INTERVIEW: “บัณฑิต ทองดี” ผู้กำกับภาพยนตร์ภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง”
แนะนำตัว
สวัสดีครับผมบัณฑิต ทองดี หรือ อ็อด เป็นผู้กำกับเรื่อง พุ่มพวง ครับ
ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้าง
ผลงานส่วนใหญ่ก็กำกับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เขียนบท แล้วก็เป็นโปรดิวเซอร์ สำหรับผลงานกำกับภาพยนตร์ที่ผ่านมาก็มีเรื่อง มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม, เฮี้ยน, มนุษย์เหล็กไหล, ฝันหวานอายจูบ ตอนอาย และผลงานกำกับละครก็เรื่องทะเล จำปี ดนตรี ทราย, รักห้ามโปรโมท ช่องไอทีวี, ย.ยักษ์ยอดยุ่ง ช่อง3, อุบัติรักข้ามขอบฟ้า และที่กำลังออนแอร์ตอนนี้ก็เรื่องโลมากล้าท้าฝัน ช่อง 9 ครับ
เล่าถึงที่มาของโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง
ส่วนตัวแล้วผมชอบและศรัทธาชื่นชมในตัวของคุณพุ่มพวงอยู่แล้ว ต้องบอกว่าโปรเจ็คต์นี้มีหลายคนที่อยากจะทำกันมาก จนกระทั่งเมื่อมีโอกาสได้คุยกับทางพี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว (โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์พุ่มพวง) เกี่ยวกับหนังที่เป็นเพลงลูกทุ่งค่อนข้างจะซบเซา ผมเองก็ยังอยากจะทำหนังเกี่ยวกับลูกทุ่ง และคุณอรุณี (โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์พุ่มพวง) ก็ได้อ่านหนังสือ ดวงจันทร์ที่จากไป ของคุณบินหลา สันกาลาคิรีแล้วก็ชอบมาก เขาก็อยากจะทำโปรเจ็คต์นี้เช่นกัน ทุกคนชอบคุณพุ่มพวงทั้งนั้น พี่ปรัชเองก็ชอบพุ่มพวง ผมเองก็ชอบ และหลายคนก็ชอบพุ่มพวง เรานั่งปรึกษากันว่าจะทำภาพยนตร์เรื่องราวชีวประวัติของบุคคลคนหนึ่งที่คนทั้งประเทศรักและศรัทธา จากนั้นพี่ปรัชก็นำโปรเจ็คต์นี้ไปเสนอกับทางเสี่ยเจียง ค่ายสหมงคลฟิล์ม เสี่ยเจียงเองก็ชื่นชอบคุณพุ่มพวง และก็ตกลงอนุมัติให้สร้างภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง โดยให้ผมเป็นผู้กำกับเรื่องนี้ครับ
ขั้นตอนระยะเวลาการเตรียมงานและข้อมูลกว่าจะเกิดเป็นโปรเจ็คต์นี้
มีการเตรียมงานด้านการรีเสิร์ทข้อมูลเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์ประมาณ 2 ปี จากนั้นกว่าจะเปิดกล้องได้ก็ประมาณอีก 1 ปีครึ่ง ทำเรื่องขอลิขสิทธิ์ ปรับความเข้าใจกับครอบครัวอยู่หลายครั้ง รวมถึงท่านที่เกี่ยวข้องกับคุณพุ่มพวงเพื่อขอข้อมูลและขอเรื่องราวของท่านเหล่านั้นมาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งการติดต่อ การค้นหาข้อมูล และตัวบุคคลค่อนข้างจะยาก ยิ่งเรื่องบทภาพยนตร์ต้องเขียนออกมาได้แนบเนียนและไม่เป็นการพาดพิงท่านใดจนเกิดความเสียหายชื่อเสียง ก็ต้องมีการขัดเกลาบทภาพยนตร์หลายรอบกว่าจะเกิดเป็นภาพยนตร์พุ่มพวงและกว่าจะได้เปิดกล้องก็ประมาณ 3 ปีครับ
การคัดเลือกนักแสดง ยากมากกว่าจะได้ผู้ที่เหมาะสมที่สุดมารับบท พุ่มพวง ดวงจันทร์
สำหรับคนที่จะมารับบทเป็น พุ่มพวง โจทย์ค่อนข้างยากนะ หนึ่งต้องร้องเพลงได้และดี สองต้องเป็นคนสวย สามต้องแสดงดีด้วย มันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างหายาก เราเข้าไปคุยกับค่ายที่ประกวดเพลงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น AF (เอเอฟ), The Star (เดอะสตาร์), KPN (เคพีเอ็น) เรากว้านมาแคสติ้งหมดเลย เพื่ออยากจะได้คนที่เหมาะสมจริงๆ แต่ละคนจะมีความบกพร่องที่ไม่เหมือนกันบางคนก็ร้องเพลงดีแต่แสดงไม่ดี บางคนแสดงดีร้องไม่ได้ บางคนสวยดีทุกอย่างแต่ความใสซื่อแบบต่างจังหวัดไม่มี เป็นเรื่องที่พวกเราต้องทำการบ้านกันหนักมาก เราเรียกคนมาแคสติ้งเยอะมาก เป็นหลายร้อยคนเกือบๆสามร้อยกว่าคนได้ครับ ซึ่งฝ่ายแคสติ้งนักแสดงทำงานหนักมาก สุดท้ายเราได้น้องเปา เปาวลี พรพิมล นักร้องจากค่ายแกรมมี่โกลด์ โดยทางค่ายส่งเข้ามาแคสติ้ง ซึ่งน้องเปาเองก็เข้ามาแคสติ้งถึง 2 ครั้งเลยทีเดียว ความรู้สึกแรกผมคิดว่าเด็กคนนี้ยังไม่มีแววพอ แต่ถูกการันตีจากครูสอนการแสดงถึง 2 ท่านว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ ทั้งร้องและการแสดงเป็นอย่างมาก ก็เลยได้ให้โอกาสและก็ได้ร่วมงานกับน้องเปาครับ
สำหรับบทพระเอก ธีระพล คู่รักคนแรกของพุ่มพวง วางตัวนักแสดงไว้อย่างไร
ภาพแรกของบทธีระพล แสนสุข ที่ทุกคนมองเหมือนกันหมด ทั้งตัวผม ทั้งพี่ปรัช หรือว่าหลายฝ่ายที่มาช่วยแคสติ้งทุกคนมองภาพว่าต้องเป็น คุณป๋อ ณัฐวุติ คนเดียวเลยครับ คือต้องคุณป๋อเท่านั้น และไม่มีตัวเลือกอื่นใดๆ ทั้งนั้น บุคลิกต้องมีความเป็นไทย ดูไม่ทันสมัย ดูเป็นผู้ใหญ่นิ่ง สุขุม และเหมาะสมที่จะมารับบทเป็นคู่ชีวิตของคุณพุ่มพวงได้ ซึ่งคุณป๋อเป็นตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวที่เราคิดครับ แต่ด้วยเรื่องของเวลาและคิวงานที่รัดตัวคุณป๋อทำให้ยากไม่สามารถแมชเวลาการทำงานที่ลงตัวกันได้ สุดท้ายเราลงความเห็นว่าเรายอมรอคิวคุณป๋อ ถึงแม้จะได้เปิดกล้องช้ากว่าที่เรากำหนดไว้ ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ามากครับที่ได้ดาราซูเปอร์สตาร์ที่มีความสามารถและเหมาะกับคาแร็คเตอร์ของ ธีระพล ครับ
รวมถึงการคัดเลือกนักแสดงมารับบทครูเพลง อย่าง ครูไวพจน์ และครูมนต์ เป็นอย่างไรบ้าง
บทครูเพลงในเรื่องจะมีครูเพลงสำคัญ 2 ท่าน จะเป็นครูเพลง ที่เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของคุณพุ่มพวง ในเรื่องก็มีครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ ตอนแรกเราค้นหานักแสดงหลายๆ คน บางท่านเหมาะแต่น้ำเสียงเหน่อยังไม่ได้บ้าง สุดท้ายก็มาลงตัวที่ คุณบุญโทน คนหนุ่ม ท่านเป็นนักแหล่ชื่อดังมากซึ่งเพลงของครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ สามารถร้องได้หมดทุกเพลง แล้วก็เป็นคนพูดสำเนียงออกเหน่อ ใกล้เคียงกับคาแร็คเตอร์ของครูไวพจน์มาก และอีกท่านคือ ครูมนต์ เมืองเหนือ อยากได้คนที่ร้องเพลงได้ และมีบุคลิกที่น่านับถือ ก็มาจบที่พี่ถนอม สามโทน เพราะด้วยบุคลิกที่เป็นผู้ใหญ่ และเป็นนักร้องด้วยจะมีความเข้าใจความเป็นลูกทุ่ง ซึ่งก็เหมาะกับบทครูมนต์ เมืองเหนือ ครับ
ได้นักเขียนรางวัลซีไรต์ บินหลา สันกาลาคีรี และนักเขียนรุ่นใหม่ พัฒนะ จิรวงศ์ ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ในครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
จริงๆ แล้วบทภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง มีการดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดังเรื่อง ดวงจันทร์ที่จากไป ซึ่งก็เป็นงานเขียนของคุณบินหลา สันกาลาคิรี นักเขียนมือรางวัลซีไรต์ ท่านก็เป็นบุคคลนึงที่มีส่วนร่วมทำให้โปรเจ็คต์พุ่มพวงเกิดขึ้น ซึ่งคุณบินหลาจะมีข้อมูลที่เคยรีเสิร์ทมาแล้วประมาณนึงเมื่อตอนทำออกมาเป็นหนังสือ ส่วนทางเราเองก็ได้มีการรีเสิร์ทข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อนำมารวมกันแล้วก็ประมวลผลออกมาเป็นบทภาพยนตร์ โดยมีคุณบินหลาคอยให้คำแนะนำ และคำปรึกษาในด้านการนำมาทำเป็นบทภาพยนตร์ และร่วมเขียนบทกับคุณตั้ม พัฒนะ จิรวงศ์ อีกท่านนึง ซึ่งก็เป็นบทภาพยนตร์ที่เขียนออกมาได้ถูกใจผมมากครับ
ความแตกต่างเมื่อนำมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์
เรานำเสนอให้แตกต่างจากนวนิยายโดยเราใส่ประเด็นในเรื่องของผู้หญิงคนนึงที่สามารถเป็นไอดอล และเป็นแรงบันดาลใจ เป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่ คนที่มีความฝันมุ่งมั่น ซึ่งจะทำให้ภาพยนตร์มีความน่าสนใจมากขึ้น แตกต่างจากนวนิยายที่จะเน้นเล่าเรื่องราวชีวิตของพุ่มพวงว่าเป็นอย่างไร ในความเป็นบทภาพยนตร์เราใส่อารมณ์ความมุ่งมั่นเพื่อความฝันให้กับคนดู ซึ่งเมื่อดูจบแล้วจะต้องเกิดความรู้สึกว่าอยากจะเป็นแบบพุ่มพวง คืออยากจะต่อสู้ อยากจะเอาชนะกับอุปสรรคต่างๆ นี่คือความแตกต่างและเป็นประเด็นหลักที่เรานำมาใส่ในบทภาพยนตร์ครับ
เล่าเรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวตั้งแต่ตอนเด็กของคุณพุ่มพวง เข้ามากรุงเทพฯ และมาขออยู่ในวงของครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ โดยมีความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นนักร้องเพียงเท่านั้นในชีวิตนี้ จะต้องโด่งดังให้ได้ ทั้งที่เรียนจบแค่ชั้นป.2 หนังสือก็อ่านไม่ออก เขียนก็ไม่ได้ จากนั้นก็ได้พบรักกับธีระพลและทำให้มีปัญหากับครูไวพจน์ ทำให้ทั้งคู่ต้องออกไปสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง สร้างชีวิตครอบครัวและสร้างวงดนตรีด้วยกัน แต่ก็พบกับอุปสรรคมากมาย จนเมื่อความสัมพันธ์ทั้งคู่เริ่มสั่นคลอน พุ่มพวงก็ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องส่วนตัว และการทำงาน จนสามารถเอาชนะความฝันของตัวเองได้ และได้กลายเป็นนักร้องโด่งดังถึงขั้น ราชินีลูกทุ่ง ร้องเพลงและจำบทเพลงได้หลายร้อยเพลง คนไทยทั้งประเทศต้องรู้จักเธอ พุ่มพวง ดวงจันทร์ นี่คือความมหัศจรรย์ของผู้หญิงคนนึง
ความน่าสนใจของโปรดักชั่นดีไซน์ สำหรับฉากคอนเสิร์ตในแต่ละฉาก ที่ต้องสร้างออกมาให้สมจริง เหมือนย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง
แน่นอนครับเพื่อความสมจริงและอยากให้ความรู้สึกของคนดูเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเห็นเรื่องราวจริงๆในเหตุการณ์จริงครั้งนั้น ฉะนั้นทีมงานจึงต้องมีการรีเสิร์ชข้อมูลกันอย่างหนัก รีเสิร์ชจากภาพเก่าๆ และก็พยามหาคอนเสิร์ตเก่าๆของพี่ผึ้งมาดูและนำมาจำลอง ซึ่งก็ยากเหมือนกันแต่ผมก็พยามบอกทีมงานว่า เรากำลังจะสร้างเรื่องจริง เหตุการณ์ชีวิตของบุคคลจริงๆ ฉะนั้นเราอย่าไปบิดเบือนหรือว่าทำตามความรู้สึกของเราอย่างเดียว เราพยามสร้างฉากหรือเรียกได้ว่าก็อปปี้เวทีจริงๆ ให้เหมือนและสมจริงมากที่สุดเท่าที่จะทำออกมาได้เกือบจะเป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งฉากคอนเสิร์ตโลกดนตรี องค์ประกอบต่างๆ บนเวที รวมถึงชุดเสื้อผ้าของคุณพุ่มพวงที่ใส่ขึ้นเวทีในครั้งนั้น ฉากรายการสี่ทุ่มสแควร์ที่คุณพุ่มพวงมาสัมภาษณ์กับคุณวิทวัสก็จำลองให้เหมือนเท่าที่จะเหมือนได้ เช่นกันเสื้อผ้า หน้าผมต้องใกล้เคียงที่สุด ฉากคอนเสิร์ตตามงานวัดก็ต้องทำให้ออกมาดูเป็นแบบงานวัด หรือแม้แต่ฉากคอนเสิร์ตโรงแรมดุสิตธานี สำหรับฉากนี้เราใช้ห้องนภาลัยของโรงแรมดุสิตธานีจริงๆ และเป็นเวทีเดิมที่คุณพุ่มพวงได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ต วันนั้นที่เราถ่ายทำฉากนี้กัน ทีมงานหลายคนรวมถึงผมขนลุกกันเกือบหมดเลย ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเราย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง ตอนนั้นเราถือรูปคุณพุ่มพวงแล้วบอกว่า พี่ผึ้งครับเราพากลับมาอดีตของพี่ผึ้งนะมาย้อนดูตัวเองวันนั้นนะพี่ เราจะบอกอยู่ตลอดเวลา จำได้ว่าเปิดดีวีดีของพี่ผึ้งดูแล้วก็เปิดภาพที่เราถ่ายฉากนั้น ความรู้สึกมันเหมือนจริงมากครับเหมือนกับพี่ผึ้งกลับมาจริงๆ วันนั้น ทำให้ทุกคนภูมิใจและขนลุกกับเหตุการณ์ที่ถ่ายทำวันนั้นมากทีเดียวครับ
รวมถึงการทำเสื้อผ้า และหน้าผมที่ต้องใกล้เคียงกับคุณพุ่มพวง ทีมงานต้องทำการบ้านกันหนักขนาดไหน
ในส่วนของทีมงานออกแบบเสื้อผ้า และทีมช่างแต่งหน้า ทำผม อันดับแรกที่เราคิดคืออยากให้คนดูได้นึกย้อนถึงคุณพุ่มพวง ในลุคที่หลากหลายและยังคงประทับใจจดจำได้อยู่ ไม่ว่าจะทรงผมสั้น ผมยาว ผมหน้าม้า หรือผมบ็อบ ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆ คนยังจำภาพที่พี่ผึ้งผมสั้น บางคนก็จำชุดที่สวมใส่ตอนขึ้นคอนเสิร์ตอย่างชุดลายเสือ ซึ่งเราก็ดีไซน์ออกมาได้อย่างใกล้เคียงคาแร็คเตอร์ของคุณพุ่มพวงจริงๆ หวานก็ได้ เปรี้ยวก็ได้ หรือจะร็อคก็ยังได้ ทำให้ดูเซ็กซี่เล็กๆ ก็ยังได้ เป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่รายละเอียดทั้งเสื้อผ้า หน้า และผมให้ดูสมจริง ยิ่งทรงผมจะเน้นว่าต้องไม่ให้ดูออกมาเป็นวิก ถ้าดูออกว่าเป็นวิกเราจะไม่ยอมถ่ายเด็ดขาด ก้ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคนทุกฝ่ายที่ตั้งใจทำการบ้านกันอย่างเต็มที่และทำออกมาได้ดีมากครับ หนังเรื่องนี้ทุกคนอยากทำกันมาก พอรู้ว่าเป็นเรื่องพุ่มพวง ทีมงานทุกคนเตรียมตัวทำการบ้าน แล้วทุกคนชอบพี่ผึ้งจึงยิ่งเป็นแรงบันดาลใจและเต็มที่กับงานสร้างครั้งนี้อย่างมาก ถือว่าเป็นความโชคดีของพวกเราทุกคนครับ
บทเพลงประทับใจจะหวนกลับมาให้ฟังกันแบบเต็มอิ่มในภาพยนตร์เรื่องนี้มากน้อยขนาดไหน
ครับคุณจะได้ฟังเพลงของคุณพุ่มพวงที่คุณชอบ เพลงดังๆ เกือบทุกเพลง เราเลือกเพลงที่ท็อปฮิตที่สุดของคุณพุ่มพวง ซึ่งถ่ายทอดโดยน้องเปา เปาวลี เพลงที่ทุกคนคุ้นหูอย่างเช่น นักร้องบ้านนอก ผู้ชายในฝัน ดาวเรืองดาวโรย หนูไม่รู้ เพลงพวกนี้รับรองว่าได้ฟังอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าทุกคนต้องชอบและจำได้ เคยประทับใจสมัยที่ทุกคนได้ฟัง มีบทเพลงเหล่านี้อยู่ในภาพยนตร์กันแบบจุใจเลยครับ
ฉากประทับใจของผู้กำกับ
ฉากคอนเสิร์ตโลกดนตรีครับ เราจำลองเหตุการณ์คอนเสิร์ตครั้งนั้นและร้องเพลงนักร้องบ้านนอก กับโลกของผึ้ง แต่วันนั้นก็มีอุปสรรคในการถ่ายทำคือฝนตก ถึงแม้จะถ่าย indoor ก็จริงแต่ว่าเรื่องการเก็บเสียง ฝนก็ทำลายบรรยากาศการถ่ายทำ และฉากนี้น้องเปาจะต้องร้องไห้หลายๆ ครั้งและเป็นลมบนเวทีหลายๆ ครั้ง ต้องให้น้องเปารักษาอารมณ์ของเขาให้ได้ทุกเทค อันนี้เป็นเรื่องยากแต่สิ่งที่ประทับใจคือ ฉากนี้น้องเปาร้องเพลงนักร้องบ้านนอกโดยใช้วิธีการร้องไปมองหน้าแม่ไปแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าอินกับบทพุ่มพวง คือน้องเปารู้สึกว่าตัวเขาเหมือนในเพลงนักร้องบ้านนอก ถ้าไม่เด่นไม่ดังก็จะหันหลังกลับไป ต่อสู้ชีวิตฝ่าฟันตัวเองมาจนถึงวันนี้ได้โดยมีคุณแม่เข้ามามีส่วนช่วยผลักดัน ตอนถ่ายฉากนี้น้องเปาจะรู้สึกอินกับบทและการแสดงอย่างมาก และก็ร้องไห้น้ำตาไหล วันนั้นสะกดทุกคนในทีมกองถ่ายอึ้ง บางคนก็ถึงกับน้ำตาไหลไปกับน้องเปาด้วย ผมก็อึ้งด้วยทำอะไรไม่ถูกปล่อยให้น้องเปาร้องจนจบเพลงและบอกน้องเปาว่าขอบคุณมาก ประทับใจฉากนี้มาก ผมเลยรู้สึกว่าน้องเปาสามารถสะกดคนดูได้ด้วยเพลงและด้วยอารมณ์ของเขา ทำให้ผมรู้สึกประทับใจฉากนี้และประทับใจการแสดงของน้องเปามากครับ
เล่าถึงเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์
ผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องโชคลางพอสมควร ก่อนถ่ายภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง ทุกครั้งเราจะมีรูปของคุณพุ่มพวงใส่กรอบอย่างดีนำไปตั้งวางไว้ที่กองถ่ายและให้ทีมงานรวมถึงนักแสดงหลักๆ ทุกคนกราบไหว้ก่อนที่จะแสดงทุกคิวถ่าย และทุกครั้งที่ถ่ายทำเราจะหันรูปคุณพุ่มพวงไปที่เซ็ตการแสดงเหมือนว่าเราต้องการให้พี่ผึ้งได้ดูการแสดงการถ่ายทำหนัง เราจะไม่เอารูปหันไปทางอื่นเพื่อให้พี่ผึ้งเห็นว่าพวกเราได้ทำอะไรบ้าง
ส่วนเรื่องความสนุกสนานในกองถ่ายต้องยกให้พระเอกหล่อมากเท่ห์คือ พี่ป๋อ เขาเป็นคนสนุกสนานเฮฮา ชอบแหย่เล่นทีมงานตลอด โดยเฉพาะกับผมเราเป็นคู่ปรับกันคือ ชอบแซวผมประจำเลย เรียกว่าสร้างความครื้นเครงให้กับกองถ่ายตลอดเวลา ยิ่งน้องเปาเนี่ยจะโดนพี่ป๋อแกล้งอำบ่อยมาก น้องเปาด้วยความเป็นเด็กจะงงๆ ไม่รู้เรื่องเวลาโดนอำไม่เข้าใจว่าทุกคนแซวไรกัน ทำไรกัน ก็จะเฮฮากันในกองถ่าย
เป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานร่วมกับพระเอกป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับพี่ป๋อด้วยวัยที่ใกล้เคียงต่างคนต่างเรียกพี่ ด้วยความที่เขาเป็นนักแสดงที่มีความสามารถอยู่แล้ว พื้นฐานการแสดงที่ผ่านแสดงละครมาเยอะคงไม่ต้องพูดอะไรมากเขาเนียบการแสดงอยู่แล้วครับ และเป็นคนที่ทำการบ้านมาเยอะมากสำหรับบทคุณธีรพล พี่ป๋อจะไม่พยามเป็นคนหล่อในเรื่องนี้ บางทีจะทำผมแบบเนียบให้แต่เขาบอกว่าบทนี้ฉากนี้ต้องทำผมยุ่งสิ แล้วก็ไปขยี้ผมตัวเองเพื่อให้รับบทตรงกับคาแร็คเตอร์ของคุณธีรพลจริงๆ ไปหัดเป่าแซกโซโฟนมาด้วยนะ ไม่ได้เก่งแต่ก็ถือว่าใช่ได้ครับ มีความเป็นนักดนตรีสูงเพราะเขาก็เป็นนักดนตรีเลยพอเข้าใจความเป็นนักดนตรี เป็นคนสนุกสนานเฮฮาสร้างความครื้นเครงให้กับกองถ่าย ตรงต่อเวลาพูดคำไหนคำนั้นไม่เคยทำให้กองถ่ายต้องรวนในเรื่องของเวลา การเข้าคู่กับน้องเปาได้ดีมากและแนะนำสอนการแสดงน้องเปาด้วย พี่ป๋อจะทำการบ้านในการแสดงภาพยนตร์เพราะแสดงละครจะต่างกันแต่ก็ตัดความเป็นละครออกไปได้ครับ
การร่วมงานกับนางเอกหน้าใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ เปาวลี พรพิมล เป็นอย่างไรบ้าง
น้องเปาเป็นเด็กน่ารักมาก ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัดมาจากสุพรรณบุรี น้องเปาจะมีความใสซื่อ ทั้งสดใสและมีความกระตือรือร้นในการทำงาน ไม่มีความจริตเหมือนเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ที่บางคนงอแง พอง่วงนอนแล้วก็จะไม่อยากทำงาน แต่สำหรับน้องเปาไม่เคยเป็น เวลาออกกองถ่ายน้องเปาจะตื่นตัวตลอดเวลา อยากเจออะไรใหม่ๆ ตลอดมีอะไรไม่เข้าใจก็จะคอยถาม และพยายามมทำการบ้านตลอดเวลา อย่างคลิปของคุณพุ่มพวงใน youtube น้องเปาจะโหลดมาดูเป็นร้อยๆ คลิปเยอะมาก เพื่อที่จะศึกษาในสิ่งที่คุณพุ่มพวงเป็น เป็นข้อดีของน้องเปาครับ ด้านการร้องเพลงเสียงดีมากครับ ชอบร้องเพลงกล่อมทีมงาน นอกจากเพลงลูกทุ่งเพลงทั่วๆ ไปก็ร้องได้ไพเราะ เป็นเด็กมีพรสวรรค์ ต้องบอกว่าผมโชคดีมาก ผมว่าพี่ผึ้งคงเลือกแล้วว่าเป็นใครที่จะมารับบทเป็นเขา ส่งเด็กคนนี้มาให้ผมโดยที่ตอนแรกเราก็เฉยๆ แต่สุดท้ายเรายอมรับว่าเด็กคนนี้เก่งและเหมาะกับบทพุ่มพวงจริงๆ ครับ
เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของน้องเปา มีการแนะนำหรือสอนเทคนิคการแสดงอย่างไร
ผมพูดคุยกับน้องเปาบ่อย จะคอยแนะนำเรื่องท่าทางและบุคลิกของคุณพุ่มพวง เนื่องจากเราจะเห็นคุณพุ่มพวงมามากกว่าน้องเขา เราจะรู้ว่าเป็นแบบไหน ท่าทางการแสดงของคุณพุ่มพวงบนเวทีหรือการแสดงบนเวทีคุณพุ่มพวงเป็นอย่างไร ถึงแม้น้องเปาดูคลิปของคุณพุ่มพวงเป็นร้อยๆ ยังไงก็ต้องได้รับการแนะนำ ซึ่งก็ครูสอนการแสดงที่คอยแนะนำเป็นหลักอยู่ด้วยครับ อีกเรื่องที่แนะนำคือ การใช้ชีวิตในกองถ่าย และการวางตัวเมื่อเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง
ในเรื่องของการแสดงและการร้องเพลงของน้องเปาเป็นอย่างไรบ้าง
ตั้งแต่วันแรกที่เจอจนถึงวันปิดกล้องน้องเปามีพัฒนาการสูงมาก มีมาเรื่อยๆแม้แต่การร้องเพลงก็พัฒนาเรื่อยๆ เราจะพูดคุยเรื่องเทคนิคการร้องเพลงของน้องเปาเสมอ บางทีการร้องของเปาสำเนีงจะดูเป็นลูกทุ่งสมัยใหม่ไปบ้างก็จะต้องคอยบอกน้อง จากนั้นเปาก็จะกลับไปปรับปรุงการร้องเพลงมา จริงๆ เรื่องการร้องเพลงเราไม่เคยห่วงนะ เพราะน้องเปาเป็นนักร้องที่ชนะเลิศการประกวดมาเยอะมากมีถ้วยรางวัลเต็มบ้าน ในส่วนฝีมือการแสดงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ตอนแรกจะค่อนข้างห่วงการแสดง แต่น้องเปาเป็นเด็กที่เรียนรู้ได้เร็วมาก สามารถถ่ายทอดบทและอารมณ์ของคุณพุ่มพวงออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าไม่เคยผ่านการแสดงใดๆ มาเลย ฝีมือการแสดงขนาดนี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ผมยกให้เป็นเด็กที่มีความอัจฉริยะและเป็นเด็กมีพรสวรรค์มากครับ
ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆที่กำกับมาอย่างไร
แตกต่างเพราะว่าเป็นหนังชีวประวัติของบุคคล และมีความเซนซิทีฟ (sensitive) กว่าเรื่องอื่นๆ ที่เคยกำกับ ที่เราจะทำใส่ความคิดความรู้สึกได้เต็มที่ จะอะไรก็ทำได้เพราะเป็นเรื่องที่สร้างจากจินตนาการ แต่สำหรับเรื่องนี้มันต้องสมจริง แม้แต่ฉากเรื่องการแต่งกายเราจะบิดเบือนไม่ได้ จึงต้องมีการจำลองทุกอย่าง จำลองฉาก จำลองเสื้อผ้าของคุณพุ่มพวง ทรงผม วิธีการพูด เพื่อความสมจริงและคล้ายที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก ผมไม่เคยทำงานที่ทุกอย่างต้องเซ็ตให้เหมือนจริงในสิ่งที่เคยเป็นมาในยุคปี 20 หลายอย่างต้องย้อนเวลากลับไป ทีมงานต้องทำการบ้านอย่างหนัก และต้องรีเสิร์ชข้อมูลรายละเอียด พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย แม้แต่ครูสอนเต้น บรรดาครูต่างๆ นานามาเป็นที่ปรึกษาให้กับเราหมด สุดท้ายก็เป็นภาพยนตร์ที่ผมภูมิใจมากที่สุดเลยครับ
เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้
เสน่ห์คือ บทเพลง บรรดาเพลงต่างๆ และเพลงที่ฮิตของคุณพุ่มพวงที่เราเคยฟังและชอบ จะถูกนำกลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์ครั้งนี้ และก็เสน่ห์ของการย้อนยุคเรื่องราวของคุณพุ่มพวงภาพในวันนั้นไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สถานที่ของยุคนั้นที่จะทำให้เราได้หวนกลับไปยังภาพเก่าๆ ของ ณ วันนั้น สถานที่ต่างๆ ก็จำลองความเป็นเหตุการณ์ในยุคปี 20-35 ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนดูหวนกลับไปสู่อดีตแล้วก็ได้ฟังเพลงของนักร้องที่ตัวเองชื่นชอบครับ
สิ่งที่คาดหวังอยากให้คนดูเกิดความประทับใจในภาพยนตร์
ผมเชื่อว่าคนดูจะต้องประทับใจกับ บทเพลงที่ชื่นชอบ และจะประทับใจในตัวของคุณพุ่มพวง จากที่คุณเคยรักอยู่แล้วก็จะยิ่งรักเพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่เด็กรุ่นหลังที่ไม่รู้จักหากได้ชมแล้ว คุณพุ่มพวงจะเป็นต้นแบบ เป็นไอดอล เป็นผู้นำหรือว่าบุคคลที่ควรจะเอาอย่างมีความมุ่งมั่น ต่อสู้ความฝัน เอาชนะอุปสรรคต่างๆ ผมว่า เมื่อชมภาพยนตร์จบแล้วจะได้ความรู้สึกที่ว่าอยากเอาชนะความฝันอยากเดินหน้าต่อไปเพื่อต่อสู้เอาชนะอุปสรรคเพื่อจุดมุ่งหมายในชีวิต
ความประทับใจและชื่นชมที่มีต่อคุณพุ่มพวง
ผมชอบคุณพุ่มพวงมาก ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงจะได้เป็นพุ่มพวงบนเวทีในการแสดงโรงเรียนบ่อยๆ ด้วยความที่เราเป็นผู้ชายก็ได้ชื่นชอบอย่างเพลงนักร้องบ้านนอกผมก็ชอบมาก บางทีเอามาร้องเป็นตัวแทนของใครก็ได้ที่มีความฝันของคนที่อยากจะต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคและไปสู่จุดมุ่งหมายในชีวิต ผมว่าเพลงนักร้องบ้านนอกเป็นเพลงที่สื่อให้ใครก็ได้ อาชีพใดก็ได้ เพศใดก็ได้ มีความเป็นกลางสูงมาก คุณพุ่มพวงร้องแล้วได้อารมณ์ออกมาอย่างดีมาก ส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบคุณพุ่มพวงมากที่บ้านคุณแม่ก็ชอบ พี่สาวก็ชอบ เพราะฉะนั้นการที่ได้รับทำโปรเจ็คต์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นความภูมิใจและประทับใจมากกับตัวเองครับ
ฝากผลงาน
อยากฝากผลงานภาพยนตร์เรื่องพุ่มพวง ไว้กับแฟนๆ ทุกท่าน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนที่มีความฝัน และก็ขอฝากน้องเปานางเอกน้องใหม่ด้วยนะครับ ผมเชื่อว่าน้องเปาจะถ่ายทอดอารมณ์ในบทของ คุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ออกมาได้อย่างน่าประทับใจทั้งการแสดงและเสียงร้อง 21 กรกฏาคมนี้ นะครับ