บีเอ็มดับเบิลยูขนทัพรถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตบุก มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015
บีเอ็มดับเบิลยูขนทัพรถยนต์หรูสไตล์สปอร์ตบุก มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2015 ครบครันทั้ง บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่, มินิ คลับแมน โฉมใหม่, มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์, มินิ คันทรีแมน พาร์คเลน และการเปิดตัวครั้งแรกในเอเชียกับ บีเอ็มดับเบิลยู G 310 R
o บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่ พร้อมนวัตกรรมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส, ฟังก์ชันสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวมือ โดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ (BMW Gesture Control) และ BMW Touch Command บนแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว
o ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Permanent all-wheel drive และเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics eDrive มอบความสปอร์ตเต็มเปี่ยมให้กับบีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่
o มินิ คลับแมน โฉมใหม่ อัดแน่นด้วยความสามารถตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวัน และสมรรถนะในการขับขี่ทางไกล ความอเนกประสงค์ และความสะดวกสบายอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรถยนต์มินิ
o ครั้งแรกในเอเชียกับบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R มอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์รุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยูที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดต่ำกว่า 500 ซีซี ด้วยเครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในตลาดรถยนต์หรู ยกทัพรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด แบบครบครัน มุ่งหน้าสู่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2015 โดยมีไฮไลท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยี ปลั๊กอิน ไฮบริด, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1 พร้อมเครื่องยนต์รุ่นใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ในราคาใหม่ ในส่วนของมินิ มีการเปิดตัว มินิ คลับแมน โฉมใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน, มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ โฉมใหม่ และมินิ คันทรีแมน พาร์คเลน ใหม่ ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มีดาวเด่นอย่างบีเอ็มดับเบิลยู G 310 R มาให้สาวกบิ๊กไบค์ได้ยลโฉมกันเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย ผู้สนใจสามารถพบกับข้อเสนอและราคาสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยูได้ในงาน ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 13 ธันวาคม 2558 ที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่
รถยนต์ระดับแฟลกชิปที่มาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัส ฟังก์ชันการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ และบีเอ็มดับเบิลยู ทัช คอมมานด์ ด้วยแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว
บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ ใช้หน้าจอควบคุม iDrive ระบบสัมผัสเป็นครั้งแรก ซึ่งนอกจากจะสามารถควบคุมระบบต่าง ๆ ในแบบเดิมแล้ว ระบบสัมผัสแบบใหม่นี้ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเลือกสั่งการและควบคุมจากการสัมผัสหน้าจอได้เช่นกัน นอกจากนี้ ระบบ iDrive ยังรองรับการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ หรือ BMW Gesture Control ที่ใช้เซ็นเซอร์ 3 มิติจับการเคลื่อนไหวเพื่อรับคำสั่งสำหรับระบบควบคุมความบันเทิงและการสื่อสาร มอบความสะดวกสบายสูงสุดทั้งในการปรับระดับเสียง การรับหรือปฏิเสธสายเรียกเข้าโทรศัพท์ เป็นต้น
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมแบบมัลติฟังก์ชันอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ทัช คอมมานด์ (BMW Touch Command) นวัตกรรมล่าสุดที่ให้คุณใช้อุปกรณ์แท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วควบคุมสั่งการรถได้จากทั้งภายในและนอกตัวรถ โดยรองรับทั้งการปรับที่นั่ง แสงไฟภายในตัวรถ การปรับอุณหภูมิ และระบบความบันเทิง นำทาง และการสื่อสาร
ห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ มีบรรยากาศที่หรูหราด้วยการออกแบบแสงไฟอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะไฟ Welcome Light Carpet ที่ให้ความรู้สึกเอ็กซ์คลูซีฟด้วยเส้นนำสายตารอบตัวรถประหนึ่งการปูพรมต้อนรับ ขณะที่อีกหนึ่งฟีเจอร์พิเศษอย่างไฟ Ambient Light ก็ช่วยสร้างบรรยากาศ เสริมความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี
บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่ ยังมาพร้อมกับหลังคากระจกแบบ Sky Lounge Panorama ช่วยสร้างบรรยากาศเสมือนท้องฟ้าที่ประดับประดาไปด้วยดวงดาวหลากสี ด้วยชุดไฟแอลอีดีที่ส่องสว่างลงบนผิวกระจกในยามค่ำคืนจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับ เป็นอีกหนึ่งความพิเศษเหนือระดับรถยนต์ซีดานหรูในเซ็กเมนต์เดียวกัน
อีกฟีเจอร์ใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู 740Li ที่แตกต่างจากรถยนต์ซีดานในเซ็กเมนต์เดียวกันคือ บีเอ็มดับเบิลยู เลเซอร์ไลท์ (BMW Laserlight) ซึ่งคล้ายกับที่ใช้ในบีเอ็มดับเบิลยู i8 ด้วยเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู เซเลคทีฟ บีม (BMW Selective Beam) ช่วยลดความพร่ามัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพิ่มเติมจากไฟแอลอีดีในรุ่นมาตรฐาน ไฟหน้าแบบเลเซอร์นี้มีแสงสีขาวและให้ความสว่างได้ในระยะ 600 เมตร สำหรับไฟสูง ซึ่งเป็นระยะที่ไกลกว่าความสว่างจากไฟหน้าแบบแอลอีดีถึงสองเท่าและให้ความเข้มของแสงมากกว่าไฟหน้าแบบแอลอีดีถึงสี่เท่า
บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่มาพร้อมกับทุกองค์ประกอบเพื่อสร้างความแม่นยำ การเคลื่อนไหวในการขับขี่อย่างมั่นคงและ สอดประสานอย่างกลมกลืน ช่วงล่างแบบถุงลมซึ่งทำงานด้วยการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่อัดลมเข้าไปเก็บในถังลม ทำให้สามารถรักษาระดับของรถไว้ได้ แม้ในเวลาที่เครื่องยนต์หยุดทำงาน ระดับความสูงของรถจะถูกปรับให้คงที่อยู่เสมอไม่ว่าจะมีน้ำหนักบรรทุกเท่าไหร่ก็ตาม และเนื่องจากในแต่ละล้อมีตัวจ่ายลมที่ทำงานอย่างเป็นอิสระ จึงสามารถปรับระดับของรถให้เสถียรได้ แม้ว่าน้ำหนักในการบรรทุกของล้อแต่ละข้างจะไม่เท่ากัน
บีเอ็มดับเบิลยู 740Li โฉมใหม่นี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นล่าสุดของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยปริมาตรกระบอกสูบขนาด 3 ลิตร ซึ่งใช้เทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 240 กิโลวัตต์/326 แรงม้า ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.6 วินาที อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 14.3 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อยCO2 อยู่ที่ 166 กรัมต่อกิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู X5 eDrive โฉมใหม่ พร้อมเทคโนโลยี ปลั๊กอิน ไฮบริด
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e เป็นรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นแรกในกลุ่มซีรี่ส์หลักที่บีเอ็มดับเบิลยูนำมาทำตลาด โดยครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหราในแบบรถยนต์ SAV เกาะถนนเป็นเลิศด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive ทั้งยังประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics eDrive
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรของบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e สามารถคว้ารางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีInternational Engine of the Year มาครองได้ถึงสามสมัย ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นจากเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบTwinScroll ระบบหัวฉีดน้ำมันที่มีความแม่นยำสูง และระบบ VALVETRONIC ซึ่งทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นขุมพลังเบนซิน 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ส่งกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร (258 ปอนด์-ฟุต) สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าก็มอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (184 ปอนด์-ฟุต) ที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้คุณขับขี่ได้สนุก ทันใจ เร่งความเร็วได้โดยไม่ต้องรอ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า ให้คุณเร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 31.3 กิโลเมตรต่อลิตรและลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 76 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ในบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e สามารถนำสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเลย แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บของ
เมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง 50 นาที หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) จาก BMW 360° ELECTRIC ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.5 กิโลวัตต์ (16 แอมป์/230 โวล์ท) จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 ใหม่ โดดเด่นด้วยงานออกแบบที่เฉียบคมในทุกรายละเอียด ด้วยชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ เน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังและไฟท้ายแอลอีดีที่ช่วยเสริมมาดความสปอร์ตของตัวรถ ส่วนไฟหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟแอลอีดีเพื่อการขับขี่ในเวลากลางวัน ก็ช่วยให้รถดูโฉบเฉี่ยวสะดุดตายิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบรุ่นใหม่ล่าสุดของบีเอ็มดับเบิลยู ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรุ่น บีเอ็มดับเบิลยู 320i 320i Luxury และ 320i Sport ประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 16.1 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 146 กรัมต่อกิโลเมตร ทั้งยังเปี่ยมสมรรถนะกับกำลังสูงสุด 184 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 7.3 วินาที
บีเอ็มดับเบิลยู 330i M Sport พร้อมต่อยอดความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู 328i ด้วยเครื่องยนต์ที่มอบพลังสูงสุด 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้าที่ 5,200-6,500 รอบต่อนาที ทำงานประสานกับเกียร์ 8 สปีด Steptronic ให้คุณเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 5.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 147 กรัมต่อกิโลเมตร สำหรับชุดอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นนี้ มีทั้งชุดแต่ง M Aerodynamic พวงมาลัยหนังแท้สไตล์ M ขอบประตูแบบ M แต่งโลโก้M ด้านข้าง และล้อแม็กอัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วสีเทา Ferric Grey metallic
ส่วนในรุ่นดีเซล บีเอ็มดับเบิลยู 320d Luxury และ 320d Sport มาพร้อมกับขุมพลังระดับ 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที ที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 27 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมอัตราการปล่อย CO2 เพียง 99 กรัมต่อกิโลเมตร
ระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic ใหม่ มีส่วนช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ด้วยประสิทธิภาพ อัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้น และตัวแปลงแรงบิดที่สูญเสียกำลังน้อยลงในขณะเปลี่ยนเกียร์ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงได้ราว 3เปอร์เซ็นต์ และสำหรับรุ่น 320i Sport 320d Sport และ 330i M Sport มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 สปีด พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
บีเอ็มดับเบิลยู 118i Sport และ 118i M Sport พร้อมขุมพลังใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู 118i รุ่นล่าสุดนี้ พัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้า ด้วยขุมพลังใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีEfficientDynamics เป็นคุณสมบัติมาตรฐาน พร้อมด้วยการปรับแต่งรายละเอียดด้านดีไซน์มากมายทั้งภายในและภายนอกรถ โดยเพิ่มชุดอุปกรณ์ในรุ่นมาตรฐาน ควบคู่ไปกับออปชั่นใหม่ที่หลากหลาย เสริมทั้งประโยชน์ใช้สอยและรูปลักษณ์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู 118i M Sport มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทคโนโลยี บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้าที่ 4,500-6,000 รอบต่อวินาที จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 8.7 วินาที ทั้งยังใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่าด้วยอัตราการเผาผลาญน้ำมัน 20.0 กิโลเมตรต่อลิตร และมีระดับการปล่อยก๊าซ CO2 เพียง 118 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 118i M Sport นั้น มาพร้อมชุดตกแต่งพิเศษ M Sport ที่มีทั้งล้ออัลลอย M Sport ขนาด 18 นิ้ว สีเทา Ferric Grey metallic แถบตกแต่งคอนโซลอลูมิเนียมลาย Hexagon ชุดแต่ง M Aerodynamic พร้อมด้วยเส้นสายขอบหน้าต่างสีดำเงาแบบ Mและพวงมาลัยหุ้มหนังแท้แบบ M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู 520d พร้อมให้คุณยกระดับสมรรถนะไปอีกขั้นด้วยชุดแต่ง M Sport ที่มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7.7 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซ CO2 ที่ 137 กรัมต่อกิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.5 นิ้วสำหรับควบคุมระบบต่าง ๆ ในตัวรถได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมด้วยระบบ BMW Comfort Access ที่ให้คุณเปิดประตูรถได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสเมื่อมีกุญแจติดตัว พร้อมไฟตัดหมอกแอลอีดี โดยตัวรถมาพร้อมกับชุดแต่ง M Aerodynamic พวงมาลัยหนังแท้สไตล์ M ขอบประตูแบบ M เพดานห้องโดยสารสีดำแอนทราไซต์จาก BMW Individual แต่งโลโก้ M ด้านข้าง และล้อแม็กอัลลอย Mน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport ปรับราคาใหม่