activity on December 03, 2015, 08:46:55 AM
ภาพข่าว: “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32” เปิดยิ่งใหญ่ ชูแนวคิด “มาตรฐานใหม่ ยานยนต์ไทยใส่ใจโลก”



หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ที่ 5 จากซ้าย) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32" โดยมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน (ที่ 6 จากซ้าย) ให้การต้อนรับ ณ ห้องรอยัล จูบีลี อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2558

activity on December 03, 2015, 08:51:24 AM
เคทีเอ็มจับมือเบิร์นรับเบอร์ครั้งแรกในประเทศไทย เปิดตัวรถ 3 รุ่นใหม่ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 เกณฑ์กองทัพสีส้มพร้อมลุยทั้งกลุ่มสตรีทและออฟโรดในบูธสไตล์ Ready To Raceพร้อมกับโปรโมชั่นและรถราคาพิเศษแบบจัดเต็ม









          บริษัท เบิร์นรับเบอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์สัญชาติออสเตรียแบรนด์ "เคทีเอ็ม" แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 หรือ Thailand International Motor Expo 2015 พร้อมอวดโฉม 2 รุ่นใหม่ อาร์ซี 250 (RC 250) และ 250 ดู๊ค (250 Duke) ครั้งแรกในประเทศไทยและ 1 รุ่นไฮไลต์​ 1290 ซุปเปอร์ แอดเวนเจอร์​ (1290 Super Adventure)

          บริษัท เบิร์นรับเบอร์ จำกัด ได้เข้าดำเนินกิจการมอเตอร์ไซค์แบรนด์เคทีเอ็ม (KTM) ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมสานต่อ Core Values 4 ด้าน ของแบรนด์เคทีเอ็ม (KTM) ได้แก่ PURITY (ความบริสุทธิ์ในการดีไซน์) แบรนด์เคทีเอ็มมุ่งเน้นการออกแบบเพื่อสร้างสมรรถนะที่ดีที่สุดสำหรับมอเตอร์ไซค์ในแต่ละรุ่น โดยตัดทอนน้ำหนัก ชิ้นส่วนหรือองค์ประกอบที่เกินความจำเป็นออกเพื่อให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่พร้อมลงสนามในทุกสถานการณ์ PERFORMANCE (สมรรถนะยอดเยี่ยม) สมรรถนะเป็นพื้นฐานสำคัญของแบรนด์เคทีเอ็มภายใต้ปรัชญา "Ready To Race" ADVENTURE (ความน่าตื่นเต้นในการขับขี่) ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ทุกครั้งที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์แบรนด์เคทีเอ็ม เพื่อเพิ่มความท้าทายให้กับตัวผู้ขับขี่ และ EXTREME (ความท้าทายในผลิตภัณฑ์) เคทีเอ็มมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นทุกแบบให้สอดคล้องกับ Core Values ทั้ง 4 ด้านของเรา โดยทางเบิร์นรับเบอร์พร้อมรุกตลาดประเทศไทยกับรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 12 รุ่นในกลุ่มสตรีทและออฟโรดอย่างเต็มตัว

          คุณภูมินทร์ นิวาตวงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท เบิร์นรับเบอร์ จำกัด เปิดเผยว่า "ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์เคทีเอ็ม พร้อมทั้งได้พบกับสาวกแบรนด์สีส้มครั้งแรกอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทฯ จะเปิด KTM Flagship Bangkok ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งแรกที่ประเทศไทย ณ โครงการ เอ แสควร์ ซอยสุขุมวิท 26 เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับสาวกแบรนด์เคทีเอ็มแบบครบวงจรไม่ว่าจะเป็นโชว์รูมผลิตภัณฑ์ ศูนย์บริการ และกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ที่เราวางแผนและเตรียมพร้อมให้กับผู้หลงใหลแบรนด์สีส้มอย่างเต็มที่ นอกจากนี้เรายังมีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะพัฒนาแบรนด์ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเคทีเอ็มและเติบโตอย่างมั่นคงในตลาดมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยภายใต้ปรัชญา "Ready To Race" ในทุกๆ ด้านอีกด้วย"

          สำหรับรถที่บริษัทฯ นำมาเปิดตัวในครั้งนี้มี 3 รุ่น ดังนี้
          เคทีเอ็ม 1290 ซุปเปอร์ แอดเวนเจอร์​ (KTM 1290 Super Adventure) รถรุ่นไฮไลต์ในปี 2015 ของแบรนด์เคทีเอ็ม ที่มาพร้อมกับ Standard Equipment Package เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย พร้อมทั้ง ติตตั้งระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยแบบครบวงจรที่ดีที่สุดในตลาดรถจักรยานยนต์ในปัจจุบัน อาทิ WP Suspension ระบบ MSC (Motorcycle Stability Control) ระบบ MTC Traction Control ระบบ Cruise Control เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์และแอคเซสเซอรี่ทั้งหมดที่มากับรถคันนี้ทำให้ เคทีเอ็ม 1290 ซุปเปอร์ แอดเวนเจอร์​ เป็นรถที่มีความปลอดภัยสูงที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์กำลังสูงสุดเหมาะสำหรับการขับขี่ท่องเที่ยวแบบ Enduro ซึ่งหาคู่เปรียบเทียบได้ยาก

          อาร์ซี 250 (RC 250) และ 250 ดู๊ค (250 Duke) แบรนด์เคทีเอ็มพร้อมขยายตลาดในกลุ่ม รถมอเตอร์ไซค์แบบสตรีท โดยการเพิ่มมอเตอร์ไซค์รุ่น อาร์ซี 250 (RC 250) และ 250 ดู๊ค (250 Duke) ถึงแม้ อาร์ซี 200 (RC 200) และ 200 ดู๊ค ที่จัดจำหน่ายแล้วจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกเป็นอย่างดี เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดเครื่องยนต์ขนาดกลางที่ต้องการความเร็วในการเข้าโค้งที่เร้าใจและสมรรถนะที่เยี่ยมยอดเวลาเบรคลึกและยังคงขับขี่โดยใช้ความเร็วได้นานขึ้น โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับน้ำหนักรถสุทธิเพียง 139 กิโลกรัม สำหรับ 250 Duke และ 147 กิโลกรัม ในรุ่น RC 250 ซึ่งด้วยน้ำหนักที่เบาลงนี้ทำให้ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะในการเข้าโค้งด้วยการใช้ความเร็วสูงสุดและเพิ่มความสามารถในการเบรคชะลอความเร็วของรถช้าที่สุดตลอดจนการทำให้รถทรงตัวอยู่ได้นานที่สุดอีกด้วย ทั้ง 2 รุ่นใหม่นี้ จึงถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์อีกทางเลือกหนึ่งที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับสมรรถนะในรถขนาด 250 ซีซี ที่มีความน่าเชื่อถือ คงทน และใช้ขับขี่ได้จริงไม่ว่าจะเป็นการขับขี่เพื่อเดินทางไปทำงานในแต่ละวันหรือเป็นกิจกรรมอดิเรกที่โปรดปรานในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือเพียงเพื่อใช้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทำให้มอเตอร์ไซค์ เคทีเอ็มรุ่น RC 250 และ 250 Duke ใหม่นี้ถือเป็นต้นกำเนิดของมาตรฐานรถขนาด 250 ซีซีไปแล้ว

          นอกจากนี้ทางเคทีเอ็มยังได้นำเสนอโปรโมชั่นพิเศษมากมายให้เฉพาะกับผู้ที่มาร่วมงานมหกรรม ยานยนต์ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นราคาพิเศษช่วงแนะนำ ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งและกิ๊ฟท์เซ็ตจากกลุ่ม แอคเซสเซอรี่ของเคทีเอ็ม PowerWear และ PowerParts พร้อมทั้งข้อเสนอพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สามารถพบกับเราได้ที่บูธหมายเลข G01-1 และสามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ของเคทีเอ็มได้ทาง www.KTM.com หรือทางช่องทาง Facebook (www.facebook.com/KTMThailandOfficial)

activity on December 03, 2015, 08:52:25 AM
KTM Joins Hands with Burn Rubber for the First Time in Launching 3 New Models at 32nd Thailand International Motor Expo Showcasing ranges of street & offroad motorcycles under Ready To Race concept Offering amazing promotions and extremely special prices









          Burn Rubber Company Limited, the sole importer and distributor of Austrian motorcycles under "KTM" brand in Thailand, has made its official launch at the 32nd Thailand International Motor Expo or the Thailand International Motor Expo 2015. Accompanying its launch is the unveiling of three new models from KTM: RC 250; 250 Duke and the ultimate highlight 1290 Super Adventure.

          Burn Rubber Company Limited has operated its KTM business since October 2015 with the solid determination to honor the four core values of KTM: PURITY of design makes sure each KTM vehicle is built purely for performance. Only components that make the motorcycle lighter, stronger and faster become part of KTM; PERFORMANCE is the cornerstone of KTM's READY TO RACE brand positioning; ADVENTURE is waiting to be experienced in every new ride on KTM; and EXTREME that provides not just challenges but also thrills. All KTM motorcycles are developed and manufactured based on these four values. Today, Burn Rubber is thus fully ready to establish KTM brand in Thailand and expand its base here with 12 street and offroad models.

          Mr. Bhumin Nivatvongs, executive director of Burn Rubber Company Limited, says, "The Motor Expo has given us a good opportunity to officially introduce our firm as the sole authorized distributor of Austrian-made motorcycles under KTM brand in Thailand. Thanks to this opportunity, we can meet the orange family. Moreover, we are going to open the biggest KTM Flagship Store in Southeast Asia, located at A-Square Soi Sukhumvit 26. The KTM Flagship Bangkok will be a comprehensive complex for KTM fans covering showroom, service center, and venue for various marketing activities. As we have made solid plans and preparations for KTM supporters, they can be rest assured that they are going to enjoy new, enriched KTM experiences. Burn Rubber is committed to developing KTM presence here in line with KTM vision and under its Ready to Race philosophy to driving the brand's growth in the Thai market".

          In this occasion, Burn Rubber introduces three motorcycle models;
          KTM 1290 Super Adventure, KTM's highlight model in 2015, impresses with the most comprehensive standard equipment package – in terms of comfort, electronics and safety. Being the best of its class in the motorcycle market, it includes WP Suspension, MSC (Motorcycle Stability Control), MTC Traction Control and Cruise Control. This outstanding overall package makes KTM 1290 Super Adventure the safest ever travel enduro. Together with the most powerful travel enduro engine, it is arguably beyond comparison.

          RC 250 and 250 Duke reflect KTM's commitment to expand its diverse Street range. These models are the improved versions of RC 200 and Duke 200, which in fact had already demonstrated strong performance attributes and enjoyed popularity worldwide. KTM has pursued the improvement in its bid to increase the satisfaction of motorcyclists who are craving for scary cornering speeds and an ability to brake super-late to stay faster longer. The two new models are dynamic yet lightweight. Their machine weighs just 139 kg for 250 DUKE and 147 kg for RC 250. Thanks to such strengths, they boast a perfect overall package of outright 250cc performance on top of absolute reliability, durability and real-world practicality. Whether it is commuting to work each day, scratching round favorite turns at weekend, or just heading to shops, RC 250 and 250 Duke definitely set the 250cc capacity benchmark.

          KTM now offers tempting promotions at the Thailand International Motor Expo 2015. Its latest models are now sold at extremely special prices, which apply only to the launch period, and appealingly bundled with first-class insurance. Gift sets featuring KTM's PowerWear and PowerParts, plus various other good deals are also on offer at KTM booth (G01-1). For more information or updates about KTM, please visit www.KTM.com and www.facebook.com/KTMThailandOfficial

activity on December 03, 2015, 08:55:41 AM
พบกับการโชว์รถยนต์เต็มรูปแบบจากฮุนได ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32 Thailand International Motor Expo 2015

          รถไฮไลท์ฮุนไดเอลันตราสปอร์ตเอสอี (All-New Hyundai Elantra Sport SE: Special Edition)
          รถต้นแบบฮุนไดอินทราโด (Intrado: HED-9)
          ข้อเสนอพิเศษสำหรับรถฮุนไดทุกรุ่น
          บูธฮุนไดดีไซน์ใหม่
          การขยายเครือข่ายศูนย์บริการ และการยกระดับการให้บริการหลังการขาย
          รถโชว์ในงาน เอลันตราสปอร์ต (All-New Elantra Sport), เอช-วัน ซีรีย์(H-1 Series),แกรนด์สตาเร็กซ์ (Grand Starex), ทูซอน(Tucson) และ เวลอสเตอร์(Veloster)









          บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ฮุนไดอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถรุ่นใหม่ "ฮุนไดเอลันตราสปอร์ตเอสอี (All-New Elantra Sport SE : Special Edition)" นิยามใหม่ของความสปอร์ต หรือ "Sport. Redefined. ที่ถ่ายทอดความสปอร์ตผ่านชุดแต่งที่ถูกออกแบบมาด้วยความปราณีต ผสมผสานอย่างกลมกลืนรอบคัน ด้านหน้าตกแต่งด้วยกระจังหน้า Blackout พร้อมชุดสเกิร์ตรอบคัน ทำให้รถดูมีเอกลักษณ์สปอร์ต สวยสะดุดตา ภายในโดดเด่นด้วยเบาะหนังลายใหม่พร้อมโลโก้ Elantra SE ตัดด้วยสีน้ำเงิน สะท้อนความเป็นรถสปอร์ตได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ไลฟสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความสปอร์ตแบบพรีเมี่ยมที่มีความคุ้มค่าคุ้มราคา "เอลันตราสปอร์ตเอสอีใหม่" เป็นทางเลือกใหม่ของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์คอมแพ็คท์ซีดานที่ขับสนุกเต็มสมรรถนะ ปราดเปรียวและคล่องตัว เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน ท้าทายทุกสายตาด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์สปอร์ต โดดเด่นและมีสไตล์อย่างชัดเจน มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ Creamy White, Phantom Black, Sleek Silver และ Santorini Blue เปิดตัวด้วยราคาเพียง 996,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษ ดังนี้
          • ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 7 ปี หรือ 180,000 กม.
          • ฟรี ค่าบำรุงรักษา ทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่นาน 5 ปี หรือ 100,000 กม.
          • ซื้อวันนี้ ผ่อนปีหน้า หรือ เลือกดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน พร้อม ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
          • ฟรี ค่าน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท

          ความโดดเด่นของ "เอลันตราสปอร์ตเอสอีใหม่"
          - ชุดสเกิร์ตสไตล์สปอร์ตรอบคัน (หน้า, ข้าง และหลัง)
          - กระจังหน้า Blackout เพิ่มความสปอร์ต ดุดันมากยิ่งขึ้น
          - สปอยเลอร์หลัง
          - ปลายท่อไอเสียสแตนเลส
          - โลโก้ "SE" ที่ฝากระโปรงด้านหลัง
          - ล้ออัลลอยลายใหม่ สี Hyper Black ขนาด 17 นิ้ว
          - เบาะหนังลายใหม่ พร้อมโลโก้ Elantra SE ตัดด้วยสีน้ำเงิน เพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น
          - พรมปูพื้นพร้อมโลโก้ Elantra SE บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
          - แป้นเหยียบสแตนเลส พร้อมแถบยางกันลื่น หรูหรา สปอร์ตกว่าเดิม

          อุปกรณ์มาตรฐานที่มีอยู่ใน "เอลันตราสปอร์ตเอสอีใหม่"
          - ไฟหน้าอัตโนมัติแบบ HID projector พร้อม LED Light Guide
          - ระบบ Smart Entry และ ระบบ Push Start
          - เครื่องเสียงวิทยุ CD/DVD แบบ 2 DIN รองรับไฟล์ MP3/WMA/AAC/MP4/DivX/JPG พร้อมหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว
          - ระบบแผนที่นำทาง
          - กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ
          - ระบบควบคุมความเร็ว Cruise Control
          - ระบบพวงมาลัย Flex Steer
          - กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ
          - ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา
          - เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมที่ดันหลัง
          - ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และระบบปัดน้ำฝนอัตโมมัติ

          รถต้นแบบอินทราโด (Hyundai Intrado :HED-9)
          "อินทราโด" หรือ เอชอีดี 9 คือรถต้นแบบแนว crossover ที่มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในอาเซียนที่งาน Motor Expo 2015 เผยถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของแบรนด์ "ฮุนได" ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเดินทางในอนาคตกับการเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่มากยิ่งขึ้น และตอกย้ำความเชื่อของฮุนไดที่ว่า การนำเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าผสมผสานกับการออกแบบที่ชาญฉลาดนั้น จะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถใช้ประโยชน์จากรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งการออกแบบของ อินทราโด ตั้งแต่ภายในจรดภายนอกนั้น ล้วนแล้วแต่คำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้ทั้งสิ้น โดยจะเน้นการใช้งานเป็นหลัก และยังสามารถนำมาใช้งานจริงกับรถยนต์ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
ชื่อ "อินทราโด" เป็นชื่อของส่วนที่อยู่ใต้ปีกของเครื่องบิน ซึ่งเป็นบริเวณที่ทำหน้าที่ในการสร้างแรงส่งให้เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า การออกแบบ อินทราโด นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินเช่นกัน ซึ่งจะเน้นการใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง มีน้ำหนักที่เบาแต่มีความแข็งแรงสูง โดยตัวถังของ อินทราโด ผลิตจากวัสดุ carbon fiber ซึ่งสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับตัวถังทั่วไป โดยยังสามารถรักษาระดับความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชิ้นส่วนตัวถังภายนอกผลิตจากวัสดุโลหะเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้รถมีน้ำหนักเบา ทนทาน นอกจากนี้ยังมีการตัดชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อเป็นการลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพสูงที่สุดให้กับตัวรถ อีกทั้งยังให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นและง่ายต่อการบำรุงรักษา
          อินทราโด ใช้เครื่องยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาด 36 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถวิ่งได้มากกว่า 600 กม. ต่อเชื้อเพลิงหนึ่งถัง โดยใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในเวลาเพียงไม่กี่นาที การขับเคลื่อนทั้งหมดนั้น จะไม่มีไอเสียถูกปลดปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม มีเพียงแต่น้ำบริสุทธิ์เท่านั้น นอกจากระยะทางวิ่งที่เพิ่มขึ้นแล้ว อินทราโด ยังมีสมรรถนะที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของ อัตราเร่ง การตอบสนอง และการควบคุม เนื่องจากน้ำหนักที่ลดน้อยลงและระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
          เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อินทราโด ได้รับรางวัล JURY PRIZE จากการประกวด JEC Innovation awards 2015 สำหรับการออกแบบตัวถังโดยใช้วัสดุ carbon fiber ที่ใช้กรรมวิธีและกระบวนการผลิตแบบใหม่ ทำให้มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าการผลิต carbon fiber แบบทั่วไป ซึ่งเป็นการพิสูจน์และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและความสามารถของฮุนไดในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สำหรับยานยนต์ในอนาคต

          แคมเปญพิเศษระหว่างงาน "Motor Expo 2015" (1-13 ธันวาคม 2558)
          รถยนต์ฮุนไดเอลันตราสปอร์ต ทุกรุ่น (1.8 GL, 1.8 GLE, 1.8 GLS NAVI และ 1.8 SE)
          - ฟรี รับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 7 ปี หรือ 180,000 กม
          - ฟรี ค่าบำรุงรักษา ทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่นาน 5 ปี หรือ 100,000 กม.
          - ซื้อวันนี้ ผ่อนปีหน้า หรือ เลือกดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน พร้อม ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
          - ฟรี ค่าน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท สำหรับรุ่น 1.8 SE และ 10,000 บาท สำหรับรุ่น 1.8 GLS Navi

          รถยนต์ฮุนไดเอช-วัน ทุกรุ่น (อีลีท, เดอลุกซ์ และ ลิมิเตด)
          - เลือกรับอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง
          - ฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่นาน 3 ปี หรือ 60,000 กม.
          - หรือ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

          รถยนต์ฮุนไดแกรนด์สตาเร็กซ์ ทุกรุ่น (วีไอพี และ พรีเมียม)
          - ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

          รถยนต์ฮุนไดทูซอน
          - ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ผ่อนนาน 48 เดือน
          - ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
          - ข้อเสนอสุดพิเศษในงานฯ

          รถยนต์ฮุนไดเวลอสเตอร์
          - ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ผ่อนนาน 48 เดือน
          - ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
          - ข้อเสนอสุดพิเศษในงานฯ

          บูธฮุนไดดีไซน์ใหม่
          ในปีนี้ฮุนไดได้ปรับเปลี่ยนการตกแต่งบูธในงาน Motor Expo ใหม่ โดยเน้นดีไซน์ที่โดดเด่น เรียบหรูและพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น โครงสร้างหลักปรับเปลี่ยนเป็นโทนสีบรอนซ์ ให้อารมณ์ทันสมัย หรูหรา เน้นเส้นสายที่เป็นเหลี่ยมสันและมุมอย่างมีเอกลักษณ์ ทั้งนี้เพื่อมุ่งสร้างความกลมกลืนระหว่างเทคโนโลยีและธรรมชาติให้มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสโลแกน "New Thinking. New Possibilities." ที่บริษัท ฮุนได มอเตอร์ คอมปานี จำกัด ได้พยายามที่จะยกระดับแบรนด์ฮุนไดให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น ทั้งนี้การปรับดีไซน์ของบูธนั้นสอดคล้องกับ มาตรฐานการตกแต่งโชว์รูมใหม่ ที่ฮุนไดได้นำมาใช้ในการตกแต่งโชว์รูมทั่วโลก "Global Dealership Space Identity" (GDSI) ซึ่งในประเทศไทยได้ทยอยปรับเปลี่ยนโชว์รูมตามมาตรฐานใหม่แล้วหลายแห่งด้วยกัน

          การขยายเครือข่ายศูนย์บริการ และการยกระดับการให้บริการหลังการขาย
          นอกจากเรื่องของการยกระดับแบรนด์ด้วยการปรับดีไซน์ของ corporate identity แล้ว ฮุนไดยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพสินค้าและการบริการไปพร้อมๆกับการขยายจำนวนศูนย์บริการทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างทั่วถึง รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ และความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยการยกระดับการให้บริการให้มีความรวดเร็ว มีคุณภาพ โดยช่างที่มีความชำนาญและได้มาตรฐาน และมีคลังอะไหล่ขนาดใหญ่ที่พร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้ฮุนไดได้เปิดโชว์รูมศูนย์บริการเป็นแห่งที่ 25 และฮุนไดยังคงมุ่งมั่นขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายต่อไปในอนาคต เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าฮุนได อย่างทั่วถึงที่สุด

activity on December 03, 2015, 08:55:55 AM
รถยนต์รุ่นอื่นๆที่จัดแสดง
          รถยนต์ฮุนไดเอลันตราสปอร์ต (All-New Hyundai Elantra Sport)
          คือผลงานชิ้นสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากฮุนไดที่ยกระดับรูปลักษณ์และความมีรสนิยมทั้งภายนอก และภายในอย่างชัดเจนด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเพิ่มสมรรถนะมากมาย ฮุนไดเอลันตราสปอร์ต มีทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น 1.8 GL รุ่น 1.8 GLE รุ่น 1.8 GLS Navi และรุ่น 1.8 SE ที่เปิดตัวใหม่ในงาน ทั้ง 3 รุ่นใช้เครื่องยนต์ 1,800 ซีซี พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 178 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 202 กม./ชม. โดดเด่นเหนือใครในระดับ 1,800 ซีซี ที่จำหน่ายในประเทศไทย ทำให้เป็นรถยนต์ที่ขับสนุกเต็มสมรรถนะ และสะดวกสบายเกินความเป็นคอมแพ็คท์ซีดาน จนสัมผัสได้ถึง "ความคุ้มค่าคุ้มราคา"

          รุ่น 1.8 GLS Navi เป็นรุ่นสูงสุด มาพร้อมอุปกรณ์ระดับพรีเมี่ยมมากมาย เหนือชั้นกว่าด้วยสมรรถนะ และความสะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมระบบความปลอดภัยที่มาอย่างครบครัน อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพ (ESP) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) ระบบจัดการเสถียรภาพ (VSM) และอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอีกมากมาย รวมถึงระบบนำทาง GPS Navigation ที่ช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายได้อย่างง่ายดาย ราคา 976,000 บาท

          รุ่น 1.8 SE เป็นรุ่นพิเศษที่มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเช่นเดียวกับรุ่น 1.8 GLS Navi แต่ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งเพื่อเพิ่มความสปอร์ตให้มากขึ้น กับ ชุดสเกิร์ตรอบคัน กระจังหน้าสี Blackout ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่สี Hyper Black ปลายท่อไอเสียสแตนเลส เบาะหนังสปอร์ตตัดด้วยสีน้ำเงินพร้อมปักโลโก้ Elantra SE แป้นเหยียบสแตนเลส พรมปูพื้นพร้อมโลโก้ "Elantra SE" ราคา 996,000 บาท

          รุ่น 1.8 GLE เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานมากมายในระดับราคาที่คุ้มค่ามาก มีอุปกรณ์ที่โดดเด่นดังต่อไปนี้ ระบบพวงมาลัยอัจฉริยะ Flex Steer เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และระบบฟอกอากาศ Clean Air เบาะนั่งหนังแท้กึ่งสังเคราะห์ ระบบ Smart Entry และ ระบบ Push Start ระบบที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ แบบ Projector Lens พร้อม LED Light Guide ระบบเครื่องเสียงแบบจอสัมผัส Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Bluetooth ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังแท้ เบาะนั่งตอนหลังพับได้แบบ 60:40 พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ราคา 869,000 บาท

          รุ่นมาตรฐาน 1.8 GL โดดเด่นด้วยล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ไฟหน้าแบบ multi-reflector ถุงลมนิรภัยคู่หน้า พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มด้วยวัสดุที่ทำจากผ้า และกุญแจแบบพับเก็บได้พร้อมรีโมทในตัว ราคา 799,000 บาท

          รถยนต์ฮุนไดเอช-วันซีรีย์ (The New Hyundai H-1 Series)
          ฮุนไดเอช-วัน มาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ที่โดดเด่นและมีบุคลิกมากขึ้น กันชนหน้าหลัง กาบข้างดีไซน์ใหม่ เพิ่มความหรูหราภูมิฐานอย่างมีระดับ เอช-วัน ซีรีย์ มี 3 รุ่นให้เลือก ได้แก่ รุ่น เดอลุกซ์ รุ่นอีลีท และ รุ่นลิมิเตด
          อุปกรณ์มาตรฐานสำหรับฮุนไดเอช-วันทุกรุ่นได้แก่
          เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.5 ลิตร ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบแปรผัน (VGT) พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 441 นิวตัน-เมตร ถ่ายทอดลงถนนด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
          เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อม Sequential Mode
          ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
          เบาะนั่งในห้องโดยสาร 12 ที่นั่ง หมุนได้ 180 องศา
          ประตูห้องโดยสารเปิดสไลด์ 2 ข้าง พร้อมกระจก Flush Glass
          ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link พร้อมคอยล์สปริง

          รุ่นเดอลุกซ์ (Deluxe) มาพร้อมกับคอนโซลกลางที่ออกแบบใหม่ เพื่อรองรับเครื่องเสียง DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบนำทางใหม่ มีการตกแต่งด้วยลายไม้ใหม่ หน้าจอ LCD ติดเพดานสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และ กล้องมองหลังพร้อม Bird's Eye View เพื่อช่วยในการจอดรถ ราคา 1,599,000 บาท

          รุ่นอีลีท (Elite) เป็นรุ่นเริ่มต้นของ เอช-วัน ซีรีย์ ซึ่งยังคงระดับความสบายเช่นเดียวกับรุ่น เดอลุกซ์ ด้วยเบาะแบบ 12 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเบาะหุ้มหนัง มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว และ สัญญาณกะระยะถอยหลังเพื่อช่วยในการจอดรถ เป็นอีกทางเลือกของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์สไตล์ Luxury MPV ที่เน้นความคุ้มค่าคุ้มราคา ความหรูหราในราคาที่โดนใจ และการใช้งานที่ดีเยี่ยม ราคา 1,449,000 บาท

          รุ่นลิมิเตด (Limited) เป็นรุ่นพิเศษสำหรับ เอช-วัน ซึ่งเปิดตัวมาเพื่อเอาใจแฟน เอช-วัน ที่ต้องการความสปอร์ตมากขึ้น รุ่นลิมิเตด มีพื้นฐานมาจากรุ่น เดอลุกซ์ แต่ได้เติมแต่งอุปกรณ์เพื่อเพิ่มความสปอร์ต เริ่มจากสีภายนอกสีขาว Creamy White พิเศษเฉพาะรุ่น ภายในสีเทาแบบ Two-tone พร้อมเบาะหนังสีเทาพิเศษและลายไม้สีเทาเข้ม พวงมาลัยหุ้มหนังแท้ พรมปูพื้นคุณภาพสูงพร้อมโลโก้ "H-1 Limited" ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สี Hyper Black และ โลโก้ "LIMITED" ที่ฝากระโปรงท้าย ราคา 1,639,000 บาท

          รถยนต์ฮุนไดแกรนด์สตาเร็กซ์วีไอพี (The New Hyundai Grand Starex VIP)
          รถยนต์เรือธง Luxury MPV แบบ 7 ที่นั่ง จากฮุนได ใช้เครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 2.5 ลิตร ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบแปรผัน (VGT) พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า และแรงบิด 441 นิวตัน-เมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด พร้อมระบบ Sequential Shift
          อุปกรณ์มาตรฐานได้แก่
          เบาะแบบ VIP พร้อมหมอนรองศีรษะแบบ Butterfly พนักพิงกับที่รองต้นขาปรับด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อความสะดวกสะบายสูงสุด
          ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
          กล้องมองหลังพร้อม Bird's Eye View เพื่อช่วยในการจอดรถ
          คอนโซลกลางใหม่ พร้อมเครื่องเสียง DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
          ระบบแผนที่นำทาง
          เคานเตอร์บันเทิงบรรจุเครื่องเล่น DVD และเครื่องเสียงจาก Kenwood® พร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 22 นิ้ว แบบ Full HD
          ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
          กุญแจรีโมทและสัญญาณกันขโมย
          ราคา 1,978,000 บาท

          รถยนต์ฮุนไดทูซอน (The New Hyundai Tucson)
          ฮุนไดทูซอน คือผลงานการพัฒนารถยนต์ที่เป็นการเติมเต็มในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก อุปกรณ์ความสบายต่างๆ และสมรรถนะการขับขี่ ใช้เครื่องยนต์ ขนาด 2,000 ซีซี เทอร์โบดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น 184 แรงม้า แรงบิด 392 นิวตัน-เมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift Mode ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้าใหม่แบบ Projector Lens ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไฟท้ายล้ำสมัยด้วยไฟ LED ที่ออกแบบการส่องสว่างได้อย่างแตกต่างและทันสมัย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่ พร้อมยาง ขนาด 225/60/R17 เครื่องเล่น DVD พร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่เชื่อมต่อความบันเทิงผ่านช่องต่อ USB/AUX ระบบนำทาง GPS ที่แม่นยำ และให้ความสะดวกในทุกเส้นทาง
          อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่
          ระบบ Smart Entry และ Push Start
          ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
          ระบบรักษาเสถียรภาพรถยนต์ ESP (Electronic Stability Program)
          ระบบช่วยชะลอความเร็วขณะลงทางลาดชัน DBC (Down-Hill Brake Control)
          ระบบป้องกันรถไหลขณะขึ้นทางลาดชัน HAC (Hill-Start Assist Control)
          ราคา 1,690,000 บาท

          รถยนต์ฮุนไดเวลอสเตอร์ (The New Hyundai Veloster)
          ฮุนไดเวลอสเตอร์ เป็นการปฏิวัติยานยนต์ ด้วยรูปลักษณ์แฮทช์แบ็คแบบ 2+1 ประตู ที่ทำให้ เวลอสเตอร์ มีรูปทรงเป็นคูเป้ แต่มีความสะดวกสบายเทียบเท่ากับรถซีดานทั่วไป ประตูที่ตำแหน่งด้านหลังซ้ายทำให้ผู้โดยสารด้านหลังสามารถขึ้นลงจากรถอย่างสะดวกสบาย โดยที่ไม่ต้องรอผู้โดยสารด้านหน้าดังเช่นรถคูเป้ทั่วไป Veloster มี 2 รุ่นให้เลือกตามชนิดของเครื่องยนต์ 2 แบบคือ เครื่องยนต์ขนาด 1.6L MPI และ เครื่องยนต์ 1.6L ระบบเทอร์โบแบบ Twin Scroll ไดเร็คอินเจ็คชั่น

          รุ่นเวลอสเตอร์สปอร์ตเทอร์โบ (Veloster Sport Turbo)
          อุปกรณ์มาตรฐานมีดังนี้
          เครื่องยนต์ 1.6L T-GDI ให้กำลังสูงสุด 186 แรงม้า พร้อม แรงบิดแบบ flat torque 265 Nm ที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาที
          เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดพร้อมระบบ Sequential Shift
          แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shifters)
          ไฟหน้าแบบ Projector Lens พร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบ LED
          ไฟท้ายแบบ LED
          เบาะหนัง พร้อมที่ปรับที่นั่งคนขับแบบไฟฟ้า
          เครื่องเสียงหน้าจอขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบบลูทูธ
          ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
          หลังคากระจกไฟฟ้าแบบพาโนรามิค (Panaoramic Sunroof)
          ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
          ราคา 1,739,000 บาท

          รุ่นเวลอสเตอร์ (Veloster)
          อุปกรณ์มาตรฐานมีดังนี้
          เครื่องยนต์ 1.6L MPI 130 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดพร้อม Sequential Shift
          ระบบ Smart Entry และ ระบบ Push Start
          เครื่องเสียงหน้าจอขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบบลูทูธ
          ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
          สัญญาณกะระยะถอยหลัง
          ABS, EBD และ BA
          ราคา 1,299,000 บาท

activity on December 03, 2015, 08:57:53 AM
Experience Hyundai’s entire lineup on full display and more at the Thailand International Motor Expo 2015









Highlight Car: All-New Hyundai Elantra Sport SE (Special Edition)
          Concept Car: Intrado (HED-9)
          Special offer for all Hyundai models
          New Hyundai Booth Design
          Dealership Network Expansion
          Display Cars: All-New Elantra Sport, H-1 Series, Grand Starex, Tucson and Veloster

          Hyundai Motor (Thailand) Co., Ltd. the official and sole importer and distributor of Hyundai automobiles in Thailand has launched the "All-New Hyundai Elantra Sport SE" (Special Edition) under the catchy new tagline "Sport. Redefined." Elantra SE is decorated with a sporty body kit all around the exterior with the addition of a Blackout front grille, giving it an especially bold look. The lightly upgraded interior gives Elantra SE a raised sense of sportiness inside without going overboard. The tasteful sporty design, coupled with Elantra's fun to drive nature and convenience items makes Elantra SE the logical choice for customers requiring sportiness and fun to drive while maintaining all of the usual creature comfort features. The "All-New Elantra Sport SE" comes in a selection of 4 color options, Creamy White, Phantom Black, Sleek Silver and Santorini Blue at a price of 996,000 Baht with the following special offers, available for a limited time for customers who book during the Motor Expo event:
          - Free vehicle warranty for 7 years or 180,000 km.
          - Free maintenance cost, parts and labor, for 5 years or 100,000 km.
          - "Buy today, start paying installments next year" or 0% interest for 48 months with 1st class car insurance for 1 year
          - Free gasoline worth 20,000 Baht

          "All-New Elantra Sport SE"
          New features:
          Sporty body kit (front skirt, side skirt and rear skirt)
          Bold front grille Blackout paint
          Rear lip type spoiler
          Stainless steel exhaust finisher
          Newly designed, Hyper Black 17" alloy wheels
          New sporty leather seats with blue inserts and Elantra SE logo
          Premium carpet floor mat with Elantra SE logo
          Stainless steel pedals with anti-slip rubber inserts

          Standard Equipment:
          HID Projector Lens Headlamps with LED Light Guide
          Smart Entry and Push Start System
          2 DIN Radio / Single CD/DVD with MP3/WMA/AAC/MP4/DivX/JPG Media Support & High Resolution 7" LCD Capacitive Touchscreen
          GPS Navigation System
          Back Camera
          Cruise Control
          Flex Steer
          Auto Dimming Rear View Mirror
          Dual Zone Automatic A/C
          10-way Electric Adjustable Driver's Seat with Lumbar Support
          Automatic Headlamps and Windshield Wipers

          Concept Car: Intrado (HED-9)
          Hyundai's crossover concept "Intrado"; codenamed "HED-9" is displayed for the first time in ASEAN at the Thailand International Motor Expo 2015. Intrado shows off Hyundai's optimistic vision of a future where mobility is more enjoyable and demonstrates Hyundai's belief that advanced vehicle technologies and intelligent design can combine to engage more effectively with driver and passengers. The car's use of lightweight materials, new construction methods and advanced powertrain raises efficiency, while the design focus, both inside and out, is on purely meeting the needs of consumers in terms of usability.
          Taking its name from the underside of an aircraft's wing – the area that creates lift; Intrado was designed with inspiration from aircraft which emphasizes the use of high quality materials with lightweight but high strength properties. The body structure of Intrado is constructed from carbon fiber, reducing weight by 70% when compared to a conventional chassis without compromising safety attributes while the exterior body panels are made of advanced super-lightweight steel. Furthermore, unnecessary adornments and detailing are removed in an effort to reduce weight and maximize efficiency.
          Intrado is powered by a next-generation hydrogen fuel-cell powertrain that utilizes a Li-ion 36 kW battery. Refuelled in just a few minutes, Intrado has a range of more than 600 kilometers and emits only water. In addition to increased range, Intrado promises more responsive and agile driving dynamics, thanks to its reduced weight and greater efficiency of its powertrain.
          Intrado received the Jury Prize from the JEC Innovation awards 2015 for its unique carbon fiber frame design utilizing new construction methods and processes which increases efficiency when compared with other conventional carbon fiber construction methods. This is a testament to Hyundai's innovation and prowess in developing new technologies for automobiles of the future.

          Special offers for all Hyundai models Motor Expo offers valid until December 13, 2015

          All-New Hyundai Elantra Sport (1.8 GL, 1.8 GLE, 1.8 GLS NAVI and 1.8 SE):
          - Free vehicle warranty for 7 years or 180,000 km.
          - Free maintenance cost, parts and labor, for 5 years or 100,000 km.
          - "Buy today, start paying installments next year" or 0% interest on installments for 48 months with 1st class car insurance for 1 year.
          - Free gasoline worth 20,000 Baht for 1.8 SE and 10,000 Baht for 1.8 GLS NAVI

          The New Hyundai H-1 (Elite, Deluxe and Limited)
          Choose from:
          - Free maintenance cost, parts and labor, for 3 years or 60,000 km. or
          - Free 1st class car insurance for 1 year

          The New Hyundai Grand Starex (Premium and VIP)
          - Free 1st class car insurance for 1 year

          The New Hyundai Tucson 2.0 D 4WD
          - 0% interest on installments for 48 months
          - Free 1st class car insurance for 1 year
          - Exclusive offer at Motor Expo event

          All-New Hyundai Veloster
          - 0% interest on installments for 48 months
          - Free 1st class car insurance for 1 year
          - Exclusive offer at Motor Expo event

          New Hyundai Booth Design
          This year, Hyundai's booth at the Motor Expo has been redesigned according to Hyundai's new global corporate identity, in which the design has been updated to create a greater sense of harmony between technology and nature. From the current palette of using a Blue tone with curved lines and rounded corners, the new design utilizes a more aesthetically pleasing Bronze color tone with sharp edges and angles, which also serves to enhance the brand's direction of a more premium image. This new design corresponds to Hyundai's new "Global Dealership Space Identity" (GDSI), standards for the design of Hyundai showrooms around the world, in which Hyundai showrooms in Thailand are gradually changing their exterior appearance to follow these new guidelines. Customers can instantly recognize the improved premium ambience and experience a heightened sense of luxury upon entering the redesigned showrooms.

          Dealership Network Expansion
          Hyundai Motor Thailand is committed to improving the quality of its products and services together with expanding the dealer showroom network, both in Bangkok and upcountry in order to serve its expanding customer base. Hyundai also aims to build customer trust, confidence and satisfaction by improving its after sales service to provide fast and high quality service by qualified technicians together with a large parts warehouse to be able to serve the needs of customers. Although service at Hyundai dealers is already on par with global standards, nevertheless, Hyundai strives to offer services beyond these standards. This year Hyundai opened its 25th showroom and will continue to expand the dealership network in the future to provide the best service to Hyundai customers.
« Last Edit: December 03, 2015, 09:03:24 AM by activity »

activity on December 03, 2015, 08:59:39 AM
Display Cars
          All-New Hyundai Elantra Sport – More than a feeling.
          All-New Hyundai Elantra Sport is a result of significant product enhancement in which many aspects have been improved including key interior and exterior designs while new features have also been added. All-New Hyundai Elantra Sport is comprised of 4 variants: GL, GLE, GLS Navi and the newly launched SE. Each variant comes with a 1.8L engine and 6-speed automatic transmission that delivers a maximum output of 150 horsepower to put this car above its class for driving performance.

          1.8 GLS Navi comes with a list of premium equipment including Electronic Stability Program (ESP), Vehicle Stability Management (VSM) and Hill-Start Assist Control (HAC) safety features which offer greater vehicle control and are usually only found in more expensive vehicles. GPS Navigation System is offered together with a 7-inch Touchscreen DVD front end head unit to provide entertainment to onboard passengers. HID projector lens headlamps with LED Light Guide and cruise control round off the list of features which complements the modern premium lifestyle, putting you in a league above.
          Retail Price: 976,000 Baht

          1.8 SE – Sport. Redefined. is a special edition variant which comes with the same convenience features as 1.8 GLS Navi but includes accessories to enhance the sporty appearance including Exterior Body Kit with Rear Spoiler, Blackout Front Grille, 17-inch Hyper Black Alloy Wheels, Stainless Steel Exhaust Finisher, Sporty Seats with Blue Leather Inserts, Stainless Steel Pedal Set and Premium Carpet Floor Mats with SE Emblem.
          Retail Price: 996,000 Baht

          1.8 GLE comes with an array of standard features including a segment first and only Flex Steer System allowing you to select the Steering Mode (Comfort, Normal, Sport), Dual Zone Auto A/C with Rear Air Vents and Clean Air (air purifier), Leather Seats, Smart Entry & Push Start System, Automatic Wipers, Projector Headlamps with LED Light guide, Automatic Headlamps, 7-inch Touchscreen head unit with Bluetooth, 17-inch alloy wheels, leather-wrapped steering wheel and gearshift knob, 60:40 split folding rear seats, and Tilt & Telescopic steering wheel.
          Retail Price: 869,000 Baht

          1.8 GL comes with 16-inch alloy wheels, multi-reflector headlamps, dual front airbags, tilt & telescopic steering wheel, cloth seats and remote folding key with rear trunk lid button.
          Retail Price: 799,000 Baht

          The New Hyundai H-1 Series – The Most Comfortable Journey
          The New Hyundai H-1 Series is redesigned with a modern front grille and a remodeled front bumper, rear bumper, and side garnish. The H-1 Series comes in 3 variants: Deluxe, Elite and the recently launched Limited Edition.
          Standard Features of H-1 Series:
          2.5L Diesel Commonrail engine with variable geometry turbocharger (VGT) & intercooler that delivers a maximum power output of 175 PS and maximum torque of 441 N-m in a rear wheel drive layout
          5-speed automatic transmission with Sequential Mode
          Multi-function steering wheel
          12-seater configuration with 180° swivel seats
          Dual sliding doors with flush glass
          5-link rear suspension with coil springs
          Deluxe comes with a revised center console fascia to accommodate a new 7-inch Touchscreen DVD head unit with GPS Navigation System together with new wood trim, Roof Mounted LCD to entertain rear seat passengers, and a back camera with bird's eye view to facilitate parking.
          Retail Price: 1,599,000 Baht

          Elite is the entry model for H-1 Series which enjoys the same level of comfort as found in the top of the line Deluxe variant with a 12 seat arrangement. Leather seats come standard together with 16-inch alloy wheels and back sensor to assist in parking. H-1 Elite has proven to be the choice of discerning MPV users for its all-around performance, utility and practicality for a delightful ownership experience.
          Retail Price: 1,449,000 Baht

          Limited – The Undeniable Sport MPV is a special version of H-1 launched especially to cater to Hyundai H-1 Series fans requiring a more sporty and dynamic appearance. H-1 Limited is based on the Deluxe variant with additional features to enhance exterior and interior appearance, namely the exclusive Creamy White exterior color, Grey two-tone interior color with Grey Leather Seats and Dark Grey wood grain, Leather Wrapped Steering Wheel, Premium Carpet Floor Mats with H-1 Limited logo, 17 inch Hyper Black alloy wheels and "LIMITED" emblem at the rear to round off the list.
          Retail Price: 1,639,000 Baht

          The New Hyundai Grand Starex VIP – Welcome to the VIP Experience
          The New Hyundai Grand Starex VIP is the flagship luxury 7-seater full-size MPV offering from Hyundai. It is fitted with a 2.5L Diesel Commonrail engine with variable geometry turbocharger (VGT) & intercooler that delivers a maximum output of 175 PS and a maximum torque of 441 N-m. Power is transferred to the rear wheels via 5-speed automatic transmission with sequential shift mode.
          Standard features of Grand Starex VIP:
          VIP Seats with butterfly headrests, electrically adjustable reclining backrest and footrest function provides unmatched comfort and relaxation
          Multi-function steering wheel
          Rear-view camera with Bird's Eye View to assist parking
          New Center Console Fascia housing a DVD Head Unit with 7-inch Touchscreen
          GPS Navigation System
          Entertainment Counter with DVD player and 22-inch Full HD LCD Screen and sound system from Kenwood®
          17-inch alloy wheels
          Remote control key and anti-theft alarm
          Retail Price: 1,978,000 Baht

          The New Hyundai Tucson – The Brilliant Urban SUV
          The New Hyundai Tucson 2.0D 4WD is a significant product improvement whose highlights include an upgraded 2.0L Diesel Commonrail engine producing 184 PS and 392 Nm of torque. New features include newly designed projector lens headlamps upfront, new LED combination lamps at the rear, new 17-inch alloy wheels and reclining rear seats. To top off the list of features, the new Tucson comes standard with a 7-inch Touchscreen DVD head unit and GPS navigation system.
          Other features include:
          Smart Entry and Push Start System
          Multi-function steering wheel
          Electronic Stability Program (ESP) , Downhill Brake Control (DBC), Hill-start Assist Control (HAC)
          Retail Price: 1,690,000 Baht

          The New Hyundai Veloster - Life is Unique
          The New Veloster is a revolution in automotive engineering with a unique 2+1 door hatchback layout, giving the Veloster an unmistakable coupe like appearance, but with the practicality of a normal sedan. The left rear door allows passengers in the rear seats to move in and out comfortably without having to wait for the front passenger as in traditional coupes. Two variants are offered for Veloster based on 2 engine types, a normally aspirated 1.6L multi-point fuel injected engine and a more powerful 1.6L Twin Scroll turbo engine with direct injection.

          Veloster Sport Turbo
          Standard Features:
          1.6L T-GDI engine with a maximum output of 186 PS and a flat maximum torque of 265 N-m from 1,500-4,500 rpm
          6-Speed automatic transmission with sequential shift
          Paddle Shifters
          Projector Lens Headlamps with LED Daytime Running Lights
          LED Rear Tail Lights
          Leather Seats with Power adjustable driver's seat
          7-inch LCD Touchscreen Head Unit with Bluetooth
          18-inch alloy wheels
          Panoramic sunroof
          Cruise control
          • ESP / TCS / HAC
          Retail Price: 1,739,000 Baht

          Veloster
          Standard Features:
          1.6L MPI engine with a maximum output of 130 PS
          6-speed automatic transmission with sequential shift
          Smart Entry and Push Start system
          7-inch LCD Touchscreen Head Unit with Bluetooth
          17-inch alloy wheels
          Back Sensor
          ABS, EBD and BA
          Retail Price: 1,299,000 Baht
« Last Edit: December 03, 2015, 09:03:46 AM by activity »

activity on December 03, 2015, 09:00:11 AM
Hyundai Intrado









          "Intrado" คือรถต้นแบบแนว crossover ที่เผยถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของแบรนด์ "ฮุนได" ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเดินทางในอนาคตกับการเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่มากยิ่งขึ้น และตอกย้ำความเชื่อของฮุนไดที่ว่า การนำเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าผสมผสานกับการออกแบบที่ชาญฉลาดนั้น จะทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถใช้ประโยชน์จากรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งการออกแบบของ Intrado ตั้งแต่ภายในจรดภายนอกนั้น ล้วนแล้วแต่คำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้ทั้งสิ้น โดยจะเน้นการใช้งานเป็นหลัก และยังสามารถนำมาใช้งานจริงกับรถยนต์ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

          ชื่อ "Intrado" เป็นชื่อของส่วนที่อยู่ใต้ปีกของเครื่องบิน ซึ่งเป็นบริเวณที่ทำหน้าที่ในการสร้างแรงส่งให้เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า การออกแบบ Intrado นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินเช่นกัน ซึ่งจะเน้นการใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง มีน้ำหนักที่เบาแต่มีความแข็งแรงสูง โดยตัวถังของ Intrado ผลิตจากวัสดุ carbon fiber ซึ่งสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับตัวถังทั่วไป โดยยังสามารถรักษาระดับความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชิ้นส่วนตัวถังภายนอกผลิตจากวัสดุโลหะเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้รถมีน้ำหนักเบา ทนทาน นอกจากนี้ยังมีการตัดชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อเป็นการลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพสูงที่สุดให้กับตัวรถ อีกทั้งยังให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นและง่ายต่อการบำรุงรักษา

          Intrado ใช้เครื่องยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด ร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาด 36 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถวิ่งได้มากกว่า 600 กม. ต่อเชื้อเพลิงหนึ่งถัง โดยใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในเวลาเพียงไม่กี่นาที การขับเคลื่อนทั้งหมดนั้น จะไม่มีไอเสียถูกปลดปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม มีเพียงแต่น้ำบริสุทธิ์เท่านั้น นอกจากระยะทางวิ่งที่เพิ่มขึ้นแล้ว Intrado ยังมีสมรรถนะที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของ อัตราเร่ง การตอบสนอง และการควบคุม เนื่องจากน้ำหนักที่ลดน้อยลงและระบบขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

          เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Intrado ได้รับรางวัล JURY PRIZE จากการประกวด JEC Innovation awards 2015 สำหรับการออกแบบตัวถังโดยใช้วัสดุ carbon fiber ที่ใช้กรรมวิธีและกระบวนการผลิตแบบใหม่ ทำให้มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าการผลิต carbon fiber แบบทั่วไป ซึ่งเป็นการพิสูจน์และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและความสามารถของฮุนไดในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่สำหรับยานยนต์ในอนาคต
« Last Edit: December 03, 2015, 09:02:40 AM by activity »

activity on December 03, 2015, 09:02:59 AM
งาน Motor Expo 2015 พบกับ โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ และเครื่องเสียงชั้นนำ







งาน Motor Expo 2015 งานใหญ่วงการเครื่องเสียงรถยนต์ ส่งท้ายปี ทีจะจัดให้มีขึ้นในวันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 พลาดไม่ได้ กับ เครื่องเสียงรถยนต์ชั้นนำ มากมาย ที่บู๊ท โอเวอร์ฮอร์น ซาวด์ ศูนย์จำหน่ายติดตั้ง เครื่องเสียงรถยนต์ มาตราฐาน ISO 9001 : 2008 รายแรกของไทย ภายในงาน จะได้พบกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ของ SONY XAV-650BT / W600 ติดตามรายละเอียด และ ขอรับบัตรเข้าชมงานฟรี ได้ที่ http://www.overhornsound-ratchaphruek.com
https://www.facebook.com/overhornsound

activity on December 03, 2015, 09:05:58 AM
มินิ คลับแมน โฉมใหม่









          ด้วยความยาวที่เพิ่มขึ้น 27 เซนติเมตร กว้างขึ้น 9 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 10 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับรถยนต์มินิ แฮทช์ 5 ประตู มินิ คลับแมน โฉมใหม่นี้ จึงเป็นรถยนต์มินิที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซี่งไม่เพียงเป็นการตีความใหม่ให้กับการเดินทางในแบบดั้งเดิมตามสไตล์อังกฤษ สำหรับศตวรรษที่ 21 แต่ยังเป็นการผจญภัยครั้งใหม่ของแบรนด์มินิในเซ็กเมนต์รถยนต์คอมแพคระดับพรีเมี่ยม ช่องเก็บสัมภาระที่มีความจุมากถึง 360 ลิตร และยังสามารถขยายขนาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,250 ลิตร

          ฝากระโปรงท้ายแบบบานพับสองข้างใช้วัสดุโลหะที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นอีกจุดเด่นชวนมองในส่วนท้ายของ มินิ คลับแมน โฉมใหม่ เสากลางระหว่างบานกระจกซ้าย-ขวามีขนาดเล็กลงกว่าในรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการมองด้านหลังให้ดียิ่งขึ้น การเปิดฝากระโปรงท้ายสามารถทำได้ด้วยการใช้มือเปิดจากปุ่มที่มือจับฝากระโปรงทั้งสองข้างซึ่งทำจากวัสดุชุบโครเมียม หรือสามารถเปิดได้โดยไม่ต้องสัมผัสตัวรถด้วยการใช้เท้าไปจ่อที่บริเวณใต้กันชนท้าย ฝากระโปรงท้ายก็จะเปิดโดยอัตโนมัติทีละข้าง ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้เมื่อผู้ขับมีกุญแจรถอยู่กับตัว

          นวัตกรรมการจัดไฟแบบพิเศษเฉพาะสำหรับ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน และ มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่ มีทั้งไฟหน้าแอลอีดี ไฟแอลอีดีสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟท้ายแอลอีดี และไฟตัดหมอกแอลอีดี เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

          ส่วนการจัดแสงไฟภายในห้องโดยสาร ใช้ทั้งไฟแอลอีดีและแสงไฟแอมเบียนท์เพื่อสร้างบรรยากาศ และมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ MINI Excitement Package ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสีได้ พร้อมตอบสนองด้วยแสงสีทันทีที่เปิดหรือปิดประตูรถ นอกจากนี้ ยังเพิ่มลูกเล่นการฉายไฟรูปโลโก้มินิจากกระจกมองข้างลงมาบนพื้นถนนฝั่งคนขับเมื่อทำการปลดล็อกรถยนต์อีกด้วย

          มินิ คลับแมน โฉมใหม่ ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด 3 รุ่น โดยขุมกำลังของมินิ รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วยเทคโนโลยี มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้อารมณ์ในการขับขี่แบบโกคาร์ทโดยเพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้านต่างๆ ที่ดียิ่งขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ในมินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน โฉมใหม่ กำลังขับเคลื่อนสูงสุดอยู่ที่ 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 141 กรัมต่อกิโลเมตร) มินิ คูเปอร์ คลับแมน โฉมใหม่ เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ กำลังขับเคลื่อน 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 5.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 125 กรัมต่อกิโลเมตร) สำหรับใน มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน โฉมใหม่ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ กำลังขับเคลื่อน 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ระดับการปล่อย CO2 อยู่ที่ 130 กรัมต่อกิโลเมตร)

          มินิ คูเปอร์ คลับแมน โฉมใหม่: 2,388,000 บาท
          มินิ คูเปอร์ ดี คลับแมน โฉมใหม่: 2,688,000 บาท
          มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน โฉมใหม่: 3,088,000 บาท
          มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ไฮทริม โฉมใหม่: 3,288,000 บาท

activity on December 03, 2015, 09:06:35 AM
The all-new MINI Clubman









          At 27 cm longer and 9 cm wider than the MINI Hatch 5-door, and with a 10 cm-longer wheelbase, the all-new MINI Clubman is the largest MINI yet, and represents not only a reinterpretation of the traditional British traveller for the 21st Century, but also the brand's first venture into the premium compact segment. Luggage capacity has been expanded to 360 liters expandable to as much as 1250 liters.

          The split doors with their striking metal trim are the most striking rear feature of the all-new MINI Clubman. The central bar between the two side-opening wings is significantly narrower than in the predecessor model, thereby optimising the view to the rear. The split doors are opened by means of a dual-section door handle finished in chrome. Non-contact opening of the split doors is possible in combination with the standard Comfort Access function. If the driver is carrying the key, it is sufficient to move a foot under the rear apron to trigger the rear doors.

          MINI's innovative lighting technology is also exclusively offered in the all-new MINI Cooper S and Cooper S Clubman Hightrim in the form of LED headlamps including LED daytime driving lights, LED rear lights and LED fog lights for maximum safety.

          The interior lighting package with LED interior and ambient lighting creates an atmospheric ambience. In conjunction with the MINI Excitement Package special equipment feature, this offers continuously varying colour changes and now includes a light display activated when opening and closing the car door. On activation of the remote key, the MINI logo is projected onto the ground for 20 seconds from an additional light source in the exterior mirror on the driver's side.

          Three new engine variants on offer in the all-new MINI Clubman featuring MINI TwinPower Turbo Technology deliver MINI's signature go-kart feeling now with even greater efficiency. The 4-cylinder petrol engine of the all-new MINI Cooper S Clubman mobilises 141 kW/192 hp (combined fuel consumption: 5.9 l/100 km; combined CO2 emissions: 141 g/km). The all-new MINI Cooper Clubman is powered by a 3-cylinder petrol engine with 100 kW/136 hp (combined fuel consumption: 5.3 l/100 km; combined CO2 emissions: 125 g/km). A new member of the engine range is the 110 kW/150 hp 4-cylinder diesel engine in the all-new MINI Cooper D Clubman (fuel consumption combined: 4.9 l/100?km; combined CO2 emissions: 130 g/km).

          The all-new MINI Cooper Clubman : 2,388,000 Baht
          The all-new MINI Cooper D Clubman : 2,688,000 Baht
          The all-new MINI Cooper S Clubman : 3,088,000 Baht
          The all-new MINI Cooper S Clubman Hightrim : 3,288,000 Baht

activity on December 03, 2015, 09:08:04 AM
มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ โฉมใหม่









          มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ โฉมใหม่ ผสมผสานความเร้าใจจากสนามแข่งกับความหรูหราเต็มเปี่ยมของมินิรุ่นล่าสุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นแต่ยังคงเอกลักษณ์สุดคลาสสิกไว้อย่างครบครัน ต่อยอดจากรถยนต์ต้นแบบเพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ในระดับรถแข่งพันธุ์แท้

          มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ใหม่ มาพร้อมกับที่สุดแห่งขุมพลังสปอร์ตจากมินิ กับเครื่องยนต์ 4 สูบที่ติดตั้งแบบ transverse พร้อมอัพเกรดระบบส่งกำลังให้ทำงานราบรื่นด้วยเทคโนโลยี มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้คุณขับขี่ได้คล่องตัว รวดเร็ว พร้อมท้าทายทุกสนามแข่ง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรรุ่นนี้มีปริมาตรกระบอกสูบมากกว่ารุ่นก่อน 25 เปอร์เซ็นต์ พร้อมมอบสมรรถนะสูงขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ และแรงบิดเพิ่มมากขึ้นอีก 23 เปอร์เซ็นต์

          ขุมพลังใหม่ของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดที่มินิเคยนำออกมาทำตลาด โดยมีกำลังสูงสุดถึง 170 กิโลวัตต์/231 แรงม้า พร้อมระบบส่งกำลังที่เน้นสมรรถนะเป็นหลัก และเสียงเครื่องยนต์อันทรงพลังจากลูกสูบ เทอร์โบชาร์จเจอร์ และท่อไอเสียที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เครื่องยนต์รุ่นนี้มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราปล่อยก๊าซ CO2 ที่ 148 กรัมต่อกิโลเมตร

          นอกจากนี้ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ยังมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครด้วยระบบแสดงผล MINI Head-Up Display พร้อมคอนเทนต์พิเศษในรุ่นนี้เฉพาะ หลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Chili Red ล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบา จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ขนาด 18 นิ้ว และแถบสีแต่งกระโปรงรถลายจอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ส่วนระบบช่วงล่างทำงานสอดประสานกับเครื่องยนต์อย่างสมบูรณ์แบบ ควบคู่ไปกับเบรกระดับสปอร์ตรุ่นใหม่จากเบรมโบ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์

          เซอร์โวทรอนิก ที่ใช้ทั้งระบบไฟฟ้าและกลไกผสมผสานกัน และเทคโนโลยี Dynamic Stability Control ที่มีทั้งคุณสมบัติ Dynamic Traction Control (DTC) Electronic Differential Lock Control (EDLC) และ Dynamic Damper Control ติดตั้งมาในตัวเป็นมาตรฐาน
 
          มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ โฉมใหม่: 3,450,000 บาท

activity on December 03, 2015, 09:08:58 AM
The all-new MINI John Cooper Works








 
          The all-new MINI John Cooper Works combines authentic race feeling with the premium characteristics and extended product substance of the latest MINI Generation; distinctive, tradition-steeped, based on a vehicle concept combining MINI and John Cooper Works, with performance qualities which are exceptional within the competitive environment.

          Under the bonnet of the all-new MINI John Cooper Works is by far the sportiest version of the latest MINI engine generation. The top athlete's 4-cylinder spark ignition engine traditionally mounted transversely at the front benefits from current advancements in the areas of power delivery, running smoothness and efficiency derived from MINI TwinPower Turbo Technology, combining these with performance characteristics which are unmistakably geared towards motor racing. It draws its power from a capacity of 2.0 litres - an increase of 25 per cent over the engine in the predecessor model. The increase in output amounts to 10 per cent, while the maximum torque is 23 per cent higher than before.

          The all-new MINI John Cooper Works has the most powerful engine ever fitted in a serial production model of the British premium brand; 2.0-litre 4-cylinder spark ignition engine developed based on well-established racing expertise drawing on the latest generation of power units with MINI TwinPower Turbo Technology; output increased to 170 kW/231 hp, performance-oriented power delivery and highly emotional sound due to specific design of pistons, turbocharger and exhaust system, combined fuel consumption is 16.1 km/l, combined CO2 emissions: 148 g/km.

          Additional emphasis of the exclusive character of the all-new MINI John Cooper Works includes MINI Head-Up Display with exclusive display content; roof and exterior mirror covers in Chili Red; 18-inch John Cooper Works light alloy wheels and John Cooper Works bonnet stripes. Suspension technology precisely harmonised with the power and performance characteristics of the engine; newly developed Brembo sports brake system; electromechanical power steering with Servotronic; Dynamic Stability Control (DSC) including Dynamic Traction Control (DTC), Electronic Differential Lock Control (EDLC) and Dynamic Damper Control and sport suspension all come as standard equipments.
 
          The all-new MINI John Cooper Works : 3,450,000 Baht

activity on December 03, 2015, 09:10:05 AM
มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่









          พาร์คเลน เป็นหนึ่งในย่านพักอาศัยที่หรูหราและน่าอยู่ที่สุดในลอนดอน โดยตั้งอยู่ในย่านเมย์แฟร์ มินิเองมีโชว์รูมอยู่ในย่านนี้หนึ่งสาขา และก็ได้หยิบยืมชื่อ พาร์คเลน มาตั้งเป็นชื่อรุ่นพิเศษเป็นครั้งที่สาม เพื่อสืบทอดความสำเร็จของมินิ พาร์คเลน รุ่นไฮเอนด์สุดคลาสสิกตัวแรกเมื่อปี 2530 และรุ่นที่สองจากปี 2548 โดยถือเป็นครั้งแรกที่มินินำเอาธรรมเนียมการเอาชื่อถนนและย่านต่าง ๆ ในลอนดอนมาตั้งชื่อให้กับรถในรุ่นคันทรีแมน

          มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่ เปี่ยมความหรูหราที่จะจับทุกสายตาด้วยดีไซน์และสีสันพิเศษสุดเฉพาะตัว ตัวถังสีเทาเมทัลลิก Earl Grey จับคู่กับหลังคาและกระจกมองข้างสีแดง Oak Red พร้อมแต่งด้วยแถบสีสไตล์สปอร์ตในสีเดียวกับกระโปรงรถ กันชนท้าย และส่วนข้างตัวรถ ขณะที่ไฟเลี้ยวติดตั้งในกรอบชุบโครเมียมที่แต่งด้วยสีแดง Oak Red เช่นกัน นอกจากนี้ ตัวรถยังเสริมความสปอร์ตด้วยล้อแม็กอัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วสีเทาในดีไซน์ Turbo Fan Dark Grey พร้อมตกแต่งรอบตัวถังด้วยชิ้นส่วนกันชนและขอบประตูสีเงินในชุดแต่ง MINI ALL4 Exterior

          มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังดีเซล มินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ซึ่งผลิตจากอลูมิเนียมทั้งบล็อก มอบกำลังสูงสุด 143 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตร โดยมีอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 184 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
 
          มินิ คูเปอร์ เอสดี ออลโฟร์ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่: 2,590,000 บาท

activity on December 03, 2015, 09:10:51 AM
The new MINI Cooper SD ALL4 Countryman Park Lane edition









          Located in the London borough of Mayfair, Park Lane is one of the most distinguished addresses in the British capital. MINI itself has a prestigious showroom there. It is the third time that Park Lane has lent its name to an exclusive edition model of the brand. A version of the classic Mini with particularly high-end fittings bore the designation in 1987, while another MINI Park Lane came out in 2005, following in the footsteps of its predecessor after the brand's relaunch. Now the tradition of naming design and edition models made by the British premium automobile manufacturer after London streets and districts is applied to the MINI Countryman for the first time.

          The new MINI Cooper SD ALL4 Countryman Park Lane edition indicates its high-end individual flair at first sight with a specially developed design and colour concept. The body finish in Earl Grey metallic is combined with the entirely new colour variant Oak Red for the roof and exterior mirror caps, supplemented with sport stripes in the same colour for the bonnet, tailgate and lower side sections. The characteristic side turn indicator surrounds in chrome known as side scuttles also comprise an inlay in Oak Red. The new MINI Cooper SD ALL4 Countryman Park Lane edition boldly accentuates its classic athletic character with 18-inch light alloy wheels in Turbo Fan Dark Grey design and the MINI ALL4 Exterior visual package including silver body elements for the front and rear apron as well as the side sills.

          The new MINI Cooper SD ALL4 Countryman Park Lane edition is equipped with MINI TwinPower Turbo 2.0-litre diesel engine with all-aluminium construction. This power unit develops 143 hp at 4,000 rpm with a peak torque of 305 Nm. Combined fuel consumption is 14.3 km/l and sets the CO2 emission at a mere 184 g/km.
 
          The new MINI Cooper SD ALL4 Countryman Park Lane edition : 2,590,000 Baht