บทสัมภาษณ์ “แน็ก-ชาลี ปอทเจส” พลืกบทบาทสุดขั้วในภาพยนตร์ผี-ระทึกขวัญ เรื่อง “อาปัติ”
บทบาท-คาแรคเตอร์
เรื่องนี้ ผมรับบทเป็น "เณรซัน" ครับ เณรซันคือเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไปที่เค้าได้เจอปัญหา ในเรื่องผมจะโดนพ่อบังคับมาบวชเพื่ออะไรบางอย่าง สุดท้ายก็มาเจอเรื่องราวแปลกๆ ในวัดแห่งนี้ เป็นตัวเดินเรื่อง ในเรื่องนี้จะพูดถึงเรื่องความผิดถูก สิ่งที่ควรทำไม่ควรทำ เรื่องนี้จะสอนทุกอย่าง เณรอย่างเราทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ทำไปแล้วจะเจอผลตอบรับอะไร เณรซันที่มาบวช ก็ไม่ได้เป็นวัยรุ่นที่ดีพร้อมที่จะมาบวชเต็มร้อย ยังใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปที่ยังผิดเยอะแยะ ทำให้มาเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้
ถ้าพูดถึงฉากชีวิตประจำวันของเณรซันที่อยู่ในกุฏิต้องทำอะไรบ้าง
จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายที่ใช้ชีวิตประจำวัน แต่ว่าในกุฏิอาจจะมีเรื่องราวที่ซับซ้อน มีเรื่องราวที่เณรซันไม่รู้แล้วจะต้องมาเจอ จะเป็นแนวนั้นมากกว่า คือผมรู้สึกว่ามันเป็นที่ที่ผมสบายใจ หนีมาอยู่ห่างจากคน แล้วก็มาอยู่ที่ที่ไม่มีคน ในเรื่องผมเป็นเณรที่ยังเล่นโทรศัพท์ยังโทรหาหญิงอยู่ มันก็แบบไม่มีใครเห็น แล้วมันก็สบายใจเรา มีฉากบิณฑบาตก็เป็นฉากเป็นพระเดินเรียงกันตอนเช้า ร้อนแต่ก็สนุกดีฮะ แต่จะว่าไปของผมยังคาแรคเตอร์ปกตินะ
แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง
แตกต่างครับ อย่างแรกเลยคือเล่นเป็นเณร ไม่เคยเล่นมาก่อน แปลกจริงๆ เพราะชีวิตผมไม่มีโอกาสได้ใส่ชุดพระอะไรแบบนี้
โกนหัวและห่มจีวรครั้งแรกเป็นยังไง
ครั้งแรกที่โดนโกนหัวรู้สึกเจ็บมาก ในเรื่องมันเป็นใบมีดโกนแบบเก่า แล้วมันเป็นใบมีดเดียว ยื่นออกมา เหมือนใบมีดโกนหนวด ถูถากไป แล้วไม่ได้โกนตอนผมมันสั้น โกนทั้งที่ผมยังยาว ปาดแหลก เลือดออกเต็มหัวเลยวันนั้น ปาดเสียงดังแครกๆ เลือดไหล (หัวเราะ) แต่ก็ไม่เครียดอะไร ถ่ายอยู่ไงครับ ทำอะไรไม่ได้ด้วย ส่วนเรื่องห่มจีวร อย่างที่บอกไม่มีโอกาสได้ใส่ จริงๆห่มยากนะ คนไม่เคยห่มจะห่มไม่ได้ มีหลายแบบ แม่ผมมากองวันแรกก็ขอถ่ายรูปด้วย
ครั้งแรกที่ได้รับการติดต่อให้มาแสดง พอได้ยินชื่อเรื่องว่า "อาปัติ" มีความรู้สึกยังไงบ้าง
น่าเล่นมากชื่อเรื่อง แม่ก็ถามชื่อเรื่อง "อาปัติ" เลยหรือ เกี่ยวกับพระอีก แล้วคนไทยเป็นอะไรที่แบบว่ายังเปิดรับยากในเรื่องนี้ เราก็กังวลเอาจริงๆ เพราะว่าพ่อแม่เราก็รู้สึกว่าจะเล่นดีมั้ยเนี่ย ก็พูดกันตรงๆ แต่ว่าพอคุยกันเรื่องบทกับพี่ฝน (ผู้เขียนบท-ผู้กำกับ) ก็บอกว่าหนังเป็นเรื่องที่ทำให้คิดว่าทำแบบนี้มันดีหรือไม่ดี แล้วจะได้รับบทเรียนอย่างไร เค้าก็มีสอนในมุมต่างๆ ว่าถ้าทำอย่างนี้มันไม่ดีนะ
เป็นหนังผีๆ พระๆ ครั้งแรกด้วย จริงๆ เป็นคนกลัวผีมั้ย
ผมไม่กลัวอะไรเลย ในชีวิตไม่กลัวตัวอะไรเลย ไม่กลัวผี ไม่กลัวอะไรเลย กลัวผู้หญิงอย่างเดียว กลัวผู้หญิงดุ ไม่เจออะไรที่ประหลาด เป็นคนไม่สนใจอะไรพวกนี้เลย
ในเรื่องนี้ก็เจอฉากผีเยอะมาก จะยากตรงที่มันไม่มีตัวอะไรเลยแล้วเราเล่นอยู่คนเดียว ใช้อารมณ์เล่นอยู่คนเดียว ปกติผมเป็นคนเล่นหนังเครียด ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ง่ายที่สุด แล้วเล่นให้มันไม่เยอะเกิน ไม่น้อยเกิน แล้วแบบเครียด มันไม่มีคิ้ว ปกติถ้าเล่นผมจะใช้คิ้วแสดง แล้วแบบนี่ใช้ไม่ได้ ผมปวดหัวมาก ต้องออกแต่ทางตาอย่างเดียว ปวดหัวเครียด เวลาเล่นที่ใช้อารมณ์เยอะๆ ขมวดคิ้วให้ตายพี่เค้าบอก มันไม่เห็น มันไม่เครียด เราก็หนักใจ ต้องเล่นหนักกว่าเดิมเยอะมาก จากเราเล่น 10% เราก็ต้องเล่น 50% เลย ต้องให้ออกทางตาเยอะที่สุด
มีการซ้อมก่อนเปิดกล้องมากน้อยแค่ไหน
ผมเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่อาจจะไม่ได้ซ้อมมาก แล้วก็ไม่ชอบซ้อม แบบต้องไปเริ่มการแสดงใหม่ พอไปถึงตรงนั้นจริง ผมทำอะไรไม่ได้นะ ผมอายมาก เวลาที่เหมือนเด็กมาใหม่ แล้วต้องไหนลองทำนู่นนี่ ผมจะรู้สึกเครียด แต่ผมก็จะขอแบบว่าลองเล่นบทที่เราเล่น เออ...ถ้าอย่างนี้ผมชอบที่ว่าลองเล่นดู ก็มีแบบ น้องพลอยที่เป็นนางเอก พี่กิกที่เล่นกับเรามาทำความรู้จักกันก่อน แล้วก็ลองเล่นบทกันนิดนึง ส่วนใหญ่ชอบมากองแล้วเล่นไปเลย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไรที่ดีนะ แต่ผมว่ามันจะเป็นธรรมชาติ
ในเรื่องเณรซันจะชอบปลีกวิเวกมาก
ใช่ฮะ มันเบื่อแล้วก็หลบไปทำผิดตลอดทั้งสูบบุหรี่ คุยกับหญิงอะไรแบบนี้ นอกจากฉากในกุฏิแล้วก็มีฉากใต้ต้นไม้รูปตัววายที่มันเป็นที่ที่เณรซันจะไปนั่งพัก สบายใจด้วย ฉากนี้ไปถ่ายทำกันที่จังหวัดโคราช ทางปากช่อง อากาศร้อนมาก ผมเดาถูกเลย ไปถึงโลเคชั่น ปุ๊บ โห...ไม่มีต้นไม้เลย แล้วต้นไม้ที่ใช้ถ่ายมันไม่มีใบ มันเป็นต้นโล่งๆ บริเวณนั้นมันเป็นทุ่งนา แล้วก็ไม่มีที่หลบร้อน มีรถห้องน้ำอย่างเดียว ร้อน แต่ต้นไม้ใหญ่และสวยมาก เรื่องลำบากมากอีกเรื่องหนึ่ง ตัวจริงผมเห็นเป็นงี้นะ แต่ไม่มีใครเชื่อเลย ผมเป็นเด็กไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืนตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แล้วในเรื่องนี้ต้องมีสูบบุหรี่ด้วย แสบคอไปหมด แล้วในเรื่องนี้ได้ทำผิดแทบทุกอย่าง หนักใจมั้ย ไม่หนักใจ แต่แค่ตอนแรกพี่เค้าบอกว่าสูบไม่เหมือน เราก็ลองพยายามไป สุดท้ายก็เหมือน แต่ไม่ติดใจอะไรนะฮะ (หัวเราะ) มันแสบคอไปหมดมากกว่า
โลเกชั่นในหนัง บรรยากาศหลอนเข้ากับหนังได้ดี
ถ้าให้พูดถึงสถานที่ถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ที่วัดนาบุญ นครนายก จริงๆ พี่เค้าจะไปหาโลฯที่อื่น แต่ว่าบังเอิญขับรถเข้ามาในนี้ แล้วก็เจอวัดนี้มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นป่า เป็นวัด เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เก่าๆ ผมชอบมากสถานที่ที่ถ่าย อาจจะมองน่ากลัวเพราะมันเป็นต้นตะเคียนใหญ่ โอบเต็มไปหมด แต่ผมชอบ อยากได้ อยากได้ที่อย่างนี้ กุฏิที่เห็นนี่เค้าก็เพิ่งเสร้างเลย วันแรกที่มาก็ยังสร้างไม่เสร็จเลย ที่นอนสบายสุด ที่นอนข้างที่วางศพ มันเป็นห้องโถงที่เค้าสวดศพ ผมต้องไปนอนตรงนั้น ผมรู้สึกว่าสบายสุดแล้ว พัดลมมันจ่อใกล้ๆ สำหรับผมมาถ่ายเรื่องนี้รู้ว่าต้องเหนื่อยมาก แต่พอมาถึงกลายเป็นสบายที่สุดไม่เหนื่อย ไม่อะไรเลย ถ่าย 6 โมงเช้าจริงๆ เค้าทำงานละเอียดมาก เหมือนถ่ายฉากนี้ก็แบบหลายชั่วโมงอยู่ ละเอียดมาก เลยทำให้มีเวลาพักเยอะหน่อย แล้วผมก็วิ่งไปนอนตลอดเลย (หัวเราะ)
การถ่ายทำจริงในกองถ่ายต้องทำงานแข่งกับเวลามีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้าง
ผมหนักใจมาก กองนี้ไม่มีใครเป็นมิตรกับผมเลย เดินไปไหนมีแต่คนไล่ผม (หัวเราะ) ผมไม่เคยกวนใครเลยผมบอกเลย ผมเนี่ยเป็นเด็กน่ารัก เดินไปทีมไฟไม่มีใครคุยกับผม ทีมกล้องหนักเลยไม่คุยกับผม นักแสดงก็ไม่คุยกับผม สนุกดีครับ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ ตอนผมไม่เข้าฉากก็เอาสเก็ตบอร์ดมาเล่น
มันไม่มีอะไรทำ แล้วจริงๆ พอพักทีบางทีก็พักนานมาก ก็ต้องรอแต่ผมชอบมาก ระบบทำหนัง ละเอียด ไม่ได้ปล่อยผ่านไปง่ายๆ ผมชอบเลยนะ ผมรู้ว่าได้กลับมาถ่ายหนังดีๆ อีกครั้ง ถ้าช่วงว่างก็จะเอาสเก็ตบอร์ดมาเล่น ครั้งแรกก็เอากีตาร์มาแต่ก็เล่นไม่ได้ เพราะเสียงดัง
ตอนหลังๆ นี่เจอถ่ายตอน 6 โมงเช้า เลิก 6 โมงเช้า นอนถึงเที่ยง เลิก 6 โมงเช้า สลับกันไป แต่ผมไม่ปรับตัวอะไรเลย ผมเป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว ไม่ค่อยเครียดอะไรอยู่แล้ว จริงๆ ผมขี้เกียจทำงานมานาน แต่ว่าเรื่องนี้ลุยเดือนเดียว อยู่ต่างจังหวัดเลย แป๊บเดียวก็ปิดกล้องแล้ว
ความยาก-ง่ายในการเล่นหนังเรื่องนี้
สำหรับผมจริงๆ เลยนะ เล่นบทเห็นเครียดแบบนี้ โชคดีที่มาทางสายนี้ ตั้งแต่เรื่อง "เด็กหอ" เล่นแบบใช้อารมณ์ พยายามให้ดีที่สุด พอเราเล่นกับน้องนางเอกก็ธรรมชาติ พี่ผู้กำกับเค้าก็ชอบนะ คือเค้าจะไม่เน้นว่าแน็กต้องเล่นเป็นเณร ใส่ชุด แต่ว่ายังเล่นเป็นตัวจริงของเรา เวลาพูดอะไรก็เล่นตามธรรมชาติครับ
ชอบหมดเลยสำหรับเรื่องนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกว่าได้มาเล่นหนังดีอีกครั้ง เรื่องนี้ละเอียดทุกฉาก รู้สึกดีที่ได้กลับมาทำหนังที่มีระบบ และทีมงานเก่ง ผมเข้ามา ผมนึกว่าแต่ละคน 30 อัพ ผมไหว้ทุกคนหน้าแก่กันหมดเลย แต่จริงๆ เฮ้ยอายุน้อยกว่าผมก็มี อายุน้อยแล้วทำไมเค้าเก่งเหมือนทีมงานโตแล้ว เด็กมหาวิทยาลัยแต่ว่าเก่ง ทำงานแบบผู่ใหญ่หมด
การร่วมงานกับทีมนักแสดง
เวลาอาเอก สรพงษ์มากองก็จะเงียบ เราได้เห็นแบบรุ่นพี่จริงๆ นะ ไม่ว่าก่อนเล่นเค้าก็จะไหว้ก่อน ทำงานจริงจัง แล้วเล่นเต็มที่ทุกครั้ง เราจะรู้สึกเกรงใจเค้า กลัวทำเค้าช้า ได้เข้าฉากกับเค้า เค้าเก่งมาก
พี่หนุ่ม อรรถพรก็น่ารัก ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอ แต่เป็นครั้งแรกที่ร่วมงานกัน ทีมนี้เล่นหนังดี เป็นธรรมชาติ พี่หนุ่มก็เก่ง เล่นเป็นธรรมชาติ
ในเรื่องเณรซันเค้าจะสนิทกับพระทิน ที่แสดงโดยพี่กิก ดนัย ซึ่งเรื่องจริงก็น่าจะสนิทที่สุดด้วย เพราะพี่เค้าเป็นวัยรุ่นต่อจากผมด้วย พี่กิกนิสัยดี อยู่กองก็เล่นกัน เจอกันตลอด
น้องพลอย ผมจะบอกว่าเป็นนางเอกใหม่แต่เก่ง อายุน้อยมาก ที่ผมตกใจคือ อายุ13 โห...นี่ผมแก่อย่างนี้เลยเหรอ ผมเคยมีอารมณ์มากองแล้วมีคนแก่กว่าประมาณ 10 ปี แต่ตอนนี้ผมโดนละ ผมกลัวแก่มากเลย คือไม่ได้ว่ากลัวหน้าแก่ แต่เสียดายเวลาที่ผมทิ้งไป น้องเก่งมากอายุ 13 แต่เล่นเหมือน 20 เลย และความคิดก็โตกว่าผม ผมนี่กลายเป็นเด็กเลยเวลาอยู่กับเค้า ผมเล่นหนังครั้งแรกตอนแฟนฉัน 9 ขวบ ผ่านไปเร็วมากสิบกว่าปีแล้ว เร็วไปด้วย ผมนอนไม่หลับเลย ผมกลัวแก่ เริ่มทำงานในกองกลายเป็นแบบว่า ไม่ใช่เป็นเด็กมากองแล้วเจอผู้ใหญ่ นี่ 22 แล้ว แก่แล้ว ความรับผิดชอบมากขึ้น ประมาณปีที่ผ่านมา ผมเริ่ม
ทำงานเองครั้งแรก จริงๆ พ่อแม่ผมไปกองด้วยตลอด ทุกครั้ง คุยโทรศัพท์ติดต่องานอะไร เค้าจะเป็นคนคุยหมด เพราะว่าแต่ก่อนผมเป็นคนไม่พกโทรศัพท์ พอมาเล่นเรื่องนี้ โตขึ้น ความรับผิดชอบก็ต้องมี ผมต้องจัดตารางงานเองว่า วันนี้ผมทำอะไร วันนี้ต้องมากองหนัง วันนี้ไปกองละคร ต้องรับผิดชอบมากขึ้นครับ
การร่วมงานกับพี่ฝน ผกก.ใหม่
เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นผู้กำกับผู้หญิง แล้วก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับผู้หญิง ตอนแรกก็แบบไม่รู้จักเค้า พอได้เริ่มทำงาน พี่เค้าเก่งนะ ดีครับ ก็ทำงานคุยกันไม่ยาก อยากได้อะไรก็บอก อยากทำอะไรก็บอก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ไม่ดีไม่ให้ผ่าน ละเอียดมาก ฉากไหนที่ไม่พอใจก็เอาใหม่ ซึ่งผมชอบมากนะ มาถึงกองเค้าก็ต้องเรียกมาคุยก่อน ฉากนี้เข้าไปต้องเล่นอะไรนะ ก็คุยกัน รู้สึกชอบการทำงานแบบนี้
เสน่ห์ความน่าสนใจและความโดดเด่นโดยรวมของหนังเรื่องนี้
เสน่ห์ของหนังเรื่อง "อาปัติ" ผมว่าคนกล้าทำหนังแนวนี้น้อย เพราะเสี่ยง ถ่ายไปก็แบบ เออ...จะได้ฉายมั้ยนะ เอาจริงๆ ไม่ได้มีอะไรที่แรงเกิน ทุกอย่างมันจบด้วยการสอนที่ดี น่าจะสนุกนะ เป็นหนังพระ มีผี มีเรื่องราวอะไรแปลกๆ ในวัด มีทุกอย่าง เป็นหนังที่เราตั้งใจทำ อยากให้มันประสบความสำเร็จ อยากให้คนเปิดใจมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้นะ จริงๆ คนทำงานเหนื่อยมาก
อยากให้เห็นพี่ๆ น้องๆ ทีมงานเหนื่อยกว่าผมเยอะเลย อยากให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จจริงๆ แล้วก็ให้คนเปิดใจดูกัน เพราะว่าผมและนักแสดงทุกคนตั้งใจกันแบบสุดๆ และเก่งมากๆ
รับรองว่าสนุกแน่นอน มีหลายอย่างเลยไม่ว่าจะเป็นน่ากลัว มีอะไรให้ลุ้น หักมุมเยอะแยะมากมาย ก็อยากฝากภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผมเรื่องนี้ด้วยครับ