happy on September 11, 2016, 09:38:41 PM

จัดจำหน่ายโดย         แฮนด์เมด ดิสทริบิวชั่น จำกัด
ลิขสิทธิ์โดย           ฮอลลีวู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด
ชื่อภาพยนตร์      Imperium  สายลับขวางนรก
ภาพยนตร์แนว      แอ็คชั่น-ทริลเลอร์
กำหนดเข้าฉาย       8 กันยายน 2559
กำกับการแสดงโดย        Daniel Ragussis (แดเนียล รากัสซิส)
ลิงค์ตัวอย่างภาพยนตร์   https://youtu.be/sR6JOYkmhwI
      
นักแสดงนำ


Daniel Radcliffe (แดเนียล แรดคลิฟฟ์) รับบท Nate Foster (เนท ฟอสเตอร์)
ผลงานที่ผ่านมา Now You See Me 2 , Harry Potter

Tony Collette (โทนี่ คอลเล็ตต์) รับบท Angela Zamparo (แองเจลา แซมปิโน)
ผลงานที่ผ่านมา Hitchcock , Fright Night

Tracy Letts  (เทรซี่ เลตต์)  รับบท Dallas Wolf  (ดัลลัส วูลฟ์)
ผลงานที่ผ่านมา The Big Short , ซีรี่ย์ Homeland


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=sR6JOYkmhwI" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=sR6JOYkmhwI</a>

เรื่องย่อภาพยนตร์

                 “เนท ฟอสเตอร์” นักวิเคราะห์ข่าวกรองหนุ่มประจำFBI เขาเชี่ยวชาญภาษาอารบิคหลังจากที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศในอิรัก เขาเข้าทำงานที่FBI เพื่อปกป้องประเทศไม่ให้พบกับเหตุการณ์อย่าง 9/11 ซ้ำสอง แต่เขาก็เริ่มจะตระหนักว่า “แผนการก่อการร้ายของพวกมุสลิม” ที่เขาทำลายบ่อยครั้งนั้นมักจะเป็นการจัดฉาก มันเป็นความพยายามสุดโต่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนที่หวาดวิตก และทำตามแผนการล่าสุดที่ถูกวางเอาไว้

                 ดังนั้น เมื่อFBIค้นพบการลักลอบนำเข้า ซีเซียม-137 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นหลักในการสร้างระเบิด เนทก็เต็มใจที่จะรับฟัง “แองเจลา แซมปิโน” เจ้าหน้าที่ผู้เป็นเจ้าของคดี ผู้เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือของพวกเทิดทูนคนผิวขาว แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการทำให้เนททำในสิ่งที่ไม่คาดคิด ซึ่งก็คือการโบกมือลางานในออฟฟิศของเขา และใช้ความเฉลียวฉลาดที่เหนือและทักษะในการวิเคราะห์ผู้คนของเขาเพื่อแฝงตัวเข้าไปในคนกลุ่มนี้

                 “เนท”พุ่งเป้าไปที่“ดัลลัส วูลฟ์”พิธีกรรายการวิทยุลึกลับที่ออกอากาศเกี่ยวกับวันสิ้นโลก เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวมตัวกันของกลุ่มนีโอ นาซี, คูคลักซ์แคลนและกลุ่มทหารคลั่งชาติ ด้วยความหวังที่จะจุดให้ “สงครามเชื้อชาติ” ปะทุขึ้นมาเพื่อชำระล้างประเทศนี้ และบุกเบิกทางให้เกิดดินแดนคนขาวขึ้น แต่ในการเข้าไปให้ถึงตัวดัลลัส เนทจะต้องเจาะเข้าไปในโลกคู่ขนานที่ลึกซึ้งและซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้….เนทได้ค้นพบวัฒนธรรมย่อยของกลุ่มคนผู้เทิดทูนคนผิวขาว และเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่กำลังสร้างระเบิดให้ทันใช้ในงานสำคัญ




จุดเด่นภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากประสบการณ์จริงของอดีตFBI “ไมเคิล เจอร์แมน”

ไมเคิล เจอร์แมน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนบทภาพยนตร์กับ “แดเนียล รากัสซี” (ผกก.) อีกด้วย

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นพลิกบทบาททางการแสดงครั้งสำคัญของ “แดเนียล แรดคลิฟฟ์” โดยต้องโกนหัวโล้น นับตั้งแต่ Horns(ปีศาจมีเขา), Kill Your Darlings(กวีเกย์), Victor Frankenstein (ชายหลังค่อม), Swiss Army Men (เป็นศพ) และ Now You See Me 2(เซียนไฮเทคตัวร้าย)

แดเนียล แรดคลิฟฟ์ รับบทเป็นอดีตFBI ที่ต้องแสดงบทแอ็คชั่นแบบเต็มๆในภาพยนตร์เรื่องนี้


สาส์นจากผู้กำกับภาพยนตร์

                  โดยเนื้อแท้แล้ว Imperium เป็นเรื่องราวของตำรวจลับ แต่ “ไมค์ เจอร์แมน”เจ้าหน้าที่FBI ผู้คร่ำหวอดกับการแฝงตัวเข้าไปในชุมชนผู้เทิดทูนคนขาว เป็นแรงบันดาลใจให้ผมบอกเล่าเรื่องราวคลาสสิกนี้ในแบบที่ไม่เหมือนใคร

                  ไมค์อธิบายว่า “…การเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ใช่เรื่องของการยิงคน ซ้อมคน หรือกระทั่งกลายเป็นอาชญากรเสียเอง แต่การแฝงตัวเป็นเรื่องของการคิดดักหน้าศัตรู…” ไมค์พูดกับผมว่า “…คุณรู้มั้ยที่เขาพูดกันว่าเราใช้สมองเพียงแค่ 10% ในชีวิตประจำวัน คุณจะเข้าใจคำพูดนั้นจริงๆ ตอนที่คุณทำงานแฝงตัวครับ…”  ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่เก่งที่สุดก็จะไม่ได้ดูเหมือนเจมส์ บอนด์หรือเจสัน บอร์น พวกเขาไม่สามารถฆ่าคนสี่คนได้ด้วยดินสอ แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้คือการทำให้เกือบทุกคนเชื่อได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่อาชญากรทุกคนมองหา ไม่ใช่หนอนบ่อนไส้

                  แต่ในการจะเป็นตำรวจแฝงตัวที่เก่ง เจ้าหน้าที่คนนั้นก็จะต้องซึมซับตัวเองอยู่ในโลกที่แปลกแยกโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเรื่องราวของไมค์ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำอย่างเดียวกัน ผมเริ่มต้นการเดินทางที่น่าตกตะลึงและเปิดเผย ผมเริ่มรับรู้ถึงชุมชนขนาดใหญ่ที่ใช้ชีวิตท่ามกลางพวกเรา มันมีการแสดงออกที่โจ่งแจ้งตามแบบฉบับเช่นพวกสกินเฮ้ดที่กระหายการต่อสู้ พวกคูคลักซ์แคลน พวกคนยากจนไร้การศึกษา ถูกกระทำทารุณ แต่มันก็ยังครอบคลุมพวกที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่เป็นไปตามแบบฉบับพวกนี้ด้วย

                  ผมได้ค้นพบโลกคู่ขนานที่ซึ่งทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับโลกใบนี้จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเป็นโลกที่มีรหัสลับตำนานและหลักปรัชญาของตัวเอง มีเสื้อผ้า ศิลปะ หนังสือการ์ตูนและวิดีโอเกมของตัวเอง มีประวัติศาสตร์โลกของตัวเอง (เช่นเว็บไซต์ Metapedia “เอ็นไซโคลปีเดียคู่ขนาน” ที่เผยแพร่ใน 16 ภาษา) มีสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปทั่วโลก (เช่น Stormfront ที่มีผู้เยี่ยมชมกว่าสองล้านคน) และวารสาร“วิชาการ”ที่มีตั้งแต่ Occidental Quarterly ไปจนถึงหนังสือมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาพันธุกรรม การปฏิเสธเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, ประวัติศาสตร์ “ตะวันตก,” “การศึกษาวัฒนธรรมยิว” และมานุษยวิทยาเกี่ยวกับชาติพันธุ์

                  แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือคนที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ มันมีทั้งวิศวกร นักบัญชี คนที่จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ คนที่จบปริญญาเอก พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในย่านชานเมือง พวกเขาเขียนตามหลักไวยากรณ์ได้อย่างน่าชื่นชม พวกเขาสร้างครอบครัวชนชั้นกลางขึ้นมา แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ถูกร้อยโยงกันด้วยความศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนที่ว่าพวกเขากำลังใช้ชีวิตอยู่ในรัฐเผด็จการเหมือนอย่างในนิยายเรื่อง 1984 ของออร์เวล ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาว รัฐดิสโทเปียนี้ ที่บริหารโดยผู้นำชาวยิวและครอบงำโดยนโยบายไซออนิสต์ทั้งหลาย กำลังบีบให้พวกเขาสูญพันธุ์อย่างไร้ความปรานี

                  เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงเช่นนี้ คนผิวขาวที่ตระหนักรู้คนไหนๆ ก็ตามในอเมริกาจะต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบาก พวกเขาสามารถเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการปลุก “เหล่าแกะ” เหมือนที่คนส่วนใหญ่ทำ และต่อต้านโครงการล้างเผ่าพันธุ์ด้วยการสืบพันธุ์ของรัฐ หรือพวกเขาอาจได้แรงบันดาลใจจากบรรดาวีรบุรุษที่มีตั้งแต่องค์การบุตรแห่งเสรีภาพไปจนถึงทิโมธี แม็ควีห์ ด้วยการยืนหยัดเพื่อกลายเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพ และทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์นี้

                  การตัดสินใจนี้ถูกพูดถึงเอาไว้อย่างชัดเจนใน The Turner Diaries ซึ่งขายได้ครึ่งล้านเล่มและถูกยกย่องว่าเป็น Mein Kampf สมัยใหม่ มันอยู่ในมือของแม็ควีห์ในวันนั้นที่โอกลาโฮมา ซิตี้ และการทำลายอาคารเมอร์ราห์ เฟดเดอรัลของเขาก็เป็นการจำลองฉากสำคัญจากหนังสือเรื่องนั้น ที่นักสู้เพื่ออิสรภาพของคนขาวเริ่มต้น “สงครามเชื้อชาติ” เพื่อล้มล้างรัฐเผด็จการ และนับตั้งแต่โศกนาฏกรรมในวันนั้น ศูนย์เอสพีแอลซีได้รวบรวมเรื่องราวของการก่อการร้ายและการสมคบคิดต่างๆ 109 ครั้ง ที่มีตั้งแต่การยิง การวางระเบิดและการวางเพลิง ไปจนถึงแผนการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อแอนแทร็กซ์ ไรซิน โบทูลิซึม ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค ไซยาไนด์และอาวุธกัมมันตภาพรังสี

                  “เหตุการณ์ปฏิวัติ” แบบนี้นี่เองที่ไมค์ เจอร์แมนใช้เวลาหลายปีเพื่อป้องกันมัน และแม้ว่านี่จะเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่FBIหนุ่มที่เสี่ยงชีวิตที่จะทำเช่นเดียวกัน แต่มันก็ยังเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตคู่ขนานกับสังคมของเรา ผู้ที่เฝ้ารออย่างอดทนให้ถึงวันที่พวกเขาจะสามารถสลัดจากอำนาจของผู้กดขี่พวกเขาและลุกขึ้นยืนหยัดได้อีกครั้ง

-แดเนียล รากัสซิส-






เกี่ยวกับภาพยนตร์

การร่วมมือกัน: อดีตเจ้าหน้าที่ลับFBI “ไมค์ เจอร์แมน” และผู้กำกับ “แดเนียล รากัสซิส”

                  “ไมค์ เจอร์แมน” มือเขียนบทร่วมของ IMPERIUM ทำงานกับFBIนาน 16 ปี ในระยะเวลา 12 ปี    เจอร์แมนได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สายลับที่แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มผู้เทิดทูนคนขาวเพื่อป้องกันการก่อการร้ายจากผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ เจอร์แมนประสบความสำเร็จในการฝังตัวเองอยู่ในกลุ่มหัวรุนแรงในหลายๆ โอกาส ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวอาชญากร และหยุดยั้งการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ประสบการณ์ชีวิตจริงของเจอร์แมนนี่เองที่กลายเป็นเค้าโครงหลักสำหรับบทภาพยนตร์เรื่อง IMPERIUM

                  ในตอนที่แดน รากัสซิส ผู้กำกับ/มือเขียนบทร่วมของ IMPERIUM ทาบทามเจอร์แมนเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์จากประสบการณ์ของเขาครั้งแรก เจอร์แมนตอนแรกรู้สึกลังเลมากๆ เขารู้สึกว่าฮอลลีวู้ด มักนำเสนอภาพเจ้าหน้าที่สายลับของFBIแบบผิดๆ ว่าไร้เทียมทาน เป็นพวกยอดมนุษย์แบบเจสัน บอร์นหรือ 007 ที่อาศัยพลกำลังและความรุนแรงเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันตราย ตามประสบการณ์ของเจอร์แมน การเป็นเจ้าหน้าที่สายลับที่มีประสิทธิภาพจะต้องพึ่งพาความสามารถในการใช้ไหวพริบและทักษะทางสังคมในการหลีกเลี่ยงการถูกสงสัยและการทำตัวให้เป็นที่ไว้วางใจของอาชญากรอันตราย

                  หลังจากการพูดคุยกันหลายครั้ง เขาเริ่มรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ารากัสซิสตั้งใจจะสร้างภาพยนตร์ที่นำเสนองานของเจ้าหน้าที่สายลับFBIอย่างถูกต้อง โดยละเลยองค์ประกอบตามแบบฉบับของฮอลลีวู้ดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายทั้งหลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นถึงกระบวนการค้นคว้าข้อมูลและการเตรียมตัวเข้มข้นที่เจ้าหน้าที่สายลับจะต้องผ่าน รวมถึงความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญระหว่างที่พวกเขาต้องอยู่ภายใต้ระบบของFBI และทำตัวให้อยู่ภายใต้ครรลองของกฎหมาย ฉากแอ็คชั่นของ IMPERIUM อาศัยการปูพื้นความตึงเครียดและความลุ้นระทึก แทนที่จะเป็นความรุนแรงแบบการ์ตูน

                  ทั้งเจอร์แมนและรากัสซิสต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า ในการสร้างเรื่องราวของ IMPERIUM ให้อยู่ในยุคปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถพูดถึงประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายและการป้องกันการก่ออาชญากรรมที่กำลังเป็นที่พูดถึงในระดับชาติได้ ดังนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงให้ความสนใจกับโครงการการระบุเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่ชาวมุสลิมอเมริกันและชนกลุ่มน้อยต่างๆ เป็นเป้าหมายและไม่ค่อยจะเป็นที่พูดถึงบ่อยนัก IMPERIUM ล้วงลึกเข้าไปถึงความท้าทายที่เจ้าหน้าที่FBI ต้องเผชิญในการทำงานกับทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการก่อการร้ายในประเทศจากกลุ่มผู้เทิดทูนคนผิวขาวและภัยคุกคามจากพวกหัวรุนแรงฝ่ายขวา ด้วยความที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้ายอิสลามเป็นอันดับแรก เจ้าหน้าที่FBIที่ต่อสู้กับภัยคุกคามในประเทศจึงมักจะต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้รับเงินทุนและการสนับสนุนที่พอเพียง

                  ไมค์ เจอร์แมนกล่าวชื่นชมความพยายามของรากัสซิสในการสร้างภาพยนตร์ที่ตรงกับประสบการณ์จริงของเขา พลางให้ความเห็นว่า “วิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใครของแดเนียลและความมุ่งมั่นในการบอกเล่าเรื่องราวนี้ในรูปแบบที่ตรงไปตรงมา และไม่ฟูมฟายทำให้ผมประทับใจตั้งแต่วันแรกแล้วครับ ผลลัพธ์ที่เราได้มาได้ถ่ายทอดการทำงานของFBI โดยเฉพาะพวกเจ้าหน้าที่สายลับ ได้ตรงไปตรงมากว่าหนังเรื่องไหนๆ ที่ผมได้ดูมา ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ”

เกี่ยวกับตัวละคร

แดเนียล แรดคลิฟฟ์ : จากแฮร์รี พอตเตอร์ สู่การเป็นผู้แฝงตัวในกลุ่มนีโอ นาซี

                  “แดเนียล แรดคลิฟฟ์” ผู้โด่งดังระดับโลกจากการนำแสดงใน Harry Potter ที่หลายคนชื่นชอบมีกลุ่มแฟนๆที่ได้เฝ้ามองเขาเติบโตบนจอเงินมากมาย ด้วยเสน่ห์แบบเด็กหนุ่มข้างบ้านที่เข้าถึงได้ Harry Potter แฟนๆ ของแรดคลิฟฟ์จึงตกตะลึงเมื่อเขาเผยภาพตัวเองโกนหัวในกองถ่ายของ IMPERIUM จากเพจ Google+ ของเขา หลังจากนิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์ วีคลีย์และสื่ออื่นๆได้เผยแพร่ภาพนี้ก็เกิดกระแสฮือฮาทางสื่อโซเชียลมีเดียมากมาย ซึ่งปฏิกิริยาของแฟนๆก็มีตั้งแต่ตกใจไปจนถึงโกรธ ชื่นชมและสนับสนุน

                  ใน IMPERIUM “เนท ฟอสเตอร์” ตัวละครเจ้าหน้าที่FBI ของแรดคลิฟฟ์ได้โกนหัวเพื่อแฝงตัวไปเป็นหนึ่งในพวกนีโอ นาซี ดังนั้น แรดคลิฟฟ์จึงจำเป็นจะต้องโกนหัวเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับนักแสดงหนุ่ม แรดคลิฟฟ์เผยกับจิมมี่ ฟัลลอนในรายการ The Tonight Show ว่า “…ผมค่อนข้างโล่งอกเพราะผมโกนหัวระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งผมไม่เคยโกนหัวมาก่อน ผมก็เลยไม่รู้ว่าข้างใต้นั้นเป็นยังไงบ้าง มันอาจจะมีรอยปูด ตำหนิ ปานหรืออะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งทำให้ผมโล่งอกครับ…”

                  แน่นอนว่าลุ๊คใหม่ของแรดคลิฟฟ์ไม่ได้หยุดยั้งแฟนๆ จากการรุมล้อมกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้และโลเกชั่นริชมอนด์และโฮปเวลในเวอร์จิเนีย ด้วยความหวังที่จะได้ถ่ายรูปและขอลายเซ็น ซึ่งเขาก็ยินดีทำตามคำขอในโลเกชั่นทั้งสองแห่ง แฟนๆจำนวนมากได้เข้าแถวนอกภัตตาคารที่มีคนเห็นแรดคลิฟฟ์ใช้บริการ รวมถึงร้านเคแอนด์แอล บาร์บีคิวในโฮปเวลและจูเล็ปส์ในริชมอนด์ ในความเป็นจริงแล้วมีแฟนที่กระตือรือร้นคนหนึ่งถึงขนาดขอให้แรดคลิฟฟ์เซ็นลายเซ็นที่ขาของเธอ ซึ่งเธอทำให้มันถาวรด้วยการแวะไปเยือนร้านสักในท้องถิ่น
« Last Edit: September 11, 2016, 09:41:23 PM by happy »