จัดจำหน่ายโดย แฮนด์เมด ดิสทริบิวชั่น จำกัด
ลิขสิทธิ์โดย ฮอลลีวู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด
ชื่อภาพยนตร์ Imperium สายลับขวางนรก
ภาพยนตร์แนว แอ็คชั่น-ทริลเลอร์
กำหนดเข้าฉาย 8 กันยายน 2559
กำกับการแสดงโดย Daniel Ragussis (แดเนียล รากัสซิส)
ลิงค์ตัวอย่างภาพยนตร์ https://youtu.be/sR6JOYkmhwI
นักแสดงนำDaniel Radcliffe (แดเนียล แรดคลิฟฟ์) รับบท Nate Foster (เนท ฟอสเตอร์)
ผลงานที่ผ่านมา Now You See Me 2 , Harry Potter
Tony Collette (โทนี่ คอลเล็ตต์) รับบท Angela Zamparo (แองเจลา แซมปิโน)
ผลงานที่ผ่านมา Hitchcock , Fright Night
Tracy Letts (เทรซี่ เลตต์) รับบท Dallas Wolf (ดัลลัส วูลฟ์)
ผลงานที่ผ่านมา The Big Short , ซีรี่ย์ Homelandเรื่องย่อภาพยนตร์
“เนท ฟอสเตอร์” นักวิเคราะห์ข่าวกรองหนุ่มประจำFBI เขาเชี่ยวชาญภาษาอารบิคหลังจากที่ทำงานให้กับกระทรวงต่างประเทศในอิรัก เขาเข้าทำงานที่FBI เพื่อปกป้องประเทศไม่ให้พบกับเหตุการณ์อย่าง 9/11 ซ้ำสอง แต่เขาก็เริ่มจะตระหนักว่า “แผนการก่อการร้ายของพวกมุสลิม” ที่เขาทำลายบ่อยครั้งนั้นมักจะเป็นการจัดฉาก มันเป็นความพยายามสุดโต่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนที่หวาดวิตก และทำตามแผนการล่าสุดที่ถูกวางเอาไว้ ดังนั้น เมื่อFBIค้นพบการลักลอบนำเข้า ซีเซียม-137 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นหลักในการสร้างระเบิด เนทก็เต็มใจที่จะรับฟัง “แองเจลา แซมปิโน” เจ้าหน้าที่ผู้เป็นเจ้าของคดี ผู้เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือของพวกเทิดทูนคนผิวขาว แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการทำให้เนททำในสิ่งที่ไม่คาดคิด ซึ่งก็คือการโบกมือลางานในออฟฟิศของเขา และใช้ความเฉลียวฉลาดที่เหนือและทักษะในการวิเคราะห์ผู้คนของเขาเพื่อแฝงตัวเข้าไปในคนกลุ่มนี้ “เนท”พุ่งเป้าไปที่“ดัลลัส วูลฟ์”พิธีกรรายการวิทยุลึกลับที่ออกอากาศเกี่ยวกับวันสิ้นโลก เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวมตัวกันของกลุ่มนีโอ นาซี, คูคลักซ์แคลนและกลุ่มทหารคลั่งชาติ ด้วยความหวังที่จะจุดให้ “สงครามเชื้อชาติ” ปะทุขึ้นมาเพื่อชำระล้างประเทศนี้ และบุกเบิกทางให้เกิดดินแดนคนขาวขึ้น แต่ในการเข้าไปให้ถึงตัวดัลลัส เนทจะต้องเจาะเข้าไปในโลกคู่ขนานที่ลึกซึ้งและซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้….เนทได้ค้นพบวัฒนธรรมย่อยของกลุ่มคนผู้เทิดทูนคนผิวขาว และเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่กำลังสร้างระเบิดให้ทันใช้ในงานสำคัญ จุดเด่นภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากประสบการณ์จริงของอดีตFBI “ไมเคิล เจอร์แมน”
ไมเคิล เจอร์แมน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนบทภาพยนตร์กับ “แดเนียล รากัสซี” (ผกก.) อีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นพลิกบทบาททางการแสดงครั้งสำคัญของ “แดเนียล แรดคลิฟฟ์” โดยต้องโกนหัวโล้น นับตั้งแต่ Horns(ปีศาจมีเขา), Kill Your Darlings(กวีเกย์), Victor Frankenstein (ชายหลังค่อม), Swiss Army Men (เป็นศพ) และ Now You See Me 2(เซียนไฮเทคตัวร้าย)
แดเนียล แรดคลิฟฟ์ รับบทเป็นอดีตFBI ที่ต้องแสดงบทแอ็คชั่นแบบเต็มๆในภาพยนตร์เรื่องนี้สาส์นจากผู้กำกับภาพยนตร์
โดยเนื้อแท้แล้ว Imperium เป็นเรื่องราวของตำรวจลับ แต่ “ไมค์ เจอร์แมน”เจ้าหน้าที่FBI ผู้คร่ำหวอดกับการแฝงตัวเข้าไปในชุมชนผู้เทิดทูนคนขาว เป็นแรงบันดาลใจให้ผมบอกเล่าเรื่องราวคลาสสิกนี้ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ไมค์อธิบายว่า “…การเป็นเจ้าหน้าที่ไม่ใช่เรื่องของการยิงคน ซ้อมคน หรือกระทั่งกลายเป็นอาชญากรเสียเอง แต่การแฝงตัวเป็นเรื่องของการคิดดักหน้าศัตรู…” ไมค์พูดกับผมว่า “…คุณรู้มั้ยที่เขาพูดกันว่าเราใช้สมองเพียงแค่ 10% ในชีวิตประจำวัน คุณจะเข้าใจคำพูดนั้นจริงๆ ตอนที่คุณทำงานแฝงตัวครับ…” ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่เก่งที่สุดก็จะไม่ได้ดูเหมือนเจมส์ บอนด์หรือเจสัน บอร์น พวกเขาไม่สามารถฆ่าคนสี่คนได้ด้วยดินสอ แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้คือการทำให้เกือบทุกคนเชื่อได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่อาชญากรทุกคนมองหา ไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ แต่ในการจะเป็นตำรวจแฝงตัวที่เก่ง เจ้าหน้าที่คนนั้นก็จะต้องซึมซับตัวเองอยู่ในโลกที่แปลกแยกโดยสิ้นเชิง ดังนั้นเรื่องราวของไมค์ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำอย่างเดียวกัน ผมเริ่มต้นการเดินทางที่น่าตกตะลึงและเปิดเผย ผมเริ่มรับรู้ถึงชุมชนขนาดใหญ่ที่ใช้ชีวิตท่ามกลางพวกเรา มันมีการแสดงออกที่โจ่งแจ้งตามแบบฉบับเช่นพวกสกินเฮ้ดที่กระหายการต่อสู้ พวกคูคลักซ์แคลน พวกคนยากจนไร้การศึกษา ถูกกระทำทารุณ แต่มันก็ยังครอบคลุมพวกที่อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่เป็นไปตามแบบฉบับพวกนี้ด้วย ผมได้ค้นพบโลกคู่ขนานที่ซึ่งทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับโลกใบนี้จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันเป็นโลกที่มีรหัสลับตำนานและหลักปรัชญาของตัวเอง มีเสื้อผ้า ศิลปะ หนังสือการ์ตูนและวิดีโอเกมของตัวเอง มีประวัติศาสตร์โลกของตัวเอง (เช่นเว็บไซต์ Metapedia “เอ็นไซโคลปีเดียคู่ขนาน” ที่เผยแพร่ใน 16 ภาษา) มีสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมไปทั่วโลก (เช่น Stormfront ที่มีผู้เยี่ยมชมกว่าสองล้านคน) และวารสาร“วิชาการ”ที่มีตั้งแต่ Occidental Quarterly ไปจนถึงหนังสือมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาพันธุกรรม การปฏิเสธเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, ประวัติศาสตร์ “ตะวันตก,” “การศึกษาวัฒนธรรมยิว” และมานุษยวิทยาเกี่ยวกับชาติพันธุ์ แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือคนที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ มันมีทั้งวิศวกร นักบัญชี คนที่จบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ คนที่จบปริญญาเอก พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในย่านชานเมือง พวกเขาเขียนตามหลักไวยากรณ์ได้อย่างน่าชื่นชม พวกเขาสร้างครอบครัวชนชั้นกลางขึ้นมา แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ถูกร้อยโยงกันด้วยความศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนที่ว่าพวกเขากำลังใช้ชีวิตอยู่ในรัฐเผด็จการเหมือนอย่างในนิยายเรื่อง 1984 ของออร์เวล ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาว รัฐดิสโทเปียนี้ ที่บริหารโดยผู้นำชาวยิวและครอบงำโดยนโยบายไซออนิสต์ทั้งหลาย กำลังบีบให้พวกเขาสูญพันธุ์อย่างไร้ความปรานี เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความจริงเช่นนี้ คนผิวขาวที่ตระหนักรู้คนไหนๆ ก็ตามในอเมริกาจะต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบาก พวกเขาสามารถเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการปลุก “เหล่าแกะ” เหมือนที่คนส่วนใหญ่ทำ และต่อต้านโครงการล้างเผ่าพันธุ์ด้วยการสืบพันธุ์ของรัฐ หรือพวกเขาอาจได้แรงบันดาลใจจากบรรดาวีรบุรุษที่มีตั้งแต่องค์การบุตรแห่งเสรีภาพไปจนถึงทิโมธี แม็ควีห์ ด้วยการยืนหยัดเพื่อกลายเป็นนักสู้เพื่ออิสรภาพ และทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ การตัดสินใจนี้ถูกพูดถึงเอาไว้อย่างชัดเจนใน The Turner Diaries ซึ่งขายได้ครึ่งล้านเล่มและถูกยกย่องว่าเป็น Mein Kampf สมัยใหม่ มันอยู่ในมือของแม็ควีห์ในวันนั้นที่โอกลาโฮมา ซิตี้ และการทำลายอาคารเมอร์ราห์ เฟดเดอรัลของเขาก็เป็นการจำลองฉากสำคัญจากหนังสือเรื่องนั้น ที่นักสู้เพื่ออิสรภาพของคนขาวเริ่มต้น “สงครามเชื้อชาติ” เพื่อล้มล้างรัฐเผด็จการ และนับตั้งแต่โศกนาฏกรรมในวันนั้น ศูนย์เอสพีแอลซีได้รวบรวมเรื่องราวของการก่อการร้ายและการสมคบคิดต่างๆ 109 ครั้ง ที่มีตั้งแต่การยิง การวางระเบิดและการวางเพลิง ไปจนถึงแผนการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อแอนแทร็กซ์ ไรซิน โบทูลิซึม ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค ไซยาไนด์และอาวุธกัมมันตภาพรังสี “เหตุการณ์ปฏิวัติ” แบบนี้นี่เองที่ไมค์ เจอร์แมนใช้เวลาหลายปีเพื่อป้องกันมัน และแม้ว่านี่จะเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่FBIหนุ่มที่เสี่ยงชีวิตที่จะทำเช่นเดียวกัน แต่มันก็ยังเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตคู่ขนานกับสังคมของเรา ผู้ที่เฝ้ารออย่างอดทนให้ถึงวันที่พวกเขาจะสามารถสลัดจากอำนาจของผู้กดขี่พวกเขาและลุกขึ้นยืนหยัดได้อีกครั้ง-แดเนียล รากัสซิส-
เกี่ยวกับภาพยนตร์
การร่วมมือกัน: อดีตเจ้าหน้าที่ลับFBI “ไมค์ เจอร์แมน” และผู้กำกับ “แดเนียล รากัสซิส”
“ไมค์ เจอร์แมน” มือเขียนบทร่วมของ IMPERIUM ทำงานกับFBIนาน 16 ปี ในระยะเวลา 12 ปี เจอร์แมนได้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สายลับที่แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มผู้เทิดทูนคนขาวเพื่อป้องกันการก่อการร้ายจากผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ เจอร์แมนประสบความสำเร็จในการฝังตัวเองอยู่ในกลุ่มหัวรุนแรงในหลายๆ โอกาส ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวอาชญากร และหยุดยั้งการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ประสบการณ์ชีวิตจริงของเจอร์แมนนี่เองที่กลายเป็นเค้าโครงหลักสำหรับบทภาพยนตร์เรื่อง IMPERIUM ในตอนที่แดน รากัสซิส ผู้กำกับ/มือเขียนบทร่วมของ IMPERIUM ทาบทามเจอร์แมนเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์จากประสบการณ์ของเขาครั้งแรก เจอร์แมนตอนแรกรู้สึกลังเลมากๆ เขารู้สึกว่าฮอลลีวู้ด มักนำเสนอภาพเจ้าหน้าที่สายลับของFBIแบบผิดๆ ว่าไร้เทียมทาน เป็นพวกยอดมนุษย์แบบเจสัน บอร์นหรือ 007 ที่อาศัยพลกำลังและความรุนแรงเพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันตราย ตามประสบการณ์ของเจอร์แมน การเป็นเจ้าหน้าที่สายลับที่มีประสิทธิภาพจะต้องพึ่งพาความสามารถในการใช้ไหวพริบและทักษะทางสังคมในการหลีกเลี่ยงการถูกสงสัยและการทำตัวให้เป็นที่ไว้วางใจของอาชญากรอันตราย หลังจากการพูดคุยกันหลายครั้ง เขาเริ่มรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ารากัสซิสตั้งใจจะสร้างภาพยนตร์ที่นำเสนองานของเจ้าหน้าที่สายลับFBIอย่างถูกต้อง โดยละเลยองค์ประกอบตามแบบฉบับของฮอลลีวู้ดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายทั้งหลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นถึงกระบวนการค้นคว้าข้อมูลและการเตรียมตัวเข้มข้นที่เจ้าหน้าที่สายลับจะต้องผ่าน รวมถึงความท้าทายที่พวกเขาต้องเผชิญระหว่างที่พวกเขาต้องอยู่ภายใต้ระบบของFBI และทำตัวให้อยู่ภายใต้ครรลองของกฎหมาย ฉากแอ็คชั่นของ IMPERIUM อาศัยการปูพื้นความตึงเครียดและความลุ้นระทึก แทนที่จะเป็นความรุนแรงแบบการ์ตูน ทั้งเจอร์แมนและรากัสซิสต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า ในการสร้างเรื่องราวของ IMPERIUM ให้อยู่ในยุคปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถพูดถึงประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายและการป้องกันการก่ออาชญากรรมที่กำลังเป็นที่พูดถึงในระดับชาติได้ ดังนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงให้ความสนใจกับโครงการการระบุเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่ชาวมุสลิมอเมริกันและชนกลุ่มน้อยต่างๆ เป็นเป้าหมายและไม่ค่อยจะเป็นที่พูดถึงบ่อยนัก IMPERIUM ล้วงลึกเข้าไปถึงความท้าทายที่เจ้าหน้าที่FBI ต้องเผชิญในการทำงานกับทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการก่อการร้ายในประเทศจากกลุ่มผู้เทิดทูนคนผิวขาวและภัยคุกคามจากพวกหัวรุนแรงฝ่ายขวา ด้วยความที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้ายอิสลามเป็นอันดับแรก เจ้าหน้าที่FBIที่ต่อสู้กับภัยคุกคามในประเทศจึงมักจะต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้รับเงินทุนและการสนับสนุนที่พอเพียง ไมค์ เจอร์แมนกล่าวชื่นชมความพยายามของรากัสซิสในการสร้างภาพยนตร์ที่ตรงกับประสบการณ์จริงของเขา พลางให้ความเห็นว่า “วิสัยทัศน์ที่ไม่เหมือนใครของแดเนียลและความมุ่งมั่นในการบอกเล่าเรื่องราวนี้ในรูปแบบที่ตรงไปตรงมา และไม่ฟูมฟายทำให้ผมประทับใจตั้งแต่วันแรกแล้วครับ ผลลัพธ์ที่เราได้มาได้ถ่ายทอดการทำงานของFBI โดยเฉพาะพวกเจ้าหน้าที่สายลับ ได้ตรงไปตรงมากว่าหนังเรื่องไหนๆ ที่ผมได้ดูมา ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ”เกี่ยวกับตัวละคร
แดเนียล แรดคลิฟฟ์ : จากแฮร์รี พอตเตอร์ สู่การเป็นผู้แฝงตัวในกลุ่มนีโอ นาซี
“แดเนียล แรดคลิฟฟ์” ผู้โด่งดังระดับโลกจากการนำแสดงใน Harry Potter ที่หลายคนชื่นชอบมีกลุ่มแฟนๆที่ได้เฝ้ามองเขาเติบโตบนจอเงินมากมาย ด้วยเสน่ห์แบบเด็กหนุ่มข้างบ้านที่เข้าถึงได้ Harry Potter แฟนๆ ของแรดคลิฟฟ์จึงตกตะลึงเมื่อเขาเผยภาพตัวเองโกนหัวในกองถ่ายของ IMPERIUM จากเพจ Google+ ของเขา หลังจากนิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์ วีคลีย์และสื่ออื่นๆได้เผยแพร่ภาพนี้ก็เกิดกระแสฮือฮาทางสื่อโซเชียลมีเดียมากมาย ซึ่งปฏิกิริยาของแฟนๆก็มีตั้งแต่ตกใจไปจนถึงโกรธ ชื่นชมและสนับสนุน ใน IMPERIUM “เนท ฟอสเตอร์” ตัวละครเจ้าหน้าที่FBI ของแรดคลิฟฟ์ได้โกนหัวเพื่อแฝงตัวไปเป็นหนึ่งในพวกนีโอ นาซี ดังนั้น แรดคลิฟฟ์จึงจำเป็นจะต้องโกนหัวเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับนักแสดงหนุ่ม แรดคลิฟฟ์เผยกับจิมมี่ ฟัลลอนในรายการ The Tonight Show ว่า “…ผมค่อนข้างโล่งอกเพราะผมโกนหัวระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งผมไม่เคยโกนหัวมาก่อน ผมก็เลยไม่รู้ว่าข้างใต้นั้นเป็นยังไงบ้าง มันอาจจะมีรอยปูด ตำหนิ ปานหรืออะไรบางอย่างที่คาดไม่ถึงก็ได้ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งทำให้ผมโล่งอกครับ…” แน่นอนว่าลุ๊คใหม่ของแรดคลิฟฟ์ไม่ได้หยุดยั้งแฟนๆ จากการรุมล้อมกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้และโลเกชั่นริชมอนด์และโฮปเวลในเวอร์จิเนีย ด้วยความหวังที่จะได้ถ่ายรูปและขอลายเซ็น ซึ่งเขาก็ยินดีทำตามคำขอในโลเกชั่นทั้งสองแห่ง แฟนๆจำนวนมากได้เข้าแถวนอกภัตตาคารที่มีคนเห็นแรดคลิฟฟ์ใช้บริการ รวมถึงร้านเคแอนด์แอล บาร์บีคิวในโฮปเวลและจูเล็ปส์ในริชมอนด์ ในความเป็นจริงแล้วมีแฟนที่กระตือรือร้นคนหนึ่งถึงขนาดขอให้แรดคลิฟฟ์เซ็นลายเซ็นที่ขาของเธอ ซึ่งเธอทำให้มันถาวรด้วยการแวะไปเยือนร้านสักในท้องถิ่น