PR on May 11, 2011, 10:48:47 AM
UAC ไตรมาสแรกกำไรพุ่งเกือบ 100%เร่งสร้างโรงงาน CBG หนุนรายได้ปี55เพิ่ม
 
กรุงเทพ - บมจ.ยูนิเวอร์แซล  แอดซอร์บเบ้นท์ฯ ยิ้มรับผลงานไตรมาสแรก ปี 2554 รายได้ 224 ล้านบาท กำไร 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเกือบ 100%  ชี้ลูกค้าเก่า–ใหม่ สั่งออเดอร์เพิ่ม ต่อเนื่อง  พร้อมรายได้ BBF หนุน ระบุ เร่งเดินหน้า 2 โครงการหลัก อย่าง โรงงานก๊าซชีวภาพอัด ที่เตรียมส่งขายปตท.ปีหน้า  และโครงการผลิตน้ำใช้
 
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล  แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด(มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2554 ว่า บริษัทฯมีรายได้ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2553 ที่มีรายได้ 159 ล้านบาท ขณะที่กำไร อยู่ที่ 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%  จากไตรมาสเดียวกันในปี 53 ที่มีกำไร 17 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากการขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ที่ลูกค้าสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และกำไรจากบริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด หรือ BBF
 
“ รายได้หลักของบริษัทฯ ยังมาจากการขายผลิตภัณฑ์ด้านปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์เป็นหลัก โดยลูกค้าเก่ามีการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น รวมถึงลูกค้าใหม่ที่มีการสั่งซื้อเข้ามา จนส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ การที่บริษัทได้ต่อยอดไปยังธุรกิจพลังงานทดแทนด้วยการถือหุ้นใน BBF ในสัดส่วน 30% ถือเป็นการสร้างรายได้ให้บริษัทฯ อีกทางหนึ่ง  ซึ่งถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก  และในอนาคตหากบริษัทฯ มีการดำเนินการในส่วนของธุรกิจพลังงานทดแทน  สัดส่วนของรายได้บริษัทฯ ก็จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตตามไปด้วยอย่างแน่นอน ”  นายกิตติ กล่าว
 
 โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซชีวภาพอัด หรือ CBG มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6 -8 ตัน / วัน หรือ ประมาณ 3,000 ตัน / ปี กับ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เป็นระยะเวลา 15 ปี  คาดว่าจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ พร้อมรับรู้รายได้จากการขายก๊าซเฉลี่ยปีละประมาณ 50-60 ล้านบาท ในต้น ปี 2555
 
เช่นเดียวกับ บริษัท ยูเอซี ยูทิลิตีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ UAC ถือหุ้น 99.99%  โดยจะดำเนินธุรกิจโครงการผลิตน้ำใช้เพื่อจำหน่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐ,เอกชนและโรงงานอุตสาหกรรม โดยจะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ เฉลี่ยอย่างน้อย ประมาณปีละ 100 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2555 เช่นกัน
 
นายกิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ในไตรมาส 1/2554 รายได้และกำไรของบริษัทฯ จะเติบโตเพิ่มขึ้น แต่บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 13-15% จากปี 2553  ที่มีรายได้รวม 767 ล้านบาทเช่นเดิม เนื่องจากต้องการให้มีการเติบโตอย่างเป็นระบบ  นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพยายามหาช่องทางต่อยอดธุรกิจให้มีการเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม จะเห็นได้จากการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานทดแทน หรือแม้กระทั่งสาธารณูปโภค โดยในอนาคตอาจจะขยายเพิ่มไปสู่ในภูมิภาคอื่นๆ ที่เล็งเห็นว่ามีศักยภาพ และมีความเป็นไปได้  ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวต้องใช้เวลาในการศึกษา และทำงานอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากที่สุด