"พุ่มพวง" (เข้าฉาย 21 กรกฎาคม 54)
“...ก่อนจากบ้านมา เพื่อนมันว่าให้ช้ำทรวง
ไปเป็นนักร้องให้เขาล้วง มันเจ็บในทรวงไม่หาย
ไม่เด่นไม่ดังจะไม่หันหลังกลับไป
ทุกวันคืนนอนร้องไห้ อีกเมื่อไหร่จะโชคดี...”
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ภูมิใจนำเสนอ
เรื่องราวของนักร้องสาวขวัญใจ อันเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศและถูกยกย่องให้เป็น “ราชินีลูกทุ่ง” เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงและดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ บินหลา สันกาลาคีรี นักเขียนรางวัลซีไรต์ร่วมถ่ายทอดภาพชีวิตโดย นักร้องสาวเสียงคุณภาพ ผู้คว้ารางวัลชนะเลิศกว่าพันเวที “เปาวลี พรพิมล” รับบทเป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ประกบคู่กับ “ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ”
ผลงานการกำกับภาพยนตร์โดย บัณฑิต ทองดี ควบคุมงานสร้างโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว 21 กรกฎาคมนี้
กำหนดฉาย 21 กรกฎาคม 2554
แนวภาพยนตร์ ดราม่า
ผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง บาแรมยู
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมการสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, อรุณี ศรีสุข
ร่วมควบคุมการสร้าง ศิตา วอสเบียน
ผู้ช่วยควบคุมการสร้าง คำหอม ศรีนอก
กำกับภาพยนตร์ บัณฑิต ทองดี
บทภาพยนตร์ บินหลา สันกาลาคีรี, พัฒนะ จิรวงศ์
กำกับภาพ นิกร ศรีพงศ์วรกุล
กำกับศิลป์ ถิรนันท์ จันทคัต
ออกแบบงานสร้าง ดุสิต ญาปกะวงศ์
ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอกศิษฏ์ มีประเสริฐกุล
แสดงนำโดย เปาวลี พรพิมล, ณัฐวุฒิ สกิดใจ
วิทยา เจตะภัย, บุญโทน คนหนุ่ม
เรื่องย่อ
เมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งฝันอยากเป็นนักร้อง วินาทีแห่งการไข่วคว้าเพื่อความฝันอันยิ่งใหญ่ และการเดินทางของชีวิตจึงเริ่มต้นขึ้น… ผึ้ง (รับบทโดย เปาวลี พรพิมล) เกิดและโตที่จ.สุพรรณบุรี ด้วยฐานะทางบ้านยากจน เรียนจบเพียงแค่ชั้นป.2 แต่มีความฝันอยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เธอจึงตัดสินใจเดินทางออกตามหาความฝัน ด้วยการมุ่งหน้าเข้ามาเผชิญโชคในเมืองกรุง ผึ้งเริ่มต้นจากตำแหน่งหางเครื่องในวงดนตรีของ ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ (รับบทโดย บุญโทน คนหนุ่ม) จนได้พบรักกับธีระพล แสนสุข (รับบทโดย ณัฐวุฒิ สกิดใจ) นักดนตรีเป่าแซกโซโฟนในวง และทำให้ความฝันอยากเป็นนักร้องกลับฝันสลาย เพราะความรักของทั้งคู่เป็นตัวก่อเหตุให้โดนไล่ออกจากวงไวพจน์ ทั้งคู่ยอมอดทน ฝ่าฟันอุปสรรคต่อสู้กับชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างยากลำบาก จนเมื่อได้พบกับครูมนต์ เมืองเหนือ (รับบทโดย วิทยา เจตะภัย) ผึ้งขอฝากตัวเป็นศิษย์ ครูมนต์จึงตั้งชื่อใหม่ให้เป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” และปั้นเธอให้เป็นนักร้อง
ถึงแม้จะอ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ เผชิญกับความผิดหวังเสียใจ การพรากจากของคนรัก หรือการเจ็บป่วย สิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคทำให้เธอท้อถอยและถอดใจจากความฝัน แต่กลับกลายเป็นความน่าอัศจรรย์ในความเป็นอัจฉริยะของ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่จดจำเนื้อเพลงได้มากกว่า 500 เพลง และเป็นนักร้องลูกทุ่งอันเป็นที่รักของคนไทยทุกระดับชั้น จนถูกยกย่องให้เป็น “ราชินีลูกทุ่ง” เพียงหนึ่งเดียวตลอดกาล
คาแร็คเตอร์
เปาวลี พรพิมล รับบทเป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์”
เด็กหญิงจากเมืองสุพรรณบุรีที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง ด้วยฐานะทางบ้านยากจน เธอจึงไม่ได้เรียนหนังสือเพราะต้องช่วยทางบ้านทำงานและเลี้ยงดูน้องๆ รักการร้องเพลงมาก เธอชื่นชอบนักร้องไวพจน์ เพชรสุพรรณ กลายเป็นแรงบันดาลใจก่อนตัดสินใจเข้าเมืองกรุง และเริ่มเป็นหางเครื่องของวงไวพจน์ จนพบรักกับธีระพลและทำให้ชีวิตของเธอต้องพลิกผันมีเหตุให้ต้องออกจากวงไวพจน์ ก่อนจะไปพบกับครูมนต์ เมืองเหนือ และในที่สุดเธอก็กลายเป็นนักร้องโด่งดัง แฟนเพลงทั่วประเทศรู้จักเธอในชื่อ “พุ่มพวง ดวงจันทร์”
“คาแร็คเตอร์ จะเป็นเด็กผู้หญิงต่างจังหวัดที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องมาก ฐานะทางบ้านยากจนจึงไม่ได้เรียนหนังสือ ทำให้อ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่มีความมานะอดทน เป็นคนมุ่งมั่นจริงจัง ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไม่เคยย่อท้อ จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักร้องราชินีลูกทุ่งที่โด่งดัง ซึ่งการมารับบทแม่ผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจันทร์) ต้องมีการเตรียมตัวอย่างหนักพอสมควร เพราะว่าไม่เคยผ่านการแสดงที่ไหนมาก่อนเลย เปาจึงต้องไปเรียนแอคติ้ง เรียนร้องเพลง และก็เรียนเต้น จะเรียน 3 อย่างในวันเดียวกัน โดยจะเรียนร้องก่อน 1 ชั่วโมง แล้วก็เรียนเต้น 2 ชั่วโมง ต่อด้วยเรียนแอคติ้งการแสดง 3 ชั่วโมงค่ะ”
ณัฐวุฒิ สกิดใจ รับบทเป็น “ธีระพล แสนสุข”
แซกโซโฟนหนุ่มรูปหล่อเจ้าเสน่ห์ประจำวง ไวพจน์ เพชรสุพรรณ วัย 30ปี เป็นหนุ่มอารมณ์ดี และเจ้าชู้นิดๆ ด้วยความที่เป็นคนมีอัธยาศัยดี คุยเก่งจึงทำให้ธีระพลและผึ้งสนิทกันมากขึ้นจนก่อเกิดเป็นความรัก และด้วยความรักของธีระพลที่มีต่อผึ้ง เขาสัญญาว่าจะดูแลและทำความฝันของผึ้งให้เป็นจริง ถึงแม้จะต้องฝ่าฝันและเจออุปสรรคต่างๆ มากมาย
“คาแร็คเตอร์เป็นนักดนตรีเป่าแซกโซโฟนในวงของครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ ธีระพลจะมีบุคลิกเป็นคนขี้เล่นแล้วก็เป็นกันเองแต่ก็มีความมุ่งมั่นมีความจริงจังในการที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นคนรักของพุ่มพวงและช่วยเหลือซึ่งกันและกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปด้วยกันครับ ซึ่งเรื่องจะมีประมาณ 2 ลุค 2 สมัย จะมีพัฒนาการในเรื่องของเสื้อผ้า เรื่องของทรงผม เพื่อให้ธีระพลดูย้อนกลับไปในวัยหนุ่ม ผมเห็นแล้วก็นึกถึงเจมส์ ดีน สมัยยุคผมจะตั้งๆ เสยๆ หน่อย แล้วก็จะมีรากไทรนิดๆ แปลกดีครับ รู้สึกว่าหล่อแบบโบราณแต่จะเฟี้ยวๆ หน่อย รองเท้าก็เป็นส้นตึกเดินทีไรข้อเท้าก็จะพลิกทุกทีครับ เสื้อผ้ากางเกงก็จะเอวสูงหน่อยขาจะบานมาก และในยุคต่อมาก็จะเริ่มเข้ามาคล้ายๆ ในยุคปัจจุบัน แต่เรื่องสีสันของเสื้อผ้าจะเน้นมากเป็นพิเศษ มีลายดอก ลายทางบ้าง ทรงผมก็จะหวีเรียบธรรมดาครับ ผมว่าหน้าผมเหมาะกับลุคนี้นะ(หัวเราะ)”
วิทยา เจตะภัย รับบทเป็น “ครูมนต์ เมืองเหนือ”
ครูเพลงนักปั้นมือทอง ขึ้นชื่อด้านการปั้นนักร้องจนมีชื่อเสียงโด่งดังมาหลายคน มีบุคลิกขี้เล่น และอัธยาศรัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่บางทีก็โผงผางจนถึงขนาดขวานผ่าซาก ไม่เกรงกลัวใคร รักความสนุกสนาน จึงมีแต่คนรักใคร่
“รับบทเป็น ครูมนต์ เมืองเหนือ นักปั้นมืออาชีพ หรือเรียกว่าเป็นนักปั้นมือทองในยุคนั้น คาแร็คเตอร์จะเป็นคนที่อารมณ์ดี จิตใจก็ดี ชอบช่วยเหลือเพื่อนฝูง ช่วยเหลือคนอื่น เป็นนักปั้นมืออาชีพปั้นให้คนดังมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินและนักร้องหลายๆ คนที่ผ่านมา ค่อนข้างจะติดขี้เล่น บุคคลิกเป็นคนร่าเริง จนบางคนก็คิดว่าเป็นคนเจ้าชู้ แต่จริงๆ ก็เป็นเสน่ห์ของท่าน เวลาที่อยู่ใกล้กับใครก็ทำให้อบอุ่นเป็นกันเองครับ ได้มารับบทเป็นครูเพลงที่เราเองก็เคารพนับถือ พอได้รับเชิญให้มาเล่นเป็นครูมนต์ เมืองเหนือ ยิ่งดีใจใหญ่เลย แล้วเราก็เป็นคนเหนือด้วย ก็ทั้งดีใจอิ่มเอิบปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก”
บุญโทน คนหนุ่ม
รับบทเป็น “ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ”
ครูเพลงนักแหล่ชื่อดังแห่งยุค เป็นผู้มีอิทธิพลและเป็นที่นับถือของคนในวงการเพลงลูกทุ่ง ด้วยความที่มีนิสัยใจกว้างจึงทำให้มีหลายคนยกย่องและเคารพ เป็นคนเจ้าระเบียบและรักษากฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ภายนอกดูเป็นคนดุ แต่ก็เพื่ออยากให้ทุกคนได้ดี
“คาแร็คเตอร์ของ ครูไวพจน์ จะเป็นคนเจ้าระเบียบ ทำอะไรก็จะต้องมีกฎระเบียบเยอะ ภายนอกดูเหมือนเป็นคนดุ แต่จริงๆ แล้วภายในเป็นคนใจดี มีความเป็นห่วงเป็นใยต่อลูกศิษย์ อยากจะให้ทุกคนได้ดีและประสบความสำเร็จครับ ส่วนตัวแล้วผมกับครูไวพจน์จะรู้จักและสนิทกัน ถ้าถามถึงความคล้าย ตัวผมเองก็ร้องเพลง แหล่เพลง ทำขวัญนาคเหมือนกันล่ะครับผมจะเป็นรุ่นหลังต่อจากครูไวพจน์ ซึ่งต้องยอมรับว่านักแหล่รุ่นเก่านั้น น้ำเสียงไพเราะมาก มีลูกเอื้อนลูกหยอด ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนตลกเฮฮา แต่ครูไวพจน์จะดุ และมาดขรึมครับ”
รายละเอียดงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง”
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ บาแรมยู ภูมิใจสร้างภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” ภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์เรื่อง “ดวงจันทร์ที่จากไป” ของ “บินหลา สันกาลาคีรี” (นักเขียนรางวัลซีไรต์ปี พ.ศ. 2548 จากเรื่อง เจ้าหงิญ) นวนิยายชีวประวัติของราชินีเพลงลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ศิลปินนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดอันเป็นที่รักของเหล่าแฟนเพลงทั่วประเทศ โดยผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ “บัณฑิต ทองดี” (กำกับภาพยนตร์เรื่อง มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟ.เอ็ม., เฮี้ยน, มนุษย์เหล็กไหล ฯลฯ) ภายใต้ควบคุมการสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ อรุณี ศรีสุข
แรงบันดาลใจของการปรากฏตัว “ราชินีลูกทุ่ง” สู่จอภาพยนตร์
นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี 2554 ซึ่งได้บุคคลสำคัญแห่งวงการบันเทิงอย่างครูเพลงผู้มีชื่อเสียง เช่น ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ, ครูมนต์ เมืองเหนือ, ครูลพ บุรีรัตน์ หรือแม้แต่บุคคลสำคัญแห่งวงการภาพยนตร์ไทยและวงการเพลงอย่าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัท แห่งค่ายสหมงคลฟิล์ม, ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้บริหารแห่งบาแรมยู, กริช ทอมมัส กรรมการผู้จัดการ แห่งแกรมมี่ โกลด์, บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ และอีกหลายคนรวมถึงทีมงานที่มีความชื่นชอบและศรัทธาในตัวนักร้องราชินีลูกทุ่ง รวมตัวสนับสนุนและช่วยผลักดันจนกลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง”
โดยปรัชญา ปิ่นแก้ว โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เล่าถึงจุดกำเนิดของโปรเจ็คต์ในครั้งนี้ว่า “เจตนาเดียวกัน คือทุกคนที่มามีส่วนร่วมในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ครั้งนี้ คือคนที่ชอบ ชื่นชม และศรัทธาในตัวของพุ่มพวง ดวงจันทร์ โดยเฉพาะด้านการทำงานของเธอ หรือด้านความฝันที่มีความมุ่งมั่นอย่าเต็มเปี่ยม และในฐานะที่ผมเองก็เป็นแฟนเพลงของพุ่มพวง จึงอยากยกย่องด้านการทำงานของเธอเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม และด้วยตำแหน่งราชินีลูกทุ่ง ที่คนทั้งประเทศรักและศรัทธาก็นับว่าเป็นสิ่งที่การันตีได้เป็นอย่างดี จนเมื่อได้พูดคุยกับคุณบัณฑิต ทองดี ผู้กำกับและคุณอรุณี ศรีสุข โปรดิวเซอร์อีกคนนึง ก็มีความคิดเห็นตรงกัน รวมถึงครูเพลงที่มีความเกี่ยวข้องกับคุณพุ่มพวงในยุคสมัยนั้นเช่น ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ, ครูมนต์ เมืองเหนือ, ครูลพ บุรีรัตน์ ทุกท่านก็ให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือในด้านข้อมูลต่างๆ ค่ายเพลงอย่างแกรมมี่ โกลด์ ที่ตอนนี้ถือลิขสิทธิ์เพลงของคุณพุ่มพวงก็ให้ความร่วมมือและยินดีในเรื่องของการนำเพลงมาใช้ประกอบในภาพยนตร์ รวมถึงผู้อนุมัติและที่ทำให้เกิดโปรเจ็คต์นี้ขึ้นมา คุณสมศักดิ์ (เสี่ยเจียง) ค่ายสหมงคลฟิล์ม ทุกท่านล้วนแต่มีความศรัทธาในตัวคุณพุ่มพวง และชื่นชอบบทเพลงของคุณพุ่มพวงด้วยกันทั้งนั้น”
ภาพยนตร์สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงและดัดแปลงจากบทประพันธ์ของ
“บินหลา สันกาลาคีรี” (นักเขียนรางวัลซีไรต์) สู่บทภาพยนตร์
สำหรับบทภาพยนตร์ครั้งนี้ เป็นการดัดแปลงมาจากบทประพันธ์เรื่อง “ดวงจันทร์ที่จากไป” ของ “บินหลา สันกาลาคีรี” (นักเขียนรางวัลซีไรต์ปี พ.ศ. 2548 จากเรื่อง เจ้าหงิญ) นวนิยายชีวประวัติของราชินีเพลงลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ศิลปินนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดอันเป็นที่รักของเหล่าแฟนเพลง โดยเป็นการเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกันครั้งแรกระหว่างนักเขียนรุ่นใหญ่ บินหลา สันกาลาคีรี กับนักเขียนรุ่นน้อง พัฒนะ จิรวงศ์ นำมาขัดเกลากลายเป็นบทภาพยนตร์เต็มอิ่มครบรสทุกอารมณ์ได้อย่างลงตัว
บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับ เล่าถึงความเป็นมาของบทภาพยนตร์ว่า “จริงๆ แล้วบทภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง มีการดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดังเรื่อง ดวงจันทร์ที่จากไป ซึ่งก็เป็นงานเขียนของคุณบินหลา สันกาลาคีรี นักเขียนมือรางวัลซีไรต์ และยังเป็นบุคคลหนึ่งที่มีส่วนร่วมทำให้โปรเจ็คต์พุ่มพวงเกิดขึ้น ซึ่งคุณบินหลาจะมีข้อมูลที่เคยรีเสิร์ชมาแล้วประมาณนึง เมื่อตอนทำออกมาเป็นหนังสือ ส่วนทางเราเองก็ได้มีการรีเสิร์ชข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อนำมารวมกันแล้วก็ประมวลผลออกมาเป็นบทภาพยนตร์ โดยมีคุณบินหลาคอยให้คำแนะนำ และคำปรึกษาในด้านการนำมาทำเป็นบทภาพยนตร์ และเป็นการเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับคุณพัฒนะ จิรวงศ์ อีกคนหนึ่ง”
ในส่วนของประเด็นหลักสำคัญที่ต้องการนำเสนอในภาพยนตร์ครั้งนี้ “เรานำเสนอให้แตกต่างจากนวนิยายโดยเราใส่ประเด็นในเรื่องของผู้หญิงคนนึงที่สามารถเป็นไอดอล และเป็นแรงบันดาลใจ เป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่ คนที่มีความฝันมุ่งมั่น ซึ่งจะทำให้ภาพยนตร์มีความน่าสนใจมากขึ้น แตกต่างจากนวนิยายที่จะเน้นเล่าเรื่องราวชีวิตของพุ่มพวงว่าเป็นอย่างไร ในความเป็นบทภาพยนตร์เราใส่อารมณ์ความมุ่งมั่นเพื่อความฝันให้กับคนดู ซึ่งเมื่อดูจบแล้วจะต้องเกิดความรู้สึกว่าอยากจะเป็นแบบพุ่มพวง คืออยากจะต่อสู้ อยากจะเอาชนะกับอุปสรรคต่างๆ นี่คือความแตกต่างและเป็นประเด็นหลักที่เรานำมาใส่ในบทภาพยนตร์ครับ”
ภาพ “คอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่” และ “ความทรงจำสุดประทับใจ”จะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง
การออกแบบงานสร้างด้านโปรดักชั่นดีไซน์ จะเป็นการรวบรวมฉากคอนเสิร์ตสุดประทับใจครั้งเมื่อ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” เป็นนักร้องโชว์ลีลาการเต้นและน้ำเสียงทรงพลังกับการแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตต่างๆ ซึ่งยังคงตราตรึงอยู่ในใจแฟนเพลงไม่มีวันลืมมาไว้ในภาพยนตร์ เช่น
- ฉากเวทีคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตของพุ่มพวง บนเวทีคอนเสิร์ตของขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด เป็นครั้งที่พุ่มพวงเริ่มก้าวชีวิตเป็นนักร้องอย่างเต็มตัว มือถือไมค์เพียบพร้อมด้วยวงดนตรีและหางเครื่อง กับบทเพลง “สาวร้อยเอ็ด” ซึ่งเป็นเพลงร้องแก้ให้กับนักร้องชาย
- ฉากคอนเสิร์ตโลกดนตรี อีกหนึ่งคอนเสิร์ตแห่งความทรงจำที่มีคนดูและบรรดาแฟนเพลงอย่างหนาแน่นแห่งประวัติการณ์ ทั้งยังต้องปีนต้นไม้เพื่อดูคอนเสิร์ตของพุ่มพวง นักร้องลูกทุ่งสาวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด โดงดังอย่างสุดขีดในยุคนั้น กับบทเพลงตั๊กแตนผูกโบว์, โลกของผึ้ง และนักร้องบ้านนอก
- ฉากคอนเสิร์ตที่โรงแรมดุสิตธานี สถานที่ที่พุ่มพวงฝันไว้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องได้มีโอกาสแสดงคอนเสิร์ตบนโรงแรมที่โก้หรูและมีแต่ผู้คนไฮโซ หรือคนรวยๆ มาชมคอนเสิร์ตของเธอ ซึ่งฉากคอนเสิร์ตเหล่านี้ทีมผู้ออกแบบงานสร้างบรรจงใส่รายละเอียดอย่างครบถ้วน เพื่อสมกับที่ต้องการจำลองเวทีคอนเสิร์ต เสมือนย้อนเวลากลับไปสู่ยุคราชินีลูกทุ่งที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง
เทรนด์ชุดลายเสือจะกลับมา...โบว์ผูกผมจะกลายเป็นแฟชั่นอีกครั้ง เมื่อทีมออกแบบเสื้อผ้า และช่างหน้า ช่างผม ถอดความเป็นพุ่มพวง ดวงจันทร์ ออกมาได้เนียนอย่างมืออาชีพ หลากหลายชุดในทุกๆ คอนเสิร์ตที่ถูกนำมาอยู่ในภาพยนตร์ ทรงผมบ็อบ หน้าม้า ผมยาว ผมสั้น ลิปสติกสีแดงสด รองเท้าส้นสูง ล้วนแล้วแต่เป็นภาพแห่งความทรงจำที่ยังคงประทับใจไม่จางหายไป
มนต์เพลงอมตะ “พุ่มพวง ดวงจันทร์”
บทเพลงแห่งความทรงจำและยังคงได้ยินติดหูจนถึงยุคปัจจุบันนี้ ถูกนำมาประกอบในภาพยนตร์ เพลงดังสุดฮิต สุดประทับใจ เช่น นักร้องบ้านนอก, ผู้ชายในฝัน, ดาวเรืองดาวโรย, หนูไม่รู้, กระแซะเข้ามาสิ, ตั๊กแตนผูกโบว์, สาวนาสั่งแฟน, ห่างนิดถอยหน่อย, แก้วรอพี่ ฯลฯ หลากหลายบทเพลงเหล่านี้จะถูกรวบรวมและนำกลับมาให้ทุกคนติดปากร้องตามกันทั่วบ้านทั่วเมืองอีกครั้ง
“ก่อนจากบ้านมา เพื่อนมันว่าให้ช้ำทรวง ไปเป็นนักร้องให้เขาล้วง มันเจ็บในทรวงไม่หาย
ไม่เด่นไม่ดังจะไม่หันหลังกลับไปทุกวันคืนนอนร้องไห้ อีกเมื่อไหร่จะโชคดี”.....เพลงนักร้องบ้านนอก
“พี่จ๋าพี่ สัญญาปีนี้แล้วไม่มาแต่ง ค่าสินสอดก็ไม่แพงหรือพี่แกล้งให้แก้วรอเรื่อยไป
พี่จ๋าพี่ แถวย่านบ้านนี้เขาว่าแก้วได้หม้ายขันหมากแล้วหรือไร”....เพลงแก้วรอพี่
“หากพี่กลับมาซื้อผ้าตาตา ฝากน้องบ้างเน้อ อย่าให้คอยเก้อนะพี่ อยากมีเสื้อใหม่
อย่าพาหญิงงาม กลับมาหยามน้ำใจ หากพามาได้แต่อย่าให้สวยเกิน”.....เพลงสาวนาสั่งแฟน
“ตีห้า ไม่ถึงก็จวนคิดทบทวนเรื่องฝันชั้นดี ผู้ชายอะไรน่าหยิกกระซี้ กระซิก น่ารัก น่าตี เพียรมาออดออเซาะ
คำเสนาะมากมี ฝันว่าคิดอยู่หวำหวามถ้าถูกลวนลามจะทำไงดี”.....เพลงผู้ชายในฝัน
“แฟนจ๋า ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ารักพุ่มพวงแล้วจะซำบาย แฟนจ๋า ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้ารักพุ่มพวงแล้วจะซำบาย
จะร้องเพลงให้แฟนฟัง เพลงไทยเพลงหรั่งพุ่มพวงก็ร้องได้”.....เพลงแฟนพุ่มพวง ฯลฯ
นักแสดงคุณภาพร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของ “ราชินีลูกทุ่ง”
การคัดเลือกนักแสดงเพื่อมารับบท “พุ่มพวง ดวงจันทร์” นับว่าเป็นโจทย์ยากสำหรับภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย ต้องค้นหาผู้ที่ร้องเพลงได้และน้ำเสียงดี ต้องมีใบหน้างดงาม รวมถึงฝีมือทางการแสดงต้องดีเยี่ยม ซึ่งก็มีนับหลายร้อยกว่าคนที่เข้ามาแคสติ้ง หรือแม้แต่ค่ายเพลงประกวดระดับ AF (เอเอฟ), The Star (เดอะสตาร์), KPN (เคพีเอ็น) จนสุดท้ายได้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมาเพียงหนึ่งเดียว เป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ ดาวดวงใหม่แห่งค่ายแกรมมี่โกลด์ “น้องเปา-เปาวลี พรพิมล” (แชมป์ออฟเดอะเยียร์ รายการคว้าไมค์คว้าแชมป์ ของช่องแฟนทีวี) ที่มีฝีมือทางการแสดงและน้ำเสียงร้องเพลงอย่างโดดเด่น ซึ่งเปาวลีเล่าถึงความภูมิใจที่ได้รับเกียรติถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของราชินีลูกทุ่งว่า
“ตอนที่รู้ข่าวว่าได้แสดงเรื่องนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจอย่างมากที่ได้รับบทเป็น แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เพราะว่าแม่ผึ้งถือว่าเป็นราชินีลูกทุ่งที่ใครๆ ก็รู้จัก เป็นต้นฉบับและต้นแบบของนักร้องลูกทุ่งในรุ่นต่อๆมาอีกด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตเปาก็คุ้นเคยกับเสียงเพลงของแม่ผึ้งมาโดยตลอด รวมถึงชีวิตของแม่ผึ้งกว่าจะก้าวมาเป็นราชินีลูกทุ่งได้นั้นต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมามากมาย กว่าจะโด่งดังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้ค่ะ”
ด้านนักแสดงชายในบทของ “ธีระพล แสนสุข” ทีมงานและผู้กำกับต่างลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ สำหรับผู้ที่เหมาะสมแสดงเป็นคนรักคนแรกของพุ่มพวง ต้องเป็น “ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ” ซูเปอร์สตาร์พระเอกมาดเข้มและมากความสามารถเพียงคนเดียวเท่านั้นโดยไม่มีตัวเลือกอื่นใดๆ จึงนับว่าเป็นการหวนคืนสู่จอภาพยนตร์อีกครั้งของป๋อ-ณัฐวุฒิ ในภาพยนตร์ครั้งนี้
“รู้สึกยินดีมากครับ ต้องขอขอบคุณพี่อ็อด ผู้กำกับ และทีมงาน ที่รู้สึกว่าบทนี้เหมาะสมกับผม แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ต้องอยากจะเห็นด้วยความรู้สึกของตัวผมเองว่าบทเนี่ยเหมาะกับผมจริงๆ ซึ่งพออ่านบทแล้วก็ยิ่งมีเสน่ห์ อ่านแล้วเรารู้สึกเลยว่ามันมีความแยบยลอยู่ในนั้นมันมีทุกอย่าง รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการนำเรื่องราวชีวิตช่วงหนึ่งของคุณพุ่มพวงมานำเสนอ ทุกวันนี้แม้คุณพุ่มพวงจะจากไปแล้วแต่ก็ยังอยู่ในใจของคนไทยทุกคนๆ ครับ”
เสน่ห์ภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจแด่นักล่าฝัน
เหล่านักแสดงและผู้กำกับจากภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” ต่างพร้อมใจพูดถึงเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่มีความฝัน
พระเอกซูเปอร์สตาร์ ณัฐวุฒิ สกิดใจ “ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่มีความฝัน เป็นการสะท้อนเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนนึงที่มีชีวิตและเส้นทางเดินไม่ได้เรียบง่าย ต้องผ่านเรื่องราวฝ่าฟันอุปสรรคมาเยอะแยะ จนสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จและไปถึงความฝันที่ตั้งใจอยากจะเป็นจริงๆ แต่การไปถึงความฝันไม่ได้มาจากพรสวรรค์อย่างเดียวมันมาจากพรแสวงของตัวเองด้วย ความมุ่งมั่น ความมุมานะ ความไม่ย่อท้อ ความอดทนและเพียรพยายามที่จะเดินไปสู่ความฝันให้ได้แม้จะล้มสักกี่ครั้งก็ตาม ผู้หญิงคนนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าลุกขึ้นมาเชิดหน้าแล้วเดินต่อไปได้ ผมเชื่อว่าใครหลายๆ คนที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะได้แนวคิดเป็นแรงบันดาลใจในการที่จะดำเนินชีวิต รักษาความฝันของตัวเองเอาไว้และพยายามที่จะเดินไปให้ถึงความฝันของตัวเองอย่างสำเร็จแน่นอน”
นางเอกสาวดาวรุ่ง เปาวลี พรพิมล “เสน่ห์ คือ ความอัจฉริยะของแม่ผึ้ง ที่เรียนจบมาแค่ ป.2 สามารถร้องเพลงและจดจำบทเพลงได้กว่า 500 เพลง และเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น เข้มแข็งอดทนอย่างมาก ยอมฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องราวต่างๆ เพื่อความฝันของตัวเอง จนกลายเป็นราชินีลูกทุ่งของคนไทยทั้งประเทศ เปาเชื่อและมั่นใจว่าถ้าได้ชมภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง แล้ว จะเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับหลายๆ คนที่มีความฝันของตัวเอง หรือใครที่กำลังมีปัญหา ท้อแท้ในชีวิต ก็จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไปได้ค่ะ”
และผู้กำกับ บัณฑิต ทองดี “เสน่ห์คือ บทเพลง บรรดาเพลงต่างๆ และเพลงที่ฮิตของคุณพุ่มพวงที่เราเคยฟังและชอบ จะถูกนำกลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่องนี้ และก็เสน่ห์ของการย้อนยุคเรื่องราวของคุณพุ่มพวงภาพในวันนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สถานที่ของยุคนั้นที่จะทำให้เราได้หวนกลับไปยังภาพเก่าๆ ของ ณ วันนั้น สถานที่ต่างๆ ก็จำลองความเป็นเหตุการณ์ในยุคปี 20-35 ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนดูหวนกลับไปสู่อดีตแล้วก็ได้ฟังเพลงของนักร้องที่ตัวเองชื่นชอบครับ และจะประทับใจในตัวของคุณพุ่มพวง จากที่คุณเคยรักอยู่แล้วก็จะยิ่งรักเพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่เด็กรุ่นหลังที่ไม่รู้จักหากได้ชมแล้ว คุณพุ่มพวงจะเป็นต้นแบบ เป็นไอดอล เป็นผู้นำหรือว่าบุคคลที่ควรจะเอาอย่างมีความมุ่งมั่น ต่อสู้ความฝัน เอาชนะอุปสรรคต่างๆ ผมว่าเมื่อชมภาพยนตร์จบแล้วจะได้ความรู้สึกที่ว่าอยากเอาชนะความฝันอยากเดินหน้าต่อไปเพื่อต่อสู้เอาชนะอุปสรรคเพื่อจุดมุ่งหมายในชีวิต”