ตัวละครและทีมนักแสดง
ที่ยังคงกลับคืนจอจากภาพยนตร์ภาคแรก ก็คือ ดุ๊ก ทหารหนุ่มชาวอเมริกันที่เคยนำทีมของเขาด้วยความเชื่อมั่น แม่นยำ และความภาคภูมิ ดุ๊ก ผู้อุทิศตนและมีความซื่อสัตย์ภักดี จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องทหารที่อยู่ในความดูแลของเขา และต้องการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวแต่ละคนออกมา
ผู้กลับมารับบทนี้เป็นครั้งที่ 2 ก็คือ แชนนิ่ง เททั่ม ผู้ใส่ความเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ลงไปในตัวละครที่ทำให้คนดูประทับใจและชื่นชอบ “แชนนิ่งดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ ที่ทำให้เราสามารถผูกพันกับดุ๊กได้มากขึ้น เพราะเขาเป็นคนตรงไปตรงมา และมีความสามารถที่น่าทึ่งที่จะสร้างความคุ้นเคยให้กับคนดู” ชูกล่าว
“สนุกมากครับที่ได้กลับมาเล่นเกมส์สร้างศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลแบบนี้” แชนนิ่งบอก
เมื่อมีดุ๊กเป็นผู้นำทีมทหารระดับหัวกะทิแล้ว ผู้ที่ถือว่าเป็นกระดูกสันหลังของกลุ่มจีไอโจก็คือ โร้ดบล็อค รองบัญชาการของดุ๊กนั่นเอง โร้ดบล็อคคือชายร่างใหญ่ที่ช่วยนำทีมด้วยประสบการณ์, เกียรติยศศักดิ์ศรี และการอุทิศตนที่ไม่อาจทำลายได้ที่เขามีต่อหน่วยงานและประเทศชาติ “เขาคือหนึ่งในตัวละครผู้เป็นที่รักที่สุดในโลกของ G.I. JOE และเรารู้ดีว่าเราต้องการให้โร้ดบล็อคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย” ชูอธิบาย
เมื่อถึงเวลาต้องคัดเลือกนักแสดงให้มาแสดงเป็นตัวละครที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีในเรื่องของรูปร่างที่ต้องดูกำยำมีอำนาจจนเป็นตำนาน ทางทีมผู้สร้างต้องค้นหาตัวนักแสดงชาย ผู้มีบุคลิกลักษณะตรงกับตัวละครตัวนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องมีความแข็งแกร่งภายในใจและความทรหดของร่างกายด้วย
“มีอยู่คนเดียวเท่านั้นในโลกนี้ที่ผมคิดว่าสามารถเล่นเป็นตัวละครตัวนี้ได้ และดเวย์น จอห์นสันก็คือชายคนนั้น” ผู้กำกับชูเล่า “นอกเหนือจากความจริงเรื่องรูปกายกำยำล่ำสันของเขาแล้ว ดเวย์นยังเข้าใจถึงความหมายของการเป็นทหารและผู้นำ เขานำเกียรติศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์ที่ติดดินใส่เข้าไปในบทนี้”
ชูกล่าวต่อไปว่า “ดเวย์นคือจีไอโจขนานแท้ และนั่นคือสิ่งที่คุณไม่สามารถแสดงหรือลอกแบบได้ มันเหมือนอยู่ในดีเอ็นเอของเขา เมื่อคุณคิดถึงคนที่แทบจะเป็นตุ๊กตุ่นนักบู๊เดินได้ ดเวย์นก็คือคนที่คุณนึกถึง”
“ดเวย์นคือนักบู๊ตัวจริง” เททั่มบอก “ทุกครั้งที่ผมมองดูเขาที่กองถ่าย ผมจะคิดว่า ‘นั่นคือเดอะร็อคนะ!’ แขนเขาใหญ่เท่าเอวผมเลยมั้ง”
เช่นเดียวกับผู้คนมากมาย ดเวย์น จอห์นสันเองก็มีความทรงจำที่ดีกับการได้เล่นตุ๊กตุ่น G.I. JOE ตอนยังเด็ก “ตอนเด็ก ผมชอบเล่นกับตุ๊กตุ่น G.I. JOE มาก เมื่อผมได้เข้ามามีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์นี้ ผมก็เริ่มเข้าใจถึงความเป็นมาและรู้สึกประทับใจกับความมีหลากหลายมิติและความลึกซึ้งในเรื่องราวนี้” จอห์นสันบอก
“โร้ดบล็อคเป็นเหมือนกาวที่เชื่อมต่อทีมจีไอโจเข้าด้วยกัน และผมก็เข้าใจดีถึงความลังเลใจของเขาที่จะก้าวออกไปยืนข้างหน้าหรือยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟเพื่อให้เป็นจุดสนใจ” จอห์นสันอธิบาย “เขาทำเพราะรักประเทศชาติ ผมพบว่ามันน่าชื่นชมอย่างมากเมื่อผู้ชายสักคนหนึ่งยืนอยู่ในจุดนั้น”
ความสัมพันธ์ระหว่างโร้ดบล็อคกับดุ๊กคือมิตรภาพที่เปี่ยมไปด้วยความนับถือและประสบการณ์ที่มีร่วมกัน “ดุ๊กเป็นหัวหน้าทีม G.I. JOE และโร้ดบล็อคก็คือกระดูกสันหลัง พวกเขาทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี” ชูอธิบาย “ขณะที่ดุ๊กคอยออกคำสั่งและทำหน้าที่เป็นเหมือนควอเตอร์แบ็ค เขาต้องพึ่งพาประสบการณ์และความแข็งแกร่งของโร้ดบล็อคที่คอยให้การสนับสนุนเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงสนิทสนมกันมาก”
ตัวละครผู้เป็นที่รักของโลก G.I. JOE อีกรายที่ถูกใส่ลงไปในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ ฟลิ้นต์ ทหารผู้แข็งแกร่งและมีจิตใจมุ่งมั่นที่เป็นพวกจอมขบถ “ฟลิ้นต์คือชายที่เก่งในสิ่งที่เขาทำ แต่เขาออกจะพยศหน่อยๆ” ดิ โบนาเวนทูร่า บอก “เขาไม่อยากเดินตามเส้นทาง ซึ่งไม่ลงเอยด้วยดีเสมอไปในองค์กรอย่างทีม G.I. JOE”
การคัดเลือกตัวนักแสดงในบทนี้หมายถึงการต้องหาตัวนักแสดงที่สามารถยืนหยัด ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับดาราร่วมจอ อย่าง ดเวย์น จอห์นสัน และแชนนิ่ง เททั่ม ได้ และจะต้องแสดงความเชื่อมั่นออกมาได้มากพอที่จะไม่เดินตามเส้นทางที่มีคนวางไว้ให้ ทางทีมผู้สร้างพบ ฟลิ้นต์ ของพวกเขาในตัวนักแสดงหน้าใหม่อย่าง ดีเจ โคโทรน่า ผู้มีส่วนผสมของความแข็งแกร่ง เสน่ห์ และความอวดดีอย่างลงตัวที่สุด
“ดีเจมีความจริงจังอย่างเงียบๆ และมีลักษณะที่ตรงกันข้ามกับดเวย์นและแชนนิ่ง แชนนิ่งจะมีความเป็นมิตร ส่วนดเวย์นก็มีความแข็งแกร่ง ดีเจเองก็เข้ากันได้ดี แต่เขาจะมีความแข็งแกร่งมั่นคงในแบบตัวเขาเอง” ดิ โบนาเวนทูร่าบอก
โคโทรน่าที่มีความผูกพันกับโลกของจีไอโจเป็นการส่วนตัว รู้สึกตื่นเต้นที่มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในจินตนาการวัยเด็กของเขา “ผมโตมากับการเล่นตุ๊กตุ่น G.I. JOE ผมเลยเหมือนเตรียมตัวเล่นบทนี้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบแล้ว” เขาบอก “G.I. JOE คือของเล่นแรกที่ผมหลงใหลอย่างมาก ดังนั้นมันจึงมีที่พิเศษอยู่ในใจผมอยู่แล้ว”
ในหน่วย G.I. JOE สมาชิกแต่ละคนต่างมีความเชี่ยวชาญที่โดดเด่นเป็นพิเศษ และฟลิ้นต์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ความสามารถพิเศษของเขาก็คือ ปาร์กัว ซึ่งเป็นรูปแบบกีฬาที่ใช้การเคลื่อนไหวและความยืดหยุ่นที่จะบังคับร่างกายให้เคลื่อนที่จากจุด เอ ไปยังจุด บี เพื่อฝึกฝนเตรียมตัวมารับบทนี้ โคโทรน่าต้องทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านปาร์กัวที่เทมเพสต์ สตูดิโอในลอสแองเจลิสอยู่นานหลายเดือน “ผมไม่ต้องเสแสร้งว่าผมมีความชำนาญสำหรับกีฬาชนิดนี้เลย” โคโทรน่าหัวเราะ “ผมเดินทางไปในสภาพที่ตัวเย็นและเป็นกังวล แต่คนที่เทมเพสต์สามารถทลายมันลง ทำให้มันดูน่ากลัวน้อยลงเยอะ” ในฐานะหนึ่งในสมาชิกใหม่ของทีม ฟลิ้นต์พยายามค้นหาสมดุลระหว่างการเป็นฮีโร่ในแบบของเขาเอง กับการเป็นสมาชิกสนับสนุนของหน่วยนี้ “ฟลิ้นต์มีความสามารถอยู่โดยธรรมชาติแล้ว แต่เขามีประสบการณ์น้อย และคิดว่าวิธีการของเขาคือวิธีที่ดีที่สุด” โคโทรน่ากล่าวต่อ
สมาชิกใหม่อีกคนในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ เลดี้เจย์ ผู้หญิงคนเดียวในหน่วย ที่ไม่เคยยอมแพ้ใครหรือหวั่นเกรงสิ่งใด เธอคือนักแม่นปืนผู้ชำนาญงาน ผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เลดี้เจย์คือส่วนเติมเต็มของทีม ผู้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นผู้ชายด้วยความแข็งแกร่งและความรักที่เท่าเทียมกัน
การค้นหาตัวนักแสดงหญิงที่มีทั้งความงามและความแข็งแกร่งไม่ใช่งานง่ายเลย ทางทีมผู้สร้างพบเลดี้เจย์ของพวกเขาในตัวนักแสดงหญิง เอเดรียนน์ พาลิคกี้ ซึ่งผลงานก่อนหน้านี้ก็คือภาพยนตร์เรื่อง RED DAWN และซีรีส์ทางทีวีเรื่อง “Friday Night Lights” เธอยังได้รับเลือกให้รับบทนำในซีรีส์เรื่อง “Wonder Woman” ด้วย
“เราต้องการผู้หญิงแข็งแกร่งที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเธอเอง และเอเดรียนน์ก็ทั้งฉลาดเฉียบคม สวย และมีความสามารถ ซึ่งจะช่วยให้คนดูยอมรับเธอในฐานะหนึ่งในสมาชิกทีม G.I. JOE ได้จริงๆ” ดิ โบนาเวนทูร่ากล่าว
พาลิคกี้รู้สึกกระตือรือร้นที่จะแสดงเป็นตัวละครที่มีความเข้มแข็งเหมือนกับเลดี้เจน “เธอมีความอวดดีอยู่ในตัว และมีความแข็งแกร่งที่จะพิสูจน์ตัวเธอเองอยู่เสมอ” พาลิคกี้บอก “เธอมีความเชี่ยวชาญในการใช้ปืนและเป็นเหมือนสมองของกลุ่ม และยังมีคุณสมบัติที่หลากหลายที่พวกเขาต้องการ”
“เอเดรียนน์เป็นผู้หญิงแกร่งทรหด เธอไม่ใช่คนที่ใครจะเล่นงานได้ง่ายๆ” ดเวย์น จอห์นสันบอก “เธอมาจากตระกูลทหาร และสามารถเล่ามุกตลกสัปดนได้ นั่นทำให้เธอเป็นหมายเลข 1 ในรายชื่อของผมเลย”
ถึงแม้จะต้องผ่านการฝึกฝนกับที่ปรึกษาทางด้านทหารและทางด้านฟิตเนสเพื่อตอบสนองตามที่บทเรียกร้อง แต่พาลิคกี้มาพร้อมกับความคุ้นเคยกับงานนี้เป็นอย่างดีจากประสบการณ์ที่เธอเคยแสดงภาพยนตร์แอ็กชั่นมาแล้ว “ต้องขอบคุณที่ฉันเคยแสดงภาพยนตร์เรื่อง RED DAWN มาก่อน และยังเพิ่งแสดงซีรีส์เรื่อง “Wonder Woman” มาด้วย เพราะประสบการณ์เหล่านั้น ทำให้ฉันสามารถที่จะใส่ใจกับรายละเอียด อย่างเช่นจะเก็บปืนยังไง จะดึงปืนออกมาจากซองอย่างถูกต้องยังไง เพื่อที่ว่าคนที่เคยดึงปืนเข้าออกมาแบบนี้มานานหลายปีจะไม่มองฉากเหล่านั้นและคิดว่าพวกเราเล่นไม่เหมือน” พาลิคกี้หัวเราะ
“เอเดรียนน์เป็นคนเปิดกว้างและอยากรู้พื้นฐานเรื่องการใช้ปืนในทุกเรื่อง รวมถึงการเคลื่อนไหวโดยใช้แทคติค และผลลัพธ์ก็คือผมแทบไม่ต้องคอยมากำกับเธอในกองถ่ายเลย” แฮร์รี่ ฮัมฟรีส์ ที่ปรึกษาด้านเทคนิค บอก
ที่คืนจออีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ สเนกอายส์ หนึ่งในตัวละครของ G.I. JOE ที่เป็นคนโปรดของแฟนๆ และมีคนชื่นชมมากที่สุดในโลกของจีไอโจ “เรารู้ดีว่าเราต้องดึงสเนกอายส์กลับมา” ชูบอก “ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้ค้นพบเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองมากมายและความจริงในอดีตของเขาด้วย”
ที่กลับมารับบทนี้เป็นครั้งที่สอง ก็คือ นักแสดงและผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ เรย์ พาร์ค ที่กลับมาสวมชุดนินจาเพชฌฆาตอีกครั้ง พาร์ค ซึ่งเป็นนักแสดงผู้เป็นขวัญใจของแฟนๆ ทั่วโลกจากการรับบทเป็นดาร์ธมอล ในภาพยนตร์เรื่อง STAR WARS EPISODE I: THE PHANTOM MENACE และยังร่วมแสดงในภาพยนตร์โกยเงินเรื่อง X-MEN มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้วในเรื่องความสามารถในการมอบลมหายใจให้ตัวละครที่มีบทพูดน้อย หรือไม่มีบทพูดเลย
“เรย์สามารถสื่อสารได้เยอะมากด้วยการพยักหน้าหรือการเหลือบสายตามอง เขาทำให้สเนกอายส์มีชีวิตขึ้นมาได้จริงๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรสักประโยค” ดิ โบนาเวนทูร่าให้ความเห็นไว้
“การเคลื่อนไหวของเรย์เหมือนมีภาษาของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นแค่การขยับไหล่ การผงกศีรษะหรือแค่การยกคางขึ้น” ชูกล่าวเสริม “มันน่าทึ่งมากที่ทุกคนต่างมีไอเดียจำเพาะว่าบุคลิกของสเนกอายส์นั้นเป็นอย่างไร และไอเดียของทุกคนก็พุ่งตรงไปที่เรย์ พาร์คกันหมด”
หลังจากได้พบปะพูดคุยกันเพื่อพูดถึงวิสัยทัศน์ของชูและความคิดของเขาที่มีต่อเรื่องที่ว่าจะสำรวจสิ่งใดกับตัวละครตัวนี้ พาร์ครู้เลยว่าเขาอยู่ในมือคนเก่งแล้ว “เรายิงโดนเป้า และจอนก็รู้เกี่ยวกับตัวละครพวกนี้เยอะมาก เขารู้ดีว่ามันสำคัญแค่ไหนที่จะต้องยึดมั่นกับตัวละครพวกนี้ และเขาก็มีจินตนาการที่แข็งแกร่งมากสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้”
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของการได้ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างพาร์คมารับบทนี้ ก็คือ ทีมผู้สร้างสามารถผลักดันข้อจำกัดของฉากต่อสู้ออกไปโดยไม่ต้องใช้ลูกเล่นในงานสร้างภาพยนตร์เข้ามาช่วย “เพราะเรย์เก่งอยู่แล้วในงานที่เขาถนัด เราจึงสามารถมีฉากต่อสู้โดยที่ไม่ต้องยั้งกันเลย” ดิ โบนาเวนทูร่า บอก
โครงเรื่องหลักใน G.I. JOE: RETALIATION มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างสเนกอายส์ และศัตรูคู่อาฆาตอย่าง สตอร์ม ชาโดว์ ผู้ถูกคาดเดาว่าน่าจะตายไปแล้วในตอนจบของ G.I. JOE: THE RISE OF COBRA ตอนที่เราได้เห็นสเนกอายส์ครั้งแรกในภาพยนตร์ภาคสองนี้ เขากำลังค้นหาความสงบภายในตัวเขาเองหลังจากที่เก็บตัวอยู่ที่อาราชิคาเกะเพื่อฝึกฝนฝีมือกับอาจารย์ตาบอด และที่นั่นเองที่สเนกอายส์ได้รู้ว่าสตอร์ม ชาโดว์ยังมีชีวิตอยู่ “สเนกอายส์ตั้งใจที่จะค้นหาตัวสตอร์ม ชาโดว์ให้พบ และนำตัวเขากลับไปหาท่านอาจารย์ตาบอดเพื่อให้รับการตัดสินและชี้แจงเหตุผลในการกระทำของเขา” พาร์คอธิบาย
ผู้กำกับ จอน เอ็ม ชูต้องการจะเจาะลึกลงไปในเส้นเรื่องทางอารมณ์ของนินจา และความลึกของการเป็นศัตรูกันระหว่างชายสองคนที่เคยฝึกเคียงบ่าเคียงไหล่กันในฐานะพี่น้องมาแล้ว “เราอยากสำรวจในจุดที่ความเป็นมนุษย์และนินจามาปะทะกัน และในจุดที่ความโกรธและความริษยาเริ่มเข้ามาครอบงำ นั่นคือจุดที่เราค้นพบตัวละครสองตัวนี้”
ซูเปอร์สตาร์ชาวเกาหลี ลีบยองฮุน กลับมารับบท สตอร์ม ชาโดว์ อีกครั้ง เขาตื่นเต้นมากที่มีโอกาสได้เข้ามาสำรวจความรู้สึกภายในของตัวละครตัวนี้ให้ลึกซึ้งขึ้น “ผมดีใจมากที่ได้กลับมารับบทนี้ และตื่นเต้นที่ได้แสดงความเป็นสตอร์ม ชาโดว์ และด้านอื่นๆ ในตัวเขามากขึ้น” ลีบยองฮุน กล่าว
ลีที่เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ที่จะดำดิ่งไปสู่การแสดงด้านอารมณ์ของตัวละครตัวนี้ เขาใส่ทั้งความทุ่มเททั้งทางด้านอารมณ์และร่างกายให้กับบทนี้ “บยองฮุนมาพร้อมกับไอเดียที่หนักแน่นทีเดียวว่าตัวละครตัวนี้เป็นใคร และเขาก็ปล่อยทั้งหมดนั้นออกมาบนจอ” ชูบอก
“บยองฮุนมีบุคลิกที่น่าทึ่งมาก” ดิ โบนาเวนทูร่ากล่าว “เขาแสดงฉากต่อสู้ทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่ก็มีความแข็งแกร่งภายในของตัวละครตัวนี้ที่ทำให้ สตอร์ม ชาโดว์ มีเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่”
ลี ที่มีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะการป้องกันตัว และยังเป็นนักกีฬาอีกด้วย ยังได้ทำการฝึกเพิ่มเติมเพื่อกลับมารับบทนี้ เขารู้สึกตื่นเต้นกับการนำเสนอฉากแอ็กชั่นจากจุดที่ดูเหมือนจริงมากขึ้น “จอนบอกว่าเขาต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูจริงมากขึ้น ผมจึงฝึกหนักเพื่อทำให้ร่างกายของผมดูใหญ่ขึ้นด้วย”
“เพราะว่าเรามีนักแสดงที่สามารถต่อสู้ได้จริง ผมจึงอยากแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของการต่อสู้ของพวกเขา ซึ่งห่างไกลจากรูปแบบการต่อสู้ของนินจาที่เราเคยเห็นกันมาก่อนหน้านี้” ชูเล่า “เมื่อสตอร์ม ชาโดว์ถูกต่อยเข้าที่ใบหน้า ผมอยากเห็นเลือดซึมผ่านออกมาจากหน้ากากสีขาวของเขา”
องค์ประกอบใหม่ของฉากการต่อสู้ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องทำให้คนดูตื่นเต้นได้อย่างแน่นอน ก็คือการนำเอาอาวุธมีคมที่ทำให้ถึงตายอย่าง กริช เข้ามาใช้ “มันคือดาบทองเหลืองที่มีปลายคมกริบ” ชูอธิบาย “เราใส่มันลงไปในฉากปะทะระยะใกล้ ทำให้คนดูสัมผัสได้เลยว่ามันมีอันตรายมากแค่ไหน”
ที่เพิ่งปรากฏโฉมในภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องนี้ แต่เป็นตัวละครซึ่งเป็นที่รู้จักดีในโลกของ G.I. JOE อยู่แล้ว ก็คือจิ๊งซ์ นินจาหญิงและเป็นญาติของสตอร์ม ชาโดว์ “จิ๊งส์คือหนึ่งในตัวละครที่ผมอยากเห็นในภาพยนตร์” ผู้กำกับชูเล่า “เธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงของอาราชิคาเกะ แต่เธอไม่ต้องการตำแหน่งนั้น เธอเกลียดมันและอยากต่อสู้และทำสิ่งที่สเนกอายส์ทำ แต่เธอได้แต่เก็บกักความรู้สึกนั้นไว้”
สำหรับบทจิ๊งซ์ ทีมผู้สร้างพบนักรบนินจาหญิงคนแรกของพวกเขาในตัวนักแสดงหญิง เอโลดี้ ยุง ผู้เคยร่วมแสดงในภาพยนตร์ฝรั่งเศสเกี่ยวกับกีฬาปาร์กัว เรื่อง DISTRICT 13: ULTIMATUM และเมื่อเร็วๆ นี้ ยังร่วมแสดงในภาพยนตร์ ผลงานการกำกับของ เดวิด ฟินเชอร์ เรื่อง THE GIRL WITH THE DRAGON TATTOO ด้วย “เอโลดี้สร้างความประทับใจให้มากมาย เรารู้ดีว่าเธอเหมาะกับบทจิ๊งซ์มาก” ชูเล่า “เมื่อเธอเดินเข้ามา เธอเปล่งพลังความแข็งแกร่งออกมา ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนเลยว่าจิ๊งซ์มีชีวิตขึ้นมาแล้วในตัวเอโลดี้”
มีคำกล่าวสุดคลาสสิกที่บอกว่า ความยิ่งใหญ่มักจะมาในห่อเล็กๆ นั่นคือคำกล่าวที่ใช้กับยุงได้ เธอตีบทแตกด้วยความมุ่งมั่นและความรักอย่างสุดแรงเกิด “เอโลดี้เหมือนหลอกลวงคุณ เพราะเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สวย แต่เธอสามารถเตะก้นคุณได้สบายๆ” ดิ โบนาเวนทูร่า กล่าว “เมื่อเห็นทีแรก คุณอาจเป็นห่วงเธอ แต่คุณจะรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเธอคือมือสังหาร ซึ่งสนุกดี เพราะมันเป็นการดึงเอาทั้งสองด้านของสมการออกมา”
ถึงแม้จะเป็นคาราเต้สายดำอยู่แล้ว แต่ยุงก็ยังต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเคร่งครัดเพื่อมารับบทนี้ “เราทำงานกันนานหนึ่งเดือนก่อนการถ่ายทำเริ่มต้นขึ้น โดยเน้นไปที่การทำร่างกายฉันให้ฟิต เพราะบทนี้เรียกร้องจากฉันมากทีเดียว” ยุงเล่า
การเตรียมตัวส่วนใหญ่ก็คือการฝึกวิชา วูซู ซึ่งเป็นศิลปะการป้องกันตัวของจีน ซึ่งเน้นไปที่การต่อสู้ด้วยดาบ “ฉันเคยแสดงภาพยนตร์แอ็กชั่นมาแล้วหลายเรื่อง ดังนั้นฉันจึงคุ้นเคยกับงานดี แต่เมื่อฉันมาถึงที่นี่ ฉันรู้ตัวอย่างเร็วเลยว่าการต่อสู้โดยใช้ดาบสองเล่มนั้นมันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงทีเดียว” ยุงหัวเราะ
“ผมยังไม่เคยเห็นใครที่สามารถก้าวกระโดดจากการไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับดาบ ไปเป็นการใช้มันอย่างคล่องแคล่วได้แบบเธอเลย มันน่าทึ่งมาก คุณรู้สึกว่าเธอเติบโตขึ้นในฐานะนักรบ มากเกินกว่าตัวละครของเธอด้วย ผมคิดว่าคนดูจะต้องสนุกกับการเดินทางครั้งนี้แน่” ชูบอก
ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ และการเข้ายึดทำเนียบขาว แฟนๆ ของภาพยนตร์ภาคแรกคงจะนึกถึงภาพประธานาธิบดีที่ชวนสงสัยในตอนจบของ G.I. JOE: RISE OF THE COBRA ภาพยนตร์ภาคนี้ยืนยันว่าพลังอันชั่วร้ายได้เข้ายึดครองทำเนียบขาวเอาไว้แล้ว และยังเข้ายึดความเป็นประธานาธิบดีเอาไว้ด้วย
โจนาธาน ไพรซ์ นักแสดงชายที่ฝีมือการแสดงได้รับการยกย่อง กลับมารับบทเป็นประธานาธิบดีอเมริกา และเขามีภารกิจอันโดดเด่นที่ต้องเล่นเป็นตัวละครที่แตกต่างกันสองตัว ที่เหมือนยืนอยู่คนละขั้วของความดี (ประธานาธิบดีอเมริกันตัวจริง) และความชั่ว (ประธานาธิบดีตัวปลอม)
ไพรซ์ตอบรับโอกาสที่จะแสดงให้เห็นถึงด้านที่ตรงกันข้ามกันของตัวละครตัวหนึ่งด้วยความกระตือรือร้นและความรักในความท้าทายนี้ “ผู้คนมักถามเสมอว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฝั่งไหนน่าสนใจกว่ากันระหว่างการเล่นเป็นคนดีหรือการเล่นเป็นคนร้าย มันสนุกที่ได้เล่นเป็นคนที่เป็นทั้งผู้กดขี่และผู้เป็นเหยื่อในเวลาเดียวกัน” ไพรซ์บอก
อย่างไรก็ดี บทนี้ไม่ได้มาโดยปราศจากความท้าทาย สองด้านของตัวละครตัวนี้ต้องการการทุ่มเทที่จะรักษาความต่อเนื่องไปตลอดการถ่ายทำ ซึ่งไพรซ์ไม่เคยหลุดเลย นอกจากนี้ ไพรซ์ยังต้องรับมือกับการใช้เทคนิคในการถ่ายทำฉากที่เขาจะต้องแสดงกับตัวเขาเอง “ผมไม่ได้เตรียมตัวมารับมือกับความยากในการต้องคุยกับตัวผมเองเลย” ไพรซ์หัวเราะ “การพูดกับแผ่นกระดาษสีเขียวที่ติดอยู่กับไม้มันน่าสนใจมากเลยนะ แต่ที่น่าทึ่งก็คือ เราสามารถมองเห็นภาพเพลย์แบ็คแทบจะในทันที และพวกเขาก็สามารถแม็ตช์ภาพตัวผมสองภาพเข้าด้วยกัน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องพิเศษมากจริงๆ ที่สามารถทำเช่นนั้นได้”
ดิ โบนาเวนทูร่ารู้สึกมีความสุขที่ได้กลับมาทำงานกับไพรซ์อีกครั้ง “ภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่สนุกแน่ถ้าไม่มีโจนาธาน ไพรซ์ เราตื่นเต้นมากที่ได้ตัวเขากลับมา เพราะเราต้องการอารมณ์ขันของเขา และความรู้สึกดึงดูดของเขาที่จะประคองทั้งสองด้านของภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าด้วยกัน เขามีรูปลักษณ์และมีความรู้สึกในการปล่อยจังหวะที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถเข้าถึงสมดุลที่ลงตัวของตัวละครตัวนี้ ซึ่งต้องอาศัยกลเม็ดเคล็บลับเยอะมาก”
ที่จะกลายเป็นตัวละครตัวโปรดตัวใหม่ของแฟนๆ ก็คือ ผู้ร้ายหน้าใหม่อย่าง ไฟเออร์ฟลาย ผู้ซึ่งกลุ่มคอบร้าดึงตัวมาช่วยภารกิจช่วยตัวผู้บัญชาการกลุ่มคอบร้าออกมาจากคุก และดำเนินแผนการครองโลก ไฟเออร์ฟลายที่เป็นหนึ่งในตัวละครที่ชั่วร้ายในโลกของ G.I. JOE เป็นผู้ก่อความวุ่นวายและเขายังมองการทำลายล้างว่าเป็นการแสดงออกอย่างมีศิลปะ พูดสั้นๆ ก็คือ ไฟเออร์ฟลายชอบที่จะทำให้สิ่งต่างๆ มัน “ตูม”
“ไฟเออร์ฟลายมองเห็นความงามในการจัดสรรปันส่วนพลังงาน ดังนั้นขณะที่พวกเราอาจมองว่าระเบิดคือการทำลายล้าง แต่เขาเชื่อว่าเขากำลังสร้างสรรค์บางสิ่ง” ชูอธิบาย “นี่แทบจะเป็นปรัชญาที่ทำให้ ไฟเออร์ฟลาย ดูน่าสนใจในสายตาของผม และเป็นมากกว่าแค่ฆาตกรเลือดเย็นเท่านั้น”
“ไฟเออร์ฟลายมีบทพูดแค่ 6 ประโยคเท่านั้นตอนที่เราอ่านบทภาพยนตร์กันครั้งแรก แต่เรารู้สึกเลยว่าตัวละครตัวนี้มันเท่แค่ไหน” ดิ โบนาเวนทูร่า เล่า “มีบางอย่างที่ดูเป็นตัวแสบอยู่ในตัวเขา”
สำหรับคนที่จะมารับบทเป็นชายวิปริตผู้นี้ ทีมผู้สร้างเลือกนักแสดงชาวอังกฤษ เรย์ สตีเวนสัน ผู้เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้คนดูถึงกับร้อง ว้าว ในภาพยนตร์เรื่อง THOR และ THE BOOK OF ELI สตีเวนสันแสดงบทนี้ด้วยความจริงจังและสติปัญญาที่เดินหน้าไปได้ดีเกินความคาดหมาย “เรย์เป็นนักแสดงที่เก่งมาก เขานำความลึกใส่ลงไปในตัวไฟเออร์ฟลายในแบบที่ชวนขนลุกและดูซาดิสต์” ดิ โบนาเวนทูร่า กล่าว “เขานำแรงดึงดูดมาสู่บทนี้ ซึ่งเป็นพื้นฐานให้กับตัวละครที่ดูเป็นพวกโรคจิตอย่างนี้”
“เรย์สร้างตัวละครตัวนี้จากศูนย์ ทำให้เขาดูวางท่าในแบบเขาเอง เขาสนใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่ลักษณะของหนังบนแจ็คเก็ตหนังของเขา และแหวนคอบร้าที่เขาสวมใส่ จนถึงรอยแผลเป็นบนใบหน้า เขามีข้อมูลเยอะมากในเรื่องที่ว่าไฟเออร์ฟลายเป็นใคร” ชูเล่า
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทางทีมผู้สร้างให้ความสำคัญกับการเลือกตัวนักแสดงที่จะต้องเป็นภัยคุกคามที่ดูสมจริงต่อตัวละคร โร้ดบล็อค ของ ดเวย์น จอห์นสัน “เมื่อถึงเวลาต้องหาตัวคู่ปรับให้กับตัวละครของผม เป็นเรื่องสำคัญทีเดียวที่ต้องหาคู่ต่อสู้ที่ดูแล้วรู้สึกว่าสามารถล้มผมได้ นั่นไม่ใช่งานง่ายเลยนะ” จอห์นสันหัวเราะ
“เราตั้งใจออกแบบฉากต่อสู้ในแบบที่คุณรู้สึกได้ว่าไฟเออร์ฟลายมีโอกาสที่จะชนะ โร้ดบล็อค ได้ และมันเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ” ดิ โบนาเวนทูร่า กล่าว “นี่คือชายร่างยักษ์สองคนที่ยืนเผชิญหน้ากัน และมีการแข่งขันความแข็งแกร่งระหว่างสองคนนี้”
นักแสดงทั้งสองคนต่างทุ่มเทความพยายามให้กับการเตรียมตัวเพื่อแสดงฉากต่อสู้สุดโหด จนมีอยู่หลายครั้งที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่ต้องฟกช้ำดำเขียวและได้เลือด “การต่อสู้ระหว่างสองคนนี้มันสุดยอดมาก และฉากต่อสู้ก็ดูจริงจังเสียจนคุณรู้สึกว่ากำแพงสั่นสะเทือนเมื่อพวกเขาต่อยกัน” สตีเวนสันเล่า “สิ่งหนึ่งเกี่ยวกับการต่อสู้กับดเวย์นก็คือ เมื่อเขายกมือกันหมัด มันเหมือนกับคุณต่อยใส่กำแพงเหล็กเลยแหละ เนื้อตัวผู้ชายคนนี้เหมือนทำมาจากหินจริงๆ คุณไม่มีทางเดินหนีเขาไปในสภาพไม่ได้รับบาดเจ็บได้ ผมเองก็มีทั้งรอยแตกและรอยฟกช้ำเต็มไปหมด”
และสิ่งที่น่าจะทำให้แฟนๆ ของ G.I. JOE ได้ตื่นเต้น ก็คือทางทีมผู้สร้างตัดสินใจที่จะให้เกียรติยกย่องต่อหัวใจและจิตวิญญาณของ G.I. JOE ด้วยการแนะนำตัว โจ โคลตัน ในภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องนี้ “เราต้องการเชื่อมต่อการปรากฏตัวของตัวละครทั้งหลายด้วยการนำภาพยนตร์เรื่องนี้ย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้นด้วยตัวตุ๊กตุ่นโจที่มีขนาด 12 นิ้ว” จอน เอ็ม ชูอธิบาย “การที่ โจ โคลตัน กลับคืนมาในภาพยนตร์เรื่องนี้คือสิ่งที่เราคิดว่า น่าตื่นเต้นจริงๆ”
ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง บรูซ วิลลิส ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ในบท โจ โคลตัน ต้นกำเนิด G.I. JOE ผู้อำนวยการสร้าง ดิ โบนาเวนทูร่า รู้สึกว่าไม่มีนักแสดงคนไหนจะเหมาะกับบทนี้มากเท่า บรูซ วิลลิซ อีกแล้ว “G.I. JOE คนแรกคือแนวคิดที่ทุกคนชื่นชม และบรูซก็เป็นบุคคลที่ทุกคนชื่นชมในแบบของเขาเอง ดังนั้นการจับสองคนนี้มาอยู่ด้วยกันจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับคนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับผม และคนที่อายุมากกว่าผม บรูซเป็นแฟน G.I. JOE อยู่แล้วตอนที่เขายังเด็ก เขาเคยเล่นกับตุ๊กตุ่นจีไอโจ ดังนั้นจึงไม่มีทางจะสมเหตุผลมากไปกว่านี้แล้ว”
“นอกจาก บรูซ วิลลิส ใครกันอีกที่จะสามารถผสมรวมทั้งจิตและวิญญาณของ G.I. JOE ได้” ชูตั้งคำถาม “โจ โคลตันคือตัวละครลึกลับที่มีการพูดถึงกันในหนังสือการ์ตูน แต่ไม่มีใครรู้จักเขาดีเลย ดังนั้นเมื่อ บรูซ วิลลิส มาที่นี่และเติมช่องว่างให้เต็ม มันกลายเป็นเรื่องชัดเจนที่ว่า โจ โคลตัน คือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในจิตวิญญาณของ G.I. JOE”
อีกคนที่ตื่นเต้นที่ บรูซ วิลลิส มารับบทเป็นต้นแบบ G.I. JOE ก็คือ ดเวย์น จอห์นสัน “บรูซ วิลลิสคือชายเหนือชาย ไม่มีใครจะสมบูรณ์แบบในบทนี้เท่ากับเขาอีกแล้ว”
คอภาพยนตร์หรือแฟนๆ ของจีไอโจ จะต้องตื่นเต้นที่ได้เห็นสองดาราแอ็กชั่นผู้มีประสบการณ์ได้มาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ผู้กำกับ จอน เอ็ม ชู พบว่าตัวเขาเองถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นนักแสดงทรงพลังสองคนแสดงด้วยกันในฉากหนึ่ง “มีอยู่หลายช่วงเวลาด้วยกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ผมถึงกับหยุดและคิดว่า ‘ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าภาพนี้กำลังเกิดขึ้นจริงๆ ตอนนี้’ และเมื่อคุณได้ไปอยู่ในห้องเดียวกับดเวย์น จอห์นสัน, บรูซ วิลลิส และมี สเนกอายส์ อยู่ด้วย ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย”
จอห์นสันรู้สึกปลาบปลื้มมากที่มีโอกาสได้ทำงานกับวิลลิส คนที่เป็นเพื่อนกับเขามานานหลายปี “บรูซกับผมเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ผมดีใจมากเมื่อรู้ว่าเขาจะเข้ามาทำงานด้วย” จอห์นสันเล่า “ในฐานะแฟนภาพยนตร์แอ็กชั่น มันเจ๋งจริงๆ ที่ได้มาเห็นบรูซและผมอยู่บนจอ และกำลังอัดใส่ผู้ร้ายทุกรูปแบบ”