บทสัมภาษณ์ “โซดา วีรี ละดาพันธ์ จาก ผีห่าอโยธยา
บั่นคอผีห่าด้วยสองมือกับ “โซดา-วีรี ละดาพันธ์”
“อีบัว” นักดาบสาวแกร่ง เซ็กซี่ทุกอณู บู๊สุดชีวิต
บทบาทแรกในชีวิตสุดท้าทาย กับ “ผีห่าอโยธยา”
แอ็คชั่นสยองขวัญเลือดสาดในบรรยากาศย้อนยุค
Q.ก่อนอื่นให้โซดาแนะนำตัวเองก่อนเลย
โซดา: ชื่อ โซดา วีรี ละดาพันธ์ ค่ะ ก่อนที่จะมาเล่นหนังเรื่องนี้เราเป็นนักร้องวงเกิร์ลกรุ๊ปสามคนค่ะ มีทำเอ็มวี ถ่ายทำเพลงกับเพื่อน เป็นแนว Electronics Dancehall เป็นแนวสนุกๆ เต้นๆ หน่อยค่ะ ในส่วนของภาพยนตร์ได้มาเล่นหนังเป็นครั้งแรกก็รู้สึกสนุกค่ะ เรารู้สึกว่าอาจเป็นเพราะเราได้เป็นตัวละครที่มันสนุกด้วย มันมีมุมหลายๆ มุมมีทั้งแอ็คชั่นมีอะไรหลายอย่าง ส่วนตัวชอบการแสดง แต่ไม่เคยลอง ตอนแรกเราดูละครดูหนังก็ไม่เคยคิดถึงลึกๆ ของอารมณ์แต่ละตัวละครนั้นๆ พื้นฐานหรือแบ็คกราวด์มีที่มาที่ไปอย่างไรเราดูเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่พอเรามาได้เล่นเองเราต้องคิดว่าตัวละครนั้นคิดอะไร มันเป็นจุดยาก และมันเป็นจุดที่เราได้เรียนรู้อะไรเยอะขึ้นลึกขึ้นมันเป็นจุดดีนะคะสำหรับเรา
Q. เห็นสวยๆ เซ็กซี่แบบนี้เห็นว่ามีไลฟ์สไตล์ที่เอ็กซ์ทรีมไม่แพ้บทบาทในเรื่องโดยเฉพาะความเร็ว
โซดา: (หัวเราะ) ก็ชอบรถแข่งค่ะ เราก็เคยแข่งรถบ้าง ไปเรียน เคยมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแข่งรถ ไปเรียนอยู่โต้โยต้าเรสซิ่งค่ะ จะแข่งจริงจังเลย เรารู้สึกว่ามันมันส์แต่มันก็มีจุดกลัวน่ะคะ แต่เราคิดว่ามันน่าจะเอ็กซ์ตรีมมาก เพราะว่าเข้าโค้งรึอะไรอย่างนี้มันสุดเวลารถคว่ำอย่างนี้ ทุกอย่างมันต้องเซฟ ก็คิดว่าน่าจะมันส์ดี ชอบแข่งรถไปเรียนอยากจะเข้าไปวงการแข่งรถ
Q. แล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรก ผีห่าอโยธยา รับบทเป็นใครอย่างไร
โซดา: รับบทเป็น บัว ก็จะเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกค่อนข้างเงียบ ใจเด็ด และก็เหมือนมีความอดทน มีความแกร่งในตัวเองไม่แพ้ชายอกสามศอก ดูจากภายนอกก็จะเห็นว่าบัวเป็นสาวสวยประจำหมู่บ้าน เป็นช่างตีดาบผู้หญิงคนเดียวในหมู่บ้านอีกเหมือนกัน เพราะว่าจริงๆ แล้วพื้นเพของหมู่บ้านเราผู้ชายจะโดนเกณฑ์ไปเป็นทหาร ไปรบหมดแล้ว เราโตมากับอาชีพนี้เหมือนกับว่าเราจะต้องสานต่ออาชีพนักตีดาบของพ่อที่สร้างไว้ ตัวบัวจะถนัดมีอาวุธประจำกายก็คือ ค้อนคู่ ทักษะการใช้ดาบ เรียกว่าเก่งไม่แพ้ผู้ชายเลยก็ว่าได้ ที่โรงตีดาบบัวเขาก็จะมีลูกน้องเป็นผู้ชายคนหนึ่งนะค่ะ ชื่อ ไอ้ทูน ตัวละครบัว ก็จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นๆ อย่างคนแรกก็คือ ไอ้เทพ (คานธี อนันตกาญจน์) คู่นี้ก็จะมีความผูกผันกันพอสมควรเลยตั้งแต่ในเรื่องของการถือดาบเหมือนกัน เป็นนักต่อสู้เหมือนกัน แล้วในเรื่องเราก็จะมีมอบดาบให้เทพด้วย พูดได้ว่าเทพเป็นคนที่ช่วยชีวิตบัวให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ นายจัน (หนึ่ง ชลัฎ ณ สงขลา) กับพรรคพวก พอเรามาเจอสถานะการณ์ผีห่าบุกเข้ามา ทำร้ายผู้คนในหมู่บ้านก็จะไม่มีใครที่จริงใจกันแล้ว นายจันนี้ต้องบอกว่าเป็นผู้ชายที่เราไม่ชอบเลย คือหาโอกาสคอยข่มเหงเราทุกอย่าง แม้กระทั้งเรื่องหนี้ของพ่อเราเขาก็มาเบียดเบียนเราอยู่ตลอดเวลา มาแทะโลมเรามารังแก อวดรวย เพราะว่าเป็นคนที่รวยที่สุดในหมู่บ้าน จะเอาเงินมาซื้อบัวไปเป็นเมียอยู่หลายครั้งเหมือนกัน นายจันนี้เป็นหนึ่งคนที่เราแบบอยากฆ่าอยู่ตลอดเวลา
Q.ในภาพยนตร์มีการพูดถึงผู้รอดตาย มีพูดถึงเรื่องโรคห่า มีพูดถึงผี เรื่องราวมันเป็นอย่างไร
โซดา : เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในสมัยอโยธยา เกิดโรคระบาดขึ้นค่ะ ที่มาพร้อมกับผีห่าเกิดขึ้นมาซึ่งสามารถฆ่าชีวิตทุกคนได้ แต่กลับกันคือฆ่าผีห่าฆ่ายังไงก็ไม่ตายนอกจากตัดหัว จะฟัน จะแทงก็ไม่เข้าค่ะ แล้วมันเกิดขึ้นกับผู้คนในหมู่บ้าน สำหรับตัวบัวก็เป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มสุดท้ายของหมู่บ้านนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ผู้คนที่มีชีวิตรอดกลุ่มหนึ่งมาเจอกัน ซึ่งเราเชื่อว่าแต่ละบุคลิกแต่ละตัวละครมีจริงในทุกสังคม บางคนก็เห็นแก่ตัว บางคนก็ช่วยเหลือคนอื่นได้ บางคนก็ต้องการเอาตัวรอดแค่ตัวเอง มันคล้ายกับว่าสมมติว่าโลกเรากำลังจะแตกเราจะทำอย่างไร แล้วทุกๆคนก็จะแสดงความเป็นตัวเองออกมาจริงๆ หรืออย่างที่จะมีบางคู่ที่เขามีความรักเขาก็จะเหมือนค่อยช่วยเหลือแต่คนรักเขาค่ะ มันจะเป็นการสะท้อนความเป็นคนในปัจจุบัน ต้องไปดูว่าความคิดเห็นแต่ละคน คาแรคเตอร์ของแต่ละคนแต่ละตัวละครจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับตัวบัวเอง พอเกิดโรคผีห่าขึ้นมาทำให้ต้องจับดาบต้องจับค้อน สู้เพื่อเอาตัวรอดค่ะ ทำอย่างไรให้เราหนีไปให้ได้ เขาต้องช่วยคนอื่นด้วยจากที่เป็นคนที่ไม่เคยจะยุ่งกับใคร ก็มีเหตุการณ์ที่ผลิกผันทำให้เรามองเพื่อนรอบๆ ข้างเพื่อนที่อยู่ด้วยกันรอดไปด้วยกัน
Q. จากบทบาทนักร้อง แล้วมามีผลงานการแสดง แถมเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตด้วยเป็นอย่างไรบ้าง
โซดา : ก็ค่อนข้างหนักเหมือนกันนะคะ คือความยากมันมีอยู่แล้วในทุกการทำงาน การถ่ายหนังหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หนูมองว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ที่เราได้ทำได้เจออะไรที่มันหนักแบบนี้ มีทั้งระเบิดในหนังเรื่องนี้และเป็นระเบิดที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ยี่สิบจุดที่ทีมงานตั้งไว้ ทุกคนอาจจะคิดว่าเราเล่นภาพยนตร์มันก็ต้องมีแบบบทสวย ใส ตัวบัวนี้ไม่มีเลย ทุกๆ ฉากเต็มไปด้วยเลือด พูดถึงเรื่องระเบิดก่อนเราก็ทำการบ้านมาค่อนข้างหนักเหมือนกัน พอบอกระเบิดเพราะว่าคือทีมอาร์ท ทีมเอฟเฟกต์ ทีมงานทุกคนทั้งผู้กำกับเขาก็คาดหวังว่าจะออกมาดีที่สุดไร เขาก็วางใจ ก็อยากให้มันออกมาดีก็ทำเต็มที่ ก็ดีใจที่มันผ่านมาได้ อย่างเช่นคราบเลือด ที่ต้องเจออยู่ตลอดเวลา เป็นเหมือนพระเอกของหนังก็ว่าได้ นอกจากผีห่า พระเอกเรื่องนี้อีกสองอย่างคือ 1 เลือด 2 สโมก (ควันที่ใช้ในการควบคุมแสงในการถ่ายทำ) เพราะว่าทุกๆ ฉากเราต้องนั่งดมควันสโมกอยู่ตลอดเวลาค่ะ จะเป็นในโรงชำเราชายหรือแม้กระทั่งในป่า ทุกๆ ฉากมีสโมกแต่ว่าก็ดีทุกอย่างฟูลออฟชั่นไปหมดเลย เต็มไปด้วยทั้งเรื่องอุปสรรคในการถ่ายกลางคืนตลอด ทั้งภาพทั้งควันทั้งลมทำให้ทุกอย่างพอมาประกอบกันทำให้เป็นความยากที่หนูรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีกับเรื่องแรก แล้วถ้าเราเจอเรื่องอะไรยากๆ เราก็จะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
Q.ที่บอกว่าต้องเจอระเบิด ทราบมาว่าเป็นนักแสดงคนเดียวที่ต้องเข้าฉากระเบิดแถมเป็นผู้หญิงด้วย ยังไม่รวมกับที่จะต้องเจอเลือดในทุกๆ ฉาก เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไรบ้าง
โซดา : ค่ะก็อย่างฉากระเบิดนะคะ เราแสดงเอง ซ้อมเองประมาณ 20 -30 รอบเหมือนกัน ค่อนข้างที่หนัก คอเคล็ดไปหมดเลย อยากให้ผ่านในเทคเดียวเพราะว่าทุกๆ ฝ่ายก็เตรียมพร้อมกัน ก็ยากมาก หลังจากที่เราผ่านฉากระเบิดไปมันมีเอฟเฟกต์ที่กระเด็นมาใส่ เป็นแผลที่หลัง เออพอเรามีรอยแล้วเรารู้สึกว่า เฮ้ย! เราผ่านการโดนระเบิดมาเพราะว่าคนปกติก็คงไม่มีใครได้เจอได้มีรอยแผลเพราะระเบิด กลับบ้านไปก็แทบป่วย หรืออย่างเลือดสาดก็มีฟันคอผีบ้าง แทงคอบ้าง เลือดกระฉูดแบบเต็มตัวแทบจะแยกไม่ออกว่าผีหรือคน หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีที่แอ็คชั่นค่อนข้างแรงเหมือนกัน มีทั้ง ต่อสู้ ทั้งกระโดด ใช้แรง ใช้ค้อนแล้วอีกอันก็คือการตีดาบของบัว แล้วด้วยความสมจริงก็ต้องใช้ค้อนจริงในฉากที่ต้องตีดาบ ซึ่งหนักอย่างต่ำ 5-10 กิโล แล้วเป็นผู้หญิงที่แบบใช้ดาบร้อนๆ ที่เพิ่งขึ้นมาจากไฟแล้วมาตี ทำจริงทุกอย่าง บัวทำเองหมด ไม่มีสแตนอิน ได้แผลเยอะมากคือตัวเราเองเป็นคนซุ่มซามอยู่แล้วก็จะมีตามมือตามข้อเท้า ไฟลวกบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็สนุกมาก แล้วก็มีฉากหนึ่งที่ใหญ่รองมาจากฉากระเบิดเลยก็ว่าได้ เป็นการที่เราหนีขึ้นเรือโดดน้ำว่ายน้ำไปขึ้นเรือใหญ่มาก จริงๆ เป็นคนว่ายน้ำไม่เป็นนะคะ เราได้ไปฝึกว่ายน้ำมา คือจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ว่าเหมือนคนไม่เคยว่ายน้ำ แล้วมันเป็นการว่ายน้ำแบบต้องหนีตายจะว่ายแบบไหนก็ได้ พอว่ายน้ำไปถึงเรือเสร็จก็ต้องปืนขึ้นเรือไปอีก เพื่อที่เราจะรอดแล้วต้องดูว่าบัวจะรอดรึเปล่า
Q.เป็นนักแสดงมือใหม่หน้าใหม่เมื่อเทียบกับนักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่องที่ผ่านทั้งงานหนังงานละครมาแล้ว เครียดใหม่ กดดันใหม่โดยเฉพาะบทที่ต้องใช้พลังในตัวเยอะขนาดนี้
โซดา : เราเป็นมือใหม่ความเครียดมันเยอะมาก ความกดดันสูงมาก รอบข้างเราต้องเล่นกับนักแสดงหลายๆ คนที่มีผีมือ เราก็กลัวว่าเราจะทำได้ไม่ดีเป็นตัวถ่วงบ้าง แต่ก็ฝึกค่ะ อยากทำให้ดีที่สุด สมมติว่าต้องเป็นซีนอารมณ์ที่เราต้องใส่อารมณ์เครียดมากๆ เพราะว่าบัวจะเป็นตัวละครที่ไม่มียิ้มเลยสักครั้งเดียว คิดอยู่ตลอดเวลา ฉันจะอยู่ต่อไปได้ยังไง พรุ่งนี้จะเป็นยังไง มันเก็บจนเรารู้สึกว่าเราเป็นคนนี้จริงๆ จนกลับบ้าน ความรู้สึกเอ๊ะ! เครียดตลอดเวลา คิ้วผูกโบว์ตลอดเวลา ก็คือปล่อยมันไม่ได้ เพราะว่าเราอยู่กับตัวละครตัวนี้ทุกวันๆ บางฉากในหนังนี้ไม่มีร้องไห้แต่ด้วยความเครียด คือผู้กำกับจะบอกว่าเอาเป็นเครียดกลัว แต่เขาเป็นคนค่อนข้างเก็บนะฟูมฟายออกมาไม่ได้ พอคัตปุ๊บเราร้องออกมาเพราะว่าเราไม่ไหวแล้วก็มีนั่งร้องไห้ ก็จะมีพวกพี่คอยแนะนำ อย่างเป็นซีนที่ถูกนายจันจะมาล่วงเกินเรา จะพยายามจับเราไปเป็นเมีย พี่หนึ่ง (ภาสกร มหากนก-แอ็คติ้งโค้ช) อยู่ก็จะช่วยบอกให้เราปลดปล่อย เรามีพฤติกรรมหลายอย่างที่เราเป็นตัวละครตัวนี้แล้วก็ติดจากกองถ่ายกลับไปบ้านด้วย เราต้องเรียนรู้ที่จะต้องปรับ ต้องหยุด ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด ก็เหมือนเป็นบันไดก้าวแรกของเราด้วย ก็อยากให้กำลังใจและก็ติดตามด้วยนะคะ
Q.มีฉากไหนที่รู้สึกหนักใจที่สุดในการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้
โซดา : คือมันเหมือนเป็นการถ่ายทอดให้เห็นว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่โดนรังแก นึกภาพไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร ผู้กำกับก็พยามบอกว่าไม่ต้องเครียดเพราะว่าคือโดยภาพหนังแล้ว หนังของเราไม่ได้แบบเซ็กซี่จ๋า หรือเลิฟซีนอะไรขนาดนั้น แต่ว่ามันจะมีที่มาที่ไปก็คือ นายจันที่เราเกลียดนี้เขาชอบเรา อยากรังแกอยากข่มเหงเรา เพราะเห็นว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมใครก็เครียดมาก เพราะว่าเราไม่รู้อะไรเลย ประสบการณ์เราไม่มีเลย แล้วต้องเล่นกับพี่หนึ่งด้วย เขาก็เซฟให้เราเยอะมาก มันเป็นการสื่อสารในเรื่องของอารมณ์ที่มันเยอะที่สุดของหนังเรื่องนี้ของเรากับตัวเรา เราต้องสร้างจินตนาการเหล่านี้ขึ้นมา แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี มันก็เป็นการแก้แค้นกันไปกันมาเหมือนว่าเป็นการสื่อถึงที่มาที่ไปของตัวละครให้คนดูรู้ ตอนแสดงพี่หนึ่งเขาก็ส่งบทมาทำให้เรารู้สึก เออพอเขาจริงมาเราก็ต้องจริงกลับ เราจะตะโกนกรี๊ดๆ ไม่ได้ ด้วยตัวบัว จะเป็นคนเก็บเจ็บไว้ข้างในอารมณ์ที่จะสื่อออกมาได้แค่ความ ก็ถ่ายอยู่หลายเทคมาก 10-20 เทคเพราะว่ามันหลายอย่างค่ะ
Q.หนังเรื่องแรกต้องเตรียมตัวมากน้อยแค่ไหนอย่างไร
โซดา : ค่ะก็ตัวละครตัวนี้จากที่เราอ่าน ที่จริงแล้วว่าตัวละครมันจะต้องมีแบ็คกราวน์ นั่นก็คือเราต้องเวิร์คช็อป ต้องฝึกการแสดง มานานเหมือนกัน แล้วก็สำคัญสำหรับตัวละครบัวตัวนี้นะค่ะก็มีตั้งแต่ต้องเข้าฟิตเนสค่ะ เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนก่อนหน้าที่จะเปิดกล้อง เราก็จะไปแบบฝึกตัวเองแล้วก็เรียนดาบ ฝึกค้อน แล้วก็มีมวย คือฝึกความแข็งแรงทุกอย่างเพื่อทำตัวเองให้พร้อม เพราะว่ามันหนักจริงๆ แต่ว่าพอย้อนกลับไปแล้วรู้สึกดีที่เราได้ฝึกตัวเองแล้วก็ฝึกความแข็งแรงมาเยอะเพราะว่าซีน แต่ละซีนนี้หนักมากๆ เลยค่ะ
Q.ถ้าให้คำอธิบายถึง “ผีห่า”
โซดา : โอ้โห้! ลักษณะของผีห่าก็มีอยู่หลายแบบเหมือนกันนะคะ แล้วแต่ละตัวนี้เหมือนมันก็มีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน จริงๆ มันเป็นโรคโรคหนึ่งที่สมมติว่าใครก็ตามที่โดนกัดแล้วมันก็จะติดต่อ แล้วมันก็จะเหมือนมีอาการของโรคแตกต่างกันไป บางตัวก็จะมีเน่าเฟะ หน้าแบบมีรอยแผล บางตัวก็เป็นตุ่มเป็นเม็ด บางตัวก็จะตัวซีด ตัวขาวค่ะ แต่มีแผลมีหลายๆ แบบ แต่ทุกอย่างก็จะเป็นมาจากโรคผีห่าทั้งหมด จะดุมากเห็นสิ่งมีชีวิต เห็นคนไม่ได้จะไปกัด เข้าไปกัดคือเหมือนพยายามจะสร้างขยายอาณาจักรต่อไป จะต้องเข้าฆ่าเพื่อให้เราเป็นบ้าง เพื่อให้คนทุกคนกลายเป็นผีห่ากันหมด แล้วก็ไม่มีสติสัมปชัญญะ เจอใครต้องเข้าไปกัด มีพละกำลังเยอะ ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย ต้องตีหัวหรือฟันคอขาดค่ะ
Q.เสน่ห์ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง ผีห่าอโยธยา
โซดา: การนำเอาเรื่องยุคสมัยความเป็นหนังพรีเรียด ที่ยกโรคห่าที่มีอยู่ในชีวิตจริง ซึ่งเราหลายคนก็คงเคยได้ยินว่ามีโรคชื่อนี้จริงๆ แต่หมายถึงเราหยิบเอาอาการของโรคที่มันเกิดขึ้นมาดัดแปลง พร้อมใส่ไอเดียหลายๆ อย่างเข้าไปให้เกิดเป็นอุบัติโรคผีห่าที่เกิดขึ้นในหนัง เราจะเห็นว่าผีห่าแต่ละตัวก็จะมีรายละเอียดไม่เหมือนกัน เช่น สมมติว่าบางตัวเดินเร็วบางตัวเดินช้า บางตัวก็อาจจะเป็นเม็ดผื่น บางตัวก็ซีดขาวทุกตัวจะมีลักษณะแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดมันคือเกิดขึ้นจากไอเดียของผู้กำกับ พอเป็นหนังพีเรียดที่ถ้าเราสังเกตรายละเอียดในหนัง เราก็จะรู้ว่าสมัยก่อนนี้อย่างบ้านเรือนเราอยู่กันแบบนี้แล้วก็ข้าวของใช้อะไรต่างๆ เช่นสมมติฉากบ้านของบัว ก็จะมีการใช้ไฟจริงใช้สูบ (สูบลมเวลาที่จะเผาหรือตีดาบ) ที่เราย้อนกลับไปจริงๆ หลายๆ คนก็คงนึกภาพไม่ออก ว่าพ่อแม่เราสมัยก่อนเราอยู่กันแบบนี้แล้วก็ใช้ชีวิตกันแบบนี้ ทำกับข้าวกันแบบนี้ แล้วก็ทำมาหากินกันยังไง แล้วเป็นหนังที่มีครบทุกอารมณ์ มีความโรแมนติกเข้ามาถึงแม้จะเป็นหนังผีห่าที่มีเลือดตลอดเวลา แต่เราก็เห็นความน่ารักของพระเอกนางเอก ที่เขามีความรักให้กันอยู่ตลอดเวลา ห่วงใยกันตลอดเวลา มันก็จะเป็นฉากที่หลายๆ คนยิ้มได้ บู๊แอ็คชั่นนี้มีแน่นอนซึ่งถ่ายทอดผ่านตัวละครบัวก็คือมันจะได้เห็นถึงเสน่ห์ของผู้หญิงที่แกร่งสามารถจับดาบจับค้อนได้ ผู้หญิงก็เตะได้ต่อยได้กระโดดหลบระเบิดได้อย่างนี้ เครื่องแต่งกายแนวพีเรียดก็เป็นส่วนหนึ่งที่สื่อสารความเป็นไทยจริงๆ ว่าเราใช้ผ้าแถบ โจงกระเบน เราใช้ผ้าเตี่ยว ที่สมัยก่อนพ่อแม่เรามีผ้าผืนเดียวก็อยู่ได้ไม่ต้องมีเสื้อผ้าเยอะแยะก็อยู่ได้ เสื้อผ้าของตัวละครไม่มีคล้ายกันในเรื่องการแต่งกาย เพราะว่าคือเราจะแยกชัดเจนในเรื่องฐานะชนชั้นกลางก็จะมีฐานะก็จะมีเสื้อผ้าใส่แบบ นายจันก็จะรวยมากหน่อยก็จะมีแก้วแหวนเงินทอง คือมันเป็นชีวิตจริงของคนสมัยนั้นว่า คือคนมีทอง คนรวยก็ต้องใส่ทองใส่เพชรนิลจินดา บัวเองก็เป็นคนที่เรียกได้ว่าหาเช้ากินค่ำ ก็จะมีผ้าผืนหนึ่งเป็นผ้าแถบ แล้วที่ใส่นี้คือเราก็ใส่จริงคือๆ ไม่ได้มีซิป เรามาผูกกันจริงว่าถ้าสมมติเรามีผ้าพื้นเดียวเราจะใส่ปิดบังร่างกายของเรา แล้วก็ออกไปนอกบ้านได้ไหมทำมาหากินได้ไหม เข้าห้องน้ำก็ลำบากมากเหมือนกัน เพราะว่าเราก็ต้องรื้อออกมาใหม่ ทุกอย่างคือใส่ใจรายละเอียดแทบจะทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ในทุกๆ ซีนไม่ว่าจะเรื่องเลือดหรือเรื่องอะไร อย่างหน้าตัวก็มีการใส่เลือดไม่เหมือนกัน ความสมจริงทุกอย่างคือเราชอบค่ะมันมีเสน่ห์หลายๆ อย่างอยู่ในตัวของหนังด้วย
Q. พูดถึงผกก.คุณชายอดัม
โซดา : ในมุมของโซดา ชัดแต่ชัวร์นะ เราให้คำนิยามผู้กำกับคนนี้เหมือน เขาจะรู้จุดว่า สมมติว่าอย่างซีนนี้ต้องการอะไร อารมณ์เป็นไงเขาจะพูดให้เราฟังว่า อ๋อ อารมณ์เป็นแบบนี้เป้าหมายของหนังเป็นแบบนี้ อย่างฉากที่ต้องเซ็กซี่เขาจะบอกว่าเราเซ็กซี่ เพราะว่ามันคือที่มาที่ไปของตัวละครที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ไม่ให้เราเซ็กซี่พร่ำเพรื่อ แล้วเราก็คิดตามมันก็จะจินตนาการได้ฉะนั้นทุกซีนที่ออกมามันก็จะเป็นเหมือนกับ เราจะนึกภาพออกโดยกว้างๆ คือเขาก็จะบอกเราน้อยๆ ชัวร์ และชัดหลายๆ อย่างเราได้ประสบการณ์จากผู้กำกับมากค่ะเยอะมาก
Q. ท้ายนี้อยากให้ฝากผลงานกับแฟนๆ
โซดา : ก็ฝากหนังเรื่อง ผีห่าอโยธยา ด้วยนะคะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของโซดา ทุกๆ คนไม่ว่าจะนักแสดงทุกคน ผู้กำกับ ทั้งทีมงานทุกคนตั้งใจมากๆ ยังไงก็ต้องติดตามดูเป็นหนังไทยที่สะท้อนเรื่องราวสมัยก่อนสมัยอโยธยา จริงๆ แล้วอโยธยาอาจไม่ได้แตกเพราะเป็นสงครามก็ได้นะคะ