happy on February 25, 2013, 06:28:08 PM

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=d2MD07-Eyg4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=d2MD07-Eyg4</a>

CIRQUE DU SOLEIL WORLDS AWAY
เซิร์ค ดู โซเลย์ เวิล์ดส์ อะเวย์

วันที่เข้าฉาย             7 มีนาคม 2513
จัดจำหน่าย               บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)


               ภาพยนตร์ 3D โปรเจคท์ใหม่จาก เจมส์ คาเมรอน ที่นำเอาโชว์กายกรรมที่สุดแสนจะตื่นเต้นผาดโผน สวยงาม แปลกใหม่ ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลก เซิร์ค ดู โซเลย์ มานำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์ 3D

            ซึ่งจะเป็นเรื่องราวของสาวน้อยที่หลุดเข้าไปในโลกของความมหัศจรรย์นี้


               จากเต็นท์ละครสัตว์สู่จอเงิน ผู้กำกับผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด แอนดรูว์ อดัมสันและผู้กำกับวิสัยทัศน์กว้างไกล เจมส์ คาเมรอน ได้เชื้อเชิญผู้ชมร่วมผจญภัยครั้งใหม่ในรูปแบบ 3D Cirque du Soleil Worlds Away หนุ่มสาวสองคนได้เดินทางผ่านโลกที่มหัศจรรย์ราวความฝันของเซิร์ค ดู โซเลย์เพื่อตามหากันและกัน ขณะที่ผู้ชมจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยี 3D ที่ดึงดูด ซึ่งทำให้พวกเขาได้ร่วมกระโดด เหินเวหา ว่ายน้ำและเริงระบำไปกับบรรดานักแสดง

               ประสบการณ์ดื่มด่ำ ที่โดดเด่นในเรื่องของสโคป ได้ผสมผสานชุดการแสดงจากการแสดงไลฟ์ของเซิร์ค ดู โซเลย์เจ็ดครั้งในลาสเวกัส "O," KÀ, Mystère, Viva ELVIS, CRISS ANGEL Believe, Zumanity และ The Beatles LOVE ให้กลายเป็นเรื่องราวความรักในละครสัตว์ ที่อำนวยการสร้าง เขียนบทและกำกับโดย แอนดรูว์ อดัมสัน ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด (Shrek, The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe) ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย อิกอร์ ซาริพอฟ นักกายกรรมกลางหาวของเซิร์ค ดู โซเลย์และอดีตนักกายกรรม เอริก้า แคธลีน ลินซ์ (ไมอา) ในบทสองหนุ่มสาว

               ภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ภูมิใจนำเสนอโดยพาราเมาท์ พิคเจอร์สและเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด เจมส์ คาเมรอน (Avatar, Titanic) เป็นผลงานสร้างระหว่างเซิร์ค ดู โซเลย์, รีล เอฟเฟ็กต์ อิงค์., สเตรนจ์ เว็ธเธอร์ ฟิล์มส์และคาเมรอน/เพซ กรุ๊ป Cirque du Soleil Worlds Away ที่อำนวยการสร้างโดย มาร์ติน โบลดัค ผู้อำนวยการสร้าง Cirque du Soleil, อดัมสันและแอรอน วอร์เนอร์ หุ้นส่วนของเขาที่สเตรนจ์ เว็ธเธอร์ ฟิล์มส์ ถูกบันทึกภาพในระบบ 3D โดยผู้ควบคุมงานสร้างคาเมรอนและวินเซนต์ เพซ หุ้นส่วนที่คาเมรอน/เพซ กรุ๊ปของเขา ผู้รับหน้าที่ผู้ควบคุมงานสร้าง 3D ของเรื่อง ผู้ควบคุมงานสร้างของเรื่องคือคาเมรอน, ฌาคส์ เมเธ, แครี แกรแนทและเอ็ด โจนส์ ผู้กำกับภาพคือเบรท เทิร์นบุล คอมโพสเซอร์คือเบนัวต์ จูทราส (การแสดงเซิร์ค ดู โซเลย์ Quidam, "O," La Nouba และ Mystère ในฐานะมือเขียนบท) ได้แต่งดนตรีประกอบและเพลงเปิดเรื่อง สตีเฟน บาร์ตันเป็นผู้แต่งดนตรีเพิ่มเติมให้กับองก์สุดท้าย มือลำดับภาพคือซิม อีวานส์-โจนส์




เกี่ยวกับภาพยนตร์

                สำหรับมือเขียนบท/ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง แอนดรูว์ อดัมสัน การผูกปมความรักล้อมรอบองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยมที่สุดของการแสดงไลฟ์เจ็ดชุด ที่แสดงในลาสเวกัสเป็นการเดินทางสู่โลกเวทมนตร์โดยแท้ ผู้ควบคุมงานสร้างแครี แกรแนทและรีล เอฟเฟ็กต์ อิงค์. ได้คุยกันถึงความเป็นไปได้ของการร่วมมือกับเซิร์ค ดู โซเลย์ในโปรเจ็กต์นี้มาได้ซักพักแล้วในตอนที่เขาทาบทามอดัมสันเกี่ยวกับไอเดียของการสร้างและกำกับภาพยนตร์ที่นำเค้าโครงมาจากเซิร์ค แกรแนทเป็นอดีตซีอีโอของวอลเดน มีเดีย ซึ่งเคยร่วมงานกับอดัมสันมาก่อนในภาพยนตร์สองภาคแรกที่สร้างจากซีรีส์ The Chronicles of Narnia ของซี.เอส. ลูอิส ที่เป็นที่รัก นอกจากนั้น อดัมสันยังรับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างของภาคที่สาม The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Dawn Treader อีกด้วย
            “เราต้องหาวิธีการที่ถ่ายทอดลักษณะความเป็นหนังตามธรรมชาติเพื่อเข้าสู่โลกของเซิร์คครับ” อดัมสันกล่าว “ผมเริ่มนึกถึงวิธีการของการแสดงไลฟ์ของเซิร์ค มันมีคุณสมบัติที่เหมือนกับความฝันมากๆ มันมีเส้นใยของเรื่องราวเบาบางที่ร้อยเรียงการแสดงแต่ละชุด ซึ่งทำให้การแสดงเหล่านั้นคงอยู่ภายในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็สามารถทำในแบบเดียวกันได้ ผมสามารถหาเรื่องราวที่จะร้อยเรียงการแสดงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหล่านี้เข้าด้วยกันได้ครับ”
            “ผมได้ไอเดียของคนสองคนนี้ที่ได้พบกันในละครสัตว์จริงๆ เธอเป็นเด็กสาวที่อยากจะหนีจากชีวิตตัวเอง เธอเห็นนักกายกรรมกลางหาวคนนี้และตกหลุมรักเขาในทันที แต่เมื่อพวกเขาสบตากัน เขากลับพลาดและร่วงลงมา เขาร่วงผ่านลานละครสัตว์ไปสู่อีกโลกหนึ่ง และดึงเธอไปกับเขาด้วย พวกเขาใช้เวลาที่เหลือของเรื่องไปกับการตามหากันและกันในโลกต่างๆ ที่คงอยู่ในสภาพแน่นิ่ง เป็นเหมือนพื้นที่ระหว่างความเป็นและความตาย โลกที่อยู่ระหว่างภพ ท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้มาเจอกันในบัลเลต์กลางหาวที่เป็นการเติมเต็มความฝัน มันเป็นการแสดงที่แสดงถึงสมดุลระหว่างความงามและอันตรายครับ”
            เช่นเดียวกับการแสดงไลฟ์ ภาพยนตร์ก็ใช้ไดอะล็อค ดนตรีและสีหน้าอัศจรรย์ของนักแสดงในการขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้าเช่นกัน อย่างไรก็ดี ทีมผู้สร้างไม่เคยตั้งใจที่จะทำเพียงแค่บันทึกภาพการแสดงไลฟ์เพียงอย่างเดียว“สิ่งที่ผมอยากจะทำ” อดัมสันกล่าว “คือการนำผู้ชมไปชมการแสดงเหล่านี้ในแบบที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อดึงกล้องเข้าไประยะประชิดและทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างสำหรับสิ่งที่นักแสดงเหล่านั้น รวมถึงแสดงให้เห็นถึงมุมมองนั้นในระบบ 3D ไฮสปีดและสโลว์โมชันครับ”
            ผู้ควบคุมงานสร้าง คาเมรอน ผู้ซึ่งบริษัทคาเมรอน/เพซ กรุ๊ปของเขา ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยระบบกล้อง FUSION 3D ของเขา กล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึก “ราวกับว่าคุณหลุดเข้าไปอยู่ในละครสัตว์ในฝัน ตั้งแต่เริ่มต้น แอนดรูว์มีวิสัยทัศน์ที่ค่อนข้างจะชัดเจนของสิ่งที่เขาต้องการจะทำและมันก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ผมทำหน้าที่เหมือนผู้รับฟัง เป้าหมายของเราคือการเฉลิมฉลองศิลปะทางกายภาพ ซึ่งเป็นทุกสิ่งของเซิร์ค ดู โซเลย์ รวมถึงแบบดีไซน์ ความงามและความสง่างามของการแสดงเหล่านั้นด้วยครับ”
            “แอนดรูว์จะต้องรักษาสมดุลที่เปราะบางในการทำงานกับองค์ประกอบที่หลากหลายจากการแสดงพวกนี้ แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเอฟเฟ็กต์ แต่มันจะนำเสนอพรสวรรค์ของมนุษย์ที่เป็นเรื่องทางกายภาพล้วนๆ และความสามารถที่น่าอัศจรรย์ใจของพวกเขา แม้ว่ามันจะเริ่มต้นในละครสัตว์ที่ค่อนข้างจะซอมซ่อ แต่มันก็นำไปสู่การค้นพบโลกละครสัตว์อีกมิติหนึ่ง ที่พวกเขาพลัดตกลงไป อย่างไรก็ดี มันก็ยังคงเป็นละครสัตว์ครับ มันมีลวดสลิง มีบังเหียน และคุณก็จะได้เห็นมันทั้งหมด โดยไม่มีเอฟเฟ็กต์มาปิดบัง ในการเห็นสิ่งเหล่านั้น คุณจะสัมผัสได้ถึงความชาญฉลาดของการจัดฉาก การออกแบบเครื่องแต่งกาย ความแข็งแรงและความพลิ้วไหวในพรสวรรค์ของพวกเขา ที่ดูเหมือนจะเป็นไปตามธรรมชาติ และพลิ้วไหวเหลือเกิน แต่การเตรียมพร้อมและความอุตสาหะเบื้องหลังนั้นเป็นทุกอย่างนอกเหนือจากความสบายๆ สิ่งที่คุณได้เห็นเป็นเซิร์คล้วนๆ เลยครับ”
            แอนดรูว์ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง Fantasia ของวอลท์ ดิสนีย์, Alice in Wonderland ของลูอิส แคร์รอล, บัลเลต์ Swan Lake ของปีเตอร์ ไชคอฟสกี้ และประสบการณ์ของเขาเองจากการดูละครสัตว์เร่ในเม็กซิโกในปี 2000
            “มันเป็นละครสัตว์เร่ที่มีธีมเป็นเฟร็ด ฟลินท์สโตน ผมจำได้ว่าหัวหน้าคณะอายุเยอะแล้ว สิงโตก็ไม่มีเขี้ยว นักกายกรรมคนหนึ่งเป็นผู้หญิงร่างใหญ่ที่สวมชุดบิกินีรูปดาว มันแทบไม่มีผู้ชมเลย และดูเหมือนผ่านเลยช่วงเวลาที่ดีที่สุดมาแล้ว” เขาเล่า “แต่มันก็มีองค์ประกอบที่แสนเศร้าแต่ก็งดงาม...มันทั้งหอมหวานและขมขื่น...ซึ่งเป็นหนึ่งในอารมณ์ที่ผมชื่นชอบ มันติดอยู่ในความคิดของผมเสมอมา ผมก็เลยเปิดหนังเรื่องนี้ในละครสัตว์ที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับยุคสมัยหรือสถานที่ใดๆ ผมอยากจะให้มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นละครสัตว์เร่ที่อยู่ในละแวกบ้าน ซึ่งอาจจะอยู่ที่ไหนก็ได้”
            ตอนแรก อดัมสันอยากจะใช้นักแสดงในบทสำคัญๆ “แต่ผมก็รู้ด้วยว่าผมอยากจะได้การแสดงกลางหาวที่งดงามและโรแมนติกซักอย่าง”
            “การสอนคนธรรมดาให้แสดงกายกรรมกลางหาว ให้แสดงได้ระดับนี้ต้องใช้เวลาหลายปีครับ” ฌาคส์ เมเธ ผู้ควบคุมงานสร้างของเซิร์ค ดู โซเลย์ กล่าว “วิธีที่เราใช้คือการสอนนักแสดงของเซิร์ค ดู โซเลย์ให้สวมบทบาทนั้นๆ ในตอนจบของเรื่อง พวกเขาต้องลอยละล่องเข้าสู่อ้อมแขนของกันและกัน พวกเขาต้องอาศัยทักษะและการฝึกฝนของนักแสดงเซิร์ค ดู โซเลย์จริงๆ อิกอร์และเอริก้าต่างก็แสดงในการแสดงของเรามาหลายปีแล้ว พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นนักกายกรรมที่วิเศษสุดเท่านั้น แต่ด้วยความที่พวกเขาได้รับการฝึกฝนจากเซิร์ค ดู โซเลย์ พวกเขาก็เลยเรียนรู้การสวมบทบาทตัวละคร ในการแสดงเซิร์ค ดู โซเลย์ ทุกคนสวมบทตัวละครและมีบทบาททั้งนั้น ดังนั้น เราก็เลยรู้ว่าพวกเขาสองคนมีทักษะการแสดงเพราะช่วงเวลาหลายปีที่พวกเขาอยู่กับเซิร์ค ดู โซเลย์ครับ”
            เอริก้า แคธลีน ลินซ์อายุได้ 19 ปีตอนที่เธอได้เข้าร่วมคณะเซิร์ค ดู โซเลย์ไม่นานหลังจากจบไฮสคูล “ฉันโตขึ้นมาเป็นนักยิมนาสติกและนักร้อง ซึ่งนำไปสู่โรงละคร ฉันก็เลยสับหว่างระหว่างบทบาทการแสดงและกายกรรม และเมื่อเร็วๆ นี้ ฉันก็ได้แสดงกายกรรมกลางหาวคู่ ซึ่งเหมาะกับธีมของเรื่องนี้เลยล่ะค่ะ” ลินซ์กล่าว การได้รับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เธอมีโอกาสภายในเซิร์คอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน “ไม่เคยมีใครมีโอกาสได้เหินหาวระหว่างการแสดง หรือมีส่วนร่วมในสิ่งที่พวกเขาทำในทุกคืน เพื่อให้ได้ความรู้สึกในเรื่องขนบของการแสดงแต่ละครั้งเลยค่ะ ทุกการแสดงเป็นเหมือนครอบครัวมันเอง มันมีพลังงานของตัวเอง มีสัญชาติและอารมณ์ขันของตัวเอง โดยส่วนตัวแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับฉันค่ะ”
            แม้ว่าเธอและอิกอร์ ซาริพอฟ เพื่อนร่วมแสดงของเธอจะเคยแสดงในการแสดง  KÀ มาก่อน แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยแสดงด้วยกันมาก่อนหน้า Cirque du Soleil Worlds Away เลย ซาริพอฟ ผู้เข้าทำงานกับคณะเซิร์ค ดู โซเลย์ในปี 2002 เติบโตในครอบครัวละครสัตว์ชาวรัสเซีย ซึ่งดำเนินธุรกิจนี้มากว่าหนึ่งศตวรรษ เขาเป็นนักกายกรรมกลางหาวตั้งแต่การปรากฏตัวบนเวทีแสดงครั้งแรกสำหรับมอสโคว์ เซอร์คัสเมื่ออายุได้ 11 ปี เขาได้ร่วมแสดงกับคณะละครสัตว์อื่นๆ ทั่วโลก เพื่อขัดเกลาทักษะของเขา เมื่อเขาได้เข้าร่วมคณะเซิร์ค ดู โซเลย์ เขาก็ได้แสดงใน KÀ ห้าปีในบทหนุ่มหิ่งห้อยและใน Zumanity ของเซิร์คที่มีธีมผู้ใหญ่ นานหลายปี “ผมไม่เคยทำงานใกล้ชิดกับเอริก้ามาก่อน แต่เราก็จะต้องทำให้ได้อย่างรวดเร็ว (ครั้งแรกสำหรับฉากเลิฟซีนในการแสดงครั้งสุดท้าย) และมันก็เป็นเรื่องดีครับ” เขากล่าว
            สิ่งที่พวกเขาทำ แม้จะเป็นส่วนที่ต่อยอดจาก KÀ ได้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพิเศษ มันเป็นบัลเลต์กลางหาวที่โรแมนติก ซึ่งถ่ายทอดอำนาจของความรัก “สิ่งที่คุณได้เห็นคือการที่ทั้งคู่เรียนรู้ที่จะไว้ใจกันอย่างสมบูรณ์ ชีวิตของเธออยู่ในมือเขา...มันเป็นการยอมจำนนอย่างที่สุดครับ” คาเมรอนตั้งข้อสังเกต “การแสดงนั้นถูกสื่อออกมาโดยการเคลื่อนไหวร่างกายในชั่วขณะนั้น และความงามสง่าของการเคลื่อนไหวนั้นก็งดงามจริงๆ”
« Last Edit: February 25, 2013, 06:44:43 PM by happy »

happy on February 25, 2013, 06:43:56 PM



ภายใต้เต็นท์ละครสัตว์

               ในตอนที่อดัมสันเลือกชุดการแสดงจากการแสดงไลฟ์เจ็ดแบบของเซิร์คเพื่อนำมาใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาก็ได้เลือกชุดการแสดงที่จะมีผลต่อเรื่องราวที่ไมอาตามหานักกายกรรมกลางหาวจากเต็นท์หนึ่งไปสู่อีกเต็นท์หนึ่ง แต่ละครั้งที่เธอแง้มม่านและเดินเข้าไปข้างใน อีกโลกหนึ่งของเซิร์ค ดู โซเลย์ก็จะเปิดรับเธอ โลกเหล่านี้คือ:
            •"O" -- “น้ำเป็นตัวแทนของทั้งชีวิตและการไร้สติ เป็นความฝันและภาพมายาเพราะเงาสะท้อนของมันครับ” ปิแอร์ ปาริเซียง ผู้อำนวยการศิลป์อาวุโสของเซิร์ค ดู โซเลย์กล่าว “มันเป็นเหมือนโลกที่มองไม่เห็นของวิญญาณ ผีและเรือล่องลอย ที่เหมือนกับฟลายอิ้ง ดัทช์แมนน่ะครับ พวกเขาพยายามล่อลวงไมอาให้ขึ้นเรือแต่เธอไม่ยอมขึ้น” มันเป็นเต็นท์แรกที่ไมอาได้เยี่ยมชมหลังจากที่เธอร่วงลงไปยังดินแดนทะเลทรายรกร้าง ที่มีเต็นท์ขนาดใหญ่หกหลัง “เป็นดินแดนหกแบบที่ตั้งอยู่ตรงกลางน่ะค่ะ” ลินซ์กล่าว
            •KÀ – สำหรับอดัมสัน KÀ เป็นการแสดงเกี่ยวกับความน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยเวทีที่มีขนาดหนึ่งส่วนสี่ของสนามฟุตบอล ที่สามารถยกขึ้นสู่ในแนวตั้ง หมุนไปรอบๆ และเปลี่ยนแปลงได้ “สิ่งที่ผมต้องการถ่ายทอดไม่ใช่แค่การแสดงและนักแสดงเท่านั้น แต่รวมถึงความชาญฉลาดด้วย สิ่งหนึ่งที่เซิร์คทำได้ดีคือการผสมผสานศิลปะและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันและนำเสนอภาพที่แตกต่างจากสิ่งที่คุณเคยเห็นมาก่อนให้กับคุณครับ”
            •MYSTÈRE -- “Mystère เป็นการแสดงที่มีการแสดงกายกรรมสูงสุดเท่าที่เรามีครับ” เจมส์ แฮดลีย์ ผู้อำนวยการศิลป์อาวุโสของเซิร์ค ดู โซเลย์ สำหรับการแสดงในอเมริกาเหนือ มันเป็นการแสดงที่มีอายุยืนยาวที่สุดที่แสดงในลาสเวกัส นักกายกรรมกลางหาว ที่ห้อยตัวจากกล่องกลางอากาศ จะแสดงท่าบัลเลต์ด้วยท่าที่แลดูเหมือนง่ายดาย เป็นการบอกใบ้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นสำหรับคู่รักต้องห้ามคู่นี้
            •VIVA ELVIS – ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จักรยานสามล้อลึกลับที่แล่นได้ด้วยตัวเอง ได้นำไมอาไปสู่เต็นท์วีวา เอลวิส ที่ซึ่งนักแสดงที่แต่งชุดซูเปอร์ฮีโร ได้กระโดดบนแทรมโปลีน ตามท่วงทำนองจากดนตรีของเอลวิส
            •CRISS ANGEL BELIEVE – ไมอาได้เดินทางผ่านเต็นท์ทั้งหกหลังของเซิร์ค ดู โซเลย์ ที่ตั้งอยู่ในดินแดนตรงกลางระหว่างชีวิตและความตาย เพื่อค้นหาผู้เป็นที่รักที่หายตัวไปของเธอ องค์ประกอบที่เจ็ดไม่ใช่เต็นท์ แต่เป็นกระต่ายสีขาวที่พิลึกพิลั่นของเซิร์ค ดู โซเลย์ หัวกระต่ายเริงระบำจาก CRISS ANGEL Believe ผู้ปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะเจาะ และเรียกให้เธอติดตามเขาไป
            •ZUMANITY -- “การแสดงที่เราใช้จาก Zumanity เป็นการแสดงจำกัดที่มีขนาดเล็กมากๆ แต่มันก็อยู่ในตำแหน่งแห่งที่ที่เหมาะกับธีมอย่างเหลือเกิน” อดัมสันกล่าว สิ่งที่ในตอนแรกดูเหมือนเป็นน้ำบนดวงจันทร์เปลี่ยนกลายเป็นโหลแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำ ที่ซึ่งนักบิดตัวผู้เย้ายวน ล่อลวงให้นักกายกรรมกลางหาว เข้าไปหาเธอ
            •THE BEATLES LOVE – การแสดงที่เกิดจากเพลง Being for the Benefit of Mr. Kite “มีธีมจากละครสัตว์” อดัมสันบอก “มันก็เลยเชื่อมโยงเรากลับไปสู่ละครสัตว์ในตอนเริ่มต้นของเราอีกครั้ง” แฮดลีย์กล่าวเสริมอีกว่า “จริงๆ แล้ว ในบรรดาการแสดงทั้งหมดที่เราถ่ายทำ Mr. Kite อาจจะเป็นการแสดงที่มีนักแสดงมากที่สุดก็ได้ครับ”


ดนตรี

               คอมโพสเซอร์ เบนัวต์ จูทราส ได้แต่งดนตรีประกอบและดนตรีคั่นจังหวะระหว่างการแสดงเซิร์ค ที่ถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ บาร์ตันเคยร่วมงานกับอดัมสันมาแล้วในแฟรนไชส์ Shrek และ Narnia แต่ผู้กำกับก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จูทราส ผู้แต่งดนตรีให้กับการแสดงบางชุดของเซิร์ค จะต้องดัดแปลงและขัดเกลาดนตรีบางอย่างเพื่อ Cirque du Soleil Worlds Away เป็นพิเศษ
             “ดนตรีเป็นไดอะล็อคของภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ ครับ” จูทราสกล่าว “คุณจะได้เห็นว่า เซิร์ค ดู โซเลย์ได้พัฒนามันขึ้นมาเป็นภาษาสำหรับการแสดงของพวกเขา เพื่อบอกเล่าเรื่องราวด้วยดนตรีโดยไม่ต้องใช้คำพูด มันกลายเป็นภาษาสากลครับ” มันเป็นองค์ประกอบที่คาเมรอนและอดัมสันอยากจะรักษาเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้
            “สำหรับแรงบันดาลใจของดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้” จูทราสกล่าวต่อ “มันเป็นเรื่องของช่วงเวลาในชีวิตและหญิงสาวผู้ตกหลุมรัก รวมถึงการที่ความรักทำให้คุณรู้สึกถึงความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ สีสันต่างๆ ของความรักน่ะครับ สิ่งที่ผมอยากจะทำกับการแสดงเปิดคือการทำให้มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกแยก เพื่อทำให้มันเหมือนกับเซิร์คให้น้อยที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างละครสัตว์เก่าแก่และโลกของเซิร์ค ดู โซเลย์ ในการแสดงชุดสุดท้าย ด้วยความที่มันเป็นส่วนหนึ่งของ KÀ สตีเฟน บาร์ตันเลยใช้การแสดงชุดนั้นเป็นแรงบันดาลใจสำหรับดนนตรี (ของการแสดงชุดสุดท้าย) ครับ”





พลังของ 3D

               สำหรับคาเมรอน Cirque du Soleil Worlds Away “เป็นฝันที่เป็นจริง ผมคุยกับพวกเขามาได้ซักพักเกี่ยวกับการสร้างอะไรซักอย่างเป็น 3D เพราะไม่เคยมีการทำอะไรแบบนี้มาก่อน ผมโชคดีมากที่ได้ทำงานกับครอบครัวเซิร์ค ที่ได้นักแสดงพรสวรรค์มาสร้างการแสดงที่น่าประทับใจสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะการแสดงท้ามฤตยูของพวกเขาต้องอาศัยทักษะและความกล้าอย่างเหลือเชื่อ เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะเผยให้เห็นถึงเส้นลวด ทุกสิ่งที่สนับสนุนความสามารถของมนุษย์น่ะครับ”
            “เราทำงานร่วมกับทีมงานเวทีหลายชุดทุกๆ สี่วัน เราได้ใช้การแสดงไลฟ์และได้ถ่ายทำทั้งในช่วงการแสดงไลฟ์และในวันซ้อม การถ่ายทำระหว่างการแสดงไลฟ์ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายก็จริง แต่เราได้ช็อตที่ดีที่สุดจากช่วงซ้อมเพราะเราสามารถจะถ่ายทำได้จากหลายมุม เราเข้าไปพร้อมกับกล้อง 3D สิบตัวของเราและก็เริ่มถ่ายทำ แต่มันแตกต่างจากการยืนอยู่ด้านหลังกล้องเพื่อถ่ายทำการแสดงไลฟ์ เราต้องเข้าไปในนั้นพร้อมด้วยกล้องสเตดิแคม เพื่อถ่ายทำโคลสอัพ ให้เข้าใกล้ใบหน้าของพวกเขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อบันทึกแอ็กชัน เพราะมันจะดีสำหรับ 3D มากกว่าเยอะ ผมขอใช้ตำแหน่งกล้องในมุมสูง ซึ่งเมื่อคุณถ่ายทำลงมา คุณจะเกิดความรู้สึกของความสูง หลายครั้ง เราก็ถ่ายทำจากที่สูงจากพื้น 50-100 ฟุต และคุณก็จะรู้สึกถึงระดับความสูง ที่นักแสดงที่มหัศจรรย์เหล่านี้กำลังแสดงด้วยความสูงเหนือพื้น 90 ฟุตน่ะครับ นอกจากนี้ คุณยังตระหนักถึงอันตรายที่พวกเขาพบเจอตลอดเวลาด้วย”
            “ประสบการณ์ไลฟ์ของการแสดงพวกนี้เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ในโรงหนัง สิ่งที่เราสามารถมอบให้กับคุณได้คือประสบการณ์ของการอยู่ใจกลางของการแสดง ที่คุณจะได้เห็นงานที่ละเอียดลออ ที่อยู่เบื้องหลังตัวละคร ชุดคอสตูมและการออกแบบท่าเต้น มันมีการยกย่องประสบการณ์ของการแสดงไลฟ์ก็จริง แต่มันก็มีความใกล้ชิดแบบประสบการณ์ 3D ด้วยครับ”
            หนึ่งในความท้าทายที่ทีมผู้สร้าง Cirque du Soleil Worlds Away ต้องเผชิญคือการที่ 3D ต้องเกี่ยวข้องกับกล้องและเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ต้องใช้เวลาในการเตรียมอุปกรณ์มากขึ้น การเตรียมตัวยังหมายถึงการคำนึงถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับกล้องใต้น้ำ (หลีกเลี่ยงการผสมไฟฟ้ากับน้ำเข้าด้วยกัน) และเครนกล้อง (ให้พ้นจากรัศมีของนักกายกรรมกลางหาวและวัตถุที่ลอยอยู่)
            “มันมีทั้งการรีบเร่งและการรอคอย” ผู้อำนวยการสร้างมาร์ติน โบลดัคตั้งข้อสังเกต “ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับนักแสดงเซิร์คเพราะร่างกายของพวกเขาเริ่มเย็นลงและพวกเขาก็ต้องใช้เวลาซักพักเพื่ออบอุ่นร่างกาย หลังจากไม่ได้ทำอะไรมาพักหนึ่งน่ะครับ” อย่างไรก็ดี ตารางการถ่ายทำค่อนข้างสั้น เพียงแค่ 37 วันในสามช่วงเวลา ได้แก่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ปี 2010 ในลาสเวกัส, ธันวาคม ปี 2011 ในนิวซีแลนด์ และกุมภาพันธ์ปี 2011 ในเวกัสอีกครั้งหนึ่ง CGI หนึ่งเดียวที่ถูกใช้ในเรื่องคือฉากในทะเลทราย ที่ไมอาและนักกายกรรมกลางหาวได้เดินทางระหว่างเต็นท์แต่ละหลัง
            “นักแสดงทำงานของพวกเขาวันละสองครั้ง สัปดาห์ละห้าวันครับ” คาเมรอนกล่าว “ตอนที่เราบอกพวกเขาว่าเราจะสร้างหนัง 3D ซึ่งจะบันทึกภาพความมุ่งมั่นที่พวกเขามีต่อศิลปะของพวกเขา ผมคิดว่านักแสดงเหล่านี้ไม่รู้หรอกว่าจะเจอกับอะไร พวกเขาเฉยชาเล็กๆ เพราะพวกเขาแสดงแบบนี้วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า แต่พอทุกอย่างจบลงและพวกเขาได้เห็นสิ่งที่พวกเขาทำผ่านมุมมองของเรา พวกเขาก็อึ้งไปเลย มันช่วยกระตุ้นพวกเขาให้มีชีวิตชีวาอีกครั้งครับ”


ผ่านกระจกสะท้อน

               แรงขับดันที่จะต่อยอดและเปลี่ยนแปลงจากขนบละครสัตว์คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับเซิร์ค ดู โซเลย์ การที่มันวางตำแหน่งของตัวเองในฐานะ “ละครสัตว์สมัยใหม่” ทำให้มันเป็นความบันเทิงที่อาศัยความเป็นละคร และตัวละครเป็นหลัก โดยไม่มีสัตว์ ตั้งแต่รากเหง้าที่ต่ำต้อยบนท้องถนนของมันในช่วงต้นยุค 80s มาจนถึงเวอร์ชันศิลป์ของละครสัตว์ มาสู่การเป็นยักษ์ใหญ่แห่งโลกบันเทิงในปัจจุบันด้วยการแสดง 20 ชุดทั่วโลก องค์ประกอบบางอย่างของประสบการณ์ของเซิร์ค ดู โซเลย์จะคงอยู่ตราบนานเท่านาน
            “คุณจะต้องการช่วงเวลา ‘ว้าว’ ช่วงเวลาที่อ่อนโยนและอารมณ์ขันของคุณเสมอ” กาย ลาบิเบอร์เต้ เจ้าของและผู้ร่วมก่อตั้งเซิร์ค ดู โซเลย์ กล่าวเปรียบเทียบมันกับการดำเนินเรื่องของบทภาพยนตร์เยี่ยมๆ ทุกเรื่อง แต่เขาก็เตือนให้เรารำลึกด้วยว่า ขนบของเซิร์คคือการบอกใบ้ถึงพล็อตและยั่วเย้าถึงเรื่องธีม เขากล่าวว่า ตรงนั้นเอง บนสุดขอบของการตีความด้วยจินตนาการ ที่เซิร์ค ดู โซเลย์ ได้เชื้อเชิญผู้ชมให้เชื่อในสิ่งที่เหลือเชื่อและก้าวผ่านกระจกเข้ามา