บทสัมภาษณ์ “โช นิชิโนะ” (Sho Nishino) นักแสดงสาวชาวญี่ปุ่น รับบทสาววิปริตสุดแรง ครั้งแรกในหนังไทยเรื่อง “จันดารา”
แนะนำตัว-ผลงานที่ผ่านมา
สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ “โช นิชิโนะ” มาจากประเทศญี่ปุ่นค่ะ ผลงานที่ผ่านมาก็เคยเป็นนักร้องในวง “เอบิซึ มัสซึคัทส์” (Ebisu Muscats) นอกจากนั้นเป็นนักแสดงด้วย เล่นละครเวทีด้วย แล้วก็หนัง ทีวี เกมโชว์ต่างๆ และในครั้งนี้ได้รับบทเป็น “คุณแก้ว” ในหนัง “จันดารา” ที่เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกด้วยค่ะ
เคยดูหนังไทยมาก่อนมั้ย
หนังไทยเคยดู “ต้มยำกุ้ง” เพราะว่าดิฉันเคยเล่นหนังแอ็คชั่นที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นผู้กำกับชอบดูหนังเรื่องนี้มากๆ ผู้กำกับก็เอามาให้ดู แล้วก็ดูได้แป๊ปเดียวก็ตกใจมากว่าฝีมือดีขนาดนี้เลย ก็เลยรีบไปเช่าหนังเรื่องนี้แล้วก็ไปดูที่บ้านค่ะ ก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ดีมากเลยค่ะ คุณภาพสูงค่ะ พูดถึงเรื่องเมืองไทยเนี่ยนะคะชอบอาหารไทยมากเลยค่ะ มากๆ เลยค่ะ ก็กลัวว่าน้ำหนักจะขึ้นช่วงที่อยู่เมืองไทย ตอนที่มาเมืองไทยก็ได้ไปที่ภูเก็ต หรือว่าใกล้ๆ ค่ะ แต่พอคราวนี้ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ตึกเยอะมาก คนเยอะมาก ห้างสวยมาก ของเยอะมาก แล้วก็ช้อปปิ้งสนุกมากค่ะ
ความรู้สึกแรกที่ได้ร่วมงานในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องนี้
ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้เล่นหนังไทยเรื่องแรกอย่าง ‘จันดารา’ ก็รู้สึกงงๆ ว่าติดต่อมาได้ยังไง ดิฉันจะทำได้เหรอ เพราะเป็นคนญี่ปุ่น พูดภาษาไทยก็ไม่ได้ แล้วจะพูดบทได้ยังไง แต่ว่าพอพูดคุยกันและได้เห็นบทแล้วเนี่ย รู้สึกว่านี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับตัวเอง เพราะว่าบท ‘แก้ว’ ในเรื่องจัน ดารานี้เป็นบทที่ใหญ่และสำคัญมากต่อเรื่อง แต่ก็รู้สึกกดดันและตื่นเต้นว่าจะทำได้หรือเปล่า สามารถพูดบทภาษาไทยได้มั้ย แล้วการแสดงของดิฉันเนี่ยจะทำให้ผู้ชมแฮปปี้ได้ไหม ก่อนที่จะบินมาไทยเนี่ยนอนไม่หลับเลยค่ะ แต่พอมาถึงกองถ่ายได้พูดคุยรายละเอียดกับหม่อมน้อย ได้ฝึกหัดภาษาไทย ซักซ้อมอ่านบทและการแสดงกับคนอื่นๆ รวมถึงเห็นการทำงานแบบมืออาชีพแล้วก็รู้สึกไม่ต้องกลัวแล้ว เล่นได้แล้ว ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นค่ะ
การเตรียมตัวก่อนการแสดง
ที่ยากที่สุดก็คือบทพูดภาษาไทยนี่แหละค่ะ เพราะไม่เคยทำเลยในชีวิต พอมีเวลาว่างก็จะหัดซ้อมฝึกพูดตลอดเวลาเลยค่ะจากแผ่นซีดีบ้าง จากล่ามบ้าง และจากนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย ก่อนถ่ายทำก็กลัวมากๆ ค่ะ แต่พอถ่ายเสร็จแล้ว ทุกคนแฮปปี้ ปรบมือกันก็รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ
พูดถึงเรื่องการแสดงนะคะ จริงๆ แล้วเนี่ย พออ่านบทแล้วดิฉันก็คิดเอาเองก่อนว่าตัวคุณแก้วเป็นแบบไหน นิสัยยังไง อิมเมจเป็นแบบไหน ก็จะมีอิมเมจของแก้วเองไว้ในใจ และพอเข้าไปพบหม่อมน้อยผู้กำกับก็จะเป็นคนสอนดิฉันว่า คาแร็คเตอร์และบทบาทของแก้วนี่จะเป็นยังไง ต้องแสดงแบบไหน ซึ่งอันนี้เป็นส่วนที่ช่วยในเรื่องการแสดงได้มากที่สุดเลยค่ะ
คาแร็คเตอร์-บทบาท
ตอนแรกดิฉันคิดว่า “คุณแก้ว” เป็นคนไม่ดีเลย เป็นคนใจร้ายมาก นิสัยไม่ดี แต่จริงๆ แล้วเนี่ยคุณแก้วจะเป็นคนฉลาดมาก เข้าใจทุกอย่าง โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาและคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเขาในบ้านหลังนั้น แม้จะเป็นคนมั่นใจตัวเองมากแต่จริงๆ จะกลัวมาก รู้ว่าคุณหลวงพ่อของตัวเองรักลูกมาก แต่ก็ไม่สามารถปรึกษาทุกเรื่องกับคุณหลวงได้ ทำให้คุณแก้วรู้สึกไม่มีใครสามารถที่จะปรึกษาหรือกอดได้ ทำให้เธอเหงามาก (โชร้องไห้ขณะสัมภาษณ์) ที่ร้องไห้เมื่อกี้นี้เพราะนึกถึงชีวิตในปัจจุบันว่ามีความสุขแค่ไหน ในสมัยนั้นในเรื่อง “จันดารา” เนี่ย คุณแก้วเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมากที่สุดเลยค่ะ ต้องเก็บกดอารมณ์ทุกอย่าง จนตอนหลังก็ต้องระเบิดออกมากลายเป็นคนผิดปกติไปในที่สุด ดิฉันคิดว่าโชคดีที่เกิดมาในยุคนี้ ดิฉันเป็นผู้หญิงที่มีความสุขมากในชีวิตจริงค่ะ
คาแร็คเตอร์นี้มีส่วนเหมือนหรือแตกต่างจากตัวจริงยังไงบ้าง
คุณแก้ว กับ โชจัง นะคะ แตกต่างกันมากเลยค่ะ อย่างเวลาที่คุณแก้วโมโหหรือไม่แฮปปี้เนี่ย ทำให้เค้าโกรธมากๆ จนทำร้ายคนอื่นได้เลย แต่ตัวโชไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่ว่าเข้าใจว่าความโกรธของแก้วนั้นมาจากความมั่นใจของแก้วเอง แต่ว่านิสัยของดิฉันนะคะ ถ้ามีอะไรที่ไม่พอใจ จะพูดกันก่อน เข้าใจกันก่อน แล้วก็หยุดปัญหาค่ะ ไม่มีการทำร้ายกันค่ะ
แต่มีข้อหนึ่งที่เห็นด้วยกับคุณแก้ว คือคุณแก้วกำลังหาความรัก หาคนที่รักเค้าจริง อันนี้ไม่น่าเป็นเค้าคนเดียว น่าจะเป็นเรื่องจริงสำหรับตัวดิฉันและคนทั้งโลกเลยค่ะ
เรื่องภาษาถือเป็นอุปสรรคมากน้อยแค่ไหนในการแสดง
เรื่องภาษาค่อนข้างเป็นอุปสรรคมากเลยค่ะ ลำบากมากเลยค่ะ โดยเฉพาะสามวันแรกหลังจากที่มาเมืองไทย เพราะพูดอะไรไม่ได้เลย จำไม่ได้เลยด้วยค่ะ แต่หลังจากนั้นได้ฝึกพูดภาษาไทย ก็ทำให้มีความมั่นใจ เข้าใจพอจะสื่อสารได้มากขึ้นค่ะ แต่ยังไงก็ต้องมีล่ามช่วยอยู่ค่ะ
มีวิธีเข้าถึงบทบาทนี้อย่างไรบ้าง เพราะบทนี้มีหลากหลายอารมณ์มาก
ก่อนเข้าฉากก็จะมีการทำความเข้าใจในบทบาท และการแสดงกับหม่อมน้อยอย่างที่บอก พออยู่หน้าเซ็ตแล้วดิฉันก็จะเป็นแก้วเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเองเลย จะเริ่มต้นจากการวางท่าทาง ทั้งท่านั่ง ท่ายืนทุกอย่างต้องเป็นแก้ว และต้องรู้อยู่เสมอว่าแก้วมีนิสัยอย่างไร เป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก เป็นคนรวย ชีวิตไม่ลำบากเลย พอเข้าถึงบทบาทนี้แล้วตอนอยู่หน้าเซ็ตก็จะเป็นแก้วอย่างเดียว ห้ามเป็นคนอื่นเลยค่ะ ซึ่งดิฉันจะเป็นคนที่มีสมาธิสูงอยู่แล้ว เวลาอยู่หน้าเซ็ตก็จะเปิดสวิทช์เป็นแก้วปุ๊บ พอแสดงจบแล้วเนี่ยก็จะกลับเป็นตัวเองที่ร่าเริงสนุกๆ ทีมงานอาจจะรู้สึกว่าคนนี้เป็นยังไง สามารถเปลี่ยนได้ขนาดนั้น (หัวเราะ)
ฉากไหนที่รู้สึกว่ายากมากๆ
มันจะซีนที่รู้สึกว่าทำได้ไม่ดีนะคะ เป็นซีนที่คุณหลวง, คุณขจร และคุณแก้วทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะ จะมีช็อตหนึ่งที่คุณแก้วจะขอคุณหลวงติดรถยนต์ไปด้วย แล้วก็ออกไปกับคุณขจรนะคะ บทตรงนี้เนี่ยยาวมากและดิฉันก็ลืมค่ะและบทคนอื่นเค้าก็ยาวเหมือนกัน แล้วก็พยายามใช้สมาธิที่จะเป็นคุณแก้วมากๆ แต่ดิฉันก็ไม่สามารถที่พูดตามบท ไม่สามารถเล่นได้ อากาศร้อนมากด้วย แล้วก็มีผึ้งมันตกลงมาในแก้วน้ำด้วย ก็รู้สึกกลัว สมาธิเลยไม่มีเลย แต่ก็พยายามเรียนรู้ และเข้าใจก่อนว่าบทที่จะพูดต้องร่าเริง ต้องขอพ่อว่าจะไปด้วยกัน ก็พยายามทำให้สมาธิกลับมาแล้วก็ทำให้ได้ค่ะ
ฉากร้องไห้หรือกรีดร้อง มีวิธีเข้าถึงฉากเหล่านี้ยังไง
โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันไม่เคยคิดว่าต้องใช้วีธิแบบไหนหรือยังไงเลยค่ะ เพราะว่าพออยู่หน้าเซ็ตแล้วเนี่ยก็จะเป็นตัวละครคุณแก้วตามธรรมชาติเลย รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น สถานการณ์เป็นยังไง พอเข้าถึงบทบาทแล้วน้ำตาก็จะไหลออกมาเองตามบทเหมือนสั่งให้ไหลได้เองค่ะ
การร่วมงานกับทีมนักแสดง
ตอนแรกค่ะ ”มาริโอ้” จะเป็นคนที่เงียบมากเลยค่ะ แต่หน้าตาดีมากเลยค่ะ แต่ว่าไม่ค่อยพูดค่ะ ดิฉันก็เลยรู้สึกเหมือนจะไม่ควรที่จะไปคุยกันหรือเป็นเพื่อนหรือเปล่า แต่มีอยู่วันหนึ่งได้ทานข้าวด้วยกัน แล้วมาริโอ้ชอบไปญี่ปุ่นแล้วก็ทำตลกแบบญี่ปุ่นให้ดู ทำให้รู้สึกว่า เอ๊ะ จริงๆ คนนี้ก็เป็นคนตลกดีนะ แล้วหลังจากนั้นก็ได้คุยกันก็ทำให้รู้สึกว่ามาริโอ้เป็นคนมีเสน่ห์ น่ารักมากค่ะ แล้วก็วันที่มาที่เมืองไทย ก็รู้ว่ามาริโอ้เป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย อันนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กลัวว่า ตัวเองจะสามารถเล่นบท “คุณแก้ว” ได้หรือเปล่า แต่สุดท้ายก็รับส่งอารมณ์ร่วมกันได้เป็นอย่างดีค่ะ
“ตั๊ก บงกช” เนี่ยเป็นคนที่รักแม่มาก แล้วดิฉันก็เห็นว่าแม่มาที่กองถ่ายตลอด ครั้งแรกที่เจอกันนะคะก็ประทับใจที่ว่า ตั๊กเป็นคนที่สวยมาก แล้วตั๊กก็ต้องเล่นเป็นแม่ของแก้ว ก็เลยแฮปปี้มากเลยค่ะ ที่มีแม่สวยมากขนาดนี้ (หัวเราะ) ตั๊กก็เหมือนตัวดิฉันนะคะที่มีสมาธิสูงมากเลยค่ะ เวลาตั๊กอยู่หน้ากล้องแล้วเนี่ยก็จะเป็น “แม่วาด” เลย เป็นคนละคนไม่ใช่ตั๊กเลยค่ะ อันนี้เป็นสิ่งที่ประทับใจมาก และรู้สึกว่าตั๊กเป็นนักแสดงที่ดีมากค่ะ
“หญิง รฐา” เหมาะกับบท “คุณบุญเลื่อง” มากที่สุดเลย ดิฉันคิดอย่างนั้นนะคะ แต่ตัวจริงเป็นคนที่ยังเด็กมาก และก็เหมือนเด็กฝรั่งค่ะ ลักษณะเหมือนฝรั่ง แฮปปี้ตลอดเวลา เวลาที่รอถ่ายก็จะฟังเพลงบ้าง ร่าเริงมากเลย แล้วก็จะมีซีนหนึ่งที่เป็นปาร์ตี้ค่ะ ก็จะเห็นคุณบุญเลื่องอยู่บนเวที ซึ่งหญิงเหมาะมากเลยค่ะ และเป็นคนเดียวที่จะสามารถแสดงเป็นคุณบุญเลื่องจริงๆ ค่ะ
บท “คุณหลวง” ที่ “พี่เจี๊ยบ ศักราช” แสดงจะรักคุณแก้วที่เป็นลูกสาวมากๆ นะคะ ตัวจริงพี่เจี๊ยบก็จะชอบและค่อนข้างสนิทกับดิฉันเหมือนกัน เวลาเจอกันทุกครั้งเนี่ยก็เป็นเหมือนพ่อลูกกันจริงๆ แม้พูดกันคนละภาษากันแต่ก็เข้าใจกันได้ วันไหนที่เจอพี่เจี๊ยบเนี่ย จะแฮปปี้มากๆ แล้วก็เรียกเค้าว่า “คุณพ่อๆ” แล้วก็เข้าไปพูดคุยกับพี่เจี๊ยบเลยค่ะ
“นิว ชัยพล” อันนี้ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวได้ไหมคะ สำหรับนิวน่ารักมากค่ะ (ยิ้มเขิน) ชอบมากเลยค่ะ หล่อมาก น่ารัก วันไหนที่นิวเข้ามากองถ่ายนะคะ จะแฮปปี้มากเลยค่ะ น่ารักมาก นิวเนี่ยเป็นคนขยันด้วยค่ะ แล้วก็ใจดี นิสัยดีมาก หน้าตาก็ดี และแสดงเก่งมากเลย บางคนหน้าตาดีแต่แสดงไม่ค่อยดี แต่ว่านิวไม่เหมือนกันค่ะ หน้าตาดีแล้วก็เป็นนักแสดงที่ดีมากเลยค่ะ
“ณัฏฐ์” เป็นคนที่เฟรนด์ลี่มากค่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครนะคะ ทีมงานนักแสดงเฟรนด์ลี่ดีมากเลยค่ะ ดีมากกับทุกคน ณัฏฐ์ก็รู้ว่าดิฉันพูดอังกฤษก็ไม่ได้ พูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ว่าก็พยายามใช้ภาษาอังกฤษคำที่ง่ายๆ เพื่อที่จะใช้สื่อสารกับดิฉันนะคะ ก็เลยรู้สึกแฮปปี้เวลาอยู่กับเขาด้วยนะคะ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือ ในเรื่องคุณแก้วกับคุณขจรเนี่ยรักกัน พอเราสนิทกันก็เลยทำให้สามารถเล่นเป็นคุณแก้วได้ง่ายขึ้น เพราะว่าเขาทำให้เป็นเหมือนเพื่อนสนิทกัน ก็เลยช่วยรับส่งอารมณ์ได้ดีเช่นกันค่ะ
ฉากเลิฟซีน
เรื่องซีนอีโรติกเนี่ย ดิฉันคิดว่ามันเป็นความแตกต่างทางประเพณีและวัฒธรรมของไทยและญี่ปุ่นนะคะ เพราะที่ญี่ปุ่นเวลาถ่ายซีนอีโรติกจะเป็นเรื่องธรรมดามากค่ะ แต่ว่าที่เมืองไทยอาจจะไม่ค่อยมีเท่ากับญี่ปุ่น ก็รู้สึกแปลกใจว่าคนที่เล่นด้วยบางซีนจะค่อนข้างเขินอาย แต่ตัวดิฉันถือเป็นเรื่องปกติมาก แต่ว่าก็แฮปปี้มากที่ทุกคนเกรงใจและก็ดูแลดิฉันดีมากในซีนเหล่านี้ค่ะ
การร่วมงานกับผู้กำกับชั้นครู
ก่อนที่จะมาเมืองไทยเนี่ยนะคะ ใครๆ ก็บอกค่ะว่า “หม่อมน้อย” เป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงมากในเมืองไทยนะคะ ตอนแรกเนี่ยก็ยังไม่รู้เลยค่ะ เพราะว่ายังไม่เคยดูผลงานของหม่อมน้อยเลยนะคะ แต่พอเจอกันแล้วเนี่ยเข้าใจเลย เข้าใจทันทีเลยว่าทำไมหม่อมน้อยสร้างหนังที่ดีมากในเมืองไทยเลยค่ะ ตอนแรกๆ ที่ดูบทเนี่ยก็ไม่เข้าใจเพราะบทเป็นภาษาไทยหมด แล้วก็แปลมาเป็นภาษาญี่ปุ่น บางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าอารมณ์ประมาณไหน เล่นยังไง แต่ว่าทุกซีนนะคะก่อนที่จะถ่ายจริง หม่อมน้อยก็จะมาอธิบายละเอียดมากเลยนะคะให้ฟังว่า คุณแก้วอารมณ์แบบไหนในซีนนี้ อันนี้ช่วยได้เยอะมากเลยค่ะ
หม่อมน้อยไม่ดุเลยค่ะ แถมยังใจดีจะตาย เพราะทุกครั้งที่ถ่ายนะคะ หม่อมน้อยก็จะบอกว่าดีใจมาก แฮปปี้กับการแสดงของดิฉันมากเลย แล้วก็ชมมากเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนมาชมดิฉันมากขนาดนี้ แล้วก็ไม่เคยเจอมุมโมโหหรือมุมโกรธของหม่อมเลย ก็รู้สึกแฮปปี้ตลอด
แล้วก็อีกอย่าง เวลาหม่อมน้อยมาที่กองถ่ายนะคะจะถามทุกคนเลยค่ะว่า ดิฉันสบายดีมั้ย ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ย เหมือนเป็นห่วงดิฉันมากค่ะ ตอนที่โดนว่าเพราะไม่สามารถพูดบทได้ ล่ามก็ไม่ได้แปลให้ดิฉันฟัง เพราะกลัวว่าดิฉันจะไม่มีสมาธิ หลังจากนั้นหลายวัน ล่ามก็ค่อยมาบอกดิฉันค่ะว่า เออ...วันนั้นเนี่ยหม่อมว่าดิฉัน เพราะว่าจำบทไม่ได้ (หัวเราะ) แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเองค่ะ
ความน่าสนใจโดยรวม
ได้เล่นหนังไทยเรื่องแรกก็รู้สึกประทับใจมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงของทุกคนที่รับส่งอารมณ์กันได้ดี ภาพสวยมากๆ รวมถึงเนื้อหาที่สามารถดูได้ว่ามนุษย์เรามันจะมีหลายอารมณ์ทั้งเศร้า แฮปปี้ พอใจ มั่นใจ เห็นแก่ตัว บางทีแฮปปี้แป๊ปเดียวปุ๊บชีวิตก็อาจจะเปลี่ยนไปเหมือนลงนรกเลย เป็นสัจธรรมของชีวิต ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น เป็นธรรมชาติในชีวิตคนเราค่ะ ผู้ชมสามารถดูได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
นี่เป็นครั้งแรกสำหรับคนไทยที่ได้เห็นดิฉันในภาพยนตร์ไทยนะคะ ก็หวังว่าจะได้เล่นอีกในเรื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร หรือทีวีโชว์ต่างๆ เนี่ยนะคะ แล้วก็เป็นนักร้องเหมือนกันนะคะ ก็อยากให้แฟนๆ คนไทยมาดูผลงานของดิฉัน หวังว่าในอนาคตนะคะจะได้มาแสดงที่เมืองไทยมากขึ้นค่ะ