happy on March 06, 2017, 05:40:50 PM
มาลีกรุ๊ป (MALEE) ชี้แจงในงาน Opp Day
ผ่อนคลายความกังวลแก่นักลงทุนเหตุเพราะมีการจัดประเภทรายงานทางการเงินใหม่


                     นายไพฑูรย์  เอี่ยมศิริกุลมิตร เลขานุการบริษัท ได้ชี้แจงภายหลังการรายงานผลประกอบการในวัน Opportunity Day แก่นักลงทุนทั่วไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ว่า "ปี 2559 เป็นอีกปีที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง สามารถบรรลุยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ในปี 2521 โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดขายรวม 6,541 ล้านบาท เติบโต 21% YoY และมีกำไรสุทธิ 530 ล้านบาท เติบโต 60% โดยการเติบโตดังกล่าวเกิดจากการเพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจตราสินค้าของบริษัทฯ (Branded Business: Brand) และธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing Business: CMG) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะยอดขายต่างประเทศที่มีอัตราการเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง" สอดคล้องกับตัวเลขผลประกอบการที่นักวิเคราะห์ของแต่ละสถาบันคาดการณ์ไว้

                     "บริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดขายในไตรมาส 4/2559 รวม 1,507 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 14% QoQและ 2% YoY จากการชะลอตัวของการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงยอดขายต่างประเทศของธุรกิจ CMG ที่ลดลง QoQ จากผลกระทบตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ธุรกิจ Brand ในต่างประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายในการวางแผนการตลาด และส่งเสริมการขายในแต่ละประเทศ ในขณะที่ธุรกิจ CMG ยังคงเติบโตโดดเด่น YoY ทั้งนี้ ถึงแม้ยอดขายในไตรมาส 4/2559 จะปรับตัวลดลง แต่กำไรของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโต 11% YoY โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 117 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในด้านการบริหารจัดการภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน"

                     "บริษัทฯ ยังมีความมั่นใจที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 2560 โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ร้อยละ 10-15 ซึ่งการเติบโตจะมาทั้งจากธุรกิจ Brand และธุรกิจ CMG ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ ยอดขายต่างประเทศยังมีแนวโน้มการเติบโตสูงกว่าการเติบโตภายในประเทศ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา"

                     โดยในงานแถลงผลประกอบการดังกล่าวทางบริษัทฯได้ชี้แจงให้ทราบถึงการจัดประเภทรายงานทางการเงินใหม่ที่เกิดขึ้นในงวดสิ้นปี 2559 เพื่อให้มีความเหมาะสมเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่ กลต. และสภาวิชาชีพบัญชีพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ จากการเปรียบเทียบตัวเลขในฐานเดียวกันภายหลังการชี้แจงการจัดรายการใหม่นี้ จะเห็นว่าผลประกอบการในแต่ละไตรมาสที่ผ่านมายังมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากเดิมที่เคยรายงานไว้ และตัวเลขกำไรสุทธิยังคงเดิม โดยการชี้แจงครั้งนี้ทำให้นักลงทุนมีความชัดเจนในตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4/2559 เกิดความมั่นใจในความสามารถการบริหารงานและการทำกำไรในอนาคตของบริษัทฯ

                     ก่อนหน้านี้ นักลงทุนเกิดความกังวลใจในตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4/2559 จากการนำตัวเลข 3 ไตรมาสแรกไปหักจากตัวเลขงวดสิ้นปีภายหลังที่บริษัทฯ แจ้งงบการเงินปี 2559 ซึ่งตัวเลขไตรมาส 4 ที่ได้มีสัดส่วนที่ลดลงมาก เช่น อัตรากำไรขั้นต้น 9 เดือนแรกของปีเคยทำได้ร้อยละ 33.5 ไตรมาส 4 ที่คำนวณได้ปรับลดลงไปเหลือเพียงร้อยละ 27.4 ทั้งนี้ในการแถลงผลประกอบการครั้งนี้ บริษัทฯได้เปรียบเทียบตัวเลขผลประกอบการย้อนหลังภายหลังการจัดประเภทรายงานทางการเงินใหม่ซึ่งเป็นฐานเดียวกันพบว่า อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 4/2559ยังคงเท่ากับอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีที่ร้อยละ 32.2และ ยังเติบโต 2.5% YoY