Recent Posts

Pages: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10
51
“เจค จิลเลนฮาล” นำทีมฝ่าดงกระสุน “เดอะ โคเวแนนท์” ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24


            วันเสาร์นี้ ห้ามพลาดชม “Guy Ritchie’s The Covenant” หรือ “เดอะ โคเวแนนท์” ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ดราม่าสงครามแห่งปี ผลงานกำกับโดยผู้สร้างหนังสุดเท่ กาย ริตชี นำแสดงโดย เจค จิลเลนฮาล และ ดาร์ ซาลิม ถ่ายทอดเรื่องราวของมิตรภาพและความภักดีท่ามกลางไฟสงครามอัฟกานิสถาน ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลกในด้านความสมจริงและการแสดงอันน่าประทับใจ






            “เดอะ โคเวแนนท์” จะพาผู้ชมดำดิ่งสู่ภารกิจสุดระห่ำของจ่าสิบเอกจอห์น คินลีย์ (เจค จิลเลนฮาล) นายทหารอเมริกันที่ต้องร่วมมือกับ อาเหม็ด (ดาร์ ซาลิม) ล่ามชาวอัฟกานิสถาน ระหว่างการลาดตระเวนตามปกติ กองทัพสหรัฐถูกกลุ่มตาลีบันโจมตีอย่างหนัก คินลีย์บาดเจ็บและสูญเสียความทรงจำจากการถูกตีหัว สิ่งเดียวที่เขาจำได้คือชายผู้ช่วยชีวิตเขา อาเหม็ดที่ยังคงติดอยู่ในแดนสงครามโดยไร้ความช่วยเหลือ แม้จะถูกคัดค้านจากผู้บังคับบัญชา คินลีย์กลับเลือกเดินหน้าฝ่าดงกระสุนเพียงลำพัง เพื่อพาอาเหม็ดและครอบครัวลี้ภัยไปยังอเมริกาอย่างปลอดภัยตามคำสัญญา อย่าพลาดชม ภาพยนตร์ “เดอะ โคเวแนนท์” วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2568 เวลา 12.30 น.ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และ https://true4u.com/live
52
"ควิกแสบ" จุดไฟฝันคนรุ่นใหม่ เปิดเวที "Quick Zabb Idol Contest 2025 Season 2"
เฟ้นหาไอดอลรุ่นใหม่ ปลดปล่อยความแซ่บในแบบของตัวเอง


นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ "ควิกแสบ" แถลงข่าวการประกวด Quick Zabb Idol Contest 2025 Season 2 การประกวดที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก และเต็มเปี่ยมด้วยความสามารถ ได้โชว์ศักยภาพก้าวสู่การเป็นไอดอล โดยมี นายธีรเมธ เลาวานันท์พันธุ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายขาย นางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด (ฝ่ายการตลาด) และ นายอิสสระ ณะเสน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริหารผลิตภัณฑ์ เข้าร่วมงานแถลงข่าวด้วย ณ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
53
“Vegetarian Festival 2025”
กินเจอิ่มบุญ เที่ยวทะเลอิ่มใจ
กับ 3 โรงแรมหรู จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา
ในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์


เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ เชิญคุณมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศท่องเที่ยวทะเลใต้ เทศกาลกินเจใน 3 โรงแรมหรูยอดนิยม อาทิ โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต, โรงแรมแคนทารี เบย์ ภูเก็ต และโรงแรม  แคนทารี บีช เขาหลัก มอบประสบการณ์การพักผ่อนสุดพิเศษในช่วงเทศกาลกินเจ ให้คุณอิ่มท้องอิ่มบุญ และเที่ยวทะเลอย่างเพลิดเพลินใจ ด้วยโปรโมชันราคาสุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด พร้อมเสิร์ฟอาหารเจที่รสชาติอร่อยและหลากหลาย ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,725 บาท สุทธิ/ห้อง/คืน (ราคาขึ้นอยู่กับโรงแรม, ประเภทห้องพัก และ จำนวนห้องพักที่ว่าง)






1.   โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต โรงแรมแห่งแรกในเครือเคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ ตั้งอยู่บนชายหาดส่วนตัวที่เงียบสงบริมฝั่งทะเลอันดามัน มอบที่พักสุดหรูพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย เหมาะสำหรับการจัดประชุม สัมมนา หรือพิธีแต่งงานริมทะเลสุดแสนโรแมนติก พร้อมเยี่ยมชม “พันวาเฮ้าส์” บ้านเก่าแก่สไตล์ ชิโน-โปรตุกีสอายุกว่าศตวรรษ

โรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต มอบโปรโมชันพิเศษเพื่อการพักผ่อนที่เหนือระดับ จองห้องพักได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 29 ตุลาคม 2568 สำหรับเข้าพักได้ตั้งแต่ 1 - 31 ตุลาคม 2568

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร.076 391 123 (พร้อมแจ้ง Code “VEGFEST2025”) หรือ จองผ่านเว็บไซต์
https://reservation.travelanium.net/hotelpage/rates/?propertyId=569&onlineId=4&pid=MDc2M
zMzNA%3D%3D&accesscode=VEGFEST2025





2.   โรงแรมแคนทารี เบย์ ภูเก็ต ตั้งอยู่ใกล้หาดพันวา พร้อมวิวทะเลอันดามันอันงดงาม ให้บริการห้องพักแบบสตูดิโอ และห้องพักขนาดหนึ่งถึงสองห้องนอน พร้อมพื้นที่นั่งเล่นและครัวขนาดเล็กที่แยกเป็นสัดส่วน สิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนสเซ็นเตอร์ พร้อมบริการอันเป็นมิตรเพื่อเติมเต็มความสุขและความทรงจำดี ๆ

โรงแรมแคนทารี เบย์ ภูเก็ต เติมเต็มวันพักผ่อนของคุณด้วยโปรโมชันสุดคุ้ม จองห้องพักได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 29 ตุลาคม 2568 และเข้าพักได้ตั้งแต่ 21 - 29 ตุลาคม 2568

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร.076 391 514 (พร้อมแจ้ง Code “VEGFEST2025”) หรือ จองผ่านเว็บไซต์
https://reservation.travelanium.net/hotelpage/rates/?propertyId=572&onlineId=4&pid=MDc2
MzMzNg%3D%3D&accesscode=VEGFEST2025







3.   โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก ตั้งอยู่ท่ามกลางความสงบบนชายหาดที่งดงามของเขาหลัก จังหวัดพังงา มอบความสะดวกสบายสุดพิเศษ ห้องพักกว้างขวาง พร้อมพื้นที่ส่วนตัวที่เปิดรับทัศนียภาพทะเลสวยๆ และบรรยากาศธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม

โรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก พักผ่อนเต็มอิ่มในราคาที่เป็นมิตร จองห้องพักได้แล้ว          ตั้งแต่วันนี้ – 29 ตุลาคม 2568 และเข้าพักได้ตั้งแต่ 21 - 29 ตุลาคม 2568

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ โทร.076 584 700 (พร้อมแจ้ง Code “VEGFEST2025”) หรือ จองผ่านเว็บไซต์
https://reservation.travelanium.net/hotelpage/rates/?propertyId=575&onlineId=4&pid=MDc0NjA2N Q%3D%3D&accesscode=VEGFEST2025

รายละเอียดและเงื่อนไข
•   รวมอาหารเช้า พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารมังสวิรัติสำหรับผู้เข้าพัก
•   อภินันทนาการเครื่องดื่มต้อนรับ
•   อภินันทนาการอุปกรณ์กีฬาทางน้ำแบบไม่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน
•   ฟรีอินเทอร์เน็ต
•   บริการรถรับส่งไปยังตัวเมืองภูเก็ต (มีค่าบริการเพิ่มเติม) เฉพาะโรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต และโรงแรมแคนทารี เบย์ ภูเก็ต
•   อภินันทนาการกิจกรรมฟรี "ย้อนเวลาหาอดีต" เฉพาะโรงแรมเคปพันวา ภูเก็ต
•   ของที่ระลึกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา เฉพาะโรงแรมแคนทารี บีช เขาหลัก
•   รับส่วนลดพิเศษมากมาย เช็คอินก่อนเวลา และ เช็คเอาท์ล่วงเวลา เป็นไปตามเงื่อนไขที่แต่ละโรงแรมกำหนด
•   โรงแรมฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ข้อกำหนด และเงื่อนไข โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านทางช่องทางการติดต่อสื่อสารของโรงแรมฯ

####################
Hashtags: #capeandkantary #capepanwa #kantarybeachkhaolak #kantarybayphuket #phuket #khaolak
####################
54
ALESSIO BISUTTI Set to Fight for WBF World Title This October 2025 at World Siam Stadium


Bangkok, Thailand – Italian powerhouse Alessio “The Hammer” Bisutti is officially set to return to the ring on October 25, 2025, at the iconic World Siam Stadium in Bangkok, Thailand, where he will compete for the prestigious World Boxing Foundation (WBF) World Title.


The fight marks a historic moment in Bisutti’s career as he goes after his second world title in just two months, solidifying his place among the sport’s elite. Fresh from a remarkable victory that earned him his first world crown, Alessio has wasted no time, jumping straight back into training camp to prepare for another war inside the squared circle.


The upcoming bout is expected to attract massive attention from international boxing fans. Known for his relentless fighting style, knockout power, and unwavering determination, Alessio is looking to cement his legacy as a two-division world champion within the same year.


With just over six weeks to go before fight night, his training regimen has already kicked off with a mix of strength conditioning, sparring, and technical drills, proving that he is leaving no stone unturned in his pursuit of another historic victory.

The WBF World Title clash is shaping up to be one of the year’s most anticipated boxing events in Thailand.

Event Details:
📍 Venue: World Siam Stadium, Bangkok, Thailand
📅 Date: October 25, 2025
🏆 Title at Stake: WBF World Title

Stay tuned as the countdown to fight night begins—Alessio Bisutti is on a mission to conquer the boxing world once again.


##########

Alessio Bisutti จะต่อสู้เพื่อ WBF World Title ในเดือนตุลาคม 2568 ที่ World Siam Stadium


กรุงเทพฯ, ไทย - อิตาลีโรงไฟฟ้า Alessio“ The Hammer” Bisutti ได้รับการตั้งค่าอย่างเป็นทางการให้กลับไปที่แหวนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่สนามกีฬาสยามโลกสยามโลกที่เป็นสัญลักษณ์ในกรุงเทพฯประเทศไทย


การต่อสู้นับเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ในอาชีพของ Bisutti ในขณะที่เขาไปตามตำแหน่งโลกที่สองของเขาในเวลาเพียงสองเดือนทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นในบรรดาชนชั้นสูงของกีฬา สดใหม่จากชัยชนะที่น่าทึ่งที่ทำให้เขาได้รับมงกุฎโลกครั้งแรกของเขา Alessio ไม่เสียเวลากระโดดกลับเข้าไปในค่ายฝึกซ้อมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามอีกครั้งในวงกลมกำลังสอง


การแข่งขันที่กำลังจะมาถึงนี้คาดว่าจะดึงดูดความสนใจอย่างมากจากแฟน ๆ มวยนานาชาติ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสไตล์การต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งพลังที่น่าพิศวงและความมุ่งมั่นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง Alessio กำลังมองหามรดกของเขาในฐานะแชมป์โลกสองแผนกภายในปีเดียวกัน


ด้วยเวลาเพียงหกสัปดาห์ก่อนที่จะต่อสู้คืนระบบการฝึกอบรมของเขาได้เริ่มต้นด้วยการผสมผสานระหว่างการปรับสภาพความแข็งแรงการซ้อมและการฝึกซ้อมทางเทคนิคพิสูจน์ว่าเขาไม่ทิ้งหินไว้ในการแสวงหาชัยชนะทางประวัติศาสตร์อีกครั้ง

การปะทะกันของ WBF World Title กำลังก่อตัวขึ้นเป็นหนึ่งในกิจกรรมการชกมวยที่คาดว่าจะมากที่สุดในประเทศไทย

รายละเอียดเหตุการณ์:
📍สถานที่: เวิลด์สยามสนามกีฬากรุงเทพฯประเทศไทย
📅วันที่: 25 ตุลาคม 2568
🏆ชื่อเรื่องที่เดิมพัน: WBF World Title

คอยติดตามการนับถอยหลังเพื่อต่อสู้กับคืนเริ่มต้น - Areessio Bisutti อยู่ในภารกิจที่จะพิชิตโลกมวยอีกครั้ง
55
ยิ่งใหญ่ตระการตา "รมว.ซาบีดา" เปิดงานไหลเรือไฟโบราณสักการะบูชาพระธาตุพนม
ปล่อยกระทงสาย - เรือไฟโบราณ เชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขงไทย - สปป.ลาว





ยิ่งใหญ่ตระการตา "รมว.ซาบีดา" เปิดงานไหลเรือไฟโบราณสักการะบูชาพระธาตุพนมวธ. - บูรณาการร่วมจังหวัดนครพนม สืบสาน ต่อยอด นำทุนทางวัฒนธธรรม - ความคิดสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนนโยบาย "ไท ไทย" ส่งเสริมท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม - ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สร้างรายได้สู่ท้องถิ่น - ผลักดันเป็นงานวัฒนธรรมระดับนานาชาติ




นางสาวชาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีไหลเรือไฟโบราณสักการะบูชาพระธาตพนม เชื่อมวัฒนธรรมสองฝั่งโขง ประจำปี ๒๕๖๘ โดยมี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด นครพนม คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หัวหน้าส่วนราชการและประชาชน เข้าร่วมพิธีฯ ณ บริเวณลานชมโขง หน้าโรงแรมธาตุพนมริเวอร์วิว อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม







ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบหมาย นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จุดรูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และถวายปัจจัยไทยธรรม จากนั้นมีกิจกรรมพิธีจ้ำเคราะห์ หรือสะเดาะเคราะห์ตามปีเกิดหรือปีนักษัตร เพื่อปัดเป้าความทุกข์โศกและสิ่งที่ไม่ดีออกจากชีวิตตามความความเชื่อที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ โดยนางสาวซาบิดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดและประธานพิธีร่วมปล่อยเรือไฟโบราณ เพื่อขอขอขมาพระแม่คงคานำสิ่งที่ไม่ดีให้ไหลไปกับสายน้ำ พร้อมทั้งชมการปล่อยไข่พญานาค กะโป๊ว (กระทงสาย) และเรือไฟโบราณเชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขงไทยและ สปป.ลาว จำนวน ๑๒ ลำ ๑๒ นักษัตร และชมการแสดงฟ้อนรำจากกลุ่มแม่บ้านอำเภอธาตุพนม




นางสาวชาบีดา กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันวัฒนธรรมไทยให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ ความงดงามและพลังศรัทธาของคนไทย การจัดงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงงานประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของปรงประเทศไทยในการใช้ "พลังวัฒนธรรม" เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างการฟื้นฟูและกระตุ้นรายได้ กระจายสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ยังสอดคล้องกับการขับเคลื่อน งานวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิด "ไท ไทย" คือเปลี่ยนพลังวัฒนธรรมให้กลายเป็นรายได้จริง ผ่านการยกระดับทันทางวัฒนธรรมให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ประเพณีไหลเรือไฟจึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะสะท้อนเอกลักษณ์ความศรัทธาและภูมิปัญญาของคนไทยที่สามารถต่อยอยอดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยว สินค้าท้องถิ่นและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้ครบวงจร ดังนั้น เทศกาลไหลเรือไฟไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ของศรัทธา แต่ยังเป็นพลังทางเศรษฐกิจที่เชื่อมอดีต ปัจจุบันและอนาคตของชุมชนเข้าด้วยกัน

"ดิฉันเชื่อว่า การผลักดันและยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลก จะสอดคล้องและช่วยขับเคลื่อนกับนโยบายด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ภายใต้วิสัยทัศน์ "สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทย สู่อนาคตอย่างยังยังยืน ส่งเสริม "ROOT to RICH" หรือ จากรากเหง้า สู่รายได้ ภายใต้แนวคิด "ไท ไทย" ในการยกระดับคุณค่าชุมชน ขยายผลสู่ระดับประเทศ และต่อยอดสู่การแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างดี" นางสาวซาบีดา กล่าว




"ดิฉันได้เห็นความงดงามของประเพณีอันเก่าแก่ และมีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเป็นต้นกำเนิดของประเพณีไหลเรือไฟของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ด้วยความเชื่อว่า เป็นการบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมถึงการบูชาพญานาค การสำนึกในพระคุณของพระแม่คงคา และการขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพื่อความสงบร่มเย็นและความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและประชาชนริมโขงทั้งฝั่งจังหวัดนครพนมและฝั่งแขวงคำม่วนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงขอชื่นชมการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟโบราณ ภายได้โครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลกจังหวัดนครพนมในวันนี้ เพราะประเพณีไหลเรือไฟโบราณจังหวัดนครพนม ถือเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สำคัญและสืบทอดกันมายายาวนานของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม และสาธารณรัฐประชาธิบไตยประชาชนลาว ซึ่งวันนี้มีพิธีปล่อยไข่พญานาค ลอยกะโป๊ว (กระพงสาย) และเรือไฟโฟโบราณเชื่อมสัมธ์สองฝั่งโซงไทย -ลาว จำนวน ๑๒ ลำ ๑๒ นักษัตร เป็นการสะท้อนถึงความร่วมมือ และสายใยทางวัฒนธรรมที่แน่นแฟ้นของประชาชนทั้งสองประเทศ" รมว.วธ. กล่าว







อย่างไรก็ตาม กระทรวงวัฒนธรรมจะเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งใช้ "ทุนทางวัฒนธรรม" และ "ความคิดสร้างสรรค์" มาต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญผลักดันกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ของพื้นที่ เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ การแสดงพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (CPOT) ให้เป็นจุดขายในการท่องเที่ยว และจะส่งเสริมและต่อยอดสู่การยกระดับจากเรือไฟไทยสู่เรือโฟโลก ให้เป็นที่รู้จักตลอดจนเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการผลักดันพระธาตุพนมสู่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อยกระดับจังหวัดนครพนมให้เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป


























56
3 วันสุดท้าย! โฮมโปร อิเล็คทริค เอ็กซ์โป รวมดีลแรงเครื่องใช้ไฟฟ้า
ผ่อน 0% แจกหนักเครดิตคืน จบในฮอลล์เดียวที่อิมแพค ถึง 13 ต.ค. นี้


โค้งสุดท้ายของงานเครื่องใช้ไฟฟ้าใหญ่ปลายปีมาถึงแล้ว! ใครกำลังเล็งอัปเกรดบ้านก่อนเข้าช่วงเทศกาล ต้องรีบมา! 11–13 ต.ค. 2568 นี้ 3 วันสุดท้าย! "โฮมโปร อิเล็คทริค เอ็กซ์โป" ที่ อิมแพค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9 – งานเดียวที่รวมดีลแรง-นวัตกรรมบ้านยุคใหม่-บริการงานจากช่างโฮมโปร ไว้ครบครัน เปิด 10.30-20.30 น. เต็มอิ่ม 10 ชั่วโมงเต็มของจังหวะ "เก็บดีลที่ดีที่สุดแห่งปี" อย่าพลาด!

ดีลแรงครบ จบในฮอลล์เดียว
> ช้อปจัดเต็ม รับคืนจัดหนัก: สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโฮมการ์ด รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 160,000 บาท เข้าโฮมโปร วอลเล็ต ผ่าน Home Card แอปพลิเคชัน เมื่อชำระด้วยบัตรโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ตามเงื่อนไขที่กำหนด
> จังหวะช้อปดี มีคุ้ม ด้วยคอมโบลด + รับเพิ่ม: รวมสูงสุด 7,200 บาท สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ
> ช้อปผ่อนสบายทั้งงาน: 0% สูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท/ใบเสร็จ เฉพาะบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
> ช้อปรักษ์โลก กับโครงการ "แลกเก่าเพื่อโลกใหม่" : เพียงนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว มาส่งต่อในงาน รับส่วนลดพิเศษสำหรับช้อปเครื่องใหม่ สูงสุด 10,000 บาท ได้คุ้มค่า ได้ช่วยจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี
> ช้อปแล้วลุ้น: ยิ่งช้อป ยิ่งมีสิทธิ์ลุ้นทองคำ รวม 5 บาท จาก VISA: ช้อปทุก 3,000 บาท/ใบเสร็จ
- สมาชิก Home Card Regular ได้ลุ้น 1 สิทธิ์
- Home Card Prime/Prestige รับสิทธิ์ลุ้นเพิ่มอีก 2 สิทธิ์
- พิเศษ! เมื่อจ่ายด้วยบัตร Visa รับสิทธิ์ลุ้นเพิ่มทันที อีก 5 สิทธิ์!

อัปเลเวลการอยู่อาศัยแบบ Better Living ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่แรกในไทย
โฮมโปร อิเล็คทริค เอ็กซ์โป ปีนี้ ไม่ได้มีแค่ราคาดี แต่ยังยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยการอัปเลเวลการอยู่อาศัยแบบ Better Living ด้วยหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้งานง่าย ประหยัดพลังงาน ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด! เปิดตัวที่แรก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้า AI อัจฉริยะ, โซลูชันซัก-อบปลอดภัยเพื่อสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัว, แอลอีดีทีวี ขนาด 116 นิ้ว รุ่นเรือธง ที่เปิดตัวครั้งแรกในไทย มาพร้อมเทคโนโลยีจอภาพใหม่ล่าสุดของโลก และนวัตกรรมอัตโนมัติอีกมากมาย ที่มาเปิดตัวให้ชมและช้อป ที่งานนี้เท่านั้น!

แวะมาช้อปให้สุดก่อนสิ้นปีที่ โฮมโปร อิเล็คทริค เอ็กซ์โป วันนี้ – 13 ตุลาคม 2568 อิมแพค เมืองทองธานี ฮอลล์ 9 ย้ำอีกครั้ง 3 วันสุดท้าย ใครเล็งของใหญ่–ของจำเป็น–โปรพิเศษ รีบเก็บให้ทัน! สอบถามเพิ่มเติมที่ Call Center 1284
57
นายกฯ เปิดงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568
ผู้ว่าฯ นครพนม เข้าร่วมโครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟไทย สู่เรือไฟโลก





นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ณ เวทีการแสดง แสง สี เสียง บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ศรี ตำบลในเมือง อำเภอ เมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พร้อมร่วมรับชมการแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม “ประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ๑ เดียวในโลก “แสงไฟแห่งศรัทธา”, การไหลเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” ขณะที่ รักษาการณ์ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมโครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟไทย สู่เรือไฟโลก ในงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568






 
ประเพณีไหลเรือไฟ เป็นประเพณีที่ชาวนครพนมภาคภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษได้ยึดถือปฏิบัติมานานตั้งแต่โบราณ โดยมีความเชื่อในประเพณีที่เกี่ยวเนื่องมาจากการบูชารอยพระพุทธบาท, การสักการะท้าวพกาพรหม, การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี และการระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา, การขอฝน, การเอาไฟเผาความทุกข์ และการบูชารอยพระพุทธบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า งานประเพณีไหลเรือไฟจัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ สื่อถึงความเชื่อที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนาน เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของภาคอีสาน และในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวงานเทศกาลวัฒนธรรมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต้องมาเยือน









   
นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า กิจกรรมปีนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดนครพนม จัดงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ขึ้น ระหว่างวันเสาร์ที่ 27 กันยายน-วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 (12 วัน 12 คืน) ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม และบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม โดยในปี 2568 คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้กระทรวงวัฒนธรรม บูรณาการร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก เพื่อยกระดับเมืองและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ขับเคลื่อนนครพนมให้เป็น Restination เมืองท่องเที่ยวหลักแห่งการพักผ่อน โดยมีกลยุทธ์ “สร้างโลก” ยกระดับเทศกาลระดับประเทศให้เป็นระดับโลก สร้างการรับรู้เอกลักษณ์ของชุมชนในระดับสากล และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้มาเที่ยวชมประเพณีวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์อันเก่าแก่ล้ำค่าของจังหวัดนครพนม สร้างภาพลักษณ์ที่ดี จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า  ๑ เดียวในโลก







โดยโครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟไทย สู่เรือไฟโลก ในงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกและงานกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ในวันที่ 7  ตุลาคม 2568 จังหวัดนครพนม มีกิจกรรมประกอบไปด้วย พิธีบูชาพระธาตุพนม ณ บริเวณหน้าวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร โดยมี นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีบูชาพระธาตุพนม ก่อนทำพิธีเปิด “กิจกรรมไหลเรือไฟโบราณสักการะบูชาพระธาตุพนม เชื่อมวัฒนธรรมสองฝั่งโขง และพิธีรำบูชาพระธาตุพนม”







จากนั้น เป็นการรำบูชาพระธาตุพนม ตามลำดับ เริ่มจาก ชุดรำตำนานพระธาตุพนม โดยอำเภอธาตุพนม, ชุดรำบูชาจากเมืองหนองบก แขวงคำม่วน, เมืองไชยบุรี แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, ชุดรำหางนกยูง โดยอำเภอเมืองนครพนมและอำเภอนาทม, ชุดรำศรีโคตรบูร โดยอำเภอปลาปากและอำเภอศรีสงคราม, ชุดรำผู้ไท เรณูนคร โดยอำเภอเรณูนครและอำเภอบ้านแพง, ชุดรำไทญ้อ โดยอำเภอท่าอุเทนและอำเภอโพนสวรรค์, ชุดรำขันหมากเบ็น โดยอำเภอนาแกและอำเภอวังยาง ปิดท้ายด้วย รำเซิ้งอีสานบ้านเฮา  โดยนางรำทั้งหมด พร้อมแขกผู้มีเกียรติ




หลังจากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม

          จุดที่ 1 ตรวจเยี่ยมการอนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนาแหล่งเรียนรู้การทำเรือไฟจังหวัดนครพนม ณ บริเวณสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เยี่ยมชมนิทรรศการส่งเสริมการเรียนรู้งานเรือไฟนครพนม “จากลำไม้ไผ่สู่เรือไฟ 1 เดียวในโลก”, เยี่ยมชมการสาธิตทำเรือไฟโบราณ, เยี่ยมชมการสาธิตงานหัตถกรรมไม้ไผ่, เยี่ยมบูธจัดแสดงและจำหน่ายอาหารถิ่น อาหารที่มีไผ่เป็นส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ที่มีไผ่เป็นส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากนครพนม จังหวัดใกล้เคียง ประเทศเพื่อนบ้าน, ชมการแสดงเครื่องดนตรีจากไม้ไผ่

          จุดที่ 2 บริเวณซุ้มเรือไฟ ด้านหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม เยี่ยมชมกระบวนการทำเรือไฟวิทยาศาสตร์, เยี่ยมชมซุ้มส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอำเภอธาตุพนม ประกอบด้วย การนำเสนอผลงานศิลปินเรือไฟ, จัดแสดงแบบจำลองเรือไฟโบราณ, กิจกรรม Workshop & สาธิตกระบวนการทำเรือไฟตะเกียง, ชมบ้านอัตลักษณ์ วิถีชีวิต การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน




เวลา 19.30 น. บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ศรี ตำบลในเมือง อำเภอ เมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พิธีเปิดงานมหกรรมไหลเรือไฟโลกจังหวัดนครพนม ประจำปี 2568 ณ เวทีการแสดง แสง สี เสียง บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ศรี ตำบลในเมือง อำเภอ เมืองนครพนม จังหวัดนครพนม โดยได้รับเกียรติจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี พร้อมด้วย นางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภริยานายกรัฐมนตรี, นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี, นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ท่าน​คำพัน​ อั่น​ลา​วัน​ เอกอัคร​รัฐ​ทูต​ แห่ง​ สาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำ​ราช​อาณาจักร​ไทย​, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม, คณะเอกอัครราชทูตจีน, เวียดนาม, ลาว, หัวหน้าส่วนราชการ, แขกผู้มีเกียรติ และ ผู้ร่วมพิธี พร้อมร่วมรับชมการแสดงบินโดรน, การแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม “ประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ๑ เดียวในโลก “แสงไฟแห่งศรัทธา” พร้อมการแสดงพลุรักษ์โลก, การไหลเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพพระรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “เทิดพระเกียรติ พระปรีชาเจ้าฟ้าวิศิษฏศิลปิน” การไหลเรือไฟโบราณ และเรือไฟส่งเข้าประกวด จากทั้ง 12 อำเภอ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ (1) ประเภทสวยงาม (2) ประเภทสร้างสรรค์ และชมขบวนเรือไฟบกอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง “Nakhon Phanom illuminated Boat Carnival” ก่อนเสร็จสิ้นงาน

จากพลังความเชื่อความศรัทธาสู่ประเพณีอันล้ำค่า ๑ เดียวในโลก...จังหวัดนครพนมยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยือนเมือง 3 ที่สุด สู่สุขที่สุด


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=80e-SgIg2z4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=80e-SgIg2z4</a>








58
ส่องไฮไลท์! The First Miracle Flower Castle ทำไมต้องไปเช็กอินปราสาทดอกไม้แห่งม่อนแจ่ม


             The First Miracle Flower Castle ไม่ได้เป็นเพียงสวนดอกไม้ธรรมดา แต่ถูกออกแบบให้เป็น "ปราสาทดอกไม้" ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและสร้างสรรค์ที่สุดแห่งหนึ่งบน ม่อนแจ่ม นี่คือสุดยอดไฮไลท์และจุดเด่นที่คุณไม่ควรพลาด


สถาปัตยกรรมดอกไม้ที่ไม่เหมือนใคร (Miracle Castle)

             ปราสาทดอกไม้จริง นี่คือจุดขายหลัก! ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า "ใช้ดอกไม้ทั้งหมด" มาประดับตกแต่งโครงสร้างอย่างวิจิตรบรรจง ไม่ใช่แค่การปลูกดอกไม้รอบอาคาร แต่เป็นการสร้างงานสถาปัตยกรรมที่ใช้ดอกไม้เป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้เกิดเป็นอาคารที่มีชีวิตชีวาและมีสีสันสวยงามตระการตาในทุกรายละเอียด

             ความเหมือนที่แตกต่าง แตกต่างจากฟาร์มดอกไม้ทั่วไป เพราะที่นี่นำเสนอความงามของมวลดอกไม้ในรูปแบบที่หรูหราอลังการคล้ายอยู่ใน โลกเทพนิยาย หรือพระราชวังในยุโรป


ทุ่งดอกไม้บานสะพรั่งเต็มพื้นที่(Vibrant Flower Fields)

             ดอกไม้หลากสีสันแน่นขนัด ด้วยการดูแลอย่างพิถีพิถัน ดอกไม้เมืองหนาวและไม้ประดับนานาชนิดกำลัง เริ่มออกดอกอย่างหนาแน่น ในพื้นที่โดยรอบ ทำให้ได้ทัศนียภาพของทุ่งดอกไม้ที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส เป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายรูป

             วิวหลักล้านกลางขุนเขา สถานที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนดอยม่อนแจ่ม ทำให้คุณสามารถมองเห็น วิวทิวทัศน์ของขุนเขา และสายหมอก (ในช่วงเช้าหรือหลังฝนตก) ตัดกับสีสันของดอกไม้ เป็นองค์ประกอบภาพที่หาไม่ได้จากที่อื่น


มุมถ่ายรูปสุดปังระดับอินเตอร์ (Must-Snap Photo Spots)

             ถ่ายรูปฟีลลิ่งเจ้าหญิง/เจ้าชาย ด้วยฉากหลังที่เป็นปราสาทสุดอลังการและมวลดอกไม้ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม ทำให้ทุกมุมกลายเป็น มุมถ่ายรูปสุดปัง ที่ให้บรรยากาศหรูหรา โรแมนติก และดูแพง

             ไม่ต้องไปถึงยุโรป: ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากได้ภาพถ่ายสไตล์สวนดอกไม้เมืองนอก แต่ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไกล เพราะที่นี่จำลองบรรยากาศมาให้คุณได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด




บริการครบครันเพื่อการพักผ่อน (Complete Amenities)

             คาเฟ่/ร้านอาหารวิวดี ภายในปราสาทมีบริการ เครื่องดื่ม กาแฟหอมกรุ่น ขนมอร่อย และอาหาร ไว้คอยบริการ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าเข้าชม (สำหรับผู้ใหญ่และชาวต่างชาติ) แลกรับส่วนลดเครื่องดื่มได้อีกด้วย ทำให้คุณสามารถนั่งจิบกาแฟ ชมวิวหลักล้านได้แบบชิล ๆ

             The First Miracle Flower Castle คือการรวมเอาความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมเข้ากับความงามตามธรรมชาติของม่อนแจ่มได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นแลนด์มาร์คที่มอบประสบการณ์การท่องเที่ยวและการถ่ายภาพที่ไม่ซ้ำใครอย่างแท้จริง ถ้าไม่แวะมาถ่ายรูปอัปเดตโซเชียล ถือว่ามาไม่ถึงม่อนแจ่ม!

             มาใช้เวลาพักผ่อนสุดชิล ดื่มด่ำบรรยากาศดีๆ พร้อมวิวสุดปังบน ม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยเปิดให้คุณได้มาสัมผัสความสุขในบรรยากาศสบายๆ วันจันทร์ - วันพฤหัสบดี เปิดตั้งแต่ 08.00 น. - 17.30 น. วันศุกร์ - วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 07.30 น. - 18.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 120 บาท ส่วนลดเครื่องดื่ม 20 บาท/รายการ เด็ก 60 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท ส่วนลดเครื่องดื่ม 20 บาท/รายการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 084-5689797 พิกัดความสุข: ม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โลเคชั่นนำทาง https://maps.app.goo.gl/p3kACUTqG4fi8aYp6

#แลนมารค์แห่งใหม่ #ปราสาทดอกไม้ #ปราสาทดอกไม้ม่อนแจ่ม #เชียงใหม่ #ม่อนแจ่ม #ดอกไม้เชียงใหม่
#เที่ยวเชียงใหม่ #เที่ยวทั่วไทย #เที่ยวทั่วไทยไม่ไปไม่รู้ #เที่ยวธรรมชาติ
59
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบฯ กว่า 4.6 แสนบาท ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์
มอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา





วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ พร้อมด้วย นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  และนายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มอบเงินช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับผลกระทบกรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หลังละ 12,000 บาท รวมจำนวน 32 หลัง  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 384,000 บาท (สามแสนแปดหมื่นสี่พันบาทถ้วน) โดยมี อาสาสมัครเฉพาะกิจ ร่วมในพิธี พร้อมด้วย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ คณะผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ เป็นผู้สำรวจ ประสานงาน และร่วมในพิธี ณ ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ




โดยวานนี้ (วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือแก่ประชาชนในพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับผลกระทบกรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวม 4 หลัง  ณ ที่ว่าการอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี  และในวันพรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบกรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว จำนวน 3 หลัง ณ ที่ว่าการอําเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เป็นลำดับถัดไป

รวมงบประมาณดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือชาวอุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ กรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งสิ้น 468,000 บาท (สี่แสนหกหมื่นแปดพันบาทถ้วน)







เมื่อเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ได้เร่งมอบหมายให้คณะกรรมการ นำทีมสาธารณภัยลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ให้แก่ผู้อพยพจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนั้นได้เข้ามอบเงินปลอบขวัญนายละ 10,000 บาท พร้อมกระเช้าสุขภาพ ให้แก่ทหารกล้าและประชาชนที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่พักรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลในขณะนั้น  และล่าสุดมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบเงินช่วยเหลือกรณีบ้านพังเสียหายทั้งหลังๆ ละ 12,000 บาท รวมงบประมาณที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อธารน้ำใจจากผู้มีจิตศรัทธา สู่ทหารกล้าและประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบันคิดเป็นมูลค่ากว่า 5.3 ล้านบาท ซึ่งมูลนิธิฯ ยังคงติดตามสถานการณ์เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามนโยบายการดำเนินงานของแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งต่อไป




มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรงตลอดไป และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่-อาสาสมัครทุกท่าน ทุกหน่วย ที่ปฏิบัติภารกิจ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้ทุกท่านปลอดภัย และขอให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ววัน

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจwww.facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด


60
สคส. จัดโรดโชว์ "PDPC SCHOOL TOUR"
ปลูกฝังเยาวชนรู้เท่าทันข้อมูลส่วนบุคคล เดินหน้าสู่สังคมปลอดข้อมูลรั่วไหล


ในยุคที่โลกออนไลน์กลายเป็นห้องเรียนและพื้นที่สื่อสารของเยาวชน สถิติการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะปี 2567 พบคดีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเยาวชนออนไลน์กว่า 346 คดีทั่วประเทศ โดยเด็กหญิงอายุ 8–14 ปีเป็นกลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อมากที่สุดกว่า 118 ราย รูปแบบการหลอกลวงส่วนใหญ่เริ่มจาก การล่อลวงออนไลน์เพื่อล่วงละเมิดทางเพศ, หลอกถ่ายคลิปลามกเพื่อแบล็กเมล์, การกลั่นแกล้งทางออนไลน์, ไปจนถึง การเข้าถึงเนื้อหาไม่เหมาะสมโดยไม่ตั้งใจ เช่น การคลิกโฆษณาลวง

พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์เหล่านี้สะท้อนถึง "ช่องว่างความรู้" ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกลุ่มเยาวชน ที่จำเป็นต้องเร่งปลูกฝังความเข้าใจและภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลอย่างจริงจัง โดย สคส. จึงได้จัดกิจกรรมโรดโชว์เชิงรุก "PDPC SCHOOL TOUR" ลงพื้นที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นแห่งแรก ต่อยอดจากโครงการ "PDPC สร้างความรู้สู่ชุมชน" เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้สิทธิของตนเองภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) และรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน



"เด็กและเยาวชนคือกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ต้องได้รับความรู้เรื่องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะพวกเขาเติบโตในโลกที่ทุกการคลิกคือข้อมูล กิจกรรม PDPC SCHOOL TOUR จึงเป็นเครื่องมือเชิงรุกที่ สคส. ตั้งใจนำความรู้เรื่อง PDPA ไปสู่ห้องเรียนจริง"

กิจกรรมโรดโชว์ PDPC SCHOOL TOUR ครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบเชิงสร้างสรรค์และเข้าใจง่าย เรียนรู้ปลูกฝังตั้งแต่ห้องเรียน โดยมีทั้งเกมจำลองสถานการณ์ "ข้อมูลรั่วไหล" และการบรรยาย "รู้สิทธิ เข้าใจ PDPA ในชีวิตประจำวัน" โดยทีมวิทยากรจาก สคส. และผู้เชี่ยวชาญด้าน Cyber Security ร่วมให้ความรู้ เพื่อให้เยาวชนเห็นภาพจริงของความเสี่ยง และสามารถนำหลักการ PDPA ไปใช้ในการใช้สื่อดิจิทัลอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการลงพื้นที่บริเวณชุมชนใกล้เคียงเพื่อเผยแพร่ความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวในทุก ๆ อาชีพ พร้อมเปิดตัวแมสคอต "น้องซีโร่" ที่มาร่วมสร้างสีสันในงานเป็นครั้งแรก



พ.ต.อ. สุรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นการคุ้มครองข้อมูลเด็กและเยาวชนเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เช่นกรณี หน่วยงาน ICO ของสหราชอาณาจักรสั่งปรับ TikTok 12.7 ล้านปอนด์ (ราว 540 ล้านบาท) จากการอนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี กว่า 1.4 ล้านคน ใช้งานแพลตฟอร์มโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง

"ในประเทศไทย มาตรา 20 ของกฎหมาย PDPA กำหนดชัดว่า การประมวลผลข้อมูลของผู้เยาว์ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง โดยเฉพาะกรณีเด็กอายุไม่เกิน 10 ปี ต้องได้รับความยินยอมในทุกกรณี ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการคุ้มครองสิทธิของเด็กยุคดิจิทัล" พ.ต.อ. สุรพงศ์ กล่าว



กิจกรรม PDPC SCHOOL TOUR เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย "Zero Data Breach – ข้อมูลรั่วไหลต้องเป็นศูนย์" ของ สคส. ที่ต้องการสร้างวัฒนธรรมคุ้มครองข้อมูลตั้งแต่ระดับเยาวชน เพื่อให้เกิดการใช้เทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบและปลอดภัย โดยมีแผนขยายกิจกรรมโรดโชว์ "PDPC SCHOOL TOUR" เดินหน้าสู่สถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง วางแนวทางทำงานเชิงรุกทั้งการจัดกิจกรรมในโรงเรียน การอบรม การจัดทำชุดสื่อเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริง มีเป้าหมายคือสร้างเครือข่ายความรู้ด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับเยาวชนให้แข็งแรงและยั่งยืน สำหรับกิจกรรมครั้งต่อไป จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 29 ตุลาคมนี้ ณ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพฯ









Pages: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10