ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ
ผลงานการสร้างของ แพล็ตตินั่ม ดูนส์/ บลูมเฮ้าส์
โดยความร่วมมือกับ ออลสปาร์ก พิคเจอร์ส
ภาพยนตร์ของ ไมก์ ฟลานาแกน
เอลิซาเบธ รีเซอร์
แอนนาไลส์ แบสโซ่
ลูลู วิลสัน
พาร์คเกอร์ แม็ค
และ
เฮนรี่ โธมัส
ผู้อำนวยการสร้างบริหาร
คูเปอร์ ซามวลแอลสัน
จีนเน็ตต์ โวลเทอร์โน่
เทรเวอร์ เมซี่ย์
วิคเตอร์ โฮ
อำนวยการสร้างโดย
ไมเคิล เบย์
แอนดรูว์ ฟอร์ม
แบร็ด ฟูลเลอร์
เจสัน บลูม
ไบรอัน โกลด์เนอร์
สตีเฟ่น เดวิส
สร้างจากเกมของแฮสโบร
“OUIJA”
เขียนบทโดย
ไมก์ ฟลานาแกน และเจฟฟ์ ฮาวเวิร์ด
กำกับโดย
ไมก์ ฟลานาแกน
ชื่อไทย: วีจี กำเนิดกระดานปีศาจ
กำหนดฉายในประเทศไทย : 3 พฤศจิกายน 2016
จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัดOuija: Origin of Evil กำเนิดกระดานปีศาจ ภาพยนตร์ทริลเลอร์เหนือธรรมชาติที่จะมาเขย่าโสตประสาทของคุณ พบกับเรื่องราวของแม่ม่ายและลูกสาวสองคน ซึ่งทำมาหาเลี้ยงชีวิตด้วยธุรกิจหลอกลวงต้มตุ๋น ติดต่อกับภูติผีวิญญาณ พวกเขาได้เชิญปีศาจเข้าบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ ต่อมาลูกสาวคนเล็กถูกวิญญาณเข้าครอบงำ ครอบครัวนี้จึงต้องเผชิญกับความน่าสะพรึงกลัว และต้องช่วยให้เธอรอดพ้นจากการครอบงำของวิญญาณ
Ouija: Origin of Evil กำเนิดกระดานปีศาจ คือ ภาพยนตร์จากผู้สร้างระดับบล็อกบัสเตอร์อย่าง ไมเคิล เบย์, แอนดรูว์ ฟอร์ม และ แบรด ฟูลเลอร์ จากแพลตตินัม ดูนส์ ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ดังอย่าง The Purge และ The Texas Chainsaw Massacre ร่วมกับ เจสัน บลัม จาก บลัมเฮาส์ โปรดักชั่นส์ ผู้สร้างแฟรนไชส์ The Purge และ Insidious) ร่วมถึงไบรอัน โกลด์เนอร์ (จาก Transformers และ G.I.Joe) และสตีเฟ่น เดวิส (จาก Ouija)
ภาพยนตร์กำกับการแสดงโดย ไมค์ ฟลานาแกน (จาก Oculus และ Before I Wake) นำแสดงโดย เฮนรี่ โธมัส, เอลิซาเบธ รีเซอร์, ดั๊ก โจนส์, ปาร์กเกอร์ แม็ค, แซม แอนเดอร์สัน, เคท ซีเกล, แอนนาลีส บาสโซ และ ลูลู่ วิลสันนี่ไม่ใช่แค่เกม
ฮัลโลวีนนี้ ขอเชิญคนดูก้าวเข้าสู่เรื่องเล่าขานเกี่ยวกับกระดานเรียกวิญญาณอีกครั้ง Ouija: Origin of Evil ภาพยนตร์จากยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส จากฝีมือการสร้างของแพล็ตตินั่ม ดูนส์ และบลูมเฮ้าส์ บอกเล่าเรื่องราวสยดสยองเรื่องใหม่ โดยเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ฮิตในปี 2014 ที่เปิดตัวฉายด้วยการทำรายได้เป็นอันดับ 1
ในนครลอสแองเจลิส ปี 1967 แม่ม่าย อลิซ แซนเดอร์ (เอลิซาเบธ รีเซอร์ จากภาพยนตร์แฟรนไชส์ Twilight) ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ให้กับธุรกิจการจัดชุมนุมเข้าทรงของเธอ และได้เชิญวิญญาณร้ายเข้าสู่บ้าน เมื่อวิญญาณสุดโหดครอบงำ ดอริส ลูกสาวคนเล็ก (ลูลู วิลสัน จาก Deliver Us from Evil) ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้ต้องเผชิญกับความกลัวเพื่อช่วย ดอริส และส่งวิญญาณที่สิงสู่เธอกลับคืนสู่โลกแห่งวิญญาณ
หนึ่งปีครึ่ง หลังจากสามีของเธอถูกฆ่าตาย อลิซที่มีปัญหาด้านการเงินพบว่าเธอต้องเลี้ยงดูลูกสาววัย 15 ปี พอลิน่า (“ลีน่า”) (แอนนาไลส์ แบสโซ่ จาก Oculus) และดอริส ในวัย 9 ปีตามลำพัง
โชคดีสำหรับธุรกิจที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของอลิซ เธอสืบทอดความเชื่อในลัทธิมาจากสายเลือด แม่ของเธอเป็นหมอดู และได้ถ่ายทอดลูกเล่นในการทำธุรกิจให้กับเธอ ทำให้อลิซรู้ลู่ทางที่จะจัดโชว์อลังการให้กับลูกค้าที่อยากพูดคุยกับวิญญาณของคนที่พวกเขารักและตายจากไป อลิซ ผู้มีญาณทิพย์ไม่ได้รู้สึกว่าเธอกำลังต้มตุ๋นใคร แต่เธอเชื่อว่าเธอกำลังขายทางออก ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอภาวนาอยากให้ตัวเองหาให้พบอยู่เช่นกัน
เพราะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่มีเงินชำระ อลิซตัดสินใจซื้อกระดานวีจีเพื่อเพิ่มสีสันให้กับการแสดงของเธอ และเพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความตื่นเต้นสนใจ แต่เมื่อเธอนำกระดานเรียกวิญญาณนี้มาที่บ้าน เรื่องแปลกประหลาดเริ่มบังเกิด อย่างเช่นเสียงที่ไม่รู้ที่มา การนอนฝันร้ายทุกวัน และที่ทำให้หวั่นเกรงที่สุดก็คือ ดอริสเริ่มสื่อสารกับคนตายได้จริงๆ รวมถึงวิญญาณของพ่อเธอด้วย
ในทีแรก เหตุการณ์นั้นเหมือนกลายเป็นของขวัญ ธุรกิจของอลิซเริ่มได้รับความนิยม ลูกค้าสามารถพูดคุยกับคนรักที่ตายจากไปได้ จนกระทั่งประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของบ้านหลังนี้เริ่มปรากฏ หลายสิบปีก่อน หมอศัลยกรรมที่สติไม่ดี ได้ทำการทดลองอันน่าสยดสยองกับคนไข้โรคจิตภายใต้หลังคาบ้านหลังนี้ บัดนี้ เพื่อให้มีคนได้ยินเสียงกรีดร้องอันแสนทุกข์ทรมานของพวกเขา วิญญาณที่ต้องทุกข์ทรมานดวงหนึ่งเข้าสิงร่างดอริส
หลวงพ่อทอม ครูใหญ่ประจำโรงเรียนของเด็กทั้งสอง (เฮนรี่ โธมัส จาก Gangs of New York) เกิดเป็นห่วงครอบครัวของอลิซ เขาจึงตัดสินใจสืบเรื่องนี้ แต่เมื่อทั้งสี่ต้องเผชิญกับพลังเหนือธรรมชาติ (ดั๊ก โจนส์ จาก Pan's Labyrinth) ประสบการณ์ในฐานะบาทหลวงไม่สามารถเตรียม ทอม ให้พร้อมรับมือได้ พวกเขาต้องเผชิญความจริงที่ว่าเหล่าวิญญาณที่เปิดประตูเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์และวิญญาณ ไม่คิดจะยอมให้ใครปิดประตูเชื่อมต่อได้ง่ายๆ
Ouija: Origin of Evil อำนวยการสร้างโดยเหล่าหุ้นส่วนของบริษัทแพล็ตตินั่ม ดูนส์ ได้แก่ ไมเคิล เบย์, แบร็ด ฟูลเลอร์ และแอนดรูว์ ฟอร์ม (The Texas Chainsaw Massacre, ภาพยนตร์ชุด The Purge , Teenage Mutant Ninja Turtles), เจสัน บลูม จากบลูมเฮ้าส์ โปรดักชั่นส์ (The Purge และภาพยนตร์ชุด Insidious, ภาพยนตร์ใหม่เรื่อง Get Out) รวมถึง ไบรอัน โกลด์เนอร์ (Transformers และภาพยนตร์ชุด G.I. Joe) และสตีเฟ่น เดวิส (Ouija) จากแฮสโบร
ไมก์ ฟลานาแกน (Oculus, Hush) กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้จากบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนร่วมกับ เจฟฟ์ ฮาวเวิร์ด ที่เคยร่วมงานด้วยกันมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Oculus และ Before I Wake ที่เข้ามาร่วมทีมสร้างสรรค์งานหลังกล้องกับพวกเขา ก็คือ ผู้กำกับภาพ ไมเคิล ฟิม็อกนารี (Oculus, The Lazarus Effect) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ลินน์ ฟัลคอนเนอร์ (Oculus, Straw Dogs) ผู้แต่งดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์ทริลเลอร์เหนือธรรมชาติเรื่องนี้ ก็คือ เดอะนิวตัน บราเธอร์ส (Oculus, Life of Crime)เบื้องหลังงานสร้าง
จุดกำเนิดของ Ouija: เผยประวัติศาสตร์
ประวัติความเป็นมาของกระดานวีจี หรือกระดานเรียกวิญญาณนี้ มีความลึกลับไม่ต่างจากตัวเกมนี้…
มีเครื่องมือที่แตกต่างกันหลายชนิดที่ถูกนำมาใช้กันในช่วงกลางศตวรรษที่ 1800s เพื่อสื่อสารกับคนที่ตายไปแล้ว ด้วยความสนใจมากมาย ผู้ประกอบการอย่าง ชาร์ลส์ เคนนาร์ด และทนาย เอไลจาห์ บอนด์ ได้ก่อตั้งบริษัท เคนนาร์ด โนเวลตี้ คัมปานี เพื่อผลิตและขาย “กระดานพูดได้”
ตำนานเล่าว่าทางผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ได้ถามกระดานว่าพวกเขาควรจะเรียกมันว่าอย่างไรดี และมันสะกดคำว่า “O-U-I-J-A” เมื่อพวกเขาถามกระดานว่าคำๆ นั้นมีความหมายอย่างไร กระดาษสะกดคำว่า “G-O-O-D L-U-C-K” ซึ่งหมายถึง “โชคดี”
เคนนาร์ดและบอนด์ลาออกจากบริษัทแห่งนี้ในช่วงต้นศตวรรษ 1900s และวิลเลี่ยม ฟัลด์ หนึ่งในพนักงานและผู้ถือหุ้นกลุ่มแรกของบริษัท ได้เข้ามาบริหารบริษัทต่อและได้ผลิตกระดาษวีจีต่อไป ความนิยมในกระดานเกมนี้ยังคงมีเพิ่มมากขึ้น มากถึงขนาดที่ในทศวรรษ 1920s นอร์แมน ร็อคเวลล์ ได้นำเสนอภาพคนคู่หนึ่งที่มีกระดานวีจีอยู่ที่หัวเข่า บนหน้าปก Saturday Evening Post
หลังจากฟัลด์เสียชีวิตไปในปี 1927 ลูกๆ ของเขาได้เข้ามาทำการผลิตกระดานวีจีต่อ จนในปี 1966 ทายาทของฟัลด์ได้ขายสิทธิ์กระดานวีจีให้กับ พาร์คเกอร์ บราเธอร์ส ผู้เริ่มผลิตกระดานวีจีออกมาในแบบที่พวกเรารู้จักกันดีในปัจจุบัน ในปี 1991 แฮสโบรได้ครอบครองบริษัทพาร์คเกอร์ บราเธอร์ส และได้นำเกมนี้มาสู่กลุ่มแฟนๆ ของกระดานวีจีรุ่นใหม่ ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ความลึกลับของกระดานพูดได้นี้ระเบิดจักรวาล: งานสร้างเริ่มต้น
ขณะพัฒนางานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Ouija: Origin of Evil เจสัน บลูม จากบลูมเฮ้าส์ โปรดักชั่นส์ และไมเคิล เบย์, แบร็ด ฟอร์ม และแอนดรูว์ ฟูลเลอร์ จากแพล็ตตินั่ม ดูนส์ รู้สึกตี่นเต้นอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับแฮสโบร สตูดิโอส์ ในการขยายโลกแห่งกระดานที่ลึกลับนี้ สำหรับเรื่องราวที่แสนน่ากลัว ซึ่งพูดถึงจุดกำเนิดของปีศาจที่ชั่วร้ายในเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ทีมผู้อำนวยการสร้างมอบความไว้วางใจให้กับผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างเรื่องราวที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้
พวกเขาติดต่อทาบทามผู้กำกับที่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์อย่าง ไมก์ ฟลานาแกน ซึ่งเคยสร้างภาพยนตร์ฮิตประจำปี 2014 ของบลูมเฮ้าส์เรื่อง Oculus และภาพยนตร์ทรลเลอร์ที่ทำให้คุณต้องกลั้นหายใจอย่าง Hush พวกเขาประเมินความสนใจของฟลานาแกนที่มีต่อการสร้างสรรค์เรื่องราวอีกบทหนึ่งที่เจาะลึกลงไปในตำนานของกระดานเรียกวิญญาณนี้ รวมไปถึงยังต้องใส่ความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเองในภาพยนตร์ชุดนี้ด้วย
ฟลานาแกนรู้สึกทึ่งที่ได้สำรวจวัฒนธรรมที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติของกระดานวีจีในช่วงปลายทศวรรษ 1960s รวมไปถึงความลับที่ถูกซ่อนเอาไว้ในบ้านของครอบครัวๆ หนึ่ง ซึ่งสามารถปลดล็อคได้ผ่านกระดานเรียกวิญญาณนี้ ฟลานาแกน ซึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านงานสยองขวัญ พร้อมด้วยเจฟฟ์ ฮาวเวิร์ด เพื่อนผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วยกัน และมีความสามารถพอๆ กัน ได้จินตนาการถึงเรื่องราวของดอริส และลีน่า แซนเดอร์ ซึ่งนับวันก็ยิ่งหวาดเกรงเมื่อพวกเธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับบ้านของครอบครัวที่พวกเธออยู่ร่วมกับ อลิซ ผู้เป็นแม่
บลูมอธิบายว่า เมื่อ อลิซ เริ่มใช้กระดานเรียกวิญญาณในพิธีเข้าทรงของเธอ เธอคิดว่ามันคงดีกับธุรกิจ บลูมอธิบายว่า “ในตอนแรก อลิซยังไม่พบอะไรที่ชั่วร้าย จนดูเหมือนมันเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ เธอคิดว่าเธอกำลังให้บริการที่น่าทึ่ง ถ้าคุณมีใครสักคนในชีวิตที่จากไปแล้ว คุณสามารถแวะมาใช้กระดานเรียกวิญญาณและเชื่อมต่อกับคนตายได้ และผ่านตัวดอริส คุณสามารถพูดคุยกับคนที่ไม่ได้อยู่กับเราในโลกนี้แล้ว แต่เริ่มเดิมที มันไม่ได้ดีแค่ต่อธุรกิจเท่านั้น แต่ดูจะดีกับทุกคนด้วย”
“มีการพูดคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับการสร้างเรื่องราวภาคต่อจากภาพยนตร์ภาคแรก และขยายการเล่าเรื่องออกไป” ฟอร์มอธิบาย “แต่แบบนั้นมันให้ความรู้สึกว่าเป็นคำตอบที่ง่ายมาก เมื่อเรามองลึกลงไปในเรื่องราวต้นเรื่อง เราเริ่มมองเห็นว่าเรื่องนี้มันอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง ใครคือ “ดีซี” ตัวจริงที่ตามหลอกตัวละครของพวกเราในภาพยนตร์ภาคแรก และมีใครทำอะไรกับเธอเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งเปลี่ยนเธอจนกลายเป็นดวงวิญญาณที่ต้องการล้างแค้นทุกคนที่มาอาศัยอยู่ในบ้านของเธอ”
ฟูลเลอร์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทแพล็ตตินั่ม ดูนส์กับเบย์และฟอร์ม ช่วยอธิบายว่าธีมดราม่าของภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถดึงดูดความสนใจของฐานแฟนจำนวนมากได้อย่างไร และมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวที่แตกสลาย ไม่ใช่แค่เรื่องผีเท่านั้น “ถ้าคุณเอาส่วนของเรื่องเหนือธรรมชาติออกไป คุณจะพบครอบครัวๆ หนึ่งที่ผ่านเรื่องราวที่เป็นโศกนาฏกรรม จากนั้นก็จะพบกับเรื่องที่น่ากลัวที่สุด” ฟูลเลอร์บอก “คนดูที่อาจไม่ได้สนใจดูภาพยนตร์สยองขวัญ ก็จะรู้สึกสนใจในเรื่องราวนี้ที่เดินเรื่องด้วยตัวละคร”
เมื่อลงมือเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ฮาวเวิร์ดและฟลานาแกน มุ่งเป้าไปที่การเชื่อมโยงประเด็นต่างๆ ในเรื่อง ขณะที่วางโครงเรื่องของพวกเขาขึ้นเองโดยจะต้องให้เข้ากันกับเรื่องราวเกี่ยวกับกระดานวีจี “เราหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ของเรื่องนี้ที่คนดูตอบสนองในภาพยนตร์ภาคแรกขึ้นมา จากนั้นก็ปล่อยให้มันเติบโต” ฟลานาแกนอธิบาย “ความท้าทายก็คือการสร้างสมดุลในการเล่าเรื่องราวใหม่ขณะที่ต้องสร้างความต่อเนื่องระหว่างภาพยนตร์ทั้งสองภาค”
การจะทำเช่นนั้นได้ ทางทีมผู้สร้างต้องเจาะลึกลงไปในงานสร้างปีศาจร้ายของภาพยนตร์ภาคแรกเสียก่อน “ผมชอบหนังเกี่ยวกับซามาร่าก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นปีศาจร้ายที่คลานออกมาจากบ่อน้ำในภาพยนตร์เรื่อง The Ring นะครับ” ฟลานาแกนบอก “สำหรับผม การเดินทางระหว่างสองจุดนั้นมันน่าสนใจและแทบไม่มีใครพูดถึงในภาพยนตร์สยองขวัญ”
ดังนั้น ฟอร์มบอกว่าภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่เน้นไปที่ตัวกระดานวีจี จึงเป็นยานพาหนะชั้นดีสำหรับความสยองขวัญที่เกี่ยวข้อง “ไอเดียที่ว่าเราสามารถสร้างภาพยนตร์สักเรื่องที่พูดถึงความต้องการที่จะติดต่อกับคนในอีกโลกหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะต้านทานจริงๆ และกระดานวีจีก็มีความจำเพาะต่อความรู้สึกเช่นนั้น” เขาอธิบายว่า “แม้แต่คนที่ไม่เชื่อในเรื่องภูติผี ก็ยังมีปฏิกริยากับเกมนี้ เกมนี้มีพลังที่จะเปลี่ยนผู้ไม่เชื่อให้เป็นผู้เชื่อได้ แม้จะเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม”
บลูมเหมือนพูดแทนทีมผู้สร้างเมื่อเขาแนะนำว่าฟลานาแกนคือผู้กำกับที่เหมาะจะมากำกับภาพยนตร์ที่อยู่ในรูปแบบทุนสร้างน้อยของบลูมเฮ้าส์ “ไมก์คือส่วนผสมที่หาได้ยากของคนที่มีมุมมองและวิสัยทัศน์ที่แข็งแกร่ง แต่เขายังสามารถที่จะรับความเห็นและปรับเปลี่ยนได้ดีกว่าแทบทุกคนที่ผมเคยร่วมงานด้วย เมื่อคุณสร้างตัวละครแรงๆ ในเรื่องสุดขั้ว คุณต้องไว้วางใจคนที่จะมาเป็นผู้นำได้ เพราะมันเป็นเส้นแบ่งที่บางมากระหว่างความน่ากลัวและความตลก เมื่ออยู่ในมือของไมก์ คุณอยู่ในด้านที่ปลอดภัยที่แน่ใจได้ว่ามันจะออกมาน่ากลัว และคุณยังทำงานด้วยเรื่องที่มีความลึกมากขึ้นและมีหลากหลายระดับมากขึ้นด้วย”
เพื่อสร้างเรื่องราวทริลเลอร์ที่เดินหน้าด้วยตัวละคร ฟลานาแกนและฮาวเวิร์ดเริ่มเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นเรื่องราวดราม่าย้อนยุคเกี่ยวกับแม่และลูกสาว “ในช่วง 45 นาทีแรก The Exorcist ก็เป็นเรื่องราวดราม่า ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติเลย
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเชื่อมโยงคุณกับตัวละครและทำให้คุณเข้าอกเข้าใจในความเป็นจริงของพวกเขา ดังนั้นเมื่อเรื่องราวในส่วนของความสยองเกิดขึ้น มันจึงเหมือนเข้าไปบีบคอพวกเขาเลย” ฟลานาแกนบอก “ผมตื่นเต้นมากที่ได้สร้างเรื่องราวรอบๆ ครอบครัวหนึ่งที่ชีวิตและธุรกิจของพวกเขาถูกสร้างขึ้นมาโดยเกี่ยวข้องกับคนตาย เพราะผมพบว่าความเป็นไปนั้นช่างน่าติดตามจริงๆ”
เพื่อท้าทายความคาดหวังของแฟนๆ หนังสยองขวัญที่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน คู่หูมือเขียนบทของเราจึงเล่นกับจังหวะที่คาดเดาได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ “ถ้าคนดูได้ยินความเงียบสามวิหลังจากบทพูดประโยคหนึ่ง พวกเขาคงคาดว่าจะมีความน่ากลัวกระโดดออกมา” ฟลานาแกนบอก “พวกเขารู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่จะมีอะไรโผล่ออกมา ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่จะต้องค้นหาความคาดไม่ถึง ความน่ากลัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติอย่างมาก เหมือนกับดนตรีแจ๊ซเลยทีเดียวครับ”
องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ภาพยนตร์ทริลเลอร์ต้องมีก็คือบาทหลวง ฟูลเลอร์อธิบายถึงการปรากฏตัวของหลวงพ่อทอมว่า “โรเจอร์ อีเบิร์ก เคยเขียนไว้ว่าถ้าคุณกำลังพูดถึงเรื่องของการโดนวิญญาณร้ายสิง คุณต้องมีบาทหลวงแคธอลิค เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดทิ้งได้”
ทางทีมเขียนบทได้ใส่จุดแตกต่างให้กับความเป็นบาทหลวงที่คนดูอาจจะคุ้นเคย ด้วยการทำให้หลวงพ่อทอมเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และหน้าตาดี ดังนั้น เขาจึงเป็นเหมือนชายคนรักของอลิซ “หนึ่งในฉากที่ผมชอบมากที่สุด เป็นฉากที่อลิซกับหลวงพ่อทอมออกมาดินเนอร์กัน และลีน่าและไมกี้ แฟนของเธอ (พาร์คเกอร์ แม็ค) อยู่ในห้องนอนของเธอ เราตัดภาพระหว่างจูบแรกของเด็กสาว กับผู้ใหญ่สองคนที่ปิ๊งส์กัน แต่ชีวิตได้พรากพวกเขาสองคนให้เดินไปคนละเส้นทาง” บลูมบอก “มันคือการจับคู่กันถึงความเป็นไปได้ของความรักแบบเด็ก กับความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นจริงของชีวิต”
ในความเป็นจริง ตัวละครหลวงพ่อทอมอิงจากบาทหลวงที่ฟลานาแกนเคยรู้จักในช่วงที่เขาทำหน้าที่เป็นเด็กผู้ช่วยพระนานถึง 12 ปี ผู้กำกับฟลานาแกนอธิบายว่า “หลวงพ่อสแต็คเอาใจใส่ผู้คนในแบบที่ผมเชื่อว่าจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อคุณมีชีวิตที่จริงจังมากก่อนจะมาเป็นพระ ต่อมา ผมได้เรียนรู้ว่าเขาเคยหมั้นกับผู้หญิงคนหนึ่ง และผมก็สงสัยเสมอว่าทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนแปลงทิศทางการใช้ชีวิตไปแบบนี้”
ศิลปะเลียนแบบชีวิตจริง ภาพยนตร์เรื่องนี้เผยให้เห็นว่าภรรยาของหลวงพ่อทอมนั้นเสียชีวิตไปเมื่อนานมาแล้ว และการสูญเสียของเขาก็คือแรงผลักดันที่นำไปสู่การบวชเป็นพระ ด้วยความสงสัยใน “พรสวรรค์” ของดอริส ทอมขอให้เธอติดต่อภรรยาของเขาผ่านกระดานวีจี และพบว่าเกมชั่วร้ายนี้ก็คือสิ่งที่พวกวิญญาณกำลังหลอกล่อครอบครัวแซนเดอร์
เพื่อเกลี้ยกล่อมให้อลิซเชื่อ หลวงพ่อทอมได้เอ่ยอ้างถึงคำกล่าวของ จอห์น ในบทที่ 4 : วรรคหนึ่งที่ว่า “อย่าเชื่อในวิญญาณทุกดวง แต่จงทดสอบดวงวิญญาณเพื่อดูว่าพวกเขามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะผู้เผยพระวจนะจอมปลอมมากมายได้หลุดเล็ดรอดมายังโลกนี้”
อย่างไรก็ดี เมื่ออลิซ ได้เห็นถึงความชั่วร้ายที่ครอบงำ แต่มันอาจจะสายเกินกว่าใครจะก้าวเข้ามาในบ้านของพวกเธอแล้ว …