู้ว่าหม่อมมีแง่มุมต่างๆ ที่ต้องการจะนำเสนออยู่แล้ว มันเป็นบทที่ท้าทายฝีมือการแสดงของเรา คือไม่ต้องคิดเยอะเลยครับ หม่อมเสนอมาโอ้ก็รับเล่นเลย จากเรื่องที่แล้วเนี่ยมันคนละด้านกันเลย เรื่อง ‘จัน ดารา’ นี้จะเป็นมนุษย์จริงๆ มีทั้งด้านดีและร้าย มีหลากหลายอารมณ์ที่ต้องแสดงและเป็นตัวดำเนินเรื่องไปตลอด ต้องเล่นตั้งแต่หนุ่มยันแก่เลย ตัวละครของโอ้จะต้องเจออะไรที่แตกต่างไปตามช่วงอายุ มุมมองความคิด และเหตุผลของการกระทำก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ ก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตเราอายุเท่านี้จะได้เล่นบทบาทที่มันท้าทายความสามารถขนาดนี้ และยากมากที่จะได้รับโอกาสดีๆ อย่างนี้ ทำให้โอ้ต้องหมั่นฝึกฝนและเข้าคลาสกับหม่อมอย่างหนักมาก นี่เป็นบทที่ดีมากจริงๆ ครับ”

          “จัน ดารา” กำลังอยู่ในช่วงเตรียมงานสร้างและพร้อมถ่ายทำกันในเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยคุณภาพเรื่องยิ่งใหญ่ของค่ายสหมงคลฟิล์มในปี 2555 นี้
« Last Edit: October 18, 2012, 08:51:30 AM by FB »

FB on May 23, 2012, 07:15:53 PM
“นิว ชัยพล” ประเดิมบทนำประกบ “มาริโอ้” ใน “จัน ดารา” เวอร์ชั่น “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล”





          หลังจากเซ็นสัญญากับ “สหมงคลฟิล์ม” และได้ผ่านตาผู้ชมไปใน “อุโมงค์ผาเมือง” เมื่อปีที่ผ่านมา ล่าสุด นักแสดงหนุ่มน่าจับตา “นิว-ชัยพล พูพาร์ท” ก็ได้รับโอกาสท้าทายผีมือการแสดงและเตรียมแจ้งเกิดเต็มๆ กับการประเดิมรับบทนำเต็มตัวครั้งแรกประกบ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ในบท “เคน กระทิงทอง” ในภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมเรื่อง “จัน ดารา” ผลงานกำกับเรื่องใหม่ของผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล”

          “ในเรื่องนี้ผมรับบท ‘เคน กระทิงทอง’ ครับ เป็นลูกของหัวหน้าแม่ครัวในบ้านของคุณหลวง เราก็จะโตมากับคุณจัน (มาริโอ้) จะคอยเลี้ยงคุณจันมาตั้งแต่เด็กเลย เพราะว่าจันจะกำพร้าแม่ตั้งแต่เกิด และพ่อก็ไม่รัก เคนก็จะเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย คอยดูแลทุกอย่างเลย พอจันจะไปไหนเราก็จะตามไปด้วย เหมือนเป็นบอดี้การ์ดอะไรอย่างนี้ คอยคุ้มกัน คอยเป็นเพื่อนช่วยคิด ช่วยในทุกๆ อย่าง เคนก็จะเป็นภาคบู๊ใช้กำลัง ส่วนจันก็จะเป็น สไตล์บุ๋นใช้ความคิด เรื่องนี้ผมต้องเล่นแอ็คชั่น ก็จะต้องไปเรียนคิวบู๊ คิวแอ็คชั่นกับทีมพี่พันนาก่อนด้วยครับ

          ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าได้เล่นก็ตื่นเต้นก่อนเลย หม่อมจะให้เราเล่นจริงเหรอ เพราะเป็นบทนำเต็มตัวเรื่องแรก ในหนังจะเดินเรื่องคู่กะโอ้ ตลอดเรื่องตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้ายเลย บทมันเยอะมาก ความรู้สึกต่อมาคือ เราจะทำได้มั้ย เพราะเรื่องที่แล้วใน ‘อุโมงค์ผาเมือง’ เล่นแค่ 3-4 ฉากแค่นั้นเราก็ตื่นเต้น กลัวทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่นี่มาทั้งเรื่องเลย ก็เครียดกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่เมื่อได้ซ้อมการแสดงกับหม่อมก่อนการถ่ายทำจริงประมาณ 5-6 เดือน ก็ทำให้บทที่ยากมันง่ายขึ้น พูดได้เลยว่าแทบไม่มีปัญหาการแสดงในช่วงถ่ายทำเลยครับ เพราะปัญหาในการแสดงการจำบทมันเป็นปัญหาในตอนซ้อมและก็ได้คลี่คลายไปหมดแล้ว แต่ถ้าถามว่ายากมั้ย ยากมาก ยากที่สุดในชีวิตที่เคยแสดงมาเพราะต้องเล่นตั้งแต่หนุ่มยันแก่ดำเนินเรื่องผ่าน 4 ยุคสมัย (ร.6-ร.9) อย่างน่าสนใจมากๆ ครับ ทีมงานนักแสดงทุกคนก็ตั้งใจกันเกินร้อยมาก ผมว่าคนดูต้องชอบเพราะมันมีทั้งกลิ่นอายของหนังไทยและหนังต่างประเทศที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวมากครับ”

          ด้าน “หม่อมน้อย” พูดถึงพระเอกหนุ่มนี้ว่า

          “ที่เลือกนิวให้มารับบทนี้ก็เพราะด้วยวัย รูปร่างหน้าตา ความสามารถ ความตั้งใจ และด้วยความที่นิวกับโอ้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ทำให้สนิทกันมาก คุ้นกันมากกับบทที่ต้องเล่นเป็นเพื่อนรักกัน และนิวเองก็มีเคมีเข้ากันกับมาริโอ้เวลาแสดงจะเข้าขากันมาก มีการรับส่งอารมณ์กันอย่างดีมาก และก็ยังต้องมีฉากชกมวย มีบู๊แอ็คชั่น ก็จะมีช่วงฝึกฝนฝึกซ้อมเตรียมตัวเล่นเรื่องนี้ถึง 6 เดือน มีการเข้ายิม ฝึกคิวบู๊ซึ่งนิวก็ทำได้ดีมากๆ ทั้งการเล่นบทดราม่าและแอ็คชั่นในเรื่องนี้“

          เตรียมชมบทบาทครั้งสำคัญของ “นิว ชัยพล” ได้ในภาพยนตร์ฟอร์มดี “จัน ดารา” พร้อมฉายเร็วๆ นี้ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: August 30, 2012, 08:22:46 AM by FB »

FB on May 31, 2012, 09:17:23 AM
เผยโฉมแรกความร้อนแรง“หญิง-รฐา โพธิ์งาม” รับบท “คุณบุญเลื่อง”ผู้สอนบทรักให้มาริโอ้ ใน “จัน ดารา”

         

            ถูกจับตามองและพูดถึงกันเป็นอย่างมากสำหรับบท “คุณบุญเลื่อง” ในภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมเรื่อง “จัน ดารา” ของผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ที่ล่าสุดประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าได้เลือกนักแสดงสาวมากความสามารถอย่าง “หญิง-รฐา โพธิ์งาม” มารับบทหญิงม่ายผู้สอนบทรักให้ “จัน ดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) อีกหนึ่งความร้อนแรงของเรื่องนี้

“หม่อมน้อย” เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า
          “บทนี้ถูกถามถึงตั้งแต่เริ่มสร้างกันเลยว่าใครจะมาแสดง ซึ่งจริงๆ แล้วเราพิถีพิถันกับการคัดเลือกนักแสดงในทุกๆ บทบาทอยู่แล้ว และบท ‘คุณบุญเลื่อง’ นี้เราก็ได้เชิญนักแสดงหลายๆ คนมาออดิชั่นทดสอบบท แล้วแต่ละคนก็เหมาะสมในแต่ละแบบ แต่ในคราวนี้บทคุณบุญเลื่องถูกตีความเป็นศิลปิน เป็นแม่ม่ายสาววัยสี่สิบที่ได้รับการหล่อหลอมจากประเทศฝรั่งเศสดินแดนแห่งเสรีภาพและศิลปะชั้นสูง มีจิตใจเสรี ไม่ได้อยู่ในกรอบประเพณีของวัฒนธรรมไทยเลย เพราะฉะนั้นในเรื่องเพศเรื่องสรีระ เค้าจึงมองเป็นเรื่องสวยงามในสายตาของศิลปิน แล้วก็มองข้ามความลามกอนาจารไป เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์กับจัน ดาราในเวอร์ชั่นนี้ก็จะมีความลึกซึ้งขึ้น ไม่ใช่เรื่องโลกียเพศอย่างเดียว ตัวละครตัวนี้นอกจากจะต้องใช้คนที่มีความสามารถทางการแสดงแล้ว ยังต้องร้องเพลงได้ เต้นรำได้ เล่นดนตรีได้ ซึ่งคุณสมบัติหลายๆ อย่างนี้หญิงทำได้ทุกอย่าง เค้าสามารถถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ด้วยพรสวรรค์ทางการแสดงและความมีเสน่ห์ในแบบฉบับของหญิง ก็จะเป็นคุณบุญเลื่องในอีกแบบหนึ่งที่จะมีสีสันมาก เพราะคุณบุญเลื่องในคราวนี้ไม่ได้มาเพื่อแสดงฉากเลิฟซีนอย่างเดียว แต่จะมีความสามารถในด้านอื่นๆ อีกมากที่จะแสดงออก ก็คิดว่าหญิงเหมาะสมที่สุดที่จะเล่นเป็นคุณบุญเลื่องในเวอร์ชั่นใหม่ที่มีทั้งความยิ่งใหญ่และความน่าสงสารในตัวนี้”

ทางด้าน “หญิง รฐา” พูดถึงบทร้อนแรงในหนังไทยเรื่องแรกของเธอว่า
          “ตอนแรกที่หญิงรู้ว่าได้รับบทนี้ก็รู้สึกดีใจมากที่หม่อมน้อยเชื่อมั่นว่าเราแสดงได้ แต่ก็ตื่นเต้นและกังวลด้วยเพราะเป็นหนังไทยเรื่องแรกในชีวิตก็ได้รับบทใหญ่นี้เลย หญิงฝันมาตลอดว่าอยากเล่นพีเรียด พอรู้ว่าได้เล่นก็ดีใจมาก บอกตัวเองว่าจะพยายามทำให้ดี จะไม่ปิดกั้นตัวละคร และจะทำให้เต็มที่ในทุกๆ ฉาก
          ตัวละครคุณบุญเลื่องนี้ จะคล้ายกับตัวหญิงในเรื่องของศิลปะ ชอบร้องเพลง เล่นดนตรี มีอารมณ์ศิลปิน สิ่งที่ยากคือการแสดงอารมณ์ของความเป็นแม่ เพราะหญิงเองยังไม่เคยมีความรู้สึกนั้น เลยพยายามดึงคาแร็คเตอร์คุณแม่มาใช้เวลาเรามอง จับแขน กอดลูกอย่างนี้ เรื่องภาษาก็เป็นเรื่องที่หนักสำหรับหญิง หญิงติดนิสัยพูดเร็ว เลยสั่งกับตัวเองตลอดเวลาว่าให้คิด เดิน มอง พูดให้ช้าลง เพราะคุณบุญเลื่องอายุมากกว่าหญิง ผ่านอะไรมาเยอะกว่า น่าจะมีสติ อากัปกริยาที่นิ่งและสงบกว่าหญิงมาก แต่ความขี้เล่น ความน่ารักสนุกสนานก็ยังต้องมี เพราะคนที่ชอบร้องเพลงฟังเพลงจะมีมุมที่เป็นเด็กอยู่ในตัวเอง

          สำหรับบทอิโรติกกับโอ้ หญิงจะมองให้เป็นตัวละครค่ะ เวลาเล่นก็จะคิดถึงเหตุและผลของตัวละครตลอด และคุณบุญเลื่องเองก็จะมองเรื่องบนเตียงเป็นเรื่องที่รองจากความรักอยู่แล้ว เค้ามองว่าเป็นแค่ความต้องการที่มนุษย์ทุกคนต้องมี รวมๆ แล้วการแสดงในเรื่องนี้ก็จะยากทั้งหมดเลยค่ะ ต่างกันที่ยากมากยากน้อยค่ะ

          เวลาเราพูดถึงเรื่อง ‘จัน ดารา’ สิ่งที่เราคิดขึ้นมาในหัวคงเป็นเรื่องความใคร่ ชิงรักหักสวาท แต่สำหรับครั้งนี้ มันจะสื่อให้เห็นถึงจิตใจมนุษย์ ความรัก ความแค้น อำนาจ สิ่งที่ทุกคนอยากจะได้อยากจะมี จะด้วยเจตนาร้ายหรือดีก็ตาม มนุษย์เราก็แคนี้ ทุกสิ่งในชีวิตเราก็คือห่วง เมื่อเราหมดห่วงได้เราก็จะเป็นสุข หญิงรู้สึกอย่างนั้นค่ะ การตีความของหม่อมในเวอร์ชั่นนี้ยอดเยี่ยมมากค่ะ”

          เตรียมพบการแสดงภาพยนตร์ไทยครั้งแรกและครั้งสำคัญของ “หญิง-รฐา โพธิ์งาม” ในบท “คุณบุญเลื่อง” ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษนี้
ได้ในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ “จัน ดารา” พร้อมฉายเร็วๆ นี้ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: September 02, 2012, 08:12:57 AM by FB »

FB on June 23, 2012, 08:16:38 AM
“พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” โชว์ฝีมือเด็ด เล่น 2 บทบาท เป็นหญิงในใจมาริโอ้ ในหนังฟอร์มยักษ์ “จัน ดารา”















          นานทีปีหนจะแสดงภาพยนตร์สักครั้งสำหรับนักแสดงสาวเจ้าบทบาท “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” ที่ล่าสุดได้รับโอกาสดีจากผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ให้มารับบทสำคัญในภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรมฟอร์มยักษ์เรื่อง “จัน ดารา” ถึง 2 คาแร็คเตอร์ในบท “ไฮซินธ์” นักศึกษาสาวชาวมุสลิมผู้บริสุทธิ์สะอาด และอีกหนึ่งในบท “ดารา พิจิตรวานิช” มารดาผู้เลอโฉมของจัน ดารา ซึ่งเธอจะได้แสดงความสามารถและท้าทายฝีมือการแสดงในบทบาทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน

พิ้งกี้พูดถึงการแสดงสุดท้าทายนี้ว่า

          “เรื่องนี้กี้ได้แสดงสองบทเลยค่ะ บทแรกก็จะเป็น ‘ดารา’ เป็นผู้หญิงที่สวยสง่า มีฐานะดี เข้าใจความรู้สึกของทุกคน เป็นคนมีจิตใจดีเหมือนกับจัน ดารา เพราะว่าเค้าเป็นแม่ลูกกัน จิตใจของเค้าที่ไม่คิดอะไรกับคนอื่นมันส่งไปถึงตัวจัน ส่วนอีกบทคือ ‘ไฮซินธ์’ เป็นนักเรียนอิสลาม จะเป็นความรู้สึกของเด็กใสๆ ที่จะเป็นรักแรกของจันค่ะ ทั้งสองตัวละครนี้ก็จะมีคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงและเป็นผู้หญิงที่เป็นปมในใจของจันอยู่ตลอดมาค่ะ

          สำหรับเรื่องนี้เป็นหนังที่มีอารมณ์หลากหลายของมนุษย์มากทั้งความรัก ความใคร่ ความแค้น ถ้าลองมาดูเรื่องนี้มันจะมีอะไรมากมายให้เห็นว่าชีวิตมนุษย์มันไม่มีความแน่นอนเลยค่ะ กี้ถือว่าได้รับโอกาสที่ดีมากครั้งหนึ่งในชีวิตการแสดงค่ะ รู้สึกดีใจมาก ก็คิดว่าครั้งหนึ่งเราอยากร่วมงานกับหม่อมน้อย แล้ววันนี้ฝันก็เป็นจริง พอเราได้มาเล่นจริงๆ เราก็ได้อะไรมากมายจากหม่อม นอกเหนือไปจากการแสดงแล้วหม่อมยังมีแง่มุมการใช้ชีวิตให้เราได้เรียนรู้อีกด้วย กี้รู้สึกปลาบปลื้มและโชคดีที่ได้เล่นเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ”

          หม่อมน้อยกล่าวเพิ่มเติมว่า “หลังจากที่แคสนักแสดงหลายคน พิ้งกี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดในทั้งสองบทบาทโดยเฉพาะบท ‘ไฮซินธ์’ สาวมุสลิมผู้เป็นรักแรกของจัน ดารา ประกอบกับความสามารถในศิลปะการแสดงระดับอินเตอร์ ผมเชื่อเหลือเกินว่า ผู้ชมจะต้องประทับใจในบทบาทการแสดงทั้งสองบทนี้ของพิงกี้”

          เตรียมชมสองบทบาทครั้งสำคัญของ “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช” ได้ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “จัน ดารา” พร้อมฉายเร็วๆ นี้ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: September 02, 2012, 08:13:24 AM by FB »

FB on July 03, 2012, 06:27:40 PM
ปิดลานพระบรมรูปฯ ถ่ายฉากใหญ่ “จัน ดารา” เปิดตัว “มาริโอ้” ประกบ “พิ้งกี้” ในฉากเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475









          ผู้กำกับฝีมือดี “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ปิดถนนลานพระบรมรูปทรงม้าล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เนรมิตเป็นฉากวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ในภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรมฟอร์มยักษ์เรื่อง “จัน ดารา”

          อันเป็นฉากเปิดตัว “จัน ดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักศึกษาหนุ่มวัย 17 ปีซึ่งไปร่วมในกลุ่มฝูงชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์คณะราษฎร์อัญเชิญพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จไปประทับ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อทรงเป็นตัวประกันตามเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ และที่นั่นเองที่จันได้พบกับนักศึกษาสาว “ไฮซินธ์” (สาวิกา ไชยเดช) เป็นครั้งแรก ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการปฏิวัติรัฐประหาร อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรักแสนบริสุทธิ์ของหนุ่มสาวทั้งคู่นี้

          หม่อมน้อยเผยถึงหนึ่งในฉากใหญ่ของเรื่องว่า

          “เนื่องจากฉากนี้เป็นฉากสำคัญฉากหนึ่งของเรื่องซึ่งเป็นการเปิดตัวจัน ดาราวัยหนุ่ม ที่ได้พบกันครั้งแรกกับไฮซินธ์สาวผู้เป็นรักแรกของเขา ท่ามกลางเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์ เราจึงสร้างบรรยากาศปริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าให้สมจริงที่สุดในทุกๆ องค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นขบวนทหารในรถยนต์แบบโบราณ หรือฝูงชนในเครื่องแต่งกายย้อนยุคซึ่งใช้นักแสดงประกอบนับร้อยชีวิต โดยปิดถนนบริเวณลานพระบรมรูปฯ ถ่ายทำกันในตอนเช้าตรู่ เพื่อให้ภาพยนตร์ออกมาอย่างยิ่งใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งเมื่อถ่ายทำเสร็จสิ้นก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจทั้งเรื่องการแสดง ภาพงดงาม และฉากตระการตาเป็นอย่างยิ่ง”

          “จัน ดารา” กำลังถ่ายทำกันอย่างเข้มข้นและประณีตละเอียดละออให้สมกับเป็นภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ พร้อมฉายเร็วๆ นี้ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: July 05, 2012, 04:53:43 PM by FB »

FB on July 07, 2012, 01:51:50 PM
“จัน ดารา” ปิดกล้องสมบูรณ์แบบ!!! พร้อมเปิดกองถ่าย-สัมภาษณ์ครั้งแรก “หม่อมน้อย-มาริโอ้-พิ้งกี้”

 

          ถ่ายทำกันอย่างประณีตและพิถีพิถันจนหยดสุดท้าย ในที่สุดอีกหนึ่งภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่แห่งปี “จัน ดารา” ก็ปิดกล้องอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเปิดกองถ่ายให้กองทัพสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมการถ่ายทำและสัมภาษณ์ผู้กำกับ-นักแสดง “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล”, “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ณ อาคารพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) สำนักงานตรวจบัญชีกองทัพบก เชิงสะพานซังฮี้

          โดยการถ่ายทำในครั้งนี้เป็นฉากที่ “จัน ดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) ได้มีโอกาสพบกันอีกครั้งกับ “ไฮซินธ์” (พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช) นักศึกษาสาวผู้เป็นรักแรกของเขา ณ โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ หลังจากเจอกันครั้งแรกโดยบังเอิญเมื่อครั้งเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครองปีพ.ศ.2475 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นการทำความรู้จัก ก่อนที่ทั้งคู่จะมีโอกาสสานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีกในครั้งนี้

          การถ่ายทำเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าและเป็นไปอย่างไหลลื่น โดยที่หนุ่มโอ้และสาวพิ้งกี้จะอินกับคาแร็คเตอร์ในช่วงวัยสดใสนี้เป็นพิเศษและแสดงเข้าขากันได้เป็นอย่างดี จากนั้นในช่วงสายๆ กองทัพนักข่าวทุกแขนงก็มารวมตัวทำข่าวกันอย่างคับคั่ง ก็ยิ่งทำให้กองถ่ายยิ่งคึกคักและสนุกสนานขึ้นไปอีก

          หม่อมน้อยได้พูดถึงฉากนี้และภาพรวมของหนังว่า

          “วันนี้ปิดกล้องแล้วแล้วครับหลังจากไปถ่ายทำกันมาตั้งแต่เมษาที่ราชบุรี, กาญจนบุรีแล้วก็มาปิดกันที่กรุงเทพฯ ในฉากนี้ก็เป็นฉากที่จัน ดาราได้มาพบกับไฮซินธ์อีกครั้งและก็ได้สานสัมพันธ์ในความเป็นเพื่อนกันมากขึ้น ซึ่งจันจะรู้สึกถูกชะตากับไฮซินธ์เป็นพิเศษตั้งแต่พบหน้ากันเป็นครั้งแรก เพราะไฮซินธ์มีใบหน้าที่เหมือนกับแม่ของจันที่เสียไปมากๆ ซึ่งฉากนี้โอ้กับพิ้งกี้ก็แสดงเข้าถึงบทบาทกันได้ดี เป็นช่วงวัยที่สดใสในชีวิตของทั้งคู่ ก่อนที่จะต้องเผชิญชะตากรรมในภายหลังโดยไม่คาดคิด การถ่ายวันนี้ไม่มีปัญหาเลยครับ ราบรื่นกันเป็นอย่างดี ทั้งทีมงาน นักแสดง และก็สภาพอากาศกำลังดีอย่างนี้ รวมทั้งหนังก็ถ่ายเสร็จตามคิวแล้วก็มีเวลาให้สื่อฯ สัมภาษณ์ทำข่าวกันอย่างเต็มที่ด้วย

หลายคนมองว่าหนังเรื่องนี้จะต้องอีโรติกโป๊เปลือยอย่างเดียว แต่จริงๆ มันไม่ใช่เลย ฉากหวือหวายังไงก็ต้องมีตามบทประพันธ์ แต่นั่นเป็นแค่ส่วนประกอบไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะจริงๆ ทั้งบทประพันธ์และหนังเวอร์ชั่นนี้จะพูดถึงชีวิตของคนๆ หนึ่งที่จะเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนดู พูดถึงเรื่องกรรมที่เป็นการกระทำของมนุษย์เรานี่แหละที่เต็มไปด้วยด้วยกิเลสตัณหาในใจจนนำไปสู่หายนะทั้งชีวิตตนเองและคนรอบข้าง

          หนังดูง่ายและดูสนุกครับ มีหลายรสชาติมากไม่ซับซ้อนแต่จะพลิกผันเหนือการคาดเดามากกว่า คืออย่าไปยึดติดกันแค่ฉากเลิฟซีนฉากอีโรติกอย่างเดียวเลยครับ หนังมีอะไรให้ได้เสพมากกว่านั้นจริงๆ ใครจะตีความก็จะได้สาระเพิ่มขึ้น ใครจะดูสบายๆ มันก็จะได้ความสนุกจากหนังโดยรวมแน่นอนครับ”

          ภาพยนตร์มหากาพย์โศกนาฏกรรม “จัน ดารา” พร้อมให้พิสูจน์คุณภาพ...กันยายนนี้
« Last Edit: July 13, 2012, 03:24:48 PM by FB »

FB on July 07, 2012, 01:52:39 PM
“ตั๊ก บงกช” สุดปลื้มร่วมงาน “จัน ดารา” “หม่อมน้อย” ชมฝีมือเทียบชั้น “นก สินจัย”








    
           นักแสดงสาวมากฝีมือ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” ปลื้มสุดชีวิตเมื่อได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ในภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรมเรื่องยิ่งใหญ่ “จัน ดารา” โดยรับบทเด่นเป็น “น้าวาด” ผู้เลี้ยงดูจัน ดาราซึ่งกำพร้าแม่ตั้งแต่เกิดจนเป็นหนุ่ม

          งานนี้สาวตั๊กต้องปล่อยฝีมือการแสดงแบบน้อยแต่ได้มากในบทกุลสตรีไทยผู้อยู่ในจารีตประเพณีอย่างเคร่งครัดตั้งแต่สาวจนแก่ซึ่งถือเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่ท้าทายการแสดงของเธอเป็นอย่างยิ่ง

          ตั๊ก บงกชพูดถึงผลงานล่าสุดของเธอว่า

          “จริงๆ ตั๊กก็ดูผลงานของหม่อมน้อยมาหลายเรื่อง และก็อยากร่วมงานกับหม่อมมากๆ ทุกตัวละครในหนังของหม่อมจะมีเรื่องราว เป็นหนังไทยพีเรียดย้อนยุคที่น่าสนใจ ดูสนุก ไม่น่าเบื่อ ตอนแรกที่หม่อมติดต่อให้เข้าไปคุยก็แซวตั๊กก่อนเลยว่า เราเคยเห็นในข่าวเธอดูแรงๆ นะ (หัวเราะ) เรื่องนี้ก็อยากให้ตั๊กเปลี่ยนลุคไปจากเรื่องที่ผ่านๆ มา จะให้เล่นบท ‘น้าวาด’ ซึ่งจะเป็นหญิงไทยที่เรียบร้อยมาก จะไม่ค่อยมีอิสระเท่าไรนัก จะเป็นผู้หญิงที่ยอม ไม่มีปากเสียง ทำทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์ไว้ แต่เป็นวิธีที่นิ่มนวลไม่รุนแรง คาแร็คเตอร์นี้จะไม่แต่งตัวเลย แล้วพอไปอยู่กับคุณบุญเลื่องเราก็จะกลายเป็นแม่บ้านไปเลย

          บทนี้ก็ยากเลยค่ะ มันต้องเก็บอารมณ์ทุกอย่าง มันนิ่งก็จริง แต่สายตาจะแสดงออก หม่อมจะไม่ได้ให้เล่นท่าทางมาก แต่จะให้ออกทางหน้าทางสายตา แล้วก็เป็นผู้หญิงอารมณ์อ่อนไหว ชอบร้องไห้ ดีใจก็ร้อง เสียใจก็ร้อง จริงๆ ตั๊กจะเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน ร้องเฉพาะเรื่องที่เรารู้สึกไม่ดีจริงๆ แต่พอมาเรื่องนี้เราต้องร้องไห้ตลอด แล้วก็ไม่ได้ร้องนิดเดียวนะ ร้องทั้งวันเลย เพราะมันถ่ายต่อเนื่อง บางครั้งก็ต้องรอหน่อย เราก็กดดันเหมือนกัน หม่อมก็จะพูดเล่น ‘อ่ะ ทุกคนเงียบ รอตั๊กร้องไห้ ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วรอตั๊กร้องไห้อย่างเดียว’ (หัวเราะ)

          ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกันนี้ ตั๊กก็รู้ว่าหม่อมตั้งใจทำงาน ก็ต้องมีดุกันบ้าง แต่ไม่ได้กลัวนะคะ แล้วที่ผ่านมาก็ได้ยินแต่ข่าวดีๆ ว่าหม่อมตั้งใจทำงาน ก็ต้องมีระเบียบวินัย ซึ่งก็ทำให้การทำงานมันเป็นไปด้วยดี หม่อมจะบอกว่า การที่เราจะทำอะไรให้สัมฤทธิ์ผลได้ เราเองต้องมีวินัย ถ้าเราไม่มีวินัย เราจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จได้มันก็ยาก พอตั๊กได้มาร่วมงานกับหม่อมแล้ว ตั๊กก็รู้สึกดีใจมากๆ หม่อมน่ารัก เป็นคนที่เมตตากับตั๊กมาก สอนในสิ่งที่ตั๊กไม่รู้ หม่อมจะสอนเรื่องทั่วไปทุกอย่างเลย แล้วก็เอามาประยุกต์ใช้กับตัวละครได้ ไม่เคยด่าว่าตั๊กเลย อันไหนตั๊กยังทำไม่ได้ก็จะมาช่วยสอนช่วยบิลท์อารมณ์ ตั๊กว่าหม่อมน่ารักมากๆ ค่ะ”

          หม่อมน้อยเผยเพิ่มเติมว่า

          “ตั๊กมีความงามแบบหญิงไทยโบราณ เมื่อแต่งชุดไทยเขาจะงามราวกับนางในวรรณคดีสมกับบทบาทที่ผู้ประพันธ์ (อุษณา เพลิงธรรม) ได้บรรยายไว้ ประกอบกับความตั้งใจและทุ่มเทในการฝึกซ้อมทำให้การแสดงของตั๊กออกมาอย่างละเมียดละไมและลึกซึ้งเทียบเท่าฝีมือการแสดงระดับนก สินจัย เมื่อวัยสาวเลยทีเดียว”

          เตรียมพบการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” ได้ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “จัน ดารา” พร้อมฉายเร็วๆ นี้ในโรงภาพยนตร์


« Last Edit: July 13, 2012, 03:25:25 PM by FB »

FB on July 23, 2012, 07:23:30 AM
“หม่อมน้อย” อิมพอร์ตดาราญี่ปุ่น “โช นิชิโนะ” รับบทสาววิปริตสุดแรงใน “จัน ดารา”

 

          เพื่อเป็นอีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์มหากาพย์โศกนาฏกรรมเรื่อง “จัน ดารา” ผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ได้อิมพอร์ต “โช นิชิโนะ” (Sho Nishino) นักแสดงสาวมากความสามารถจากประเทศญี่ปุ่น มารับเป็น “คุณแก้ว” หญิงวิปริตผู้เป็นคู่ปรับของจัน ดาราตั้งแต่เกิดจนโต เธอเป็นคนที่ถือตัวเย่อหยิ่ง ชอบดูถูกคน และหากเธอได้รักชอบใครก็จะลุ่มหลงทุ่มเทโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น จนในที่สุดต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันโหดร้ายโดยไม่รู้ตัว ถือเป็นอีกหนึ่งคาแร็คเตอร์โดดเด่นและต้องใช้การแสดงอารมณ์อันซับซ้อนที่สื่อออกมากับพฤติกรรมทางเพศแทบตลอดเรื่อง ซึ่งหม่อมน้อยได้เผยถึงเรื่องนี้ว่า

          “บทของ ‘คุณแก้ว’ เป็นบทผู้หญิงที่แรงที่สุดในเรื่อง เพราะมีปมซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ซึ่งปรากฏออกมาในรูปของพฤติกรรมทางเพศอันรุนแรง ยากที่นักแสดงหญิงชาวไทยจะถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง เราจึงจำเป็นต้องใช้นักแสดงต่างชาติมารับบทสำคัญในครั้งนี้ ซึ่งนับว่าโชคดีที่เราเลือกโช นิชิโนะมารับบทนี้ เพราะเขาเป็นนักแสดงที่พูดได้ว่าเป็นมือโปรระดับสากล สามารถแสดงได้ในทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นบทอิโรติกหรือดราม่า ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบในระดับอินเตอร์” ทางด้านสาวโชพูดถึงการแสดงภาพยนตร์ไทยครั้งแรกนี้ว่า

          “ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้เล่นหนังไทยเรื่องแรกอย่าง ‘จัน ดารา’ ก็รู้สึกงงๆ ว่าติดต่อมาได้ยังไง ดิฉันจะทำได้เหรอ เพราะเป็นคนญี่ปุ่น พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ แล้วจะพูดบทได้ยังไง แต่ว่าพอพูดคุยกันและได้เห็นบทแล้วเนี่ย รู้สึกว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับตัวเอง เพราะว่าบท ‘แก้ว’ ในเรื่องจัน ดารานี้เป็นบทที่ใหญ่และสำคัญมากต่อเรื่อง แต่ก็รู้สึกกดดันและตื่นเต้นว่าจะทำได้หรือเปล่า สามารถพูดบทภาษาไทยได้มั้ย แล้วการแสดงของดิฉันเนี่ยจะทำให้ผู้ชมแฮปปี้ได้ไหม ก่อนที่จะบินมาไทยเนี่ยนอนไม่หลับเลยค่ะ แต่พอมาถึงกองถ่ายได้พูดคุยรายละเอียดกับหม่อมน้อย ได้ฝึกหัดภาษาไทย ซักซ้อมอ่านบทและการแสดงกับคนอื่นๆ รวมถึงเห็นการทำงานแบบมืออาชีพแล้วก็รู้สึกไม่ต้องกลัวแล้ว เล่นได้แล้ว ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นค่ะ

          ที่ยากที่สุดก็คือบทพูดภาษาไทยนี่แหละค่ะ เพราะไม่เคยทำเลยในชีวิต พอมีเวลาว่างก็จะหัดซ้อมฝึกพูดตลอดเวลาเลยค่ะจากแผ่นซีดีบ้าง จากล่ามบ้าง และจากนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย ก่อนถ่ายทำก็กลัวมากๆ ค่ะ แต่พอถ่ายเสร็จแล้ว ทุกคนแฮปปี้ ปรบมือกันก็รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ

เรื่องซีนอีโรติกเนี่ย ดิฉันคิดว่ามันเป็นความแตกต่างทางประเพณีและวัฒธรรมของไทย และญี่ปุ่นนะคะ เพราะที่ญี่ปุ่นเวลาถ่ายซีนอีโรติกจะเป็นเรื่องธรรมดามากค่ะ แต่ว่าที่เมืองไทยอาจจะไม่ค่อยมีเท่ากับญี่ปุ่น ก็รู้สึกแปลกใจว่าคนที่เล่นด้วยบางซีนจะค่อนข้างเขินอาย แต่ตัวดิฉันถือเป็นเรื่องปกติมาก แต่ว่าก็แฮปปี้มากที่ทุกคนเกรงใจ และก็ดูแลดิฉันดีมากในซีนเหล่านี้ค่ะ

          ได้เล่นหนังไทยเรื่องแรกก็รู้สึกประทับใจมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงของทุกคนที่รับส่งอารมณ์กันได้ดี ภาพสวยมากๆ รวมถึงเนื้อหาที่สามารถดูได้ว่ามนุษย์เรามันจะมีหลายอารมณ์ทั้งเศร้า แฮปปี้ พอใจ มั่นใจ เห็นแก่ตัว บางทีแฮปปี้แป๊ปเดียวปุ๊บชีวิตก็อาจจะเปลี่ยนไปเหมือนลงนรกเลย เป็นสัจธรรมของชีวิต ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น เป็นธรรมชาติในชีวิตคนเราค่ะ ผู้ชมสามารถดูได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้”

          เตรียมพบการแสดงของนักแสดงอิมพอร์ต “โช นิชิโนะ” ในเรื่อง “จัน ดารา” ได้ในเดือนกันยายนนี้

FB on July 24, 2012, 02:52:50 PM
“นิว ชัยพล” โชว์แม่ไม้มวยไทย พร้อมเปิดตัว “โช นิชิโนะ” ครั้งแรก ในฉากใหญ่ “จัน ดารา”







           เป็นอีกหนึ่งฉากใหญ่และสำคัญของภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่เรื่อง “จัน ดารา” สำหรับฉากโชว์ลีลาแม่ไม้มวยไทยของ “นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต” พร้อมเป็นฉากเปิดตัวครั้งแรกของ “โช นิชิโนะ” ในบท “คุณแก้ว” ลูกสาวของคุณหลวงวิสนันท์เดชา ซึ่งชื่นชอบกีฬาชกมวยเป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย

          โดยฉากนี้ได้ถ่ายทำกันในบ้านวังตาลของหลวงสิทธิเทพการที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งสมมติให้เป็น “คฤหาสน์วิสนันท์” ตามเรื่อง โดยนิว ชัยพลในบท “เคน กระทิงทอง” กำลังแข่งชกมวยไทยซึ่งเป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวของชนชั้นล่างในบ้านวิสนันท์ โดยมีคุณแก้วเป็นประธานในการแข่งขันและ “จัน ดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) ยืนเชียร์เพื่อนรักอยู่ที่ข้างสังเวียนมวยด้วยความตื่นเต้น

หม่อมน้อยเผยถึงฉากใหญ่นี้ว่า

          “ฉากนี้เป็นฉากที่ดาราสาวชาวญี่ปุ่น ‘โช นิชิโนะ’ เข้าฉากเป็นครั้งแรกในการถ่ายทำซึ่งตัวเธอรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจในลีลาแม่ไม้มวยไทยของนิว ชัยพลเป็นอย่างมาก ซึ่งก็เป็นความรู้สึกเดียวกับตัวละครคุณแก้วตามเนื้อเรื่อง ทำให้เธออินกับบทบาทนี้และแสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง

          ทางด้านศิลปะแม่ไม้มวยไทยของนิวในฉากนี้ เราก็ได้ ‘พันนา ฤทธิไกร’ ผู้กำกับหนังบู๊ชั้นครูมาเป็นผู้ฝึกสอนให้นานถึง 3 เดือน ซึ่งนิวแสดงได้อยางเป็นธรรมชาติสวยงามสมบทบาทอย่างดีเยี่ยม แม้แต่มาริโอ้ยังทึ่งในความสามารถของนิวทำให้ฉากนี้ออกมาอย่างสมจริงและสมบูรณ์เป็นที่สุด”

          ด้านนิว ชัยพลพูดถึงฉากแอ็คชั่นครั้งแรกของเขาว่า

          “ฉากนี้เป็นฉากแข่งชกมวยซึ่งทำให้เห็นคาแร็คเตอร์ของตัวเคนอย่างชัดเจนทั้งความทะเล้น ความเชี่ยวชาญทางด้านเตะต่อยเป็นอย่างสูง ตัวเคนก็จะเป็นบ่าวอยู่ในหลังบ้านของคุณหลวง เราก็จะต่อยกับบ่าวผู้ชายในบ้านนี่แหละจนเราเป็นแชมป์ ไม่มีใครในบ้านนี้ที่จะล้มเราได้ เราชนะมาทุกคนละ ฉากนี้ผมเล่นตอนแรกๆ ก็มีปัญหาบ้างนิดหน่อยครับทั้งเรื่องอากาศร้อนมาก ตัวแสดงหลักและเอ๊กซ์ตร้าเยอะมาก ทำให้สมาธิเราเสียไปบ้างในช่วงแรกๆ แต่พอได้ซ้อมและทวนคิวอีกครั้งก็ทำให้การแสดงแอ็คชั่นเป็นไปอย่างราบรื่น ก็ต้องมีการเตรียมตัวก่อนถ่ายอยู่นานพอสมควรครับ ต้องเข้าฟิตเนส ควบคุมอาหารอย่างจริงจัง และก็ไปเรียนคิวบู๊กับทีมพี่พันนาก่อน ก็จะมีการเรียนการซ้อมกันประมาณ 2-3 เดือน ทั้งหมดนี้ก็ทำให้การแสดงฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้เป็นไปได้อย่างสมจริงมากขึ้นครับ”

          เตรียมพบฉากใหญ่ฉากนี้ได้ในเรื่อง “จัน ดารา” กันยายนนี้...แน่นอน
« Last Edit: July 26, 2012, 07:20:40 AM by FB »

FB on August 01, 2012, 07:20:44 AM
ตัวอย่าง “จันดารา ปฐมบท”

จันดารา ปฐมบท (HD Trailer)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=miShj7Bie64" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=miShj7Bie64</a>



          ตัวอย่าง “จันดารา ปฐมบท”
          จากวรรณกรรมเชิงสังวาส สู่ มหากาพย์ภาพยนตร์
          จันดารา
          โศกนาฏกรรมแห่งการจองเวร หายนะแห่งกรรมตัณหา
          สะท้อนใจวิปริตของมนุษย์
          โดย หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล

          ผ่านการพลิกบทบาทสุดเข้มข้นของ
          มาริโอ้ เมาเร่อ, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์,
          บงกช คงมาลัย, รฐา โพธิ์งาม, โช นิชิโนะ, สาวิกา ไชยเดช,
          รัดเกล้า อามระดิษ, ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ฯลฯ
          6 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
« Last Edit: August 02, 2012, 05:39:04 PM by FB »

FB on August 02, 2012, 05:39:53 PM
“ศักราช” รับบท “คุณหลวงใจโหด” ปะทะอารมณ์ “มาริโอ้” ให้ตายกันไปข้าง ใน “จัน ดารา”







           เป็นนักแสดงเจ้าบทบาทอันดับต้นๆ ของวงการ สำหรับ “เจี๊ยบ-ศักราช ฤกษ์ธำรงค์” ผู้เคยสร้างความประทับใจในบท “ทิพย์” หัวหน้าคนงานผู้ซื่อสัตย์จากภาพยนตร์ยอดเยี่ยมรางวัลสุพรรณหงส์ปี 2553 เรื่อง “ชั่วฟ้าดินสลาย” มาแล้ว ล่าสุด เขาพลิกบทบาทเป็น “หลวงวิสนันท์เดชา” พ่อใจโหดอำมหิตของจัน ดาราผู้กุมอำนาจสูงสุดในคฤหาสน์พิจิตรวานิชอันมั่งคั่งในภาพยนตร์มหากาพย์แห่งโศกนาฎกรรมอันยิ่งใหญ่เรื่อง “จัน ดารา” ประชันบทบาทอย่างเข้มข้นกับ มาริโอ้ เมาเร่อ, บงกช คงมาลัย, รฐา โพธิ์งาม และ สาวิกา ไชยเดช

          ผู้กำกับชั้นครู “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เผยถึงการแสดงของนักแสดงลูกหม้อว่า

          “บทบาทของคุณหลวงในครั้งนี้ต้องแสดงตั้งแต่อายุ 30 ต้นๆ ไปจนถึงอายุ 60 ซึ่งเป็นบทที่ต้องซ่อนแผนร้ายอันลุ่มลึกไว้อย่างแนบเนียน ทั้งยังใช้เซ็กส์เป็นเกมการเมืองในบ้านเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในทุกวิถีทาง และยีงมีความหลากหลายของอารมณ์ซึ่งแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และยุคสมัย ดังนั้นจึงต้องเลือกนักแสดงที่มีฝีมือและพร้อมที่จะฝึกซ้อมการแสดงก่อนการถ่ายทำเพื่อความเป้นธรรมชาติและสมจริงตามบทประพันธ์ ซึ่งศักราชเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทเพื่อที่จะเข้าถึงตัวละครในหนังทุกเรื่องที่เขาแสดง โดยเฉพาะในเรื่องนี้ที่เขาต้องเชือดเฉือนบทบาทกับมาริโอ้ตั้งแต่จัน ดารายังเยาว์วัยจนโตเป็นหนุ่มใหญ่อย่างเข้มข้น ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นผลงานการแสดงชิ้นโบว์แดงอีกงานหนึ่งของเขาเลย”

          ติดตามการแสดงอันเข้มข้นและเร้าใจของ “ศักราช ฤกษ์ธำรงค์” ในเรื่อง “จัน ดารา” ได้ในเดือนกันยายนนี้
« Last Edit: September 02, 2012, 08:14:01 AM by FB »

FB on August 08, 2012, 04:02:48 PM
Movie: จันดารา ปฐมบท





          กำหนดฉาย 6 กันยายน 2555
          แนวภาพยนตร์ พีเรียด-ดราม่า
          บริษัทผู้สร้าง-จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
          อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
          ดำเนินงานสร้าง นัยนา อึ้งสวัสดิ์
          กำกับภาพยนตร์ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล
          บทภาพยนตร์ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล
          กำกับคิวบู๊ พันนา ฤทธิไกร
          กำกับภาพ พนม พรมชาติ
          ออกแบบงานสร้าง พัฒน์ฑริก มีสายญาติ
          กำกับศิลป์ นิติ สมิตตะสิงห์
          ลำดับภาพ สิริกัณณ์ ศรีจุฬาภรณ์
          เทคนิคภาพพิเศษ เซอร์เรียล สตูดิโอ
          ดนตรีประกอบ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์
          ออกแบบเครื่องแต่งกาย อธิษฐ์ ฐิรกิตสัฒน์
          แต่งหน้า-แต่งหน้าเอฟเฟ็คต์ มนตรี วัดละเอียด
          ทีมนักแสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, บงกช คงมาลัย, สาวิกา ไชยเดช, รฐา โพธิ์งาม, โช นิชิโนะ, ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, รัดเกล้า อามระดิษ, เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ฯลฯ
 
มหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรม “จันดารา ปฐมบท”

          เรื่องราวโศกนาฏกรรมชีวิตของ “จันดารา” (มาริโอ้ เมาเร่อ) เริ่มต้นนับตั้งแต่เขาถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ณ บ้านพิจิตรวานิชในปี พ.ศ. 2458 เขาเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับความตายของมารดาโดยไม่คาดฝัน นั่นทำให้ “คุณหลวงวิสนันท์เดชา” (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้เป็นบิดาได้ลงโทษทัณฑ์เขาอย่างทารุณราวกับว่าเขาไม่ใช่ลูก พร้อมเรียกขานเขาว่า “ไอ้จัญไร”

          ที่เรือนเล็กในสวนหลังบ้าน จันเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของ “น้าวาด” (บงกช คงมาลัย) ญาติสนิทของมารดาจากเมืองพิจิตร และมี “เคน กระทิงทอง” (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) ลูกชายแม่ครัวในบ้านเป็นสหายสนิทเพียงคนเดียวที่จันสามารถเล่าทุกอย่างให้ฟังได้

          ต่อมาน้าวาดได้ตกเป็นภรรยาของคุณหลวง และให้กำเนิดลูกสาวสาวชื่อ “คุณแก้ว” หรือ “วิไลเลข” (โช นิชิโนะ) อันเป็นที่รักยิ่งของคุณหลวงซึ่งสอนให้หล่อนเกลียดชังจันตั้งแต่จำความได้

          ตัวคุณหลวงเองนั้นก็มักมากในกาม บริวารหญิงแทบทั้งสิ้นในบ้านล้วนตกเป็นเมียลับของเขา ซึ่งเมื่อเขามีอารมณ์ที่จะสังวาสกับหญิงคนใดก็กระทำการอย่างเปิดเผยไม่ว่าจะเป็นเวลาใดหรือมุมใดในบ้านหลังนั้นอย่างเสรี จนทำให้เด็กทุกคนในบ้านไม่ว่าจะเป็นจัน ดารา, เคน กระทิงทอง หรือคุณแก้วล้วนเติบโตขึ้นมาในบรรยากาศแห่งกามตัณหาอย่างที่ไม่สมควรจะเกิดให้เป็นแบบอย่างแก่เด็กคนใดก็ตาม

          เมื่อจันเติบโตเป็นหนุ่ม เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์แห่ง “กามคุณ” กับบ่าวหญิงในบ้าน โดยการชักนำของเคน กระทิงทอง ก่อนที่จันจะได้พบรักอันบริสุทธิ์เป็นครั้งแรกกับ “ไฮซินธ์” (สาวิกา ไชยเดช) เพื่อนหญิงร่วมโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษภาคค่ำ จนกระทั่งเมื่อคุณหลวงได้พา “คุณบุญเลื่อง” (รฐา โพธิ์งาม) คนรักเก่าเข้ามาอยู่บ้าน ทำให้จันเกิดความประทับใจในความสง่างามและความอบอุ่นประดุจมารดา ส่วนตัวคุณบุญเลื่องเองก็ประทับใจในความละเอียดอ่อนลึกซึ้งดุจศิลปินของจัน จนมีความสัมพันธ์ลับอันเกินเลย

          และแล้ววันหนึ่ง ชะตากรรมได้พลิกผันทำให้จันล่วงรู้ความจริงบางอย่างอันน่าอดสูเกี่ยวกับตระกูลของเขา นั่นทำให้จันตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต เพราะคุณหลวงนั้นเป็นมนุษย์ฉ้อฉลผู้ใช้ทุกกลวิธีในการคดโกงเพื่อครอบครองทรัพย์สินอันมหาศาลแห่งตระกูลพิจิตรวานิช ทำให้จันต้องเดินทางหนีภัยจากพระนครไปพำนักอยู่กับ “คุณท้าวพิจิตรรักษา” (รัดเกล้า อามระดิษ) ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เมืองพิจิตร เพื่อรอเวลาชำระแค้นและเอาทุกสิ่งทุกอย่างคืนกลับมาเป็นของเขาให้จงได้

          โศกนาฏกรรมชีวิตของ “จันดารา” แวดล้อมไปด้วยผู้คนรอบข้างที่สะท้อนมวลอารมณ์แห่งความรัก ความชัง ความใคร่ ความเคียดแค้น และการจดจำเอาเยี่ยงอย่างมาสู่การดำเนินชีวิตของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          อีกทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของความเป็นมนุษย์อันน่าสมเพชจนนำไปสู่หายนะอย่างแท้จริง

กฎแห่งกรรม...กิเลสแห่งกาม

          “นวนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องยาวเรื่องแรกของผู้เขียน ซึ่งต้องขอบอกกล่าวไว้เสียด้วยว่า เป็นเรื่องอ่านเล่น ซึ่งไม่ใช่ของสำหรับเด็ก และเป็นของแสลงอย่างยิ่งสำหรับบุคคลประเภท ‘มือถือสาก ปากถือศีล’”

          “เรื่องของจัน ดารา” จัดเป็นงานที่พรรณนาภาพอันน่าสังเวชของมนุษย์ที่ตกอยู่ใน “เขาวงกตแห่งกามตัณหา” นักประพันธ์ชั้นครู “อุษณา เพลิงธรรม” เขียนเรื่องนี้อย่างผู้ที่มากด้วย “ประสบการณ์” และ “ประสบกาม” จัดได้ว่าเป็นแบบ “อัตถนิยมแท้ๆ” (Realism) เล่มหนึ่งของวงวรรณกรรมไทย

          ความน่าสนใจของวรรณกรรมเรื่องนี้ มิใช่การรจนาอันละเมียดละไมอย่าง “วิจิตรบรรจง” ใน “บทอัศจรรย์เชิงสังวาส” แต่เพียงอย่างเดียว หากอยู่ที่การสร้างสรรค์ลักษณะนิสัยของ “ตัวละคร” ทุกตัวอย่างมีจิตวิญญาณและเลือดเนื้อ เป็นมนุษย์ปุถุชนในโลกของความเป็นจริง ทุกตัวละครล้วนมี “มิติ” ของความเป็น “คน” ที่พบเห็นได้สัมผัสได้ในทุกยุคทุกสมัย มีทั้งด้านดีและเลวคละเคล้ากันไป ซึ่งขึ้นอยู่กับอิทธิพลทาง “กรรมพันธุ์” และ “สภาพแวดล้อม” อันป็น “เบ้าหลอม” ทำให้มนุษย์ก่อพฤติกรรมไม่ว่าจะเป็นไปใน “ด้านบวก” หรือ “ด้านลบ”

          ตัวละครอย่าง “จันดารา” จึงเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ตกเป็นทาสของชะตากรรมที่น่าสังเวช อันมีเหตุมาจาก “กรรมพันธุ์” และ “สภาพแวดล้อม” อันโหดร้ายทารุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          “ถ้าถามว่าทำไมต้องเป็น ‘จันดารา’ ก็ต้องตอบว่าในยุคสมัยที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยการแสวงหาอำนาจเงินทองชื่อเสียงเกียรติยศต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัณหาของมนุษย์ อาจจะพูดได้ว่าเป็นยุคสมัยที่มนุษย์เราเป็นทาสของสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงชีวิตประจำวัน ครอบครัว ระดับประเทศ หรือระดับโลกก็ตาม มันมีผลต่อการกระทำของเราเสมอ อันนี้มันก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้คิดถึงวรรณกรรม ‘เรื่องของจัน ดารา’ ซึ่งผู้ประพันธ์คือ อุษณา เพลิงธรรม (ครูประมูล อุณหธูป) ได้แฝงเรื่องเหล่านี้เอาไว้ภายใต้เปลือกของความเป็นอีโรติกของบทประพันธ์นี้ และที่ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้นมันพูดถึงเรื่อง ‘กรรม’ ใครทำอะไรประพฤติอย่างไรก็จะได้ผลกรรมอย่างนั้นซึ่งเป็นแก่นแท้ของบทประพันธ์นี้ ซึ่งผมคิดว่าไม่มีวรรณกรรมเรื่องไหนที่สะท้อนภาพชีวิตแม้กระทั่งสังคมปัจจุบันที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้ใกล้เคียงเท่าเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าจะเขียนมานานเกือบ 50 ปีที่แล้ว แต่เนื้อหาสาระก็ยังทันสมัยมาก ยังสะท้อนให้เห็นถึงธาตุแท้ของมนุษย์ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ และเหมือนเป็นกระจกที่จะสะท้อนให้เห็นกิเลสในใจของคน มันไม่ใช่แค่ตัณหาราคะอย่างเดียว แต่คนที่ยึดมั่นกับความเคียดแค้นมันจะก่อให้เกิดปัญหาและหายนะยังไงกับตัวเองและคนรอบข้างจนนำไปสู่ปัญหาสังคมในระดับรวมด้วย

          นี่คือความโดดเด่นของเรื่องจันดารา ที่นอกเหนือไปจากฉากอีโรติกที่ท่านสร้างสรรค์ขึ้นมาเมื่อยุคสมัย 2507 ที่ยังไม่เคยมีใครเขียนเรื่องทำนองนี้ ก็เลยเป็นที่ฮือฮากันมากในวรรณกรรมเชิงสังวาส พูดง่ายๆ ก็คือเป็นเรื่องโป๊ แล้วเราก็จะตื่นเต้นกับบทอัศจรรย์บทสังวาสที่เกิดขึ้นมากมาย แต่ว่าความเป็นอัจริยะของท่านเนี่ย ได้ซ่อนปรัชญาทางพุทธเอาไว้ แล้วก็ตีแผ่จิตมนุษย์ออกมาในงานวรรณกรรม ซึ่งเราว่ายุคสมัยนี้ใกล้เคียงในเรื่องทีเดียวนะ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่ มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ เราว่าในยุคสมัยนี้แหละที่น่าจะได้ชมภาพสะท้อนของตัวเอง ของสังคมที่เรากำลังเผชิญอยู่ในเรื่องนี้”
« Last Edit: August 10, 2012, 08:56:35 AM by FB »

FB on August 08, 2012, 04:04:51 PM
อีโรติกเป็นเรื่องสำคัญแต่มีเรื่องสำคัญกว่า...ที่มิอาจมองข้าม
          “จันดารา” เวอร์ชั่นดัดแปลงโดยผู้กำกับมือเอก “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” นี้ สะท้อนภาพความวิปริตของมนุษย์แต่ละคน เพื่อชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลของ “สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว โดยเฉพาะพ่อแม่ ความหิวโหยความรัก ความทารุณเหี้ยมเกรียม ตัวอย่างโสมม” ที่ประทับหูประทับตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันเป็นเบ้าหลอมที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
          คนที่จะปีนขึ้นจากเบ้าหลอมเช่นนั้นได้ จะต้องอาศัย “ความแกร่ง” ชนิดพิเศษ และ “กรรมดี” ช่วยสนับสนุนประกอบกัน
          แต่เผอิญ “จันดารา” ไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น เขาจึงตกเป็นเหยื่อของสิ่งแวดล้อมนั้นอย่างน่าสมเพช
           “ด้วยความอัจริยะของท่านผู้ประพันธ์ที่เปิดช่องให้เราได้ตีความได้มากมาย ไม่ได้ให้เราคิดตามท่านอย่างเดียว แต่เปิดช่องให้เราคิดเองด้วย ดังนั้นในแง่การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ก็จะทำได้ง่ายขึ้น เราก็เอาแก่นหรือสาระของเรื่องมาขยายความดัดแปลงให้เหมาะสมในทางภาพยนตร์ จากพรรณนาโวหารที่มีความงามอยู่ในนั้น เราก็เอาความงามทางภาษามาแปลงเป็นความงามทางภาพแทน และความเด่นที่สุดอีกจุดหนึ่งของท่านก็คือ การที่ใช้หลักจิตวิทยาของ ‘ซิกมันด์ ฟรอยด์’ มาสร้างตัวละครให้มีชีวิตเหมือนคนจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง ‘ปมออดิปุส คอมเพล็กซ์’ (OEDIPUS COMPLEX) เป็นปมที่ท่านเอามาสร้างเป็นตัวละครที่มีชีวิตจิตใจได้อย่างสมจริงในเรื่องหรือพล็อตที่คนไทยจะสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ มีการหักมุม มีการแย่งชิงอำนาจกัน แย่งทรัพย์สินมรดกกัน และก็มีเรื่องเพศเรื่องเซ็กส์ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตัณหาราคะ แต่อธิบายง่ายๆ อย่างผู้ชายจะรักผู้หญิงที่มีอะไรคล้ายๆ แม่ของตัวเอง ผู้หญิงก็จะรักผู้ชายที่คล้ายๆ พ่อของตัวเองตรงนี้มันจะเป็นปมที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมไม่ว่าจะกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมก็ตาม ซึ่งฟรอยด์ก็พูดเสมอว่า ‘Sex Drive-แรงกระตุ้นทางเพศ’ ก่อให้เกิดพฤติกรรมของมนุษย์ เกิดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เกิดสิ่งยิ่งใหญ่ของโลก การสร้างสรรค์วรรณกรรมที่ดีขึ้นมา หรือไม่ก็เป็นทางลบไปเลย เป็นฆาตกรบ้ากามไปเลยทำนองนั้น
          ฉะนั้นเรื่องเพศหรืออีโรติกมันสามารถก่อให้เกิดพฤติกรรมสองมุมทั้งบวกและลบ ในเรื่องนี้เราจึงไม่สามารถหนีประเด็นนี้ได้เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่อยู่ในจิตใจของตัวละครทุกตัว แต่ว่านี่แหละมันเป็นประเด็นที่น่าสนใจในการสร้าง คือว่ามนุษย์เราเนี่ยใช้เรื่องเซ็กส์ได้ในหลายจุดประสงค์ เช่นเดียวกับตัวละครในเรื่องนี้ที่ใช้เซ็กส์เพื่อความสนุก ความรัก ความเกลียด การแก้แค้น การต่อรองอำนาจ และด้วยเหตุผลอื่นๆ มากมาย ฉะนั้นฉากอีโรติกในเรื่องนี้มีเยอะทีเดียวและแต่ละฉากจะมีความหมายที่แตกต่างกันและมีเหตุมีผลกับชีวิตมนุษย์จริงๆ ทั้งสิ้น”
 
งานสร้างสรรค์สุดละเมียด ละเลียดการแสดงสุดเข้มข้น
          ขึ้นชื่อในเรื่องของความละเอียดและพิถีพิถันในงานสร้างทุกๆ ขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมงานก่อนการถ่ายทำไปจนถึงหลังการถ่ายทำ โดยในครั้งนี้ยังคงระดมทีมงานเบื้องหลังมืออาชีพหลากหลายแขนงมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกนี้อย่างเต็มกำลัง รวมถึงทีมนักแสดงมากความสามารถที่ขึ้นจอประชันบทบาทกันอย่างเข้มข้นในทุกๆ ฉากเลยทีเดียว
          “คือเรื่องนี้จะยากนิดนึงในแง่ศิลปกรรมทุกไม่ว่าจะเป็นด้านฉาก ด้านการแต่งกาย ด้านการแต่งหน้า เนื่องจากดำเนินเรื่องตั้งแต่จันดาราเกิดตั้งแต่รัชกาลที่ 6 (พ.ศ.2457) จนถึงปัจจุบันเนี่ย เพราะฉะนั้น ในแง่ฉาก เครื่องประกอบฉาก การแต่งกายมันเป็นไปตามยุคสมัย แม้กระทั่งทรงผม เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายต้องศึกษาอย่างละเอียดและทำงานกันหนักมาก และเรื่องส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในบ้านพิจิตรวานิชก็จะต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไปตามเสื้อผ้าและแบบผม แต่ว่าเราก็ได้โปรดักชั่นดีไซเนอร์มืออาชีพระดับอินเตอร์อย่าง ‘คุณแป๊ะ-พัฒน์ฑริก มีสายญาติ’ ที่เคยร่วมงานกันจากอุโมงค์ผาเมือง ได้ ‘คุณโจ้-อธิษฐ์ ฐิรกิตสัฒน์’ จากร้าน Surface มาเป็นผู้ดีไซน์เสื้อผ้า และก็ได้ ‘อาจารย์มนตรี วัดละเอียด’ มาควบคุมการแต่งหน้าและทรงผม ทุกคนจะทำงานกันหนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งหน้าเนี่ยก็ต้องเปลี่ยนไปตามวัย 4 สมัย 4 รัชกาล ต้องแต่งหน้าให้มาริโอ้และนิวซึ่งยังเด็กๆ ยี่สิบกว่าเองให้เป็นคนอายุเจ็ดสิบกว่า ก็เป็นงานที่หนักที่สุดเท่าที่เคยทำมา และก็มีฉากใหญ่ที่ท้าทายในการถ่ายทำมาก เช่น การเปลี่ยนแปลงการปกครองที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ต้องจำลองภาพสมัยยุครัชกาลที่ 7, มีฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 มีฉากเครื่องบินมาถล่มกรุงเทพฯ และก็มีฉากงานเลี้ยงต่างๆ มากมาย อันนี้ก็ต้องศึกษาเยอะและก็เป็นงานที่ใหญ่มากเกินกว่าที่คิด
          ทางด้านโลเกชั่นหลัก เราถ่ายอยู่ที่บ้านบ้านสังคหวังตาลของหลวงสิทธิเทพการ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และก็มีบางส่วนที่ไปถ่ายทำที่สระบุรี, กาญจนบุรี และก็ที่กรุงเทพฯ การหาโลเกชั่น Outdoor นั้นยากมาก มีการเปลี่ยนแปลงมาก เพราะฉะนั้นการทำงานจะยากตรงที่ว่าตรงไหนที่จะต้องหลบไอ้สิ่งทันสมัยต่างๆ ซึ่งบางครั้งก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกเข้ามาช่วย เพราะว่ามันยากตรงที่แต่ละยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไปมากด้วย
          ส่วนด้านดนตรีประกอบเนี่ย เราก็ได้ ‘คุณชาติชาย พงศ์ประภาพันธ์’ ซึ่งก็ร่วมงานกันมาเมื่อตอนอุโมงค์ผาเมือง มาทำเพลงประกอบด้วยความอลังการมาก คือเนื่องจากเรื่องดำเนินใน 4 ยุค 4 สมัย ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ของประเทศมากมาย มีการชิงอำนาจกันในบ้าน มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอำนาจในประเทศจนถึงระดับโลก เพราะฉะนั้นดนตรีประกอบจึงสะท้อนสิ่งเหล่านี้ออกมาซึ่งมีทั้งความยิ่งใหญ่ ความเจ็บปวด ความรัก ความเศร้า มีการแก้แค้นอยู่ในนั้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นลักษณะอันน่าสะเทือนอารมณ์ของมนุษย์ แต่ก็มีฉากที่เป็นสีสันความสนุกของเรื่องอย่างฉากร้องเพลง ‘เมื่อไหร่จะให้พบ’ ในงานเลี้ยง ซึ่งขับร้องโดยหญิง รฐา โพธิ์งามกับศักราช ฤกษ์ธำรงค์ ซึ่งแต่งคำร้องโดย ‘แก้ว อัจริยะกุล’ และแต่งทำนองโดย ‘หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์’ ซึ่งเป็นเพลงฮิตในยุคนั้นมาใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย”
           “ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวละครที่เดินเรื่องตลอดก็คือตัว ‘จันดารา’ ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องชีวิตของเขาเองทั้งหมด โดยในภาพยนตร์ครั้งนี้มีการดัดแปลงให้จัน ดารามีชีวิตยาวขึ้นกว่าในบทประพันธ์ โดยในวรรณกรรมจะเล่าเรื่องถึงอายุ 40 แต่ในหนังเราจะเล่าไปถึงอายุ 80-90 คือจะเล่าตั้งแต่จันดาราเกิดขึ้นบนโลกนี้จนอายุถึง 90 ปี เรื่องก็จะดำเนินผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ ในชีวิตของเขา ซึ่งก็คล้ายๆ กับอัตชีวประวัติ ถึงเรียกเรื่องนี้ว่าเป็นมหากาพย์แห่งโศกนาฏกรรม
          ตัวจันดาราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นศิลปิน มีความเป็นศิลปินสูงมาก เป็นคนอ่อนไหวมาก เป็นคนที่สามารถจดจำรายละเอียดของตัวเองและคนอื่นได้เป็นอย่างดี เรื่องส่วนใหญ่จะดำเนินตอนที่เขาอายุ 17 จนถึงเกือบอายุ 40 เพราะฉะนั้นมันก็ต้องเลือกคนที่มีหน้าตากลางๆ ที่สามารถเล่นเป็นคนอายุ 17 จนถึง 30-40 ได้ การเลือกนักแสดงมันก็ต้องน่าเชื่อ แก่ไปก็เล่นเป็นเด็กไม่ได้ เด็กไปก็เล่นแก่ไม่ได้ ตัว ‘มาริโอ้’ ด้วยวัยเค้าจริงๆ เนี่ยก็จะกลางๆ ที่สุด และด้วยฝีมือทางการแสดงของเขาหลังจากที่ร่วมงานกันมาใน อุโมงค์ผาเมืองเนี่ย เราก็ได้เห็นศักยภาพทางการแสดงและคิดว่ามาริโอ้จะสวมบทบาทเป็นจันดาร ได้อย่างลึกซึ้ง ตอนออดิชั่นให้มาริโอ้แต่งเป็นอะไรเค้าก็จะมีเสน่ห์เป็นคนนั้นซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของนักแสดงมากๆ เค้าก็คงจะเหมาะที่สุดแล้ว คราวนี้เรามองจัน ดาราเป็นเด็กที่บริสุทธิ์ และข้อสำคัญก็คือ สภาพแวดล้อมรอบข้างนี่แหละที่ทำให้ความบริสุทธิ์ของเขาต้องเปลี่ยนไปกลายเป็นดาร์กขึ้น หม่นขึ้นๆ จนกลายเป็นดำสนิท ด้วยสภาพจิตใจและหน้าตาของเค้าก็ทำให้สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีทีเดียว
          ส่วนตัวละคร ‘เคน กระทิงทอง’ ซึ่งสร้างขึ้นมาให้ละเอียดขึ้นจากหนังสือเนี่ย เป็นตัวละครที่เติบโตมาพร้อมๆ กับจัน ถ้าจันเป็นสีดำเคนก็เป็นสีขาว ถ้าเคนเป็นสีขาวจันก็เป็นสีดำ เป็นบุคลิกตรงข้ามกันมาก เคนกระทิงทองจะเป็นคนที่แมนๆ แข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นคนที่ไม่คิดอะไรมากทั้งสิ้น เอ็นจอยกับชีวิตในทุกวินาทีที่ตัวเองมีชีวิตอยู่ เป็นคนมองโลกในแง่ความเป็นจริง การที่เลือก ‘นิว ชัยพล’ เพราะเขามีลักษณะภายนอกที่เหมือนเคน กระทิงทองมาก ด้วยรูปร่างหน้าตาและความแข็งแกร่งที่ดูเป็นนักสู้ เป็นนักเลงนิดๆ และมีความทะเล้นอยู่ในตัว ในแง่แอ็คติ้งเนี่ยนิวเรียนกับเรามาตั้งสี่ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเขาสามารถทำความเข้าใจตัวละครได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญที่สุดคือนิวกับโอ้เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาเล่นด้วยกันเขาจะมีเคมีที่เข้ากันได้ดีมาก มันไม่ใช่แค่เพื่อนอย่างเดียวนะ มันเป็นทั้งนายกับบ่าว มีความซื่อสัตย์ ความไว้ใจซึ่งกันและกัน คู่นี้พอเล่นด้วยกันแล้วดูน่าเชื่อเป็นอย่างยิ่ง

FB on August 08, 2012, 04:05:38 PM
          ‘ตั๊ก บงกช’ ก็เลือกจากลักษณะภายนอกเหมือนกัน คือตัว ‘น้าวาด’ เนี่ยสวยแบบนางในวรรณคดี เป็นหญิงไทยโบราณและมีความเป็นแม่สูงด้วยลักษณะภายนอก มีหน้าอกที่ใหญ่ มีไหล่ที่ใหญ่ แล้วมีความอบอุ่น และตั๊กเขามีความสวยอย่างคนไทยมากยิ่งพอใส่สไบแต่งเป็นไทยขึ้นมาก็ตรงกับที่คิดไว้เลย ที่สำคัญเขาต้องเล่นตั้งแต่สาวจนกระทั่งอายุ 40-50 ซึ่งตั๊กก็ทุ่มเทกับการซ้อมมากจนเข้าถึงตัวน้าวาดได้อย่างน่าประทับใจ
          ส่วน ‘พิ้งกี้’ ต้องเล่นเป็นสองคาแร็คเตอร์ หนึ่งคือ ‘ไฮซินธ์’ บทระบุไปเลยว่าเป็นผู้หญิงมุสลิมและสวยมากก็เลยเห็นว่าพิงกี้เนี้ยเหมาะที่สุดที่จะมารับบทนี้ ก็เลยเชิญมาออดิชั่นและฝีมือการแสดงเขาสูงมากทีเดียวถึงขั้นระดับอินเตอร์ก็ว่าได้ ก็เลยมีความรู้สึกว่าบทไฮซินธ์อย่างเดียวมันจะง่ายไปหรือเปล่าสำหรับเขา ก็เลยเพิ่มบทให้เขาอีกบทนั่นคือบท ‘ดารา’ แม่ของจันที่เสียชีวิตหลังจากคลอดจันออกมา บทของดาราก็เป็นบทที่สำคัญมาก ในนวนิยายพูดไว้ว่า ผู้หญิงสองคนที่จันรักอย่างบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นมันเลยมีความเหมือนกันอยู่ในแง่ของตัวละคร คือเราพยายามคิดว่าทำไมจันดาราถึงรักไฮซินธ์อย่างบริสุทธิ์มันต้องมีความเป็นอะไรเหมือนแม่อยู่ก็เลยให้คนๆ เดียวกันเล่น ซึ่งจริงๆ ก็เป็นคนละคาแร็คเตอร์เลย ซึ่งเขาก็เล่นได้ดีและแตกต่างมาก
          บท ‘คุณหลวงวิสนันท์เดชา’ เป็นบทที่เหมือนกระจกส่องสะท้อนกับจันดารา ที่ทำให้แม่ต้องตายหลังจากคลอดเขา ก็เลยก่อเกิดความเคียดแค้นที่มาใส่กับตัวเด็ก โดยที่จริงๆ แล้วมันมีเหตุผลที่เป็นปริศนาซ่อนอยู่ เป็นบทที่เล่นค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นบทนี้ต้องใช้คนที่มีฝีมือมาก สำหรับผมคิดว่า ‘เจี๊ยบ ศักราช’ เนี่ย มีบุคลิกภายนอกมีความเป็นผู้ชายไทยเหมือนที่ตั๊ก บงกชมีความเป็นผู้หญิงไทย และประกอบฝีมือการแสดงที่เล่นได้แนบเนียนและลึกซึ้งเหมือนตัวละคร ก็เลยคิดว่าศักราชจะสวมบทบาทนี้ได้ดี ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างดีมากๆ เลยทีเดียว
คาแร็คเตอร์ของ ‘คุณบุญเลื่อง’ ก็จริงๆ แล้วเป็นตัวละครที่เราแคสติ้งไว้หลายคนทีเดียว เพราะเป็นบทที่ถูกตีความใหม่ให้เป็นศิลปินแม่ม่ายชาวภูเก็ตแต่ไปโตที่ประเทศฝรั่งเศสและก็มีสังคมเป็นชาวต่างประเทศ จะเป็นฝรั่งมาก เพราะฉะนั้นบทของคุณบุญเลื่องเลยมีสีสันต่างจากตัวละครผู้หญิงในเรื่องซึ่งเป็นคนไทย คุณบุญเลื่องเวอร์ชั่นนี้จะรักการแต่งตัวมาก จะแฟชั่นจ๋ามาก และก็เป็นศิลปิน เป็นนักดนตรี เป็นนักวาดรูป ร้องเพลงเก่ง เปียโนเก่ง เต้นรำเก่ง มันก็มีคุณสมบัติหลายๆ อย่างที่ต้องเลือกคนที่เหมาะจริงๆ เพราะฉะนั้นในการเลือก ‘หญิง รฐา’ มารับบทนี้ก็จะเหมาะที่สุด และก็ด้วยวัยจริงๆ เขาอายุไม่ค่อยเยอะ แต่ว่าหญิงสามารถ่ายทอดบทบาทของหญิงวัยสี่สิบได้อย่างเหลือเชื่อ
          บท ‘คุณแก้ว’ เนี่ยพูดได้ว่าเป็นบทที่แรงที่สุดในเรื่องนี้นะครับ คือเธอมีจิตใจที่เปราะบางทีเดียว คือมีปมของการที่แม่ไม่รัก ตัวเองก็รักพ่อมากและก็ได้รับอิทธิพลความคิดความอ่านจากพ่อไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อใส่หัวตั้งแต่เด็กว่าให้เกลียดจันและก็ถ่ายทอดเลือดของพ่อมาเยอะ คือเป็นคนที่เจ้าอำนาจบาตรใหญ่มาก และก็มีความวิปริตทางจิตค่อนข้างสูง เป็นผู้หญิงที่รุนแรงมากทางด้านอารมณ์ เพราะฉะนั้นมันยากมากสำหรับนักแสดงไทยที่จะถ่ายทอดตรงนี้ออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของฉากอีโรติกซึ่งค่อนข้างสำคัญมากสำหรับหนังเรื่องนี้ ก็เลยคิดว่านักแสดงไทยคงไม่กล้าเล่นแน่ๆ ก็เลยตัดสินใจใช้นักแสดงญี่ปุ่น ‘โช นิชิโนะ’ ซึ่งเธอก็รู้สึกว่าเป็นบทที่ยากและท้าทายสำหรับเธอมากที่จะเล่นเป็นคนไทย ซึ่งแต่เดิมเราบอกว่าพูดญี่ปุ่นก็ได้และเดี๋ยวให้คนอื่นมาพากย์ทับ แต่แกกลับบอกว่าแกอยากจะพูดเป็นภาษาไทยแล้วคนที่มาพากย์แทนแกจะได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นคนที่มีสปิริตและทุ่มเทในการซ้อมมากแม้จะเป็นช่วงเวลาที่น้อยนิดที่เราเจอกัน เราก็ขอชื่นชมในสปิริต ซึ่งสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นนักแสดงมืออาชีพระดับสากลจริงๆ คือถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักแสดง AV แต่ว่าบ้านเขาถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติมากและดาราญี่ปุ่นหลายๆ คนก็เกิดจากเอวีทั้งนั้น แต่ว่าโชก็สามารถเล่นได้ทุกอย่างเป็นมือโปรจริงๆ และเขาเองก็พยายามที่จะเรียนรู้ความเป็นคนไทยอย่างมาก และเราก็โชคดีมากที่ได้ ‘นัท มีเรีย’ ที่ไม่ใช่แค่มาให้เสียงเท่านั้น แต่ต้องถือว่านัทก็เหมือนแสดงเป็นคุณแก้วเลย เข้าใจบทเท่าๆ กับที่โชเข้าใจ ต้องใส่วิญญาณของคุณแก้วเข้าไปในภาพของโช ซึ่งสำหรับนัทเองก็เป็นบทที่ยากสำหรับเขามาก จริงๆ แล้วเหมือนเล่นสองคนนะครับบทนี้ แสดงโดยโช มิชิโนะและนัท มีเรีย ซึ่งนัทก็สามารถถ่ายทอดได้เหมือนราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน แต่พูดภาษาไทยได้ชัดกว่าเท่านั้นเอง
          ส่วนบทของ ‘คุณท้าวพิจิตรรักษา’ แสดงโดย ‘รัดเกล้า อามระดิษ’ ก็จะเป็นบทที่เราได้มีการดัดแปลงขึ้นมา เพราะในบทประพันธ์จะเป็นคุณตา เราคิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่าก็เลยดัดแปลงเป็นคุณท้าวยาย ซึ่งเป็นคุณป้าของดารา พิจิตรวานิชแม่ของจัน เป็นผู้อาวุโสมากที่สุดในบ้านพิจิตรวานิช ซึ่งจริงๆแล้วตัวละครตัวนี้แหละเป็นตัวละครที่สร้างปมปัญหาต่างๆ ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งในบทบาทสำคัญนี้จะหนัก ต้องใช้นักแสดงที่เล่นได้อย่างมีพลัง ซึ่งรัดเกล้าเป็นนักแสดงคุณภาพที่พิสูจน์ฝีมือแล้วจาก ‘อุโมงค์ผาเมือง’ นะครับ ซึ่งถ่ายทอดบทผู้หญิงแก่ที่หลงอำนาจและก็ตัดสินใจบางอย่างผิดๆ ไปและก่อให้เกิดความหายนะต่อคนรอบข้างได้อย่างน่าสะพรึงกลัวทีเดียว”

FB on August 08, 2012, 04:06:53 PM
เรื่องของจันดาราและคนรอบข้าง

 

          “จันดารา…นั่นแหละชื่อผม ขอแนะนำตัวเองในฐานะที่เป็นเจ้าของเรื่องพิกลนี้ และเราคงจะได้มักคุ้นกันต่อไปอีกพักใหญ่ ถ้าผมไม่มีอันเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่งเสียก่อน...คือไม่เป็นบ้าก็ตาย...ชีวิตผมมันมากด้วยมุมหักเหตั้งแต่เกิด พูดก็พูดเถอะ ผมเกิดเมื่อแม่ผมตาย ฟังดูบ้าดีไหมล่ะ”
          จันดารา (มาริโอ้ เมาเร่อ) - ชายผู้ละเอียดอ่อน ละเมียดละไม และลึกซึ้งเกินกว่ามนุษย์ปุถุชนจะเข้าใจได้จนบางคราดูเหมือนจะอ่อนไหวและเปราะบางเมื่อเทียบกับโลกแห่งวัตถุอันหยาบกระด้าง
          แม้ว่าชะตากรรมที่เขาจำต้องเผชิญจะโหดร้ายทารุณเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานปวดร้าวใจสักปานใดก็ตาม เขาสามารถแปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็น “ความงาม” อันบริสุทธิ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทุกภาพชีวิตที่เขาเห็น ทุกสรรพเสียงสำเนียงที่เขาได้ยิน ทุกสรรพสัมผัสด้วยเรือนกาย หรือเรือนใจล้วนถูกกลั่นกรองและปรุงแต่งออกมาจากสุนทรีย์แห่งจินตภาพที่เลือกสรรมาแล้วอย่างสมบูรณ์ทั้งสิ้น ดังนั้นทุกการกระทำของเขาจึงแฝงไว้ด้วย “ความหมาย” อันยิ่งใหญ่ของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าผลของมันจะปรากฏออกมาในรูปของกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
          “ครั้งแรกที่โอ้ได้รู้ว่าหม่อมทำเรื่องนี้ โอ้ก็เชื่อมั่นและรู้ว่าหม่อมมีแง่มุมต่างๆ ที่ต้องการจะนำเสนออยู่แล้ว มันเป็นบทที่ท้าทายฝีมือการแสดงของเรา คือไม่ต้องคิดเยอะเลยครับ หม่อมเสนอมาโอ้ก็รับเล่นเลย จากเรื่องที่แล้วเนี่ยมันคนละด้านกันเลย เรื่อง ‘จันดารา’ นี้จะเป็นมนุษย์จริงๆ มีทั้งด้านดีและร้าย มีหลากหลายอารมณ์ที่ต้องแสดงและเป็นตัวดำเนินเรื่องไปตลอด ต้องเล่นตั้งแต่หนุ่มยันแก่เลย ตัวละครของโอ้จะต้องเจออะไรที่แตกต่างไปตามช่วงอายุ มุมมองความคิด และเหตุผลของการกระทำก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงอายุ ก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตเราอายุเท่านี้จะได้เล่นบทบาทที่มันท้าทายความสามารถขนาดนี้ และยากมากที่จะได้รับโอกาสดีๆ อย่างนี้ ทำให้โอ้ต้องหมั่นฝึกฝนและเข้าคลาสกับหม่อมอย่างหนักมาก นี่เป็นบทที่ดีมากจริงๆ ครับ
          ก็อย่างที่ทุกคนก็รู้จักจันดารา มันต้องมีเรื่องของอีโรติก ต้องมีเรื่องของเลิฟซีน แต่ว่าโอ้อ่านบทเรื่องนี้หลายรอบและก็ได้เล่นเอง โอ้รู้สึกว่าทุกซีนมันมีเหตุผลของมัน ถ้าไม่มีเลิฟซีนอันนั้นเรื่องก็จะไม่ต่อ จะไม่ทำให้ตัวละครต้องเจอเรื่องราวต่อๆ มา จริงๆ มันก็เหมือนกับชีวิตคนทุกคนที่ต้องมี แต่ว่ามันไม่ใช่เป็นแค่เลิฟซีนหรือให้คนมาเมคเลิฟกันเฉยๆ ผมว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น อาจเป็นความใคร่ตัณหาราคะ เป็นความรักระหว่างแม่กับลูก รักระหว่างสามีภรรยา รักในเชิงชู้สาว ซึ่งมันทำให้เรื่องราวดำเนินต่อไปแล้วผมรู้สึกว่าแต่ละซีนมันขาดไม่ได้ มันทำให้สนุกและมีรสชาติที่พอพูดถึงจันดาราแล้วต้องนึกถึงครับ”

          “นี่คุณจัน รู้มั้ย พอเนื้อสาวโดนปากโดนลิ้นโดนจมูกเราเข้านะ โดยเฉพาะที่ยอดปทุมถัน… คุณจันจะได้ยินเสียงครางเบาๆ ผสมกับเสียงลมหายใจหนักๆ ถี่ๆ มันครางเป็นชื่อเราด้วยนะ เพราะชิบหายเลย...นี่จะบอกให้เอาบุญนะคุณจัน ลงได้ลองขึ้นครูแค่ครั้งเดียว คุณจันจะลืมนางทั้งห้าไปเลย...เชื่อไอ้เคนเถอะ”
          เคน กระทิงทอง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) - ชายผู้ดูเหมือนหยาบกระด้างแต่ไม่หยาบคาย และแข็งแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชายชาตรีผู้มาดมั่นในเพศผู้ กล้าและท้าทายชีวิตแต่ไม่บ้าบิ่น คือคุณลักษณะภายนอกของเขา แต่ลึกลงไปในจิตใจของเขานั้น “เคน กระทิงทอง” เป็นคนซื่อ ตรงไปตรงมา และจริงใจอย่างหาใครมาเปรียบมิได้ ฉะนั้นคนประเภทนี้จึงเคารพความถูกต้อง และพร้อมเสมอที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมสมกับคำว่า “สุภาพบุรุษ” โดยแท้
          “ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าได้เล่นก็ตื่นเต้นก่อนเลย หม่อมจะให้เราเล่นจริงเหรอ เพราะเป็นบทนำเต็มตัวเรื่องแรก ในหนังจะเดินเรื่องคู่กะโอ้ตลอดเรื่องตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้ายเลย บทมันเยอะมาก ความรู้สึกต่อมาคือ เราจะทำได้มั้ย เพราะเรื่องที่แล้วใน ‘อุโมงค์ผาเมือง’ เล่นแค่ 3-4 ฉากแค่นั้นเราก็ตื่นเต้นกลัวทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่นี่มาทั้งเรื่องเลย ก็เครียดกลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่เมื่อได้ซ้อมการแสดงกับหม่อมก่อนการถ่ายทำจริงประมาณ 5-6 เดือน ก็ทำให้บทที่ยากมันง่ายขึ้น พูดได้เลยว่าแทบไม่มีปัญหาการแสดงในช่วงถ่ายทำเลยครับ เพราะปัญหาในการแสดงการจำบทมันเป็นปัญหาในตอนซ้อมและก็ได้คลี่คลายไปหมดแล้ว แต่ถ้าถามว่ายากมั้ย ยากมาก ยากที่สุดในชีวิตที่เคยแสดงมาเพราะต้องเล่นตั้งแต่หนุ่มยันแก่ดำเนินเรื่องผ่าน 4 ยุคสมัย (ร.6-ร.9) อย่างน่าสนใจมากๆ ครับ ทีมงานนักแสดงทุกคนก็ตั้งใจกันเกินร้อยมาก
จันดาราเวอร์ชั่นของหม่อมน้อยนี้ ผมว่าเป็นหนังที่ให้แง่คิดในหลายๆ แง่มุมเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ ให้เป็นกระจกส่องว่า มนุษย์อย่างเราเนี่ยทำสิ่งที่ไม่ดีอย่างในหนังหรือเปล่า ถ้าทำก็ควรจะหยุดและก็เลิกทำ การแก้แค้นหรือการจองเวรจองกรรม การเอารัดเอาเปรียบกัน การเห็นแก่ตัวเนี่ยมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อเราไปจองเวรจองกรรมกับคนอื่น มันก็ทำให้ทั้งตัวเราและตัวเขานั้นไม่มีความสุขหรอก จองเวรกันไปมามันก็ไม่จบไม่สิ้น เราควรที่จะเริ่มต้นชีวิตและก็ปล่อยวางในบางสิ่งที่ไม่จำเป็นไป และก็อยู่กับปัจจุบันให้มีความสุขและอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก รวมถึงอยู่กับคนที่เรารัก คนที่เขารักและแคร์เรา ผมว่าแค่นี้ชีวิตเราก็มีความสุขได้แล้ว บางทีคนที่คิดว่าเงินสำคัญที่สุดหรืออำนาจสำคัญที่สุด สุดท้ายแล้วเนี่ยเขาก็ต้องอยู่แบบโดดเดี่ยวและก็รอวันตาย...”

          “กู...หลวงวิสนันท์เดชา ขอประกาศต่อฟ้าดินว่ากูจะขอจองเวรจองกรรมกับไอ้เด็กจัญไรนั่นทุกชาติไป...จำเอาไว้ กูจะไม่มีวันยกโทษให้มึง...ไอ้จัญไร”
          หลวงวิสนันท์เดชา (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) - บุรุษผู้ยึดมั่นในศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิอันสูงส่ง จารีตประเพณีอันเป็นคุณสมบัติของบุรุษสยามจึงปรากฏอยู่อย่างเด่นชัดในทุกลมหายใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นความลุ่มหลงในอำนาจวาสนาและกามคุณอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นการถูกหมิ่นเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีจึงเป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้ง่ายๆ และพร้อมเสมอที่จะต่อสู้เพื่อกอบกู้ให้ได้มา ไม่ว่าจะด้วยวิถีทางใดก็ตาม และเป็นที่น่าเสียดายที่เขาเลือกวิถีทางอันรุนแรงและป่าเถื่อนที่ส่งผลให้เขาต้องเผชิญกับความหายนะอันยิ่งใหญ่
« Last Edit: August 10, 2012, 08:55:13 AM by FB »