FB on February 24, 2013, 05:01:32 PM
“ขุนพันธ์” ภาพยนตร์แอ๊คชั่นฟอร์มยักษ์ผลงานเรื่องใหม่ของ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” “อนันดา-น้อย วงพรู” นำทีมนักแสดงบวงสรวงคับคั่ง



          ใคร ที่เป็นแฟนหนังของสุดยอดผู้กำกับของเมืองไทย “ก้องเกียรติ โขมศิริ” เตรียมล้างตาดูผลงานเรื่องใหม่ของเขากันไว้ได้เลย เพราะล่าสุดผลงานเรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า “ขุนพันธ์” ภาพยนตร์แอ๊คชั่นฟอร์มยักษ์ประจำปีของค่ายใบโพธิ์ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” ร่วมกับ “บาแรมยู” ก็ได้ฤกษ์บวงสรวงไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้เหล่านักแสดงคุณภาพก็มาร่วมพิธีกันอย่างครบครัน นำทีมโดย “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” ที่มาสวมบท “ขุนพันธ์” ตำนานยอดตำรวจวีรบุรุษที่มีฉายาว่า “นายพลหนังเหนียว” ผู้มีตัวตนจริงอยู่ในประวัติศาสตร์ ร่วมด้วย “กฤษดา สุโกศล แคลปป์” ที่มาสวมบทวายร้ายคู่ปรับของขุนพันธ์ รวมไปถึงนักแสดง เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง, กบ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร, แฟรงค์เดอะสตาร์-ภคชนก์ โวอ่อนศรี, สนธยา ชิตมณี, กานต์พิสชา เกตมณี ซึ่งในหนังเรื่องนี้ได้เล่าถึง ขุนพันธ์ ผู้เป็นทั้ง นักสืบ มือปราบ และ จอมขมังเวทย์ ซึ่งยังคงเป็นที่เคารพและศรัทธาของเหล่าตำรวจ และ เป็นสัญลักษณ์ของความดีในสมัยนั้น ซึ่ง “ก้องเกียรติ โขมศิริ” พูดถึงแรงบันดาลใจในการหยิบยกเรื่องราวของบุคคลในตำนานมาสร้างเป็นหนังว่า

          “แรง บันดาลใจมาจาการที่ผมอยากทำเรื่องของคนดีๆ คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะมีแรงบีบคั้นจากบ้านเมือง จากภาวะต่างๆ แต่เค้าก็เชื่อมั่นที่จะทำความดี เพื่อแผ่นดิน ทำเพื่อในหลวง คือมีอยู่ภาพหนึ่งในหนังสืองานศพ ที่ท่านต่อเทียนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วขุนพันธ์ต่อเทียนเล่มนั้นมา ผมก็เรียกทีมงานมาแล้วบอกว่าเราจะสร้างหนังเรื่องนี้จากภาพๆ นี้ เราจะเป็นเทียนเล่มต่อไป เราจะเป็นเทียนต่อจากท่านนะ แต่เราจะไม่ทำหนังแบบยัดเยียดแบบว่าให้คนรู้ว่าท่านคือคนดีนะ แต่เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เจอปัญหาจริงๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักกว่าสมัยนี้มาก เราตั้งใจจะต่อเทียนเล่มนั้นต่อจากท่าน ในฐานะคนทำหนัง หลายๆ ครั้ง

          ที่ เราทำเพื่อบำบัดตัวเอง แต่จังหวะหนึ่งในชีวิตเราก็คิดว่า เราจะทำหนังยังไงให้เกิดประโยชน์กับคนอื่นในแบบที่เราถนัดนะ เราจะให้อะไรกับคนดู นอกจากความบันเทิง ความมันส์ที่ต้องให้กับคนดูอยู่แล้ว เราก็คิดว่าคุณงามความดีที่อยู่ในตัวหนังนี้จะมีผลต่อประเทศชาติ ตอนนี้ผมเชื่อว่าบ้านเมืองเราต้องการสัญลักษณ์ที่จะบอกว่าคนดีมีที่อยู่ ไม่ใช้คนขี้โกงที่มีพื้นที่”

          นอกจากนี้ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ยังพูดถึงการจับเอาสุดยอดนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” และ “น้อย วงพรู” มาเป็นคู่ปรับกันในหนังเรื่องนี้ว่า

          “คือจริงๆ มันจะเป็นแอ๊คชั่น ซึ่งสัดส่วนของความเป็นดราม่ามันก็ยังมีอยู่บ้าง ผมยกตัวอย่างอย่างเรื่องฮีทที่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง อัลปาชิโน่ กับ โรเบิต เดนีโร อันนี้คือการเปรียบเทียบ แต่ตอนนี้ถ้านึกถึงนักแสดงที่มีอินเนอร์มากๆ ในประเทศไทย ก็คืออนันดาที่มารับบทขุนพันธ์ ตัวร้ายคือพี่น้อยวงพรูที่ชื่อว่าอะแวสะดอ แค่นี้มันก็ก่อให้เกิดดราม่าโดยธรรมชาติแล้ว พลังงานของสองคนนี้มาเจอกันมันก็เกิดแอ๊คชั่นได้แล้ว”

          ใครที่ รอดูผลงานของสุดยอดผู้กำกับ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” และเหล่าสุดยอดนักแสดงของเมืองไทย ต้องอดใจรอ “ขุนพันธ์” ปีนี้ได้ดูกันแน่
« Last Edit: April 20, 2016, 08:53:09 AM by FB »

FB on March 21, 2013, 06:28:21 PM
“อนันดา” เผยขอผู้กำกับเลือก “น้อย” ดวลฝีมือใน “ขุนพันธ์” ยอมรับกดดันถ่ายทอดบทบาทบุคคลในตำนาน



          ถือ เป็นนักแสดงมากฝีมือที่สวมบทบาทมาแล้วมากมาย สำหรับ “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” แต่พอต้องมารับบทบาทบุคคลตำนานในภาพยนตร์แอ๊คชั่นฟอร์มยักษ์ “ขุนพันธ์” ของค่ายใบโพธิ์ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ผลงานของสุดยอดผู้กำกับ “ก้องเกียรติ โขมศิริ” เจ้าตัวก็ยอมรับว่ากดดันไม่น้อย ที่ต้องมาสวมบท ขุนพันธ์ ผู้เป็นทั้ง นักสืบ มือปราบ และ จอมขมังเวทย์ ซึ่งยังคงเป็นที่เคารพและศรัทธาของเหล่าตำรวจ และ เป็นสัญลักษณ์ของความดีในสมัยก่อน เพราะงานนี้นอกจากจะต้องเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของตำนานที่มีตัวตนอยู่จริง ให้ดูใกล้เคียงที่สุดแล้ว ยังต้องปะทะกับสุดยอดนักแสดงแถวหน้าเมืองไทยที่ขนกันมาปะทะฝีมือกันอย่างคับ คั่ง ซี่งหนึ่งในนั้นคือ “น้อย-กฤษดา สุโกศล แคลปป์” ที่เจ้าตัวแอบเผยว่าเป็นคนแนะผู้กำกับให้น้อยมาสวมบทบาท “อะแวสะดอ” ขุนโจรจอมวายร้าย คู่ปรับคนสำคัญของขุนพันธ์ ซึ่ง อนันดา เอเวอริ่งแฮม พูดถึงการได้มารับบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ รวมไปถึงการต้องมาปะทะการแสดงสุดเข้มข้นกับ น้อย-กฤษดา ว่า

          “คือ จริงๆ ผมเป็นแฟนหนังของพี่โขมอยู่ แล้วก็รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เราได้คุยกันหลายครั้งแล้ว จริงๆ ต้องถามพี่โขมว่าทำไมถึงเลือกผม ใจผมพี่โขมอยากให้เล่นอะไรผมเล่นอยู่แล้ว สำหรับตัวละครขุนพันธ์ผมว่า เป็นตำนานสำหรับคนไทย แล้วก็มีตัวตนอยู่จริงๆ จุดที่ผมอินที่สุดคือมันค่อนข้างต่างจากตัวผมบ้าง มีเนื้อหาบางอย่างของตัวละครตัวนี้ที่ผมไม่รู้จักเลย จับต้องยากสำหรับผม เหมือนเป็นการผลักดันให้เราพัฒนาตัวเอง ขยายโลกทัศน์ให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แล้วเราก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในตำนานของขุนพันธ์ด้วย สำหรับคาแรกเตอร์ของขุนพันธ์ ก็เป็นคนที่กล้าหาญมุ่งมั่น ดุดัน ซื่อสัตย์ มีคุณธรรมเป็นตัวอย่างที่ดีของบ้านเมือง แต่ในขณะเดียวกันท่านก็มีอะไรบางอย่างที่พิเศษด้วย ยอมรับว่าเรื่องนี้ยาก มีสิ่งที่ต้องทำหลายอย่างมาก ต้องเก่งอาวุธหลายอย่าง ต้องยิงปืนคล่องแคล่ว ต้องฟันดาบเป็น ต่อสู้ระยะใกล้ชิด ภาษาใต้เยอะมาก แค่คิดก็ยากแล้ว ที่หนักใจคือการพูดใต้เพราะผมติดสำเนียงฝรั่ง ถือว่าเป็นบทที่ยากที่สุดที่เคยเล่นมา ส่วนการได้มาร่วมงานกับพี่น้อย คือต้องบอกว่าผมเป็นแฟนคลับพี่น้อยอยู่แล้ว จริงๆ คือผมเป็นคนที่แอบขอพี่โขมเองด้วยว่าตัวละครตัวนี้ต้องเป็นพี่น้อย ผมชื่นชมแกมานานแล้ว ก็รู้สึกว่าแฮปปี้ ก็รู้สึกดีใจที่ได้มาเล่นคู่กับพี่น้อยครับ”

          ใครที่ชื่นชอบ ฝีมือทางการแสดงของ “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” ต้องติดตามกันให้ดีๆ กับบทบาทล่าสุดที่เจ้าตัวบอกว่ายากที่สุดในชีวิตการแสดง ล้างตารอดูความมันส์ กับ “ขุนพันธ์” ปีนี้ได้ดูกันแน่นอน
« Last Edit: April 20, 2016, 08:52:41 AM by FB »

FB on April 20, 2016, 08:51:01 AM
แรงกระสุน หรือจะสู้แรงศรัทธา โปสเตอร์แรกจาก “ขุนพันธ์”



          #‎ขุนพันธ์ ‪#‎KhunPun
          ภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์​เป็นการนำเอาประวัติชีวิตของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" อดีตนายตำรวจชื่อดังของวงการตำรวจไทย มือปราบผู้มีอายุยืนยาวถึง 108 ปี ที่แม้แต่ขุนโจรยังเคารพ ศรัทธาและให้การนับถือ มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่นแฟนตาซี โดย ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยเรื่องราวของขุนพันธ์ ที่รับบทโดย อนันดา เอเวอริงแฮม ต้องต่อกรกับมหาโจรจอมขมังเวทย์ รับบทโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ อัดแน่นไปด้วยความมันส์​ และความศรัทธา ที่พร้อมให้ทุกคนพิสูจน์พร้อมกันในโรงภาพยนตร์

FB on April 20, 2016, 08:54:52 AM
Movie Guide: สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ส่งตัวอย่างแรก “ขุนพันธ์” ให้แฟนหนังชาวไทยได้ชม วางโปรแกรมฉาย 14 กรกฏาคม 2559


ทีเซอร์แรก ขุนพันธ์ (Official Teaser)
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=MK3jxgnkbZM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=MK3jxgnkbZM</a>

          ภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์​เป็นการนำเอาประวัติชีวิตของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" อดีตนายตำรวจชื่อดังของวงการตำรวจไทย มือปราบผู้มีอายุยืนยาวถึง 108 ปี ที่แม้แต่ขุนโจรยังเคารพ ศรัทธาและให้การนับถือ มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่นแฟนตาซี โดย ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้ภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยเรื่องราวของขุนพันธ์ ที่รับบทโดย อนันดา เอเวอริงแฮม ต้องต่อกรกับมหาโจรจอมขมังเวทย์ รับบทโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ อัดแน่นไปด้วยความมันส์​ และความศรัทธา ที่พร้อมให้ทุกคนพิสูจน์พร้อมกันในโรงภาพยนตร์

          แฟนหนังชาวไทยเตรียมชมภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์พร้อมกันทั้งประเทศ 14 กรกฏาคม 2559
« Last Edit: April 22, 2016, 08:58:34 AM by FB »

FB on May 18, 2016, 09:08:52 AM
สหมงคลฟิล์มฯ เตรียมฉาย “ขุนพันธ์” หนังแอ็คชั่นไทยเรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี ขีดสุดความมันส์แอ็คชั่นไล่ล่าของ “นายตำรวจที่ฆ่าไม่ได้ และมหาโจรที่ตายไม่เป็น”









          เตรียมพบปรากฏการณ์ความมันส์แอ็คชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ที่สร้างจากแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" อดีตนายตำรวจมือปราบชื่อดัง เจ้าของฉายา นายพลหนังเหนียว, ขุนพันธ์ดาบแดง, นายพลตำรวจหนวดเขี้ยว, รายอกะจิ (อัศวินพริกขี้หนู) ฯลฯ ผู้กำราบปราบเสือร้ายในตำนานที่โด่งดังในแฟ้มอาชญากรรมของกรมตำรวจอย่าง เสือมเหศวร, เสือฝ้าย, เสือดำ, เสือใบ และอีกต่อหลายคน ต้นแบบของตำรวจดีผู้ผดุงความยุติธรรม สู่ภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ประจำปี 2559 ผลงานการกำกับและเขียนบทที่ทุ่มเทที่สุดของผู้กำกับเลือดแอ็คชั่น "ก้องเกียรติ โขมศิริ"

          การเชือดเฉือนบทบาทสุดเข้มข้นของ 2 นักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย อย่าง "อนันดา เอเวอริงแฮม" ในบท "ขุนพันธ์" นายตำรวจที่ต่อสู้ทุกลมหายใจด้วยพลังแห่งศรัทธา และ "น้อย-กฤษฎา สุโกศล แคลปป์" ในคาแรคเตอร์มหาโจร "อัลฮาวียะลู" ที่ไม่เคยมีอาวุธใดทำร้ายเขาได้ ร่วมด้วยทัพนักแสดงคุณภาพ เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง, แฟรงค์เดอะสตาร์-ภคชนก์ โวอ่อนศรี , สนธยา ชิตมณี, กบ-พิมลรัตน์ พิศลยบุตร และ อ้อม-กานต์พิสชา เกตุมณี จาก แม่เบี้ย

          โดยเนรมิตฉากหลังของเรื่องราวดำเนินเรื่องในช่วงปีพ.ศ.2481- 2485 ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ท่านขุนพันธ์ยังคงเป็นนายร้อยฝึกหัด ก่อนที่เสนอตัวมุ่งหน้าสู่ดินแดนที่เต็มไปด้วยภยันตราย และไม่เคยมีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คนใดในประวัติศาสตร์ย่างกรายไปถึง ในภารกิจสยบมหาโจรซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นที่ยำเกรงและหวาดกลัวมากที่สุด และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวยิ่งใหญ่แห่งการไล่ล่าของคู่แค้นที่ต้อง สู้กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อาคมต่ออาคม ของนายตำรวจคงกระพันที่ฆ่าไม่ได้ และมหาโจรหนังเหนียวที่ตายไม่เป็น ในปรากฏการณ์แห่งภาพยนตร์ที่คนไทยทั้งประเทศจับตามอง "ขุนพันธ์" วีรบุรุษที่เกิดมาเพื่อเป็นตำนาน 14 กรกฎาคมนี้ มาร่วมพิสูจน์กันว่าแรงกระสุนปืนหรือจะหาญสู้แรงศรัทธา ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

FB on May 27, 2016, 09:29:59 AM
Movie Guide: ทำไมต้อง “ขุนพันธ์”



          คนดีมีอยู่จริงหรือ
          จากเรื่องราวของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" มือปราบผู้ใช้อาคมสยบเหล่าโจรชื่อดัง สู่ผลงานภาพยนตร์ "ขุนพันธ์" ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ โดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
          อนันดา เอเวอริงแฮม รับบท ขุนพันธ์
          กฤษดา สุโกศล แคลปป์ รับบท มหาโจรจอมขมังเวทย์ "อัลฮาวียะลู"
          ภาพยนตร์โดย ก้องเกียรติ โขมศิริ
          14 กรกฎาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on June 01, 2016, 09:27:18 AM
“ขุนพันธ์” วีรบุรุษมือปราบกำราบโจรคงกระพัน ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า ตาต่อตา อาคมต่ออาคม







          "หนวดเขี้ยว" อาจเป็นภาพจำที่ทุกคนนึกถึง "ท่านขุนพันธ์ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" ท่านคือวีรบุรุษมือปราบ คือนายตำรวจหนังเหนียวผู้มีจิตศรัทธาอันแรงกล้า ในการผดุงความยุติธรรม ไม่ก้มหัวให้คนเลวหน้าไหน เป็นตัวอย่างและต้นแบบของตำรวจดีๆ ที่เคยมีอยู่จริงในประเทศไทย นอกจากความดีอันเป็นที่ตั้งแล้ว การรับมือกับศัตรูที่คงกระพันหนังเหนียว ยิงแทงไม่เข้า ท่านก็มีวิชามีความสามารถพิเศษ เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อาคมต่ออาคม ที่เหล่าโจรร้ายเลื่องชื่อในประวัติศาสตร์ ยังต้องก้มหัว เมื่อเป็นภาพยนตร์ของวีรบุรุษมือปราบ 108 ปี ผู้เป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ ย่อมเป็นตัวจุดประกาย และสร้างแรงบันดาลใจให้คนอีกหลายล้านคนได้ตระหนัก และเห็นพ้องต้องกันที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อประกาศให้รู้ว่า "คนดี" ยังมีอยู่ และมีเยอะกว่า "คนเลว" ซึ่ง อนันดา เอเวอริงแฮม ซุปเปอร์สตาร์ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถ บทไหน แสดงเรื่องอะไร ยอมทุ่มสุดตัว ไม่ห่วงลุค ผู้รับบท "ขุนพันธ์" ก็ถือเป็นเกรียติอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ถ่ายทอดบางช่วงบางตอน ของเรื่องราวในชีวิตท่าน

          " ตัวขุนพันธ์เองท่านเป็นคนที่แลกทุกอย่างด้วยความดีครับ ท่านไม่ใช่คนธรรมดา เอาแค่จำนวนของโจรที่ท่านปราบนี่คือเป็นหลักร้อย คือท่านเป็นนายตำรวจ ที่อาจจะนับว่าสุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยก็ว่าได้ ถ้าให้คำจำกัดความ ท่านขุนพันธ์คือนักสู้ นักล่า แล้วก็นักต่อรองครับ อาวุธหลักของท่านก็จะมีปืนแล้วก็ดาบ ตัวท่านขุนพันธ์เองจะมีประโยคเด็ดของท่านเวลาไปจับโจร เป็นประโยคที่ผมชอบมากครับ ถ้าพวกมึงสัญญาเลิกเป็นโจรแล้วไปบวชซะ กูสัญญาว่าจะจับเป็นพวกมึง เป็นประโยคที่เท่มากของขุนพันธ์ครับ ชอบมาก คือมันก็ได้เห็นว่า ขุนพันธ์เอง ท่านก็เป็นคนที่เหี้ยม แต่ว่าก็แฟร์ ซึ่งอันนี้ก็มาจากประวัติศาสตร์จริงด้วย นอกจากนั้นก็จะมีความพิเศษอยู่ตรงที่ว่าท่านเป็นคนที่มีวิชาอาคม ยึดมั่นในความดี และนับถือความถูกต้อง ก็นับว่าเป็นเกียรติมากที่ได้มารับเล่น เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต โชคดีมากครับที่เขาเลือกผม ความประทับใจที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้มีเยอะมาก เพราะนับได้ว่าเป็นหนังสุดเกือบทุกทาง ตัวละครเราได้ทำในสิ่งที่ค่อนข้างพิเศษมาก แอ๊คชั่นที่ดุเดือด ที่สู้กันด้วยคาถาอาคม ซึ่งมันก็ให้อีกมิติหนึ่ง ซึ่งผมว่ามันไม่ค่อยได้เห็น ผมว่าสำหรับคนไทยมันจะเป็นฉากบู๊ที่พิเศษมาก การไล่ล่าระหว่าง 2 ตัวละครที่จะมีวิชาอาคมมีความสามารถเท่าเทียมกัน ฆ่าไม่ตายทั้งคู่ คือขุนพันธ์ ที่ต้องปราบอัลฮาวียะลูหัวหน้าโจรร้ายที่โหดเหี้ยม และยังไม่เคยมีใครสยบลงได้ซึ่งแสดงโดย พี่น้อย กฤษดา สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือต่างคนก็ทำด้วยเหตุผลที่ตนเองรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ว่าในโลกของ 2 คนมันอยู่ทั้งคู่ไม่ได้ สุดท้ายมันก็ต้องตายสักคนหนึ่ง มันต้องมีผู้แพ้ ซึ่งจุดนี้น่าสนใจมากอยากให้ได้ดูกันเพราะทุกคนยอมเหนื่อยและทุ่มสุดตัวมากๆ ในภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์ครับ"

          เตรียมพบกับบทบาทล่าสุดของ อนันดา ในการสวมชีวิตเป็น "ขุนพันธ์" สุดยอดโปรเจกต์ภาพยนตร์แอ๊คชั่นฟอร์มยักษ์สุดมันส์ ที่ว่ากันว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่เรียกศรัทธา และตอกย้ำหน้าที่ที่พึงมีของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ บนผืนแผ่นดินนี้อย่างไร 14 กรกฎาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on June 01, 2016, 09:34:59 AM
Movie Guide: ทีเซอร์ 2 “ขุนพันธ์”

ทีเซอร์ 2 ขุนพันธ์ (Official Teaser 2 )
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Rdhrf2fgkAA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Rdhrf2fgkAA</a>

ทำไมต้องเป็น "ขุนพันธ์"
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=SlJJIj3L11I" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=SlJJIj3L11I</a>

          เมื่อแผ่นดินไม่มีความสงบสุข ประชาชนต่างเกรงภัยจากเหล่าโจรร้าย จะมีผู้ใดหาญกล้าปราบเหล่าเสือร้ายนอกกฏหม­าย
          จากเรื่องราวของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" มือปราบผู้ใช้อาคมสยบเหล่าโจรชื่อดัง สู่ผลงานภาพยนตร์ "ขุนพันธ์" ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ โดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
          อนันดา เอเวอริงแฮม รับบท ขุนพันธ์
          กฤษดา สุโกศล แคลปป์ รับบท มหาโจรจอมขมังเวทย์ "อัลฮาวียะลู"
          ภาพยนตร์โดย ก้องเกียรติ โขมศิริ

          14 กรกฎาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

FB on June 02, 2016, 09:21:22 AM
เรายังเชื่อเรื่องความดีกันอยู่ไหม เรายังหลงเชื่อเรื่องฮีโร่กันอยู่หรือเปล่า? เราตั้งคำถามเกี่ยวกับความดีกับความเลวไว้เยอะ เรารู้สึกว่าเราอยากทำไอคอนคนๆ หนึ่งที่มีตัวตนจริงๆ และเป็นคนดี 14 ก.ค. “ขุนพันธ์” ตำนานมือปราบ 108 ปีจะกลับมามีชีวิต

สู่ภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซที่สุดในชีวิตของ ก้องเกียรติ โขมศิริ เพราะงานที่มันยากก็ต้องยิ่งอาศัยศรัทธาที่สูง เราคิดว่า....โปรเจกต์ "ขุนพันธ์" คือการพิสูจน์ศรัทธาของเรากับทีมงาน







Q. แรงบันดาลใจ และที่มาที่ไปทำให้เกิดเป็นโปรเจกต์ "ขุนพันธ์" ภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ที่กำลังอยู่ในความสนใจ และเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดอยู่ในขณะนี้
A. สวัสดีครับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ครับ ตอนนี้มีผลงานเรื่องล่าสุด "ขุนพันธ์" รับหน้าที่ผู้เขียนบท และผู้กำกับครับ สำหรับแรงบันดาลใจ คือตั้งแต่สมัยที่ยุคจตุคามเฟื่องฟู หรือด้วยชื่อเสียงของท่านขุนพันธ์ ทำให้ผมชอบ รู้สึกอยากทำเรื่องนี้ เหมือนว่าการเป็นฮีโร่ในแบบไทยแบบนี้มันเท่จังเลย ตอนนั้นภาพแรกที่เห็น เราเห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่ยักรั้ง ใส่เสื้อราชปะแตน สะพายดาบ ขี่ช้างถือปืนไล่ล่าโจรอะไรอย่างนี้ ภาพแรกที่ปรากฎขึ้นนะครับ จนวันหนึ่งเสี่ยเจียง คุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ก็เรียกเข้าไปบอกว่ามีโปรเจกต์ให้ดู แล้วก็พอพูดชื่อเรื่องขุนพันธ์ออกมา เราก็แบบ เฮ้ย เขาเลือกให้เราทำ ท่านเลือกให้เราทำมั้ง คือได้ยินว่ามีการผ่านมือหลายคนมากที่จะทำโปรเจกต์นี้ อาจจะถอดใจไปแล้ว แต่เสี่ยเลือกให้เราที่จะทำโปรเจกต์นี้ คือเรารู้สึกว่าเราอยากทำไอคอนคนๆหนึ่งที่มีตัวตนจริงๆและเป็นคนดี คือในยุคที่เราต้องพูดตรงๆว่าบ้านเมืองเราเจอสถานการณ์เยอะมาก โลกไปเร็วมากจนบางทีเราก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับความดีกับความเลวไว้เยอะ เราตั้งคำถามเกี่ยวกับศรัทธาในชีวิต เรายังเชื่อเรื่องความดีได้อยู่ไหม เรายังหลงเชื่อเรื่องฮีโร่อยู่หรือเปล่า ก็ได้สืบ อ่าน ค้นคว้าเรื่องราวของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดชอย่างจริงจัง ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก เป็นความสนุกแบบเดียวกับที่เราอ่านล่องไพร หลายเรื่องที่มันมีอยู่จริง การจับไอ้เสือ บุคคลคนนี้มีอยู่จริง ไม่ว่าบ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านเดือดร้อน เราเป็นตำรวจ เราต้องปราบปราม ด้วยเรื่องราว ในยุคที่ก่อนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเมืองแร้นแค้น ทุกข์ยากแสนเข็ญสุดๆ ข้าราชการพึ่งพาไม่ได้ โกงกินทุกอย่าง รอบทิศรอบทางมีแต่ศัตรู คนๆหนึ่งลุกขึ้นต่อสู้ เครื่องมือคือ ใจกับคาถาอาคม บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องโบราณคร่ำครึหรือเปล่า แต่สำหรับเราเรารู้สึกว่ามันเมจิกมากเลยนะ มันเป็นสิ่งที่ฝรั่งเก็ทนะ พออ่านเรื่องขุนพันธ์เสร็จ เราเรียกมันว่าเมจิคอลเรียลลิส บนความรู้สึกของหนังที่เราไม่ได้เห็นหนังรสชาดแบบนี้ เรื่องของฮีโร่คนหนึ่งที่ไปเจอกับผู้ร้ายคนหนึ่งซึ่งมีวิชาอาคมไม่แพ้กัน แล้วมันคือการที่คนที่ยิงไม่ตาย 2 คนต่อยกันนะ หนังเหนียว 2 คนอัดกัน มันเป็นเรื่องชิงไหวชิงพริบ หรือการที่ตัวละครตำรวจถูกท้าทายโดยโจรว่า มึงกับกูมันต่างกันแค่เสื้อผ้า หนังเรื่องนี้พยายามจะพูดในทัศนะเรื่องความดีความเลว หรือการเลือกศรัทธาด้านสว่างหรือด้านมืด เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าแรงบันดาลใจสำหรับเรื่องนี้ก็คือการสร้างไอคอนแห่งความดีที่จริงที่สุด โดยเรามีภาพที่เราใช้เป็นแรงบันดาลใจตั้งแต่เริ่มต้นเขียนบทเรื่องนี้ก็คือ เป็นภาพที่ขุนพันธ์นั่งลงแล้วก็ต่อเทียนจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นะครับ เหมือนอัศวินฝรั่งที่แบบว่ากษัตริย์กำลังเอาดาบแปะที่ไหล่แล้วก็บอกว่าจงรับภารกิจนี้นะ จงทำภารกิจของเจ้าต่อไป มันคือการต่อเทียน ขุนพันธ์ก็เหมือนเทียนเล่มหนึ่งที่ผมในฐานะคนทำงาน ผมรู้สึกว่าการทำหนังเรื่องนี้เหมือนว่าพวกเราก็เหมือนกันที่เรากำลังต่อเทียนเล่มนั้นต่อมา โดยมีหัวใจของเรื่องมันก็คือการไล่ล่ากันของคน 2 ฝั่งที่เรียกว่าเจ็บไม่ได้ตายไม่เป็นกันทั้งคู่ครับ

Q. เรียกได้ว่าทั้งยาก และเต็มไปด้วยความท้าทายของทีมงานในทุกๆ ฝ่ายตลอดจนนักแสดงจนถึงผู้กำกับ เป็นเหมือนโปรเจกต์ที่พิสูจน์สิ่งที่เรียกว่า "ศรัทธา" ของคนทำหนังเรื่องนี้ทุกคน
A. เราว่ามันพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างในตัวเราและก็ทีมงานเยอะมากคือ มันพิสูจน์ศรัทธา โปรเจกต์นี้มันใหญ่โตมโหฬาร และมันยาวนานมาก เขียนบทอีกเป็นปี ถ่ายทำ มีกระบวนการขั้นตอนที่กินเวลายาวนานมาก มันคือความท้าทาย เหมือนขุนพันธ์นะครับที่ท่านตะลุย ท่านบุกขนาดไหนในชีวิต กว่าจะปราบโจรสักคนหนึ่ง เราลงไปที่บ้านท่านแล้วก็ไปไหว้ท่าน ไปขอหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างว่า ดลบันดาลใจให้เราทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุด และไม่เลิกที่จะทำ ไม่ว่าจะเกิดอุปสรรคอะไรก็แล้วแต่ เราจะมีรูปขุนพันธ์อยู่ข้างโต๊ะทำงาน มีดาบแดงอันหนึ่ง เราก็จะหันไปมองตลอด ถ้ายังมีเวลาเราจะทำให้มันดีที่สุด ไม่มีนักแสดงหรือทีมงานคนไหนถอดใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้เลย อันนี้ก็น่าประหลาดเหมือนกันครับผม

Q. "ขุนพันธ์" คือใคร ภาพของนายตำรวจมือปราบคนนี้เป็นอย่างไร
A. ขุนพันธ์เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งทุกคนรู้จักกันในนามมือปราบหนวดเขี้ยว เขามีหลายฉายามากนะครับ มือปราบหนวดเขี้ยว นายพลหนังเหนียว มือปราบหนังเหนียว มือปราบดาบแดง เพราะว่าในชีวิตจะใช้ดาบอันหนึ่ง ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นดาบของพระยาพิชัย เป็นดาบสีแดงเวลาออกรบก็จะใช้ เวลาออกปราบโจรก็จะมีดาบไขว้หลังอยู่ตลอดเวลา ทางมาเลเซียตั้งฉายาไว้ให้ว่า ระยอจี แปลว่าผู้ที่มีลักษณะตัวเล็กแต่ว่ามีอิทธิฤทธิ์ เล็กพริกขี้หนู ท่านเป็นชาวใต้จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านจบการศึกษานักเรียนนายร้อยตำรวจ ท่านเป็นลูกศิษย์เขาอ้อนะครับ ถ้าเราค้นคว้าเราจะรู้ว่า เป็นสำนักตักศิลา ที่เรียกว่าวัดเขาอ้อ เป็นสำนักที่ฝึกสิ่งที่เป็นไสยศาสตร์ วิชาอาคม การสัก เหมือนเส้าหลินนะครับที่นอกจากเป็นวัดแล้วยังมีการฝึกเรื่องว่าน เป็นเหมือนมหาวิทยาลัยที่สอนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขุนพันธ์เป็นลูกศิษย์ของที่นี่ แล้วก็มีวิชาอาคมเก่งกล้ามาก

Q. ในด้านชื่อเสียง และได้รับการยอมรับนั่นคือการเป็นนายตำรวจคนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ปราบเสือดังๆ ที่ยังไม่เคยมีใครปราบได้มาก่อนเพราะมีของดีวิชาดี
A .ท่านปราบเสือดังๆในประเทศทั้งนั้น เสือไบ เสือมเหศวร เสือดำอะไรอย่างนี้ มีการยืนยันจากการที่เขาขนานนามว่าเป็นตำรวจที่โจรทั้งกลัวทั้งนับถือ คือได้ยินว่าเมื่อไหร่ขุนพันธ์ย้ายมาปราบประจำที่ไหน โจรที่นั่นจะหยุดนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว ไม่ก่อการกันพักใหญ่ๆ อะไรอย่างนี้เลย แล้วก็เลือกที่จะเป็นตำรวจสายทำงานมากกว่าสายนั่งโต๊ะ เลือกที่จะใช้ความดี ความอดทนมากกว่าการใช้เส้นสายในการทำงานนะครับ เพราะว่าถ้าตามประวัติจริงๆ แล้ว ความดีความชอบของสิ่งที่ขุนพันธ์ทำที่ออกไปปราบโจรหลายๆ ครั้ง บางครั้งก็มีตำรวจหรือข้าราชการด้วยกันก็อิจฉา ไม่ชอบหน้า แล้วก็มีการเขียนใบสนเท่ห์ร้องเรียนว่าทำเกินกว่าเหตุ โหดร้าย มีวิชาอาคม เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ท่านเลือกที่จะเป็นตำรวจเล็กๆ คนหนึ่งที่ยังคงออกทำงานตลอดเวลา ปราบกับโจรแบบมึงฟันมากูฟันไป มึงหายตัวได้กูก็หายตัวได้ มึงเหนียวกูก็เหนียว นี่มันเป็นเรื่องของแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พอเราศึกษาพวกรายละเอียดข้อมูลต่างๆ เยอะ ถ้าคนที่มีจิตที่ดีจิตที่สะอาดจริงๆ มันก็เหมือนวิชาอาคม ยิ่งเสริมให้มันแกร่ง เหมือนพระเกจิดังๆ ที่เก่งๆ จิตดีสมาธิดี เขาก็จะมีญาณบางอย่างที่วิเศษกว่าคนปกติทั่วไป มันเป็นหลักธรรมชาตินะ เพราะฉะนั้นขุนพันธ์น่าจะเป็นคนจิตดี จึงฝึกวิชาพวกนี้เพื่อเอาไว้ใช้ปราบปราม ปกป้อง วิชาอาคมพวกนี้มันมี 2 มุม
          ในสมัยก่อนที่เล่าเรื่องเขาอ้อ คือสอนไปแล้วนี่ ใครจะไปเป็นโจรใครจะไปเป็นตำรวจ ไม่รู้ล่ะ แต่มีวิชาอาคมติดตัวกันไปหมด อยู่ที่ฝึกดีไม่ดีอะไรอย่างนี้ก็ว่ากันไป ขุนพันธ์ก็เหมือนกันก็ต้องใช้สิ่งที่โจรมี ตำรวจมีปืนโจรก็มีปืนสมัยก่อน โจรมีคาถาอาคม ยิงไม่เข้า ตำรวจคนอื่นกลัว แต่ขุนพันธ์เหนียวพออะไรอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของการบลัฟกันด้วย เหมือนคิดว่าตัวเองเหนียวก็เลยเหิมเกริม พอตำรวจคนนี้มาเหนียวเหมือนกันนี่หว่า ในสายคนที่เขาเล่นของพวกนี้เขารู้กันอยู่ว่านี่ของจริง แต่ก็คือเราต้องบอกก่อนว่าเราศรัทธาในฐานะท่านเป็นมนุษย์ที่มีอยู่จริง ในภาพยนตร์มีบทที่ขุนพันธ์พูดว่า ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันถูกหรือผิด แต่ผมแค่รู้ว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง สิ่งที่ขุนพันธ์เคยทำมาตลอดทั้งชีวิต คือการทำอะไรสักอย่าง การลงมือทำสิ่งที่ดีสิ่งที่เชื่ออยู่แล้วตั้งแต่แรก แค่อย่าแกว่งแค่นั้นเอง

Q."ขุนพันธ์" ในฉบับภาพยนตร์ผ่านการเขียนบท และกำกับภาพยนตร์ โดยก้องเกียรติ โขมศิริ จะออกมาเป็นอย่างไร
A. มันเป็นโปรเจกต์ที่เราภูมิใจนำเสนอ เราทำสิ่งที่ยากเกือบทุกสิ่งเลย มันถึงกินเวลามาหลายปีมาก สิ่งที่หนังไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฉาก เรื่องของเอฟเฟกต์ เรื่องของการดีไซน์คิวแอคชั่น บทมัน แก่นหลักของเรื่องเมจิคอลเรียลลิสเนี่ยแหละ เราต้องอาศัยการทำงานที่ประชุมแล้วประชุมอีก และบางทีเราถ่ายได้น้อยมาก ฉากแอคชั่นมันยากอยู่แล้ว เราต้องแข่งกับหลายๆอย่างแล้วโชคดีมากที่เราได้ทีมนักแสดง ทีมงาน ฝ่าฟันกันผมว่าโปรเจกต์นี้มันเหมือนหน่วยทหารที่พอเสร็จแล้วก็คงรักกันไปอีกนาน ถ่าย 24 ชั่วโมง พี่น้อยกับอนันดาเนี่ย ต่อยกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าวันนี้จนไปถึง 6 โมงเช้าอีกวันหนึ่ง แอคชั่นทั้งวัน 2 คน ก็ลุยกัน นับถือสปิริตมาก เรามีดีไซน์ที่ฉูดฉาด เรามีประเด็นในสไตล์ของหนังแบบโขมที่รุนแรงพอที่จะกระทบความรู้สึกคนในทุกๆ ด้านนะครับ ผมว่ามันก็น่าจะเป็นเวอร์ชั่นเข้มข้น แล้วก็น่าจะเป็นหนังที่เราอาจจะเคยเจอกับความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่สมัย 2499 หนังก็ยังมีกลิ่นอายแบบนั้นอยู่ เราอยากให้ความรู้สึกของหนังไทยแบบนั้นน่ะ ทำการบ้านกันสูงมากสำหรับเรื่องนี้ครับ

Q. ขีดระดับความท้าทายในการทำโปรเจกต์มหากาพย์ขนาดนี้
A. มันเป็นโปรเจกต์ที่ใหญ่แล้วก็ตัวบุคคลที่เลือกทำเป็นบุคคลจริงมีตัวตนจริง มีประวัติศาสตร์รองรับมีหลักฐานยืนยันเราก็เลือกการถ่วงดุลระหว่างความจริงแค่ไหน กับความเป็นภาพยนตร์ แน่นอนละ เราไม่ได้ทำสารคดี มันคงไม่ใช่เรื่องราวตรงไปซะ 100% ทั้งหมด เพียงแต่ว่าใดๆ เรารักษาหัวใจของความเป็นขุนพันธ์ไว้ได้ให้ได้เยอะที่สุด เรื่องแอคชั่นกับเมจิค การผสมกัน แล้วมันมีดราม่าเข้าไปอยู่ในนี้ด้วย การรักษาบาลานซ์สมดุลของสิ่งเหล่านี้มันเป็นงานที่ท้าทายนะครับ มันต้องยกย้อนกลับไป คือธีมของเรื่องเลยก็คือศรัทธานะครับ งานที่มันยากก็ต้องยิ่งอาศัยศรัทธาที่สูง ทีมงานเองก็ใช้วิธีนี้กับชีวิตเหมือนกัน เราเรียนรู้จากหนังตัวเองเหมือนกันว่า เฮ้ย อย่าหยุด อย่าหยุดศรัทธาลงมือทำอะไรสักอย่าง โดยคาแรคเตอร์หลักๆ เรายังจับหัวใจความเป็นขุนพันธ์อยู่ในเรื่องนี้แต่ว่าเนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์ ในฐานะคนที่เลือกที่จะทำ เป็นเมจิคอลเรียลลิสซึ่ม สัจนิยมมหัศจรรย์ถ้ามาแปลตามภาษาแล้วเนี่ย เราจะต้องขยายความหรือว่าเพิ่มบางอย่างที่เป็นเรื่องของภาพยนตร์ลงไป แต่ทั้งหมดในนั้นน่ะ เราไม่ได้หักข้อมูลเก่าทิ้ง ไม่ได้โกหก ข้อมูล เรื่อง คาแรคเตอร์ หนวดเขี้ยว การไปปราบโจรที่นู่นที่นี่ หรือแม้กระทั่งเวิร์ดดิ้งที่ท่านขุนพันธ์พูด โจรจะพูดกันหมดเสมอว่าก่อนแกจะปราบแกจะพูดว่า เฮ้ย ถ้ามึงบวชแล้วเลิกเป็นโจรซะ กูจะจับเป็นมึง แต่ถ้ามึงไม่บวช กูก็ยิงกัน เราก็จับหัวใจ สิ่งนี้ยังมีอยู่แบบนักเลง คนที่เป็นนักเลงแบบนี้ยังมีอยู่ ยังอยู่ในเรื่องทั้งหมด นี่ไม่ใช่หนังอัตชีวประวัติ อันนี้เป็นหนังที่ถูกสร้างเพื่อความบันเทิง โดยได้ตัวละครขุนพันธ์เป็นต้นแบบ ให้เป็นไอคอนมากกว่าเป็นแค่หนังสือประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่ง

Q.เรื่องราวของขุนพันธ์ในภาพยนตร์
A. เนื่องจากเรื่องราวของท่านขุนพันธ์มีหลายสเต็ปมีหลายภาคมาก แต่เราเลือกที่จะทำภาคแรกที่เหตุการณ์ซึ่งเป็นภารกิจแรกในชีวิตคือการปราบปรามโจรใต้ ตั้งแต่เป็นนายร้อยจบมาใหม่ๆ แล้วก็ได้รับภารกิจ เสนอตัวที่ไม่มีใครทำเลยก็คือการปราบโจรร้ายที่โด่งดังที่สุดที่ชื่อว่า อัลฮาวียะลู ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นผีแห่งหุบเขาบูโด คือเป็นโจรที่มีวิชาอาคมมาก ฆ่าคน ด้วยกริชอันหนึ่ง โหดร้าย ได้ยินว่าพอชาวบ้านคนไหนไม่ร่วมด้วยก็จะเอากริชผ่าปากคนพวกนั้น ชื่อเสียงโด่งดังมาก จึงไม่มีตำรวจคนไหนอาสา และนอกนั้นก็ยังมีสมุนเก่งๆ อย่างพวก เสือกลับ คำทอง หรือเสือสัง ซึ่งเล่นโดยเดี่ยว ชูพงษ์นะครับ ก็มีเหล่าลูกสมุนอีกหลายคนซึ่งเป็นมือซ้ายขวา จนขุนพันธ์ได้รับภารกิจให้ปลอมตัวเข้าไปจัดการกับโจรคนนี้ ในดินแดนที่โจรคนนี้ปกครองอยู่ทั้งหมด แล้วคนทั้งภูเขาแห่งนั้นถูกเรียกว่าเป็นโจรชาวบ้านชาวช่องเป็นโจรหมด คราวนี้มันก็เกิดกระบวนการว่า ตำรวจอย่างขุนพันธ์จะต้องเรียนรู้ว่า การปราบอัลฮาวียะลู การปราบโจรหุบเขาแห่งนี้ รวมทั้งทำไมคนทั้งหมดถึงลุกขึ้นมาเป็นโจร ทำไม ผู้ร้ายตัวจริงมันคืออะไรกันแน่ หรือขุนพันธ์แทนที่จะไปไล่ล่าเขา กลับถูกไล่ล่าเสียเอง มันก็คือการเผชิญหน้ากันของยอดฝีมือ 2 ทาง ขุนพันธ์เจอจอมโจรที่เก่งทั้งวิชาอาคมทั้งบู๊ไม่แพ้ตัวเอง เพราะอัลฮาวียะลูนี่โดนขุนพันธ์เอาปืนยิงใส่หน้าระยะเมตรหนึ่ง ยิงๆๆ เสร็จ อมลูกกระสุนไว้ในปากหมดเลย ทำอะไรไม่ได้ ก็เสร็จแล้วพอเข้าไปแฝงตัวอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ขุนพันธ์ก็ได้เรียนรู้ว่าจริงๆ แล้วมันก็เต็มไปด้วยนักการเมืองท้องถิ่นที่เลวๆ ทั้งถือรัฐเอาเปรียบประชาชนเสมออะไรอย่างนี้
Q. สิ่งที่สำคัญและน่าสนใจคือการคัดเลือกนักแสดงที่จะมาสวมชีวิต และจิตวิญญาณถ่ายทอดคาแรคเตอร์ต่างๆในภาพยนตร์ให้โลดแล่นอย่างสมจริง
A. อย่างขุนพันธ์นะครับ ก็ได้อนันดามาเล่น ซึ่งอย่างที่บอกเราต้องการไอคอน เราต้องการคนที่มีลักษณะของการถูกจำได้ เป็นต้นแบบ การแสดงที่ดี ดราม่าที่ดี ก็ลองติดกับหนวดเขี้ยวเข้าไปวันแรกที่เราทำงานกัน เรารู้สึกว่า เฮ้ย มันใช่เลย พอติดหนวดเขี้ยวเข้าไป หน้านี้ถูกต้องเลย มันมีความแข็งบางอย่างอยู่ ความสู้คน เอาจริงเอาจัง นี่คือสิ่งที่ท่านขุนพันธ์มีดูแววตา เขาบอกนายพลตาเสือ ถามว่าตาอนันดาเป็นตาเสือไหม ก็เป็นตาเสือ เมื่อติดหนวดเขี้ยวเข้าไปเรารู้สึกถึงความดุที่อยู่ในตัวคน แล้วอนันดาเองเป็นนักแสดงมืออาชีพเขาเต็มร้อย เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มันก็ไม่ได้แอคชั่นธรรมดา จ่อยไม่เคยหยุดการขี่ม้า พยายามจะขอขี่ม้าตลอดเวลา ตกม้าไปรอบหนึ่ง สปิริตรุนแรงทั้งคู่ครับ เหมือนหนัง 2 คาแรคเตอร์ นอกจากในเรื่องที่มันจะพูดว่าการฉะกันในแง่ของแอคชั่น และไสยศาสตร์แล้ว การเจอกันในแง่ของการแสดง เหมือนโรเบิร์ต เดอนีโร เจอกับอัล ปาชิโนในหนังเรื่อง HEAT อะไรอย่างนี้ เราก็ตั้งใจว่าการเผชิญหน้าระหว่างขุนพันธ์ กับอัลฮาวียะลู มันก็คือการเผชิญหน้าของตัวแทนของ 2 ฝั่งซึ่งมันไม่ได้มีมิติเดียวนะครับ ขุนพันธ์ก็มีแผล อัลฮาวีก็มีแผล คน 2 คนใส่เสื้อคนละแบบกัน แต่ว่ามันต้องถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความดีด้วยกัน ความดีความเลวด้วยกันทั้งคู่ว่าอะไรกันแน่ที่ถูกนะครับ
« Last Edit: June 02, 2016, 09:23:05 AM by FB »

FB on June 02, 2016, 09:21:48 AM
Q. พูดถึงการเชือดเฉือนบทบาท แอ็คชั่น และการแสดงอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนของ 2 ซูเปอร์สตาร์ชายอย่าง อนันดากับ น้อย กฤษดา
A. คือตัวละคร 2 ตัวนี้ถูกดีไซน์ให้เป็นคู่เหมือนที่แตกต่าง ตัวอนันดากับพี่น้อย แน่นอนคือพาวเวอร์ของนักแสดงทั้งคู่มีการปล่อยพลังใส่กันแน่ๆ อยู่แล้ว การดีไซน์ภาพลักษณ์เราอยากให้พี่น้อยเท่ แต่เปลี่ยนแบบ ปกติตัวจริงๆพี่น้อยจะเป็นคนคูลๆ สุภาพ เพราะฉะนั้นเราจะใส่วิญญาณของปีศาจร้ายลงไปในเขาได้ยังไง เราเชื่อว่าเขาพร้อมที่จะเป็นอะไรก็ได้นะ อินเนอร์ของพี่น้อยเขามากมายอยู่แล้ว เราเริ่มจากการใส่ฟอร์มลงไป ใส่เสื้อผ้า หน้าผม เครา เราไม่เคยเห็นพี่น้อยในลุคนี้เลย หรืออนันดาที่อยู่ในลุคหนวดเขี้ยว ซึ่งมันเข้มเหลือเกิน ผมเชื่อว่าพระเอกก็เจ๋ง ผู้ร้ายก็เจ๋ง แน่นอนมันก็จะทำให้เป็นคู่ที่ผมเชื่อว่ายิ่งใหญ่ แสดงว่าเป็นมวยถูกคู่ เป็นมวยที่ทุกคนรอดูว่า เมื่อ 2 คนปะทะกันในแง่ของทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเป็นเคมีที่ดีที่คนดูได้ดู 2 นักแสดง สปิริตดีๆ เล่นด้วยกันนะครับ

Q. นอกจากนั้นยังมีเหล่านักแสดงหลักๆอีกอย่างน้อย 5 ชีวิตที่พร้อมใจกัน มาร่วมถ่ายทอดการแสดงได้อย่างเกินร้อย
A. ใช่ครับ อย่างการดีไซน์คาแรคเตอร์ตัว หลวงโอฬาร คุณแฟรงค์ (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) ก็จะเป็นตัวแทนของระบบข้าราชการที่ อาศัยความที่รู้มากกว่าเอาเปรียบคน การกะล่อนปลิ้นปล้อนตอแหล การฉ้อราษฎร์บังหลวง การสร้างภาพ ว่าเรื่องราวมันเกิดขึ้นพยายามจะบอกว่า เราต้องใส่หมวก เราจงแต่งตัวแบบนี้ เพราะเราจะเป็นอารยประเทศ เราจะเป็นประเทศที่ฝรั่งเห็นแล้วชื่นชม แต่จริงๆแล้ว เราไม่ได้ทำสิ่งนั้นอยู่ มันเป็นคนมีความรู้แหละ ต้องจบนอกสมัยก่อน แต่ทำไมถึงถูกมาอยู่ในที่แบบนี้ แสดงว่ามันอาจไม่ได้เป็นคนดีหรอกนะ เราจะดีไซน์ยังไงให้ดูแบบ รวย เจ้าเล่ห์ สุภาพ แสนดี เห็นจังหวะที่จะเอาเปรียบคนได้ตลอดเวลา คือแฟรงค์ทำงานกับเรามาหลายเรื่องละ หลายคนถ้าเคยเข้าฉากกับแฟรงค์จะรู้ว่า ถ้านักแสดงคนนั้นไม่มีสมาธิพออาจจะโดนจู่โจมจากการแสดงของแฟรงค์ เขาสามารถสร้างคาแรคเตอร์ที่เขารับบทบาทได้ เกลียดเราก็จะเกลียดมันจนแบบว่า หรือไอ้นี่น่าหมั่นไส้ อาจจะเพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันด้วย เรารู้ แฟรงค์มุมนี้ดีกว่าลองเล่นแบบนี้ดู นักแสดงทุกคนเหมือนกันหมด เป็นหนังที่ผมตอบคำถามนักแสดงเยอะมาก เพราะนักแสดงช่างถามมาก โห เขาทำการบ้านกันละเอียดมาก พี่น้อยนี่ในวันฟิตติ้งเขาบอกกับผมว่าตัวละครตัวนี้มันทุกข์ว่ะ เหมือนมันแบกของหนักอยู่ตลอดเวลา เข่ามันไม่ดี หลังมันเหมือนคนพิการ พี่น้อยตีความบอกว่าเราว่ามันเหมือนคนพิการ พิการจากในจิต แล้วมันออกมาด้วยรูปทรงการข้างนอก การเดินการเหินมันเหมือนคนที่เก็บอะไรเอาไว้ตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งอนันดาที่ในความดุ ก็มีเมตตา คือคนที่พูดกับโจรว่ามึงไปบวชซะ แล้วกูก็จะจับเป็นมึง แล้ว 3 วินาทีหลังจากนั้น ถ้าโจรไม่ไปบวชหรือไปคุยดีๆ กัน ตาเปลี่ยนเป็นเสืออีกคนหนึ่งที่พร้อมจะจับกูหรือยิงสวนกูทันทีนี่วินาทีแบบนี้ มันก็เป็นการประชันกันของนักแสดงมากบทบาทหลายคนนะครับ เราได้อย่างนางเอกของเรื่อง น้องอ้อม (กานต์พิสชา เกตุมณี)นะครับ ตอนนี้มีสาวๆ 2 คน กับน้องกบ (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) จริงๆอ้อมก็เป็นลูกศิษย์หม่อมน้อยนะครับได้เล่นในแม่เบี้ยมา ผ่านประสบการณ์หลายสิ่งหลายอย่างมาแหละ คือชุมชนเขาบูโดทั้งหมดที่บอกว่าเป็นโจร ทุกคนมีเหตุผลในการลุกขึ้นมาเป็นโจร และเหตุผลของทุกคนน่าฟังทั้งนั้น ทำไมตัวบุหงา (กบ พิมลรัตน์) ผู้หญิงแสนสวยที่ซ่อนตัวเองเอาไว้ในร่างของความเป็นชาย หรือว่าความเป็นแม่เสือสาวเขาต้องเอาความเป็นโจรนี่มาปิดบังตัวเขาไว้ หรือตัวมาลัย (อ้อม กานต์พิสชา) เอง ซึ่งเหมือนกับดอกไม้ที่มันสวยงามในถิ่นนี้ ดอกไม้ป่าซึ่งเธอเป็นนักร้อง แต่ชีวิตจริงๆ เธอเป็นอะไร เธอเป็นนกต่อ เธอเป็นเครื่องมือฆ่าคน เธอเป็นดอกไม้ซึ่งเธอมีพิษ หรือแม้กระทั่งตัว ไข่โถ (สน สนธยา ชิดมณี) เป็นตัวแทนของประชาชนที่บอกว่า ทำไมเราจะไม่เป็นโจรละเป็นหนี้ขนาดนี้ เราไปไหนไม่ได้ บทอันนึงที่ตัวละครไข่โถพูดว่า เมื่อก่อนเราหิวเราก็ลงทะเลหาปลา เดี๋ยวนี้เราหิวเราก็ต้องไปกู้เงินมัน นี่ก็เป็นเหตุผลที่แต่ละตัวละครมันก็มีมิติที่สะท้อนเหตุผล คือการตั้งคำถามว่า แล้วโจรเกิดขึ้นด้วยอะไร ตัวละครพวกนี้มันก็จะถูกดีไซน์มาเพื่อรองรับประเด็นเหล่านี้ไว้ครับ
สำหรับทั้ง 3 คนนะครับ ทั้งสน,น้องกบ,น้องอ้อม ต้องแบบว่าเป็นเกียรติมากที่ได้ทำงานกันมาเสมอ กับสนนี่เราไม่รู้ เราว่ามันเป็นซิกเนเจอร์ดี คืออาจจะเพราะว่าเรื่องที่มันเป็นบริบทที่ภาคใต้ด้วยแหละ เราชอบดูสนสำหรับบทดราม่าหรือบทที่ว่าเขาต้องเข้ามารองรับความกดดันหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างนี่เราว่าสนทำได้ดี แล้วเขาก็เป็นคนใต้จริงๆ ด้วย เขาอินกับขุนพันธ์จริงๆ ด้วยอะไรอย่างนี้โดยเลือดแล้วนี่ อ้อมเป็นเรื่องแรกแต่เราก็บอกว่า อ้อม พี่ไม่สามารถประนีประนอมได้ ถ้าอ้อมถูกล้อมไว้ด้วยคนเหล่านี้ ถ้าอ้อมเบาหรือดรอป ตัวน้องก็รู้เขาพยายามแล้วก็ทุ่มเทมากๆ ที่จะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นปัญหา อ้อมก็ตามได้ทันนะครับ ส่วนกบผ่านงานมาเยอะ เล่นหนังมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็จะเหมือนกับนักแสดงมืออาชีพทุกคน ก็คือกบหาความหมายในการกระทำทุกอย่าง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุและผล คือเราทำงานกันเหมือนแบบนั่งคุยกันเหมือนว่าเราจะสร้างตัวละครนี้ด้วยกัน กบก็จะถาม เฮ้ยมันดูดบุหรี่ไหม แบคกราวน์คืออะไร ตัวละครนี้เป็นยังไง ทำไมมันจะต้องแต่งตัวแบบนี้ มันสูบบุหรี่ไหม มันมีไฟแช็ค มันชอบเล่นอะไรเกี่ยวกับไฟแช๊คไหม การดีไซน์คาแรคเตอร์ซึ่งสนุกมากเวลาทำงานครับ
มาจนถึงเดี่ยวคือในบ้านเราผมว่า นักแสดงสายแอคชั่น เรามีกันไม่กี่คน เรามีจาพนม เรามีพี่พันนา แล้วก็มีเดี่ยว-ชูพงษ์ เมื่อก่อนเราจะเห็นเป็นพระเอกแอคชั่นเล่นเป็นคนดี เรารู้สึกว่า เฮ้ย จริงๆ แล้วตัวร้ายซึ่งแบบ เก่งสุดๆ เลย บู๊เก่งสุดๆ เลย แล้วมึงร้ายแบบน่ากลัว เรารู้สึกว่าเดี่ยวมันมีมุมแบบนี้ แล้วมันจะทำได้ดี เราก็ไปบอกเดี่ยว ลองเล่นแบบนี้ดูไหม ก็ดีไซน์เต็มเหนี่ยวเลย มันมีลักษณะเหมือนเผ่าของสัตว์ป่าบางอย่างอยู่ ในเรื่อง ชื่อว่าเสือสัง มีอาคมเป็นพวกลิงลม เป็นพวกเคลื่อนไหวเร็วเรียกว่าเป็นคู่ปรับสำคัญ ไฮไลต์เลยของเดี่ยวก็คือการเผชิญหน้ากับขุนพันธ์ แล้วก็สู้กันด้วยคารัมบิต ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวของเขา กับขุนพันธ์ใช้มีด ดวลกันแบบบนรถไฟอะไรอย่างนี้ ถือว่าเป็นซีนที่ยากอยู่ครับ

Q. ภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์มีวิชวลทางด้านภาพที่ค่อนข้างแตกต่างจากภาพยนตร์แอ็คชั่น หรือพีเรียดทั่วๆไปที่ผ่านมา ในการทำงานมีฉากไหนที่ยิ่งใหญ่ ท้าทาย หวือหวา แปลกใหม่ ที่อยากพูดถึง
A. โปรเจกต์นี้มันเต็มไปด้วยฉากใหญ่ๆ หลายฉากมาก มันถูกดีไซน์มาตั้งแต่ตัวหนังสือ จริงๆ 4 ฉากที่เราจดจำมันนะครับ ที่เรากว่าจะผ่านมันไปได้มันยากเหลือเกิน มันคือ ฉากแรกในเรื่องเลย เป็นฉากที่เมื่อขุนพันธ์ออกเริ่มปฏิบัติการแล้วถูกเสือกลับ คำทอง 1 ในสมุนของอัลฮาวี ล้อมเอาไว้ ก็คือที่ผ่านมาเราเคยแต่เห็นตำรวจล้อมโจร แต่นี่โจรล้อมตำรวจอยู่ในตรอกแห่งหนึ่ง แล้วก็เกิดการถูกปิดล้อมแล้วก็สู้กัน การเซตฉากขึ้นมาแล้วก็ระเบิดระเบ้อกัน บู๊กันในนั้น อีกอันก็คือ ฉากการสู้กันบนรถไฟ ที่มีการขี่ม้าไล่ล่ากันตั้งแต่ข้างล่างขึ้นไปบนรถไฟ เอาม้าเทียบรถไฟ ปีนขึ้นรถไฟ ขึ้นไปอัดกันใน ก็ต้องเซตรถไฟกันขึ้นมาแล้วก็ทำงานร่วมกับกราฟฟิคในหลายๆ ส่วน อันนี้ก็ยาก เพราะว่าทุกอย่างมันเคลื่อนไหวหมด ทั้งม้าทั้งสตั้นท์ทั้งคิวรถไฟวิ่ง พวกนี้มันผิดคิวนิดเดียวมันก็ทั้งอันตรายและอาจไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากได้ ถ่ายกันหลายวันครับ 3. ซีนตัวอัลฮาวียะลูล้อมฆ่าตำรวจที่ถูกส่งมาทางใต้ ก็เป็นการปิดป่าแล้วก็ยิงกันนะครับ และฉากไฮไลต์ของเรื่อง ก็คือการถล่มกันเขาเรียกว่าเป็นบ่อนงาช้าง ซึ่งมันเหมือนคลับเฮาส์ของหลวงโอฬารนะครับ แล้วก็เกิดการถล่มกันในนั้น อันนี้ก็เรียกว่าอนันดาจมฝุ่น ทั้งพี่น้อย 24 ชม. ระเบิดกันทั้งวัน เหมือนอยู่ในสงครามจริงๆ อะไรอย่างนี้ ทั้ง 4 ฉาก จริงๆ แล้วฉากที่เหลือมันก็ไม่ได้ง่ายไปกว่านี้ มันก็เต็มไปด้วยความยากต่างกันไป

Q. จากสัญญาลูกผู้ชายระหว่างผกก. กับนักแสดงนำไปสู่ความบ้าพลัง ในการถ่ายทำฉากแอ็คชั่นแห่งปรากฎการณ์ของอนันดา ที่ต้องบู๊กับสตันท์มากกว่า 20 คนในแบบ One long Take
A. เราคุยกันตั้งแต่เริ่มต้นเลยว่าอนันดา เนื่องจากยูไม่ใช่จา-พนม เพราะฉะนั้นยูจะไปแอคชั่นสู้เขาไม่ได้หรอก สมมติว่ามันมี one take จะพูดว่ามี One Take เลย แล้วปล่อยให้คุณโชว์คิวบู๊ยาวๆ ลุยกับคน 20-30 คน ด้วยมีดเล่มหนึ่งได้ แล้วคุณทำให้คนดูเห็นว่าเป็นคุณจริงๆ เล่น มันจะเจ๋งแค่ไหน โชคดีที่อนันดามันก็บ้าจี้เอาด้วย ก็ซ้อมคิว เหนื่อยนะเรียกว่าพอถ่ายอันนี้เสร็จอนันดาลงไปนอนแผ่กับพื้นหมดแรง คือทีมงานต้องมีถังออกซิเจนไว้ข้างๆ พอถ่ายเสร็จปุ๊บออกซิเจนเข้าทันที ซึ่งมันก็ได้ภาพที่ถูกใจออกมาครับ แล้วคือวันนั้นมัน 9 เทคทั้งหมด แล้วก็มันเป็นสปิริตสัญญาของลูกผู้ชายว่ามันจะเอาให้ได้ ผ่านไป 4-5 เทค เราเห็นแบบอัดออกซิเจนก็แล้ว มันก็เหนื่อยจนแบบ เราก็เลยพอไหม แต่มันก็แบบว่ามานั่งดูเทปด้วยกัน แล้วเช็คฟุตเทจด้วยกัน อนันดาเป็นคนบอกเองว่าขออีก จนกว่ามันจะดีที่สุด
เราเชื่อว่าสำหรับอนันดาอันนี้น่าจะเป็นหนังแอคชั่นที่สุด ที่อนันดาเคยเล่นมาละในชีวิต ปกติแล้วเราจะรู้จักอนันดาจากความหล่อ แต่อันนี้เขาขายการแสดงขายแอคชั่นที่เต็มเหนี่ยวขึ้น เราจะได้เห็นการแอคชั่นแทบจะทุกรูปแบบของอนันดาบนรถไฟ การแอคชั่นกลางสายฝน หรือการสู้ด้วยมีด ดาบ ปืน อาคม เมื่อไหร่ที่คนดูเห็นอนันดากับพี่น้อยประชันบทบาทกันนะ เราเชื่อว่าคนดูจะจับได้ถึงเคมีของคน 2 คนซึ่งมอบการแสดงที่ดีมากๆ ไว้

Q. เป็นการกลับมาร่วมกันครั้งที่ 2 กับน้อย-กฤษดา อยากพูดอะไรถึงนักแสดงที่พร้อมทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างให้คนดูบ้าง
A. สำหรับพี่น้อยเรายกย่องแล้วก็ขอบคุณพี่เสมอมา ว่าพี่ให้การแสดงที่ดีที่สุดสำหรับคนดู พี่ทุ่มเทอินเนอร์ของพี่ทุกอย่าง การเปิดตัวคาแรคเตอร์ตัวนี้ ที่พี่น้อยกำลังนั่งให้พระองค์หนึ่งสักอยู่ แล้วก็ของขึ้น ผมจำได้ว่าพี่เคยมาถามผมว่าของขึ้นคืออะไร เขาเป็นฝรั่งนะ ก็อธิบายให้เขาฟัง ในสปิริตนักแสดงของเขา เขาก็ถ่ายทอดออกมาได้ ความบ้าคลั่งของตัวละครอัลฮาวียะลู ได้อย่างน่ากลัวที่สุดก็คือ อัลฮาวียะลูชื่อนี้มันมีความหมายนะ มันแปลว่าหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง เหมือนหุบเหวที่ไร้จุดที่สิ้นสุด มันลึกมาก เป็นตัวละครที่กดดันแล้วก็นักแสดงคนไหนที่รับบทลักษณะนี่มันมืด มันเหนื่อย เพราะว่ามันแบกชะตากรรมที่หนักมากของตัวละครเอาไว้ ซึ่งพี่น้อยทำได้ดีทั้งหมด แม้กระทั่งการเผชิญหน้ากันกับตำรวจ กับขุนพันธ์ซึ่งทุกๆ ไดอะล็อกมันมีการปะทะการเชือดเฉือนกันอยู่ตลอดเวลา แทบทั้งเรื่องที่ตัวละคร 2 คนนี้ที่ต้องปะทะกัน

Q. ในทุกๆ ดราม่าล้วนมีแอ็คชั่น และในทุกๆ แอ็คชั่นก็มีความลุ่มลึกในมิติความรู้สึกของตัวละคร ที่ว่ากันว่าเป็นลายเซนต์ของผู้กำกับมือเขียนบทอย่างก้องเกียรติ โขมศิริ
A. คือเราพยายามให้ตัวละครทุกตัวละครมันมีมิติ ไม่ได้เป็นตัวละครชั้นเดียว มีเหตุมีผลมีที่มาที่ไปว่าทำไมเขาถึงเป็นสิ่งนี้ อย่างแต่ละฉากก็จะมีเรื่องราวในตัวมันเอง ยกตัวอย่างตัวบุหงา (กบ พิมลรัตน์) เล่นอย่างที่บอกคือเราได้เห็นในด้านที่เขาเป็นผู้หญิงที่สวยงามมาก แต่เขาเคลือบตัวเองไว้ด้วยเสื้อผ้าที่ มันดูเป็นผู้ชายมากๆ หรือการเป็นการเป็นโจรในเรื่อง มันก็มีเหตุผลในเรื่องว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเลือกที่จะเป็นอย่างนั้น และการเป็นโจรของเขามีเหตุผล แต่สิ่งที่เขาได้เจอกับขุนพันธ์ และทำให้ขุนพันธ์รับรู้เรื่องของเขาเนี่ย การเลือกฝั่งดีมันก็มีเหตุผลของมันอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นบางทีกบอาจจะเป็นตัวละครที่ยืนอยู่ 2 ฝั่งว่าฉันเป็นตัวละครที่ฉันจะเลือกฝั่งเลวหรือเลือกฝั่งดีหนอ ตัวละครทุกตัวมันจะสะท้อนมิติพวกนี้ออกมาไว้เกือบทุกอันครับ

Q. ท้ายนี้อยากฝากอะไรกับผู้ชมและสิ่งที่คนดูจะได้รับจากภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์อย่างแน่นอน
A. ผมเชื่อว่านี่คือหนังที่คนไทยรอคอย มันมีความสนุก มันเป็นการประชันบทบาทของดารายอดฝีมือ ที่เวลาบทในการปะฉะดะกันอย่างเมามันส์แน่นอนนะครับ ความเป็นแฟนตาซีแอคชั่นของมัน มันยังมีความจริงอยู่ว่านี่เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ แต่เราจะทำยังไงให้มีสีสันขึ้นมา ก็คือแม้กระทั่งตัวขุนพันธ์เอง เรายังมีดีไซน์ถึง 4 ดีไซน์ด้วยกัน คือตัวละครเราจะเห็นตั้งแต่เป็นตำรวจเริ่มต้น ยังไม่มีหนวดเขี้ยวเลย จนเริ่มทำงานเข้าไปฝังตัวเป็นสปาย กลายเป็นคนจรหมอนหมิ่น จนกลับเริ่มมีหนวดเขี้ยวจนออกปราบปราม จนสุดท้ายเป็นที่มาของภาพขุนพันธ์ที่แบบนายพลหนวดเขี้ยว เขาทำหน้าที่อธิบายพาร์ตของหนังแต่ละพาร์ตๆ และนอกจากความสนุกแล้ว ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้มีประเด็นตามสไตล์หนังของผมนะครับว่าเราไม่แค่ตีต่อยกันแล้วก็จบ มันมีประเด็นให้เราขบคิดในหนังด้วยว่า บางทีหนังอาจจะสะท้อนว่าบ้านเมืองเราเกิดอะไรขึ้น และคนดีมีอยู่จริงไหม หนังเรื่องนี้อาจจะตั้งคำถามกับศรัทธาของเราในปัจจุบันได้ เราเดินออกจากโรงเรารู้สึกว่า เฮ้ย คนไทยมีฮีโร่ 1 คน ก็ขอชวนมาดูกันครับ ฝากหนังเรื่องขุนพันธ์ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

Q. และในวันที่5กรกฏาคมที่จะถึงนี้ ก็จะใกล้ๆครบรอบวันเสียชีวิตของท่านขุนพันธ์ อยากให้เป็นตัวแทนของภาพยนตร์กล่าวอะไรสักนิด
A. 5 กรกฎานี้นะครับก็จะครบรอบ 10 ปีของการเสียชีวิตไปของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดชนะครับ ก็รับปากไว้กับรูปเคารพของท่านนะครับว่าเมื่อทำภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จ ก็จะขอให้ดลบันดาลใจเกิดสิ่งดีๆ ให้ประสบความสำเร็จ ตัวผมเองจะบวชเพื่อถวายท่านนะครับ หมายถึงบวชเพื่อเพราะผมรู้สึกว่าโปรเจกต์นี้ อย่างที่บอกไม่รู้อะไรดลใจกันให้เราได้ทำนะครับ เพราะฉะนั้นก็อยากจะทำให้ทุกอย่างมันสัมฤทธิ์ผล แล้วก็ขอบพระคุณท่านนะครับที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ขอบคุณครับ

FB on June 03, 2016, 09:14:12 AM
Movie Guide: “ขุนพันธ์” ปล่อยของส่งโปสเตอร์คาแรคเตอร์ นับถอยหลังปลุกตำนานยอดตำรวจวีรบุรุษ



ทีเซอร์ 2 ขุนพันธ์ (Official Teaser 2 )
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Rdhrf2fgkAA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Rdhrf2fgkAA</a>

          หลังจากปล่อยทีเซอร์และโปสเตอร์แบบพิเศษเรียกน้ำย่อยไปแล้ว "ขุนพันธ์" ภาพยนตร์แอคชั่นฟอร์มยักษ์แห่งปีของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ภายใต้การกำกับของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่หยิบยกเอาเรื่องจริงของมือปราบไทย ผู้เต็มไปด้วยศรัทธาแห่งความดีงาม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" มือปราบผู้ใช้อาคมสยบเหล่าโจรชื่อดัง พร้อมออกสู่สายตาผู้ชมทั้งประเทศในต้นเดือนกรกฏาคมที่จะถึงนี้

          โดย "ขุนพันธ์" ได้ปล่อยโปสเตอร์คาแรคเตอร์นักแสดงนำออกมากระตุ้นต่อมความอยากรับชมอย่างโปสเตอร์คาแรคเตอร์ "ขุนพันธ์" นายตำรวจไฟแรง คนจริงผู้ไม่เกรงต่ออำนาจใดๆ มุ่งมั่น เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม มีวิชาอาคมแกร่งกล้า คงกระพัน มีปืนและดาบแดงเป็นอาวุธ รับบทโดย อนันดา เอเวอริงแฮม ที่ต้องมาปราบมหาโจรอย่าง "อัลฮาวียะลู" มหาโจรผู้ไร้ซึ่งความปรานี ฆ่าไม่ได้ ตายไม่เป็น คงกระพัน และไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด มีกริชและปืนเป็นอาวุธในการต่อสู้ รับบทโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ ที่มาพร้อมสมุนคู่ใจอย่าง "เสือสัง" ลูกน้องคนสนิทของมหาโจรอัลฮาวียะลู เก่ง นิ่ง โหด และภักดี รับบทโดย เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง และ "บุหงา" นักฆ่าสาวผู้มีอดีต เชียวชาญมีดและปืนสั้น เก่งต่อสู้ประชิดตัว รับบทโดย กบ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร นอกจากนี้ยังมี "หลวงโอฬาร" ข้าราชารโกงกิน ผู้ไต่สู่อำนาจด้วยจากประจบสอพลอ รับบทโดย แฟรงค์เดอะสตาร์ ภคชนก์ โวอ่อนศรี, "มาลัย" สาวชาวบ้านผู้อ่อนหวาน แต่อีกด้านเธอคือนางนกต่อที่ให้ความช่วยเหลือขุนพันธ์ รับบทโดย อ้อม กานต์พิสชา เกตุมณี และ "ไข่โถ" หนุ่มใต้คนซื่อ แต่เมื่อถึงคราวต้องสู้ก็ไม่เคยกลัวใคร รับบทโดย สนธยา ชิตมณี

          เตรียมพิสูจน์ศรัทธา "ขุนพันธ์" พร้อมกัน 14 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

FB on June 06, 2016, 01:56:57 PM
แรงบันดาลใจสำคัญอันเป็นต้นกำเนิดของ “ขุนพันธ์” ภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ประจำปี พ.ศ.2559 ของ สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล







          "เมื่อตอนได้ข้อมูลของท่านมาเป็นหนังสืองานศพ ในหนังสือเราจะเห็นว่ามีพวงหรีด จากในหลวง พระราชินี และ เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ จนเปิดไปด้านใน เราได้เห็นรูปถ่ายจริงรูปหนึ่ง เป็นภาพของท่านขุนพันธ์ใส่ชุดนายตำรวจ ห้อยกระบี่ที่เอว ย่อตัวลงกำลังยื่นมือต่อเทียนเล่มหนึ่งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..... ในความรู้สึกเราท่านคือ อัศวิน ท่านคือ ทหารพระราชา... จากภาพนั้นทำให้เรารู้สึกว่านี่แหละคืองานเรา นี่ละโปรเจกต์นี้ ต่อเทียน เราสู้สุดชีวิตละ เราจะต่อเทียนกันต่อไป"
          ก้องเกียรติ โขมศิริ
          ผู้กำกับและเขียนบท

เรื่องราวของ ขุนพันธ์

จากเรื่องราวชีวิตของ ท่านขุนพันธ์ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร์ พันธรักษ์) ยอดตำรวจวีรบุรุษ ผู้มีตัวตนจริงอยู่ในประวัติศาสตร์ด้วยอายุยืนยาวถึง 108 ปี ผู้เป็นทั้งนักสืบ, มือปราบ และจอมขมังเวทย์ คือนายตำรวจผู้แกร่งกล้าด้วยอาคม บ่มเพาะความดี และมีจิตยึดมั่นในพลังแห่งศรัทธา เพื่อปราบปรามคนเลวที่ต้องการตัวมากที่สุดในแฟ้มอาชญากรรมของกรมตำรวจที่มีนับไม่ถ้วน

สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ บาแรมยู ภูมิใจเรียกศรัทธาอันแรงกล้าคืนกลับผืนดินไทย สู่ปรากฎการณ์ "ขุนพันธ์" สุดยอดภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี จากฝีมือเขียนบท-กำกับภาพยนตร์โดย ก้องเกียรติ โขมศิริ (ลองของ,ไชยา,เฉือน,อันธพาล) ควบคุมงานสร้างโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว พร้อมระดมทีมงานสร้างระดับแถวหน้าของเมืองไทยร่วมเนรมิตความยิ่งใหญ่ในโลกภาพยนตร์

ครั้งแรกของการเผชิญหน้าทางด้านการแสดงในระดับสุดยอดที่ทุกคนต้องขนลุก พร้อมการปะทะบทบาทแอ็คชั่นทุ่มสุดตัว ของ "อนันดา เอเวอริงแฮม" ในบท "ขุนพันธ์" และ "กฤษดา สุโกศล แคลปป์" ในบท "อัลฮาวียะลู" พร้อมเชือดเฉือนบทบาทสุดเข้มข้นกับเหล่านักแสดงคุณภาพอย่าง เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง, กบ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร, แฟรงค์เดอะสตาร์-ภคชนก์ โวอ่อนศรี, สนธยา ชิตมณี พร้อมด้วย กานต์พิสชา เกตุมณี จาก แม่เบี้ย

ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังก่อตัวขึ้น ญี่ปุ่นเริ่มแผ่ขยายอำนาจรุกรานทั่วเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยที่กำลังเกิดการปฏิวัติทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่เพื่อเตรียมก้าวสู่โลกอารยะ เมื่อความเจริญเริ่มรุกล้ำแต่ผู้คนกลับขัดสนยากจน ถูกกดหัวอยู่ภายใต้อาณัติของเหล่าชุมโจรเสือร้ายที่ก่อร่างสร้างอิทธิพลไปทั่วหาได้หวั่นเกรงต่อกฎหมายแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะมีข้าราชการใจคดขายชาติคอยชักใยหนุนหลังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่

จังหวัดชุมพร ปีพ.ศ.2481 ทั้งๆที่ปืนในมือเหลือกระสุนเพียงนัดเดียวแต่นายบุตร์ หรือ ร้อยตำรวจโท ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช (อนันดา เอเวอริงแฮม) นายร้อยตำรวจหนุ่มฝึกหัดก็ได้อาศัยความสามารถ และวิชาที่บ่มเพาะติดตัวมาเด็ดชีพ เสือสายหัวหน้าโจรผาแดง พร้อมลูกสมุนที่อุกอาจฮึกเหิมบุกเข้ามาปิดเมืองล้อมตำรวจได้เป็นผลสำเร็จ ขุนพันธ์เลือกที่จะทำในสิ่งที่ยังไม่เคยมีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์รายใดในประวัติศาสตร์เคยทำมาก่อน นั่นคือเสนอตัวในภารกิจลับที่เสี่ยงที่สุด อันตรายที่สุด โดยทิ้งชีวิตที่เหลืออยู่เป็นเดิมพันนั่นคือ การเสาะหาและออกไล่ล่าเพื่อปิดตำนานของ "อัลฮาวียะลู" (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) มหาโจรผู้โหดเหี้ยม ดุดัน แกร่งกล้า ฆ่าไม่ตาย ครองอิทธิพล แผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วภาคใต้ เป็นที่เลื่องลือกันว่ามหาโจรผู้นี้แกร่งกล้า

เพราะมีวิชาและของดีอยู่ในตัว สามารถเข้าไปในจิตของคู่ต่อสู้ มีกริชเป็นอาวุธ และมีวิธีสังหารเหยื่อพิสดารในดินแดนที่เต็มไปด้วยภยันตรายถิ่นฐานของ"อัลฮาวียะลู" ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจาก 2 พี่น้องชาวประมง ไข่โถ (สนธยา ชิตมณี) และ มาลัย (กานต์พิสชา เกตุมณี) ไม่เพียงให้ที่พักแต่ยังฝากงานในสโมสรงาช้างของหลวงโอฬาร (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) ข้าราชการใหญ่ที่ทุกคนเคารพและยำเกรงให้อีกด้วย นอกจากนี้ขุนพันธ์ต้องเผชิญหน้ากับ 2 มือสังหารข้างกายของมหาโจรที่ว่ากันว่าคือนักฆ่าเลือดเย็น และไร้ความปราณีอย่าง เสือสัง (ชูพงษ์ ช่างปรุง) และบุหงา (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) พร้อมด้วยเหล่าทัพเสือโจรร้าย

ขุนพันธ์ได้รู้ความจริงว่าเมืองทั้งเมืองคือ ชุมโจรขนาดใหญ่ ชาวบ้านตกเป็นเครื่องมือโดยมีนักการเมืองใหญ่ ข้าราชการท้องถิ่นคอยชักโยงและอยู่เบื้องหลังเพื่อกอบโกยผลประโยชน์โกงกิน และขายชาติ การไล่ล่าและเผชิญหน้าระหว่างสุดยอดมือปราบ และมหาโจรฆ่าไม่ตายจึงอุบัติขึ้นท่ามกลางห่ากระสุน คาวเลือด และการต่อสู้

อาคมต่ออาคม ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือก เขาจะพิสูจน์ให้รู้ว่าแรงกระสุน หรือ จะสู้แรงศรัทธา

14 กรกฎาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

FB on June 14, 2016, 09:21:25 AM
“สหมงคลฟิล์ม” ปล่อยโปสเตอร์ธีม เปิดตัวการปะทะกันครั้งยิ่งใหญ่ของ “ขุนพันธ์” และ “อัลฮาวียะลู”



          ได้เวลานับถอยหลังสู่ปรากฎการณ์หนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์สุดยิ่งใหญ่ หลังจากที่ปล่อยทีเซอร์ และโปสเตอร์คาแรคเตอร์นักแสดงนำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุด บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เผยโปสเตอร์หลักของภาพยนตร์เรื่อง  "ขุนพันธ์"  พร้อมเปิดตัวการปะทะกันทางสีหน้า แววตา และอารมณ์สุดเข้มข้น พร้อมต่อสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อาคมต่ออาคม ของ ขุนพันธ์ (อนันดา เอเวอริงแฮม) นายตำรวจหนังเหนียวผู้มีจิตศรัทธาและอาคมอันแรงกล้า ในการผดุงความยุติธรรม ไม่ก้มหัวให้คนเลวหน้าไหน และ อัลฮาวียะลู (กฤษดา สุโกศล แคลปป์)  มหาโจรผู้กล้าแกร่งไสยเวทย์ ผู้ที่พร้อมกำจัดทุกอย่างที่เข้ามาขัดเป้าหมายของตนเอง

          เตรียมพบกับ "ขุนพันธ์" ภาพยนตร์แอคชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ ผลงานการกำกับของ  ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่จะนำผู้ชมเดินทางเข้าสู่โลกของการไล่ล่าของ 2 คู่แค้นที่ฆ่าไมได้ ตายไม่เป็น ความมันส์แห่งภาพยนตร์แอคชั่นที่ปะทะกันของอาคมเหนืออาคม 14 กรกฎาคม นี้ทุกโรงภาพยนตร์

FB on June 17, 2016, 08:54:49 AM
จัดใหญ่พิธีพุทธาภิเษก “เหรียญเสมาหลวงปู่ทวด หลังขุนพันธ์ ปี 2559” เต็มรูปแบบ เตรียมมอบให้เป็นพิเศษกับผู้ชมภาพยนตร์ “ขุนพันธ์”









          ด้วยความเลื่อมใสในความดีของพระอริยสงฆ์ที่คนไทยโดยเฉพาะชาวใต้ต่างศรัทธา "หลวงปู่ทวด" และบุคคลผู้ยึดมั่นในความดีจนเป็นตำนานนาม "ขุนพันธรักษ์ราชเดช" เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันมหามงคล ณ วัดลาดปลาดุก อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้จัดพิธีพุทธาภิเษก "เหรียญเสมาหลวงปู่ทวด หลังขุนพันธ์ ปี 2559" เป็นวาระที่ 3 หลังจากในวาระแรกนั้นได้มีการทำพิธีไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป็นการบวงสรวงบอกกล่าวแก่หลวงปู่ทวด และท่านขุนพันธ์พร้อมกับปลุกเสกชนวนมวลสารที่ศาลพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง ซึ่งป็นศาลเก่าแก่อายุ 200 กว่าปี ที่ จ.นครศรีธรรมราช และวาระที่ 2 เป็นการรวมเกจิอาจารย์สายภาคใต้ และสายเขาอ้อมาร่วมทำพิธีปลุกเสกแบบดั้งเดิมโบราณ 8 ทิศ ที่พระอุโบสถ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ดินแดนบ้านเกิดของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช

          โดยในพิธีครั้งนี้ได้นิมนต์พระอาจารย์ซึ่งเป็นที่เคารพเลื่อมใสของพี่น้องประชาชนรวม 19 รูป โดยมี พระพิมลศรีลาจารย์ วัดลาดปลาดุก เป็นประธานจุดเทียนชัย, พระครูพิพิธชลธรรม (หลวงพ่อหลาย วัดนาจอมเทียน) เป็นผู้จุดเทียนที่ขันสาคร และ พระนันทวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออ่าง วัดใหญ่สว่างอารมณ์) เป็นผู้ดับเทียนชัย

          พร้อมด้วย พระครูไพบูลย์รัตนาภรณ์ (หลวงพ่อสมบูรณ์ วัดหงส์รัตนาราม ), พระครูสรภาสโฆษิต วัดบางแวก, พระครูใบฎีกาจิรพงษ์ ธีรวโร วัดจอมเกษ, พระครูปลัดยุทธนา วัดบางพุทธโธ, พระครูสุทธิสารโสภิต วัดพุตะเคียน, พระครูวีรกาญจนกิจ (หลวงพ่อสุรเจตน์ วัดหนองหิน ), พระครูสมุห์อวยพร วัดดอนยายหอม, พระครูสังฆรักษ์สมพงษ์ สารคนฺโท วัดโพธิ์ทองล่าง, พระอธิการ อภิชัย ธีรญาโณ วัดวังกระดี่ทอง, พระอาจารย์สุรสิทธิ์ สุรสิทโธ วัดไทร, พระอาจารย์สมเกียรติ สุรญาโณ วัดราษฎร์ศรัทธาราม, พระอาจารย์ชลเทพ อติจีโล พุทธอุทยานธรรมโกศล, พระอาจารย์วีระยุทธ์ อาภากโร วัดขรัวตาหนู, พระอาจารย์อำนาจ ขันติโก วัดถาวรวราราม, พระอาจารย์ภัคคพงฐ์ ติณฺณ วฎฺโฎ วัดดุสิดารามราชวิหาร, พระปลัดเอกสิษฏ์มงคล มหาวีโร วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร นั่งปรก

          สำหรับการทำพิธีพุทธาภิเษก "เหรียญเสมาหลวงปู่ทวด หลังขุนพันธ์ ปี 2559" ที่สร้างขึ้นนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบให้กับผู้ชมภาพยนตร์เรื่อง "ขุนพันธ์" เพื่อให้เป็นที่ระลึกถึงคุณงามความดีและเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ได้รับ โดยจัดทำขึ้นในจำนวนจำกัด และไม่มีการวางจำหน่ายที่ใด โดยสามารถติดตามรายละเอียดการแจกเหรียญเสมานี้ได้เร็วๆนี้

FB on June 17, 2016, 09:02:25 AM
เสี่ยเจียงไฟเขียว “ก้องเกียรติ โขมศิริ” แรงบันดาลใจแห่งศรัทธากับก้าวที่กล้า “ต่อเทียนแห่งความดี”





          "ขุนพันธ์" คือ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับบล็อกบัสเตอร์สุดยิ่งใหญ่และกำลังเป็นที่ถูกจับตามองมากที่สุดประจำปี พ.ศ. 2559 ของ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล โดยนำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์แอคชั่นเหนือจินตนาการ จากผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดย "ก้องเกียรติ โขมศิริ" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ลองของ, เฉือน, ไชยา, อันธพาล ฯลฯ (มือเขียนบทระดับแนวหน้าของเมืองไทยอยู่เบื้องหลังภาพยนตร์แอคชั่นหลายต่อหลายเรื่องอาทิ องค์บาก, บางระจัน, ขุนแผน, 7 ประจัญบาน 1-2 ฯลฯ เจ้าของรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมสุพรรณหงส์ทองคำจากภาพยนตร์เรื่อง เฉือน และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและกำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่องไชยา) ซึ่งจะว่าไปแล้วเป็นโปรเจกต์ภาพยนตร์ที่ได้รับความสนใจจากเหล่าบรรดาผู้กำกับภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์ และสตูดิโอต่างๆมาโดยตลอด โดยการนำมาเอาเรื่องราวของ "พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช" อดีตนายตำรวจมือปราบชื่อดังที่สามารถกำราบ และสยบเสือร้ายในตำนานที่โด่งดังในแฟ้มอาชญากรรมของกรมตำรวจอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดปราบปรามลงได้มาก่อน อย่าง เสือมเหศวร, เสือฝ้าย, เสือดำ, เสือใบ และเหล่าเสือร้ายในประวัติศาสตร์อีกนับไม่ถ้วนมาทำในรูปแบบภาพยนตร์และละครโทรทัศน์

          "เคยคุยกับเพื่อนที่เขียนบทด้วยกัน สมัยยังทำหนังอยู่กับพี่ปื๊ด (ธนิตย์ จิตนุกูล) เรื่องขุนแผน รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าทำมาก เรานึกถึงคีย์วิช่วลที่เป็นภาพแรกคือ คนใส่โจงกระเบนแบบหยักรั้ง (อาการนุ่งผ้าถุงหรือผ้าโสร่งรั้งผ้าทางด้านข้างมาเหน็บเอวทั้ง 2 ข้างให้ชายผ้าร่นสูงขึ้น) แล้วก็ใส่เสื้อราชปะแตน สะพายดาบข้าง สะพายปืนข้าง ขี่ช้างไล่จับโจร มันเท่ห์มากเลย เรารู้สึกว่ามันแกรนด์ มันดูเอ็กซ์โซติกมากๆ โดยมีคีย์เวิร์ดคือ "ขี่ช้างจับโจร" แต่ก็ไม่ได้ทำ หลังจากนั้นก็ได้ยินมาโดยตลอดว่าจะมีคนทำ เป็นละครบ้าง เป็นหนังบ้าง ได้ยินว่า พี่ปื๊ด(ธนิตย์ จิตนุกล)จะทำ หรืออยู่ๆ พี่เฉลิม วงค์พิมพ์ (ผกก. 7 ประจัญบาน) ก็โทรมาบอกเราว่าพี่คิดว่าพี่จะทำ ซึ่งเราบอก เอาเลยพี่ ใครทำก็ได้เราอยากเห็นเรื่องนี้ เพราะเรื่องของท่านเป็นเรื่องที่น่าทำ"

          แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาได้ถูกกำหนดไว้แล้วว่า "ก้องเกียรติ โขมศิริ" คือ "ตัวเลือกเดียว (The Chosen One)" ที่จะมาเป็นผู้รับหน้าที่ "ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์" ถึงแม้ว่าความฝันครั้งนี้เดินทางด้วยระยะเวลากว่า 1 ทศวรรษ เมื่อ เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้อำนวยการสร้าง ยื่นโปรเจกต์ให้พร้อมกับเปิดไฟเขียวให้รับหน้าที่เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ จนเป็นจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดของภาพยนตร์แอคชั่นเหนือจินตนาการฟอร์มยักษ์ระดับมาสเตอร์พีซเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุด ยากที่สุด และท้าทายที่สุดในชีวิตของ ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่มาพร้อมกับแนวทางอย่างชัดเจนถึงรูปแบบของภาพยนตร์ที่จะถูกนำเสนอโดยเฉพาะอย่างยิ่งศรัทธาและความตั้งใจอันแรงกล้า ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้

          "อยู่มาวันหนึ่งเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธาน บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์) ก็เรียกโขมให้เข้ามาเจอกันหน่อย แล้วก็ยื่นหนังสือซึ่งเป็นหนังสือที่ระลึกงานศพของท่านขุนพันธ์ให้ เสี่ยบอกว่าจะทำเรื่องนี้โปรเจกต์ขุนพันธ์ โขมเอ็งสนใจอยากทำมั้ย รู้จักมั้ย เราก็บอก เราอยากทำมานานแล้วโปรเจกต์นี้ เสี่ยก็เลย เริ่มกัน แล้วพูดว่า ถ้างั้นเอ็งต้องทำให้ดี เพราะว่า 2 คำแรกที่เสี่ยพูดกับเราเป้าหมายคือ 1. เราอยากเชิดชูคนดี เราอยากเชิดชูตำรวจดีๆ 2. คือเสี่ยอยากทำหนังเรื่องนี้ให้เป็นที่ถูกจดจำในประเทศนี้ เราก็รู้สึกดี รู้สึกหัวใจพองโตที่เสี่ยมองในมุมว่า มันจะเป็นหนังที่จะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ บางอย่างที่จะกระตุ้นให้คนไทยรู้สึกได้ว่า เฮ้ยคนดีๆ คนหนึ่งมีอยู่ ตำรวจดีๆคนหนึ่งมีอยู่จริงๆ แล้วในหนังสือเล่มนี้ที่เสี่ยยื่นให้ พอเราเปิดเข้าไปจากรูปที่ปรากฎในหนังสือเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทำไมบุคคลธรรมดาคนหนึ่งถึงมีพวงหรีดจากราชวงศ์ทุกพระองค์ส่งให้ในงานพระราชทานเพลิงศพ แล้วที่สุดยอดคือ รูปเก่าๆ สมัยที่ท่านปฏิบัติงาน มีอยู่รูปหนึ่งที่ท่านขุนพันธ์ต่อเทียนจากในหลวงจากมือเลย มันเหมือนกับภาพอัศวินในอุดมคติที่ยืนอยู่หน้าพระมหากษัตริย์ของตัวเองแล้วก็ต่อเทียนเล่มนั้น แล้วเราก็นั่งดู สั่งกับทีมงานให้สแกนภาพนี้ขยายแล้วติดที่ห้องทำงาน เวลาที่ทุกคนเดินเข้าเดินออกมองภาพนี้ไว้ นี่แหละคืองานเรา โปรเจกต์นี้ต่อเทียน ถูกต้องไม่ถูกต้องเราไม่รู้แต่เราสู้สุดชีวิตเราจะต่อเทียนกันต่อไป แล้วทุกครั้งถ้าเรารู้สึกเหนื่อยกับอุปสรรคต่างๆ เราก็จะหันมาดูชีวิตท่าน จากเรื่องราวที่ได้รวบรวมศึกษาค้นคว้าระหว่างเขียนบทการเข้าไปจับโจรในสมัยก่อนไม่ได้มีหน่วยซีลเหมือนสมัยนี้ สมัยก่อนหุงข้าวเหนียวปั้นหนึ่งแล้วก็ยัดใส่กระเป๋า แล้วก็เข้าป่าหายไปเป็นเดือนไปสุ่มจับโจร ไปตามสืบ นี่แหละชีวิตคนต่อเทียน ชีวิตอัศวิน แล้วถามว่าท่านหยุดทำความดีมั้ย ไม่ หลายคนถามท่านขุนไม่เหนื่อยเหรอ ท่านขุนพูดคำเดียวเลยว่า เพราะเราเป็นตำรวจ เราว่านี่คือธีมที่แข็งแรงมากของหนังและของคนๆ หนึ่งที่ชัดเจนว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร ทำอะไรเพื่อแผ่นดินและรู้ตัวตนบทบาทหน้าที่ของตัวเองว่าฉันทำอะไร"

          14 ก.ค. มาร่วมกันพิสูจน์ว่า แรงกระสุนหรือจะสู้แรงศรัทธาของขุนพันธ์ ทุกโรงภาพยนตร์