เชื่อมั่นในรักแท้ สละได้ทุกอย่างในชีวิต และพร้อมลุกขึ้นมาบั่นคอผีห่า “แคท ซอนญ่า สิงหะ” รับบท “เมี้ยน” หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ กับประสบการณ์สุดท้าทายในชีวิตการแสดง ในภาพยนตร์ผีแอ็คชั่นเลือดสาดย้อนยุคเรื่องแรกในชีวิต “ผีห่าอโยธยา”
Q. ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของ “แคท ซอนญ่า” กับ “ผีห่าอโยธยา” ในการก้าวสู่นางเอกภาพยนตร์ครั้งแรก
A. ครั้งแรกมีโอกาสได้คุยกับคุณชายอดัม (ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้กำกับผีห่าอโยธยา )หลังจาก 3-4 ปีแล้วนะคะ ก็อัพเดตกันว่าคุณชายกำลังทำหนังเรื่องนี้อยู่เปิดแคสท์ตัวนักแสดงนะมาไหม พอไปถึงตรงนั้น คุณชายให้บทมานะคะ นางเอกชื่ออีเมี้ยน ก็มาดูบท โหเป็นคำที่ตอนนั้นช็อคมาก คำพูดอะไรนะ ภาษาอ่านไม่รู้เรื่อง พูดไม่ได้ แคสท์ไปจนถึงจุดที่ร้องไห้ได้ แต่ว่าเรื่องร้องไห้นี่หลังจากเจอเรื่องหัตถาครองพิภพมา มันมีฝังในอินเนอร์เลยว่าการร้องไห้ต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก ตอนแรกเรากลับบ้านเราก็ไม่คิดอะไรนะคะ หลังจากนั้นเดือนหนึ่ง คุณชายโทรมาบอกว่า ได้นะ วันนั้นดีใจมาก ซึ่งเรารู้สึกว่ามันอาจจะมีคนที่ทำได้ดีกว่าเรา แต่พอทางคุณชาย แล้วก็ทางเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้อำนวยการสร้าง, ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล) เขาได้เห็นความสามารถเรา และได้ให้โอกาสเรามาทำตรงนี้ แล้วก็รู้สึกประทับใจ แล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติ ก็คือรู้สึกว่าเราต้องทำให้ดีที่สุดนะ เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่ผิดหวังค่ะ
Q.เสน่ห์ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง ผีห่าอโยธยา
A. ต้องพูดเลยว่าไม่ใช่หนังธรรมดา ค่อนข้างเป็นหนังไอเดีย เพราะว่าอย่างคำว่าหนังผีนี่ทุกคนก็จะเข้าใจว่าเป็นผี แต่พอมาถึงหนังผีห่าอโยธยา มันมีหลายอย่างผสมผสานกันมาก คือใครจะเชื่อว่าคุณเอาพีเรียดมาผสมกับความเป็นผี ซึ่งทุกคนจะต้องติดตามว่าผีห่าคืออะไร ไม่เหมือนผีทั่วไป แล้วความเป็นดราม่านี่มีพาร์ทที่เป็นคอมมิดี้อยู่ด้วยนะคะ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับตัวละครที่เราแสดงอยู่ด้วย แต่ก็พอมาผสมผสานกัน ถ้าหลายๆ คนมีโอกาสได้สัมผัสคุณชาย หรือว่าเห็นผลงานของคุณชาย จะค่อนข้างเป็นคนที่มีไอเดียใหม่ๆ ตลอดเวลา เป็นคนที่เขาจะอินกับโลกไซเบอร์ เขาจะทันข่าว ทันยุคสมัยใหม่มาก ซึ่งเขาเป็นคนที่กล้าทำ กล้าหยิบโน่น หยิบนี่มาผสมผสานกันค่ะ
Q.เรื่องราวของผีห่าอโยธยา
A. คือเป็นยุคอโยธยาอย่างตัวแคทเองไม่เคยมีพื้นฐานหรือความรู้เกี่ยวกับยุคนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา หรือว่าการแต่งกาย หรือว่าหลายๆ อย่าง พอมีโอกาสได้มาแสดงหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้เราได้ซึมซับอะไรเยอะขึ้น ต้องบอกว่าเรื่องนี้ตัวละครแต่ละตัว หรือทุกตัวละครล้วนมีความสำคัญหมด ตัวเรื่องหลักๆ ก็จะพูดถึงคนกลุ่มๆ หนึ่งในหมู่บ้านสมัยอโยธยานะคะ ซึ่งก็จะแตกต่างกันด้วยฐานะ อาชีพ ก็จะมี เมี้ยน ที่แคทรับบท เป็นลูกสาวของผู้มีฐานะร่ำรวยของหมู่บ้าน แต่ไปชอบกับเด็กวัดคือคง (เต้ย-พงศกร) แต่แตกต่างด้วยฐานะทำให้พ่อแม่ของเมี้ยนก็ไม่อยากให้คบหากัน คงก็จะมีเพื่อนคือ ขวัญ เป็นเด็กวัดด้วยกันเจ้าสำราญ อยู่กับไหสุรา และการหาความสุขตามประสาผู้ชายที่โรงชำเราชาย ซึ่งที่นั้นก็จะมีคณิกาที่เป็นใบ้ชื่อ พลอย (แม็กกี้-อาภา) โดยมีเจ้าของโรงชำที่นิสัยเห็นแก่ตัวชอบกดขี่ข่มเหงผู้อื่นคือ นายจัน (หนึ่ง-ชลัฎ) คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านก็จะติดหนี้ติดสินนายจันรวมทั้งครอบครัวของ บัว ทำให้นายจันพยายามจะเอาบัวเป็นเมียเพื่อขัดดอก ซึ่งบัวเองจะมีฝีไม้ลายมือในการต่อสู้เพราะมีอาชีพเป็นช่างตีดาบหญิงคนเดียวประจำหมู่บ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีอดีตหัวหน้าหมู่ทะลวงฟันทหารจากกองทัพที่กลายเป็นขี้เมาในหมู่บ้านช่วยชีวิตไว้ ทั้งหมดจะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันหลังจากผีห่าเข้ามาในหมู่บ้าน มีศพลุกขึ้นมามีชีวิตกัดกินผู้คนล้มตายกลายเป็นผีห่ากันทั้งหมู่บ้าน ก็ต้องหาวิธีว่าจะต่อสู้ยังไงกับผีด้วยกัน จะพากันเอาตัวรอดอย่างไร ซึ่งก็จะได้เห็นว่าแต่ละคนมีน้ำใจมากน้อยแค่ไหน คนไหนเห็นแก่ตัว คนไหนนิสัยอย่างไรนะคะ คือเราจะได้เห็นสันดานดิบของมนุษย์ ตอนที่ทุกคนต้องเอาตัวรอดค่ะซึ่ งหนังเรื่องนี้ต้องพูดเลยว่านักแสดงทุกตัวจะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
Q.บทบาทของตัวละครที่ได้รับ
A : จริงๆ แล้วตัวเมี้ยนเองก็คือเหมือนเป็นเด็กสาววัยรุ่นนี่ละค่ะ แต่เกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างเข้มงวด เนื่องด้วยที่บ้านค่อนข้างมีฐานะ เพราะฉะนั้นตัวเมี้ยนก็จะออกไปในลักษณะของลูกผู้หญิงที่เหมือนกับเป็นไข่ในหินที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปข้างนอก แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่ตัวเมี้ยนค่อนข้างเป็นคนรักอิสระ จะค่อนข้างหัวสมัยใหม่นิดหนึ่งนะถ้าเกิดว่าเทียบกับคนในสมัยโบราณ ความพิเศษของตัวละครตัวนี้ก็คือจะเป็นคนที่ค่อนข้างยึดมั่น และก็เชื่อมั่นในตนเองมากๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก ค่อนข้างที่จะมีความเป็นลูกคุณหนู เอาแต่ใจตัวเองสูงมาก โดยบางครั้งไม่ได้สนใจเลยว่าคนรอบข้างจะเป็นอย่างไร แม้แต่กับพ่อแม่บางครั้งเขามองข้าม เพราะว่าเรื่องความรักที่มีต่อตัวพระเอกก็คือไอ้คง สถานการณ์หลายๆ อย่างบีบบังคับว่าเขาคบกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะรักกันมากเลยนะคะ เป็นวัยรุ่นที่เชื่อเรื่องความรักว่าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต คือเราสามารถสละหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเราได้เพื่อคนๆ นี้คนที่เรารัก ขณะที่ตัวไอ้คงเองเป็นเหมือนเด็กวัดซึ่งมีฐานะที่แตกต่างกัน เหมือนอุปสรรคที่กีดขวางอยู่แล้ว พอมีอุบัติผีห่าเข้ามาก็เลยทำให้เหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดพลิกผัน เป็นโอกาสที่ทำให้เมี้ยนตั้งใจว่าจะหนีไปกับไอ้คง เพื่อที่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำอย่างไรละจะหนี แล้วถ้าเกิดมันเป็นอุบัติผีห่าเลยละ แบบทั้งหมู่บ้านเลย มันไม่ได้หนีไปด้วยกันง่ายๆ คือกลายเป็นว่ามีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น มันไม่ใช่แค่เรากับเมี้ยนละ มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเลยทำให้เรื่องราวนี้น่าสนใจมากขึ้นค่ะ
Q.ถ้างั้นต้องเล่าให้ฟังแล้วละว่าประสบการณ์ในการเล่นหนังเรื่องแรก เป็นอย่างไรบ้างครับ
A หลังจากที่ผ่านละครเรื่องแรกที่เพิ่งจบไป เราว่าเรื่องนั้นยุคเก่าแล้วพูดจาไม่เหมือนเดิม พอมาเจอยุคนี้คือแคทตึงเลยนะคะไม่เคยเจอภาษาแบบนี้มาก่อน มาเล่นตอนแรกเราก็รู้สึกตื่นเต้น แล้วได้เล่นหนังผีเรื่องแรกด้วย มันไม่ใช่ผีอย่างที่เราเข้าใจ มันเป็นเรื่องที่คุณนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร สำหรับแคทต้องบอกเลยว่าประทับใจมาก รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับเล่นเป็นนักแสดงเรื่องนี้ ซึ่งมีผู้กำกับเป็น คุณชายอดัม โดยส่วนตัวแคทรู้จักคุณชายอดัมมาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งคุณชายจะคอยแนะนำตลอด ซึ่งต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้หนัก ด้วยทั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาที่แคทไม่คุ้นเคยนะคะ ต้องฝึกกันเยอะ แล้วก็นักแสดงคือต้องเข้ามาทำความรู้จักกันใหม่ ที่ทำความรู้จักด้วยมากเป็นพิเศษก็คือพี่เต้ยพงศกร เขาก็เป็นคนเฟรนด์ลี่เข้ากันได้ดีค่ะ มาถ่ายหนังรู้เลยว่ามันไม่เหมือนกันความยากง่ายจริงๆ แล้วอาจจะเป็นด้วยตัวของเรื่องซีนค่อนข้างที่จะดราม่า แอบเสียใจเพราะไม่ค่อยได้สวยนะคะ เราจะต้องไปบุกป่า ฝ่าดง อยากเล่นแอ็คชั่น เล่นบู๊มานานแล้ว แล้วอากาศที่กาญจนบุรีขึ้นๆ ลงๆ บางวันฝนตก บางวันหนาว บางวันร้อน อันนี้ก็ต้องฝ่าฟันกันไปนะคะ แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากคะ ทีมงานทุกคนให้ความร่วมมือกันดีมากซึ่งมันทำให้รู้สึกว่าเราแฮปปี้ทุกครั้งที่จะมาที่นี่ รู้สึกเหมือเป็นครอบครัว คือทำงานกันแบบว่าด้วยตัวคุณชายเขาเป็นคนที่ค่อนข้างรีแลกซ์นะค่ะ ก็จะทำให้ทุกคนในกองรีแลกซ์ รู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันทำให้เราเห็นแง่มุมหลายๆ อย่างว่าตัวเนื้อหานี่คนเราจริงๆแล้วมันเป็นแบบนี้โลกมันไม่สวย เหมือนชีวิตที่หลายๆ คน แคทก็รู้สึกว่าได้เห็นอะไรมากขึ้น
Q.เห็นว่าได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างเช่นวิ่งหนีผีตอนตีสี่ตีห้ากันเลย
A. เวลาเพื่อนแอบเห็นภาพ ทุกคนจะถามว่าเล่นเป็นอะไร เรียบร้อยใช่ไหม แต่งตัวดูเป็นหญิงไทยเหมาะมาก คือจริงๆแล้วเห็นเราแต่งตัวแบบนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นยุคสมัยนั้น เห็นแบบนี้นี่สถานการณ์พอมีผีห่ามา คือทุกอย่างพลิกค่ะ คือกลายเป็นว่าเรานี่ซ่าส์เลย คือทำหลายอย่างที่ไม่เคยคาดคิดว่าเราจะได้ทำ คือหนังเรื่องนี้มันทำให้แคทรู้สึกว่าหลายๆ อย่างในชีวิตนี่ง่ายไปเลยค่ะ บางวันนี่ตีสี่ต้องลุกขึ้นมาเอาขวาน เอาจอบฟันผีห่า แล้วแคทพูดเลยว่าแขนแคทนี่เล็กมาก ถือจอบทีหนึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถือยังไงให้สวย ฟันยังไงให้คอขาด มันยากมาก ไหนจะเลือดปลอมอีก เห็นอย่างนี้นี่ ต้องบอกว่า 80% ของเรื่องนี้คือแคทหน้าเขรอะ แล้วก็มีเลือดสาดเต็มตัว คลุกอยู่กับเลือดปลอม 24 ชั่วโมงมันเหนื่อย และบางทีเข้าป่า บุกป่าจริง สรุปแล้วออกมาเจ็บมาก เป็นแผล ไม่รู้ว่าอันไหนเลือดจริง เลือดปลอมต้องเช็ดให้หมด คือทุกครั้งที่มาจะต้องได้แผล เพราะว่าด้วยความที่ทุกคนทุ่มเท ถ้ากลัวตัวเองเจ็บมันก็รู้สึกแย่นะ ทำไมคนอื่นเขาเจ็บได้ คนอื่นเขาจริงจัง เพราะฉะนั้นเวลาที่มีซีนที่ต้องบู๊กัน ต้องหนีผี สู้กับผีนี่คือทุกคนต้องเต็มที่ ซึ่งเรื่องเจ็บไว้ก่อน ล้มจริง โดนกระชากนี่จริง ไม่มีสแตนอินนะคะ บางทีล้มทีหนึ่งนี่ 10 รอบ ล้มแล้วมันไม่สวย ล้มแล้วท่ามันไม่เป๊ะ พอหันมาดูหน้ามอนิเตอร์ แบบโหยมันได้นะ
Q.ต้องกรีดเสียงร้องกรี๊ดกรี๊ดจนคอพัง
A. เรื่องการที่จะเปล่งเสียงออกมาให้รู้สึกว่ามันกลัวจริงนะ ออกมาจากอินเนอร์คุณกลัวจริงๆ นะ มันยาก แล้วบางทีนี่กรี๊ดทั้งคืน จนบางทีต้องหันไปบอกคุณชายไปว่า คุณชายค่ะหนูไม่ไหวแล้ว เจ็บคอมาก ก็ต้องเตรียมน้ำอุ่นมา แล้วคือเชื่อไหมว่ากองนี้นี่ไม่รู้นะอาจจะเป็นดวงแคทหรือเปล่า ตอนกลางวันไม่ค่อยมีซีนคะ ไม่รู้ทำไม วันไหนนัดเช้าก็มีสองซีน สามซีน พอพระอาทิตย์ตก หกโมงเย็นปุ๊บ กินข้าวเสร็จนี่คือ ซีนเราอยู่คนเดียวทั้งคืนไปเลย
Q.กับสมญานาม “นางเอกกดปุ่มประมาณว่าสั่งน้ำตาได้”
A. ไม่ใช่กดได้ตลอดนะคะ คือแคทพยายามแต่บางทีมันต้องมาจากข้างในนิดหนึ่ง เพราะเวลาเราคั้น หรือบีบมันออกมานี่ มันดูรู้ ซึ่งพี่อดัมเขาจะบอกเลยว่า ไม่ได้ ต้องเอามาจากข้างใน คือถ้าซีนไหนที่รู้สึกว่าโชคดีที่มีพี่หนึ่ง (ภาสกร มหากนก) ซึ่งเป็นแอคติ้งโค้ช จะคุยกับเราว่าแคท คือเขาจะเล่าเรื่องให้เราฟังนะคะ แล้วทำให้เรารู้สึกว่าเอาอินเนอร์มาจากข้างใน หลายๆ อย่างที่มันอยู่เบื้องลึกในจิตใจเรามา บางครั้งการอินกับบทกับซีนนี่บางทีเราไม่ต้องอินกับเรื่องนั้นเราเอามาอะแดปเรื่องที่คล้ายคลึงกัน แล้วทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ยถ้านี่มันคือเรื่องจริงละ คุณจะรู้สึกอย่างไรซึ่ง ถามว่ายากไหมตรงเรื่องน้ำตา ยาก บางครั้งนี่ ซีนคนเยอะ เอ็กซ์ตร้าเยอะมาก ทำให้เราหลุดสมาธิตลอดเวลา เพราะว่าซีนหนึ่งไม่ได้ใช้เวลาแค่ 10-20 นาทีถ่าย บางที2-3ชั่วโมง แค่ซีนเดียว ซีนใหญ่ซึ่งนักแสดงเยอะมาก ซึ่งแคทก็พยายามทำให้ดีที่สุดคะ ซึ่งก็หวังว่าทุกคนจะเป็นกำลังใจให้ด้วยคะ
Q.อุปสรรคสำคัญในการแสดงภาพยนตร์เรื่องผีห่าอโยธยา
A. การถ่ายหนังก็จะไม่เหมือนการถ่ายละคร ซีนเดิมพูดเหมือนเดิม เล่นเหมือนเดิมแต่เลนส์กว้างขึ้น แคบขึ้น ซึ่งบางทีต้องเปลี่ยนแสงต้องมาจัดไฟใหม่ หรือว่าต้องเอาตัวนักแสดงมาเพิ่มขึ้น บางทีมันไม่ได้ใช้เวลาแค่สิบนาที ยี่สิบนาทีอย่างที่พูดไป เรื่องการโฮลฟีลลิ่งนะคะ บางที 2-3 ชั่วโมงในการจัดไฟ แค่กล้องเดียวด้วยซ้ำ ซึ่งมันทำให้เหมือนคนเรานั่งอยู่เฉยๆ สองชั่วโมง มันหลุดแล้ว ซึ่งมันก็ค่อนข้างที่จะยากมาก กับการที่จะต้องทำความรู้สึกนี้ให้คงอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องมีสมาธิมากกว่าในชีวิตประจำวันจริงต้องโฟกัสว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ อุปสรรคเรื่องนี้ที่สำคัญมากที่สุดก็คือการถ่ายทำไม่มีการเรียงซีน ซีนแรกเริ่มจากการที่การกุ๊กกิ๊กกับไอ้คงอยู่ กำลังหวานแหววนะคะ ซีนที่สองเป็นซีนฆ่ากันตาย ซีนที่สามบางทีเป็นซีนแบบว่าผีห่ากัดเรา ซีนที่สี่อยู่ดีๆ ก็กลับมาเป็นแบบว่าเฮฮา คือพูดเลยว่าทำอารมณ์ไม่ได้ สีหน้า ร้องไห้มา โดนป้ายเลือด คือบางทีมันเป็นอะไรที่เหมือนคุณต้องพร้อมที่จะล้างตัวเองตลอดเวลา ล้างคาแรคเตอร์ ล้างอารมณ์นี้ทิ้ง เพราะว่าทุกซีนจะมีการเปลี่ยนไปตลอดเวลา แล้วล้างตัวเองด้วยค่ะ เพราะว่าเลือดเลอะมาก อีกฟีลหนึ่งกลับไปเป็นแบบว่าสวย อีกฟีลหนึ่งกลับไปเป็นสกปรก คือมันจะเป็นการที่คือเราต้องเรียกว่าทุ่มเทจริงๆ มันทั้งวันนะคะ ทั้งวันจริงๆ แล้วมันมีการเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งบางทีสภาพอากาศก็เป็นใจ บางทีก็ไม่เป็นใจ
Q.อธิบายลักษณะของผีห่าให้ฟังหน่อย
A.แคทเชื่อว่านักแสดงทุกคนอธิบายน่าจะไม่เหมือนกันเลย ความรู้สึกของแคทนี่รู้สึกว่าน่าเกลียด น่ากลัวจริงๆ ทุกครั้งที่เราต้องเข้าซีนกับผีห่า แคทจะขนลุกโดยปริยาย บางทีจับแล้วมันแบบไม่ไหวแล้ว มันเน่า มันมีทั้งเลือด ทั้งหนอง เหมือนเป็นพองๆ ตะปุ่มตะป่ำเหมือนเป็นโรค ตัวผีห่าคือคาแรคเตอร์ของเขา เหมือนศพ แต่คือเขาไม่มีสมองคุยกับเราไม่ได้ เขาไม่ฟัง จะกินเนื้อ จะกินเนื้อทุกคน ทั้งหมู่บ้าน เขาจู่โจมเราลูกเดียว สื่อสารกับเขาไม่ได้ ไม่มีจิตใจ ที่สำคัญเขามีแรงเยอะกว่าคนทั่วๆ ไป มันก็จะค่อนข้างยากที่เวลาต่อสู้กับเขานี้ค่ะ และด้วยความที่ว่าไม่ได้มีแค่ตัวเดียว มีทั้งหมู่บ้านนี่ มันทำให้มีอุปสรรคต่อการต่อสู้ ซึ่งบางทีเราเป็นแค่ผู้หญิง โชคดีมี “คง” เขาจะคอยช่วย คอยปกป้องเรา บางทีมันก็จะมีช่วงที่เราคลาดกัน ก็ต้องเอาตัวรอดกันไป เราก็ต้องหาอาวุธช่วยนะ
Q.วิธีการรับมือกับผีห่า เมื่อถูกจู่โจมเล่นงาน
A. อาวุธที่สำคัญที่สุด ก็น่าจะเป็นจอบค่ะ ไม่เคยจับจอบมาก่อนเลยในชีวิตนี้ ใช้จอบฆ่าผีค่ะ บอกเลยว่าหนักมาก สำหรับในภาพยนตร์ซีนที่เราจะเห็น เมี้ยน หยิบจอบมาสับหัวผีห่า เป็นซีนที่เมี้ยนต้องหนีผีนะคะ ต้องบอกเลยว่าซีนนี้ใช้เวลาถ่ายมากกว่า 2-3 วัน 3 คืนประมาณนี้เต็มๆ เป็นตอนมืดจนถึงหกโมงเช้า คือมันเหนื่อยมาก เจาะหลายรอบมากค่ะ คือเจาะด้านแคบ เจาะในบ้าน ถอดหลังคาบ้านออก เจาะจากด้านบน ถอดหลังคาบ้านด้านข้างออก คือเจาะกันทุกมุมจริงๆ แล้วคือกว่าจะกรีดร้องได้สมจริง สามคืนนี่ต้องเป็นร้อยนะ กรีดไปเรื่อยๆ ผลักตรงนี้ไม่ดี ถีบตรงนี้ไม่สมจริงทำอย่างไรดี แล้วคือบ้านกระท่อมนี่เป็นเหมือนฟาง ซึ่งมันบาดค่ะ มันเจ็บมาก มีใบหลายๆ อย่างที่มันคมมาก คือเราโดนบาดมือ ทุกอย่างหมดเลย คือแคทต้องถามพี่ที่เป็นผีห่าเลยว่าไหวไหม เจ็บมากไหม เพราะว่าคือเวลาเล่น แคทนี่ถีบจริง เพื่อให้สมจริง เราต้องเล่นจริงกันหมด คนเราเวลาเจอเหตุการณ์ที่น่าขนลุกนี่คือมันจะมีแรงมากกว่าเวลาปกติ คือมันแบบจะฮึดขึ้นมาเลยให้เรารอดให้ได้ค่ะ ซึ่งมันจะค่อนข้างเจ็บ มันไม่ใช่แค่ตัวแคท ตัวพี่นักแสดงท่านอื่นด้วย นั่นก็คือต่างคนต่างเจ็บ เขาก็ทำเราจริง เราก็ทำเขาจริง คือมันก็เลยเป็นเหตุการณ์ที่พอเห็นในภาพแล้วมันออกมาดูสมจริงค่ะ
Q.วีรกรรมที่ไม่คาดคิดของนางเอกผีห่าในกองถ่ายทำ
A. คือด้วยความที่แคทเป็นคนกินเยอะมาก มาม่านี่เรียกว่าแก้ง่วงหรือแก้หิวดี คือสองอย่างเลยนะคะ คือมาละตอนประมาณตีสาม แคทจะหาละ แคทเป็นคนที่กินมาม่าเปลี่ยนรสตลอด คือแคทก็จะไปซื้อของแคทเอง เพราะว่ามาม่าที่กองเขาจะมีรสประจำ คือรสหมูสับหรือต้มยำกุ้ง คือไม่ใช่รสโปรดแคท แคทต้องมีรสหลายอย่าง บางวันเกาหลีค่ะ บางวันมาเลยแบบว่าต้มโคล้ง บางทีแบบว่าเย็นตาโฟ แคทก็จะสลับสับเปลี่ยนเมนูของแคทไป แต่ว่าบังคับว่าจะต้องเป็นมาม่านะคะ
Q.เป็นนางเอกหุ่นดีขนาดนี้แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ได้มีแค่เรื่อง eat eat แน่นอน
A. แคทก็ไม่เคยวิดพื้นนะ แต่แคทก็มาวิดในเรื่องนี้นะ คืออยู่ดีๆ พักซีนกันไปสามชั่วโมง ตีสามนี่เป็นเวลาเคลิ้มๆ ง่วงๆ กัน อยู่ดีๆ บอกว่าลุกขึ้นมา คุณต้องสู้กับผีตอนนี้ แล้วมันต้องเหนื่อยมาก เหมือนกับมันสู้มานานแล้ว ทำอย่างไรล่ะให้เหนื่อย ก็พยายามเดินกันค่ะ เล่นตบแปะกัน มันไม่หาย มันไม่เหนื่อย เหงื่อมันไม่ออก ทำอย่างไรดี ไปวิดพื้นกัน วิดจริงจังจนเหนื่อย แล้วถึงจะลุกขึ้นมา แล้วมันดูแบบหนีผีมาจริงๆ อย่างงี้นะคะ แคทก็วิดจนไม่รู้ว่ากล้ามแขนจะขึ้นหรือยัง ส่วน.พี่เต้ยเขาทำหลายอย่างเลยค่ะ เขาทั้งวิดพื้น กระโดดตบ พี่เต้ยนี่เขาจะมีการวิดพื้นเป็นพิเศษ ช่วงเวลาที่มีซีนที่ต้องถอดเสื้อผ้า มีการไปบิ้ว ไปปั๊มซิคแพคขึ้นมาก่อนค่ะ
Q.เป็นตัวละครที่เป็นตัวแทนเรื่องความรัก ก็เลยต้องมีฉากที่ต้องพิสูจน์เรื่องความรักเยอะหน่อย
A. ซีนของแคทกับพี่เต้ย คือมันจะมีซีนหนึ่ง ที่เป็นซีนริมน้ำนะคะ ซึ่งก็อาจจะมีการเจ็บตัวนิดหน่อย ซึ่งเป็นซีนที่เรากับพี่เต้ยนี่กำลังพลอดรักกันเบาๆ คือกำลังคุยกุ๊กกิ๊กกัน ตัวเรากำลังจะชวนหนี แล้วด้วยความที่พ่อเราเข้ามาพอดี พี่เต้ยเขาก็ทำอะไรไม่ถูก เขาเลยกระโดดน้ำไป ซึ่งเบื้องหลังการทำงานในซีนนี้คือพี่เต้ยเจ็บจริง เวลาทำงานก็มีการเขินกันนิดหน่อย เพราะว่าซีนนั้นก็เป็นซีนแรกๆ ที่เราถ่ายกันค่ะแต่ก็สนุก ออกมาดีคะ
Q.ร่วมงานกับพระเอกอย่างเต้ยพงศกร เป็นอย่างไรบ้าง
A. คือตอนแรกแคทยอมรับว่าก็เกร็งนะ เล่นไม่ได้เลย แต่พอตอนหลังเริ่มสนิทกับพี่เต้ยมากขึ้นก็เลยกลายเป็นว่าเล่นด้วยกันได้ การถูกเนื้อถูกตัวกัน มันก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก ด้วยความที่สนิทกันเป็นพี่เป็นน้องก็คุยกันง่ายขึ้นซีนนี้พี่เต้ยทำอย่างนี้นะ แคทหันด้านนี้นะ เขาจะเป็นคนค่อนข้างที่จะจริงจังกับการถ่ายทำ เขาค่อนข้างมีความสามารถในเรื่องดราม่า หลายๆซีนที่แคทเล่นออกมาได้ ร้องไห้ได้ ก็เป็นเพราะว่าสายตาเขา ท่าทางเขา เขาส่งให้เราด้วยซึ่งนักแสดงจะส่งกันซึ่งมันจะรู้สึกจริงๆ
Q.แล้วทำไมพอถ่ายไปๆ จนจะจบเรื่อง จากคู่พระคู่นางสุดซึ้งถึงกลายเป็นคู่หูคู่ฮาไปได้
A. (หัวเราะ) คือสนิทกันไงค่ะ แล้วก็จะเล่นกันอยู่นั่นละ พี่เต้ยชอบจะแกล้งแคทมาแซวๆว่าห้อยๆเขาจะชอบแซวว่าแคทปากห้อย แคทก็จะแบบดำๆ ไปมาๆ สักพักก็ขำค่ะ หลุด โดนพี่อดัมตะโกนมา หยุดขำได้หรือยัง เวลาพอเขาแกล้ง เขาก็จะเนียนไปเลย พอเวลาโดนด่า เขาก็จะเนียนเหมือนเขาไม่ได้ทำอะไร แล้วเราผิดคนเดียว แล้วพี่เต้ยเขาจะมาหยอดมาทิ้งอารมณ์ได้ เขาก็กลับไปเล่นอินได้เหมือนเดิม แต่เราไม่ได้ หลุดเลย ก็เลยโดนดุ
Q.แล้วการทำงานกับนักแสดงคนอื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง บรรยากาศในกอง
A. สำหรับนักแสดงท่านอื่นๆ ก็จะมี ไม่ว่าจะเป็น พี่แต๊บ เอเอฟ แม็กกี้ แล้วก็ พี่โซดา พี่หนึ่งชลัฎ หรือว่า อาตุ่ย (ชาติ อรรถจินดา) ที่เล่นเป็นนายมั่นพ่อของเมี้ยน หรือว่าพี่แนน-ปรางค์วลัย เล่นเป็นอำแดงแก้วแม่ของเมี้ยนก็ต้องพูดเลยว่าทุกคนมีสปิริตที่สูงมาก ทุกคนไม่ได้ลำบากน้อยไปกว่าพวกเราเลย ทุกคนคือสำคัญหมดนะคะ พาร์ทที่หนักของทุกๆ คนนี่มีหมด อย่างพี่โซดา บางทีด้วยความที่เขาเป็นผู้หญิงแกร่งในเรื่องต่อสู้เยอะมาก เขาจะต้องถ่ายซีนคนเดียวค่อนข้างเยอะ บางทีแคทเห็นถ่ายมาตั้งแต่ตีสี่ จนถึงสี่โมงเย็น นั่นซีนเขาคนเดียวเลยนะ สู้รบบนเรือ แล้วก็โดนผีแบบโอ้โฮ แบบว่ารุมซัดกันมาก เขาสู้กับผีเป็นสิบๆ ตัว แล้วบางทีเลอะเลือด คือโดนเยอะคะ สาดน้ำตอนมืดๆ ดึกๆ แล้วแบบมันหนาวนะ แล้วก็ตัวพี่แต๊บเอง พี่แต๊บเขาค่อนข้างที่จะเป็นหนุ่มนักดนตรี เขาจะเป็นเหมือนสีสันในกองเลยคะ ก็คือถ้าไม่มีเขาคือเงียบเลย เพราะว่าทุกครั้งที่เขามาเขาจะพกกีตาร์คู่ใจมาหนึ่งตัว ทุกคนก็จะฟังพี่แต๊บร้องเพลง แล้วก็มีความสุขกัน ตอนดึกๆ บางทีกินข้าวกัน ก็จะมีเสียงเพลงให้ฟัง
Q.ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับ ผีห่าอโยธยา ภาพยนตร์แอ็คชั่นเลือดสาดย้อนยุคซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิต
A. สำหรับหนังเรื่องนี้นะคะ แคทก็อยากจะขอฝากเนื้อฝากตัว แล้วก็ฝากทุกๆ คนด้วยว่าหนังเรื่องนี้จริงๆ แล้วมีความพิเศษมากๆ ค่อนข้างจะไม่เหมือนหนังเรื่องอื่น นักแสดงทุก ๆคนก็มีความตั้งใจ แล้วก็ทุ่มเทกับหนังเรื่องนี้จริงๆ ก็ขอฝากทุกๆ คนด้วยนะคะ ก็อย่าลืมไปดูหนังพวกเราด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ