Recent Posts

Pages: 1 [2] 3 4 ... 10
11
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย อาสาสมัครกู้ภัยจุด สภ.อินทร์บุรี ท่าช้าง และบางระจัน
ยังคงผนึกกำลังสู้ภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง! จัดตั้งกองอำนวยการรับแจ้งเหตุ-ช่วยเหลือ อพยพ
แจกจ่ายถุงยังชีพ และอาหารปรุงสุกบรรจุกล่องพร้อมน้ำดื่ม อาหารสุนัขและแมว
แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี





วานนี้ (วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568)  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย หัวหน้าจุดอาสาสมัครกู้ภัย จุดสภ.อินทร์บุรี ท่าช้าง และบางระจัน ยังคงนำทีมเร่งปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในพื้นที่เทศบาลตำบลอินทร์บุรี อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยจัดทีมอาสาฯ กู้ภัย เร่งอพยพผู้ประสบภัย ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ออกจากพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย ประกอบอาหารปรุงสุกบรรจุกล่องพร้อมน้ำดื่ม พร้อมนำอาหารสุนัขและแมว บรรทุกเรือออกแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ โดยจัดตั้งกองอำนวยการ ณ บริเวณที่ว่าการอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อประสานงานรับแจ้งเหตุและช่วยเหลือในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และในขณะนี้ยังคงปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ หากผู้ประสบภัยในพื้นที่ต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ตลอด 24 ชั่วโมง







ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung และช่องทางอื่นๆ ที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung หรือที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

## มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##








12
Rama Channel แตะ 1,000,000 ผู้ติดตามบน YouTube ตอกย้ำบทบาทสื่อสุขภาพ จากทีมแพทย์รามาธิบดี ใกล้ชิดคนไทยยิ่งขึ้น


              ช่องความรู้สุขภาพภายใต้คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เดินหน้า ภารกิจ “Subscribe for Health” ผ่านคอนเทนต์สุขภาพที่เชื่อถือได้บน YouTube พร้อมรับการสนับสนุน ด้านกลยุทธ์ดิจิทัลจากพันธมิตรภายนอกอย่าง Vault Mark

              Rama Channel ช่องสื่อสุขภาพอย่างเป็นทางการภายใต้คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ เมื่อช่อง YouTube “Rama Channel” มียอดผู้ติดตาม แตะหลัก 1,000,000 ผู้ติดตาม เป็นที่เรียบร้อย สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการเข้าถึงข้อมูล สุขภาพที่ถูกต้องจากทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญโดยตรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

              ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา Rama Channel ทำหน้าที่เป็น “สถานีสุขภาพดี 24 ชั่วโมง” ถ่ายทอดความรู้ ด้านการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรค และการรักษา ผ่านทั้งรายการโทรทัศน์ ไลฟ์สตรีม และคอนเทนต์ ออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรายการยาวที่ลงลึกในรายละเอียดทางการแพทย์ หรือคลิปสั้น ที่ย่อยเรื่องยากให้เข้าใจได้ในไม่กี่นาที เพื่อให้เข้าถึงผู้ชมทุกเพศทุกวัย

              การแตะหลัก 1,000,000 ผู้ติดตามบน YouTube ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของ Rama Channel ในการขยายบทบาทจากสื่อสุขภาพบนหน้าจอโทรทัศน์ มาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ผู้ชมสามารถเลือกดู ย้อนหลัง ค้นหาคลิปตามอาการ หรือโรคที่สนใจ และแชร์ต่อให้คนใกล้ชิดได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหัวข้อที่ เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และปัญหาสุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่

              เพื่อให้เนื้อหาสุขภาพเข้าถึงกลุ่มประชาชนได้กว้างขึ้น Rama Channel ได้พัฒนารูปแบบคอนเทนต์ ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้ชมในยุคดิจิทัลมากขึ้น ทั้งการเพิ่มสัดส่วนคลิปสั้น การจัดเรียงเพลย์ลิสต์ ตามกลุ่มโรค และประเด็นสุขภาพที่คนไทยให้ความสนใจ และการนำข้อมูลเชิงสถิติมาวิเคราะห์ประกอบการ วางแผนคอนเทนต์ในระยะยาว

              ในด้านกลยุทธ์ดิจิทัล Rama Channel ยังได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท วอลท์ มาร์ค จำกัด (Vault Mark) ในบทบาทที่ปรึกษาภายนอกด้านการสื่อสารบนโลกออนไลน์ การค้นหา (Search) และการมองเห็นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเน้นการประยุกต์ใช้หลักการ AI-led SEO และ Generative Engine Optimization (GEO) เพื่อช่วยให้เนื้อหาสุขภาพที่ผลิตโดยทีมแพทย์รามาธิบดี ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น ทั้งบน YouTube และ Search Engine ต่าง ๆ รวมถึงมีโอกาสถูกแนะนำ หรืออ้างอิงในบริบทที่เกี่ยวข้อง ในอนาคต


              ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายสนับสนุนพันธกิจ และสื่อสารองค์กร และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ Rama Channel กล่าวว่า “สำหรับเรา เป้าหมาย 1,000,000 ผู้ติดตามไม่ใช่เพียงตัวเลข แต่หมายถึงโอกาสที่คนไทยจำนวนมากขึ้น จะได้รับข้อมูลสุขภาพที่ถูกต้อง จากทีมแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เราดีใจที่เห็นว่าคอนเทนต์เชิงวิชาการ เมื่อเล่าให้ง่ายขึ้น และอยู่ใน รูปแบบที่คนดูสะดวก ก็สามารถเข้าถึงคนจำนวนมาก และช่วยให้เขาดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้ดีขึ้น”

              ด้าน นางสาวขวัญมนัส ธรรมศรัทธา ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลท์ มาร์ค จำกัด กล่าวถึงบทบาทของ Vault Mark ในโครงการนี้ว่า “ในฐานะพันธมิตรดิจิทัล เราไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนเนื้อหา ทางการแพทย์ของ Rama Channel แต่เข้าไปช่วยออกแบบเส้นทางการเข้าถึง และการค้นพบให้ทั้งคน และระบบ AI มองเห็นคอนเทนต์สุขภาพที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นส่วนเล็ก ๆ ของความสำเร็จครั้งนี้ และเชื่อว่าโมเดลนี้สามารถต่อยอดไปสู่องค์กรด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้เช่นกัน”

              หลังจากแตะหลัก 1,000,000 ผู้ติดตามแล้ว Rama Channel มีแผนจะต่อยอดพัฒนารูปแบบ คอนเทนต์เพิ่มเติม ทั้งรายการเฉพาะทาง คลิปสั้นที่ตอบโจทย์คำถามสุขภาพที่คนไทยค้นหาบ่อย และความ ร่วมมือกับหน่วยงานด้านสุขภาพอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความรู้สุขภาพที่เชื่อถือได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานความถูกต้องทางวิชาการ และการเล่าเรื่องในภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย

###

เกี่ยวกับ Rama Channel

Rama Channel เป็นช่องสื่อสุขภาพภายใต้คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ถ่ายทอดความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรค และการรักษาจากแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ผ่านรายการโทรทัศน์ ไลฟ์สตรีม และแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงช่อง YouTube “Rama Channel” ซึ่งมุ่งให้คนไทยเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่เชื่อถือได้ในภาษาที่เข้าใจง่าย และนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

เกี่ยวกับ Vault Mark

บริษัท วอลท์ มาร์ค จำกัด (Vault Mark) เป็นเอเจนซี่ด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งและ AI-led SEO ที่ให้คำปรึกษาและวางกลยุทธ์ด้าน Search Engine Optimization (SEO), Generative Engine Optimization (GEO) และการสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่วยให้องค์กรไทยสามารถทำให้เนื้อหา และบริการของตนเอง “ถูกค้นพบและถูกอ้างอิง” ได้มากขึ้น ทั้งโดยผู้ใช้งานจริงและระบบ AI รุ่นใหม่
13
9 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ MotoGP สนามประเทศไทย ไม่คุ้มค่า-เอกชนไม่สนับสนุน-ไม่มีคนดู จริงหรือ?




การกีฬาแห่งประเทศไทย เผยข้อมูลทุกมิติของโมโตจีพีตั้งแต่สัญญาแรก จนถึงปัจจุบัน เพื่อไขข้อข้องใจทุกประเด็นเกี่ยวกับการจัดและการต่อสัญญา โมโตจีพี สนามประเทศไทย เคลียร์ชัด "9 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ MotoGP สนามประเทศไทย ไม่คุ้มค่า-เอกชนไม่สนับสนุน-ไม่มีคนดู จริงหรือ?" พร้อมยืนยันด้วยตัวเลข มูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลตอบแทนที่ประเทศได้รับอย่างชัดเจน ดังนี้

1.เงิน 3,997 ล้านบาท ตกไปที่ใคร และมีการใช้ทันทีทั้งหมดหรือไม่

ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ มีนโยบายที่จะทำสัญญากับ รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศนั้นๆ โดยตรงเท่านั้น เพื่อให้การจัดการแข่งขันเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ ดังนั้น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะหน่วยงานรัฐ จึงเป็นคู่สัญญาโดยตรงแต่เพียงผู้เดียวกับ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ MotoGP ทั่วโลก

ค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดจะถูก ทยอยขออนุมัติงบประมาณเป็นรายปี และจ่ายตรงไปที่ ดอร์น่า สปอร์ต เท่านั้น ไม่ได้ผ่านคนกลางหรือตกไปที่เอกชนรายอื่น ในทางกลับกัน ผลประโยชน์และรายได้จากการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเข้าชมหรือเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน ก็จะถูกนำส่ง ตรงไปที่ กกท. เช่นกัน เพื่อใช้สมทบและลดภาระงบประมาณภาครัฐอย่างเต็มที่




2. ค่าลิขสิทธิ์แพงขึ้นมาก มีการเจรจาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศหรือไม่

ข้อเท็จจริงคือ ค่าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นทุกประเทศและค่าลิขสิทธิ์ประเทศไทยถือว่า ต่ำกว่าประเทศอื่น  โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าภาพหลักได้เจราจาต่อรองเรื่องค่าลิขสิทธิ์การแข่งขัน เพื่อให้ได้ในอัตราเท่าเดิม แต่เนื่องจากเกิดการแข่งขันในการเสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพเพิ่มขึ้น  ประกอบกับจากการจัดการแข่งขันที่ผ่านมา มีการแข่งขันในวันแข่งจริงเพียงวันเดียว แต่ในสัญญาใหม่ จะมีการแข่งขัน 2 วัน คือ วันที่แข่ง Sprint Race (วันเสาร์) และวันที่แข่งจริง (Race Day) (วันอาทิตย์)  ส่งผลให้มีผู้ชมสนใจมากยิ่งขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการแข่งขันมากขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่การปรับเพิ่มราคาเกิดขึ้นทั่วโลก และประเทศไทยสามารถเจรจาได้ในอัตราที่ได้เปรียบกว่าประเทศอื่น จึงถือว่าการเจรจาเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ




3. งบโมโตจีพีสำคัญกว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจริงหรือ

งบประมาณคนละส่วน รัฐมีการจัดสรรงบทางกีฬาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน การเปรียบเทียบวงเงินนี้เชื่อมโยงกันอย่างไม่ถูกต้อง ตามหลักการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินของประเทศไทย งบประมาณสำหรับกิจกรรมส่งเสริมกีฬาและการเป็นเจ้าภาพระดับโลก (เช่น MotoGP) จะถูกจัดสรรในส่วนของรายจ่ายของส่วนราชการ (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ซึ่งมีวงเงินและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนตามยุทธศาสตร์ของประเทศ

ในขณะที่งบประมาณสำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน มักจะมาจาก 'งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น' ซึ่งเป็นงบฉุกเฉินที่รัฐบาลบริหารจัดการเพื่อบรรเทาสาธารณภัยโดยเฉพาะ

ดังนั้น งบประมาณทั้งสองส่วนจึงแยกจากกันอย่างชัดเจน และการขออนุมัติกรอบวงเงิน 4,000 ล้านบาท สำหรับสัญญาปี 2570-2574 นั้น ไม่ได้กระทบต่องบประมาณที่รัฐบาลใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในปัจจุบันแต่อย่างใด




4.รีบเร่งต่อสัญญาเกินไปหรือไม่

ยืนยันว่า การเจรจาต่อสัญญาไม่ได้เป็นการ "เร่งรีบ" แต่เป็นการดำเนินการที่ล่าช้ากว่าช่วงเวลาที่ควรเริ่มดำเนินการด้วยซ้ำ เนื่องจากสัญญาเดิมจะสิ้นสุดลงในปี 2569 (2026) และ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ กำหนดให้คู่สัญญาเดิมต้องแจ้งความประสงค์ต่อสัญญาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งหมายถึงต้องแจ้งภายในปี 2568 (2025)

ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา และการที่มีหลายประเทศทั่วโลกกำลังรอเสนอตัวและยื่นข้อเสนอเพื่อเป็นเจ้าภาพแทนประเทศไทย การดำเนินการเจรจาในขณะนี้จึงถือเป็นการตัดสินใจที่ทันต่อสถานการณ์และจำเป็น เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องเสียสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันระดับโลก ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 28,000 ล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า

5. ผู้ชมน้อยลงทุกปี ความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน

ข้อเท็จจริงคือ ยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยเคยได้รับรางวัล Best Grand Prix of the Year ในปี 2561 ด้วยยอดผู้ชมสูงสุดในฤดูกาล 222,535 คน และเพิ่มเป็น 226,655 คน ในปี 2562 ส่วนยอดผู้ชมที่ลดลงในช่วงปี 2565 (178,463 คน) เป็นผลมาจากการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข แต่หลังจากนั้น ยอดผู้ชมก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี

สำหรับความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ การจัดโมโตจีพี 8 ปีที่ผ่านมา (2561-2568) สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยสูงถึง 24,927 ล้านบาท และสัญญาใหม่ 5 ปี (2570-2574) ถูกประมาณการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก 28,000 ล้านบาท และยังไม่มีอีเว้นต์ไหนในประเทศไทยที่ทำได้




6. จริงหรือไม่ ? เอกชนลดการสนับสนุนลงทุกปี -รัฐแบกภาระเกินไป

ในการบริหารจัดการ การจัด MotoGP ในหลายประเทศทั่วโลก รัฐบาลเป็นผู้รับค่าลิขสิทธิ์เต็มจำนวนหรือเกือบทั้งหมด ในทางกลับกัน ประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่พึ่งพางบประมาณภาครัฐในสัดส่วนที่น้อยมาก

โดยตลอดสัญญาที่ผ่านมา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ประสบความสำเร็จในการระดมทุนจากภาคเอกชนรายใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ และเครื่องดื่ม เข้ามาสนับสนุนการจัดแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดภาระของรัฐบาลลงได้อย่างมาก

แม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซา ทำให้เอกชนบางรายต้องลดหรือหยุดการสนับสนุนไปชั่วคราว กกท. ก็ยังคงพยายามหาเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนและรายได้จากการจำหน่ายบัตร เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและยืนยันการเป็นเจ้าภาพต่อไป โดยในสัญญาใหม่ (2570-2574) ก็ยังคงตั้งเป้าระดมเงินสนับสนุนจากเอกชนกว่า 700 ล้านบาท เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยมีการบริหารจัดการที่พึ่งพาเอกชนเป็นหลักมาโดยตลอด




7.รายได้จากการแข่งขันตกไปที่เอกชนหรือไม่ -จัดที่อื่นได้ไหม ทำไมต้องที่บุรีรัมย์

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่ได้มีสัญญาจ้างกับบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด (เจ้าของสนามช้างฯ) ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงคือ สนามช้างฯ ได้ให้การสนับสนุน กกท. โดย อนุญาตให้ใช้สนามแข่งฟรีโดยไม่คิดค่าเช่า โดยการให้ใช้สนามฟรีนี้มีมูลค่าถึง 12 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากต้องใช้สถานที่ในการเตรียมการจัดการแข่งขันและวันแข่งจริงประมาณ 30 วัน คำนวนรวม 6 ปี ที่รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเช่า เป็นมูลค่า 72 ล้านบาท

“จัดที่อื่นไม่ได้ เนื่องจากมีสนามแห่งนี้เพียงสนามเดียวในประเทศไทย”  ที่เป็นสนามระดับ FIM GRADE A ที่มีมาตรฐานสามารถจัดการแข่งขัน MotoGP ได้ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้งานกีฬาระดับโลกในการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ รวมถึงการท่องเที่ยวต่อเนื่องไปยังจังหวัดอื่น ๆ ทุกภาคในประเทศไทย




8. เอื้อประโยชน์กับเจ้าของสนามแข่งหรือไม่

รายได้หลักจากการจัดแข่งขันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน และเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน จะถูกนำส่งเข้าสู่การบริหารจัดการโดย กกท. โดยตรง ซึ่งรายได้เหล่านี้จะถูกนำไป หักลบกับภาระค่าลิขสิทธิ์ ที่ต้องจ่ายให้กับ ดอร์น่า สปอร์ต โดยตรง เพื่อลดภาระงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เหลือน้อยที่สุด กระบวนการนี้จึงเป็นการยืนยันถึงความโปร่งใส และการบริหารจัดการที่เน้นผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ




9. MotoGP ถูกสนับสนุนมาทุกรัฐบาล

การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน MotoGP ได้รับการสานต่อและสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกชุด มาโดยตลอด เนื่องจากตระหนักถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศที่ได้รับ ดังนี้

สัญญาที่ 1: ปี 2561 – 2563  รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร) ครม. เห็นชอบสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์สมทบปีละ 100 ล้านบาท รวม 3 ปี เป็น 300 ล้านบาท

ผลการดำเนินงาน: กกท. ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนและรายได้รวม 528 ล้านบาท (ใน 2 ปี) จากพันธมิตรรายใหญ่ 12 ราย/แหล่ง

ความสำเร็จ: ได้รับรางวัล Best Grand Prix of The Year ในปี 2561 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 2 ปี (2561-2562) ได้ถึง 6,584 ล้านบาท (จัดได้เพียง 2 ปี เนื่องจากโรคระบาด Covid-19)

สัญญาที่ 2: ปี 2565 - 2569 (เลื่อนจาก 2564-2568) รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. พิพัฒน์ รัชกิจประการ) ครม. เห็นชอบกรอบวงเงินเพื่อสมทบค่าลิขสิทธิ์ 900 ล้านบาท โดยเน้นให้นำรายได้จากภาคเอกชนมาสมทบก่อน

ผลการดำเนินงาน: ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนกว่า 770 ล้านบาท และจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 800 ล้านบาท

ผลตอบแทนและข้อได้เปรียบ: สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวม 6 ปี (2561 - 2568) กว่า 24,927 ล้านบาท อีกทั้งยัง ประหยัดค่าเช่าสนามได้ถึง 72 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัญญา จากการใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฟรี

สัญญาที่ 3: ปี 2570 – 2574 (ล่าสุด)

สถานะปัจจุบัน: ครม. ให้ความเห็นชอบเพียงการเป็นเจ้าภาพเท่านั้น ส่วนงบประมาณ กกท. จะนำเสนอขอรับการจัดสรรเป็นรายปีตามภารกิจ ซึ่งประมาณการรายได้จากผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท (ซึ่งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐเป็นไปตามแผนงานในปี 2570 และไม่ได้กระทบกับงบประมาณที่จำเป็นเร่งด่วนในปัจจุบัน)
14
ไทเชฟ สนับสนุนค่ายดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์


             ไทเชฟ (ThyChef) ผู้นำด้านผงโรยอาหารและผงชงเครื่องดื่มหลากหลายรสชาติ สนับสนุนผลิตภัณฑ์ ในโครงการ Astro Camp ปีที่ 12 ครั้งที่ 1 จัดโดยชมรมดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน โดยสนับสนุนสินค้าไทเชฟหลากหลายรสชาติ อาทิ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำพริกหนุ่ม น้ำจิ้มแจ่ว ผงปรุงรสก๋วยเตี๋ยวรสชาติต่าง ๆ ผงปรุงรสไก่ ฯลฯ บรรยากาศภายในกิจกรรมเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความอบอุ่น เพื่อส่งเสริมให้น้อง ๆ ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ และเรียนรู้การทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้สําเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดี ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 13 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา




             สำหรับผู้ที่สนใจผงปรุงรสแพ็กเกจใหม่ ขนาด 100 กรัม สามารถหาซื้อได้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่ทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อทางออนไลน์กับบริการ “ฟาสต์ ไทเชฟ” สั่งวันนี้ ส่งวันนี้พรุ่งนี้ถึง เร็วทันใจที่ www.thychef.com หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%40vul8664q หรือทาง Lazada : https://www.lazada.co.th/shop/ thychef, Shopee : https://s.shopee.co.th/ 7zslrSS489, FB: ThyChef, ID Line: @thychef สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-968-3723-6







15
“กิรเดช” ตามสองสโตรค เปิดศึก พีไอเอฟ ซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ รอบแรก


กิรเดช อภิบาลรัตน์


คาเลบ ซูแรตต์


เอเดรียน เมรอนก์


เอกปริษฐิ์ หวู่

20 พฤศจิกายน 2568 – กิรเดช อภิบาลรัตน์ อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2013 ออกสตาร์ทได้ดีหวด 7 อันเดอร์พาร์ 64 แบบไม่มีโบกี้ รั้งอันดับ 4 หลังจบรอบแรกของการแข่งขัน พีไอเอฟซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนล พาวเวอร์บาย ซอฟต์แบงก์ อินเวสต์เมนท์ แอดไวเซอร์ส ที่สนามริยาด กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,439 หลา พาร์ 71 ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมีสกอร์ตามหลังสองผู้นำร่วมสองสโตรค (ภาพ: Asian Tour)

เอเชียน ทัวร์ จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการ พีไอเอฟซาอุดิ อินเตอร์เนชั่นแนล พาวเวอร์บาย ซอฟต์แบงก์ อินเวสต์เมนท์ แอดไวเซอร์ส รายการสุดท้ายของอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ ฤดูกาล 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 160 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายนนี้ โดยมีนักกอล์ฟไทยลงชิงชัย 14 คน ทั้งนี้เวลาท้องถิ่นประเทศซาอุดิอาระเบียช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง

เปิดฉากการแข่งขันรอบแรกเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ปรากฎว่า โปรอาร์ม-กิรเดช อภิบาลรัตน์ ผู้เล่นจากดีพีเวิลด์ ทัวร์ ทำผลงานได้ดีหวด 7 เบอร์ดี้ โดยไม่เสียแม้โบกี้เดียว จบ 18 หลุมเข้ามา 7 อันเดอร์พาร์ 64 อยู่อันดับ 4 ขณะที่ คาเลบ ซูแรตต์ นักกอล์ฟชาวอเมริกัน ซึ่งหวดสถิติสนามด้วยสกอร์ 61 ในรายการนี้เมื่อปีที่แล้ว และเอเดรียน เมรอนก์ จากโปแลนด์ ซึ่งคว้าแชมป์ลิฟกอล์ฟริยาดที่สนามแห่งนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ขึ้นนำร่วมกันด้วยสกอร์คนละ 9 อันเดอร์พาร์ 62 โดยมี โธมัส ปีเตอร์ส จากเบลเยี่ยม ตามหลังเพียงสโตรคเดียว


กิรเดช อภิบาลรัตน์ ซึ่งทำผลงานได้ดีที่สนามแห่งนี้ด้วยการจบที่สามร่วมในรายการซาอุดิ โอเพ่น เมื่อต้นปีที่แล้ว เผยหลังเกมว่า “ผมไม่ค่อยได้เล่นสนามนี้บ่อยนัก น่าจะเป็นครั้งที่สามที่มาที่นี่ ซึ่งผมสามารถพูดได้เลยว่าเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟที่มีสภาพสนามดีที่สุด ผมค่อนข้างพอใจกับผลงานการเล่นของตัวเองในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เริ่มต้นได้ดีมาก แต่ทุกอย่างยังไม่ลงตัวในช่วงสองวันสุดท้าย ผมก็จะพยายามต่อไป หวังว่าทุกอย่างจะลงตัวในสัปดาห์นี้ ส่วนตัวคิดว่าผู้ชนะรายการนี้ได้ต้องทำสกอร์ต่ำมากๆ เพราะมีโอกาสทำเบอร์ดี้กันได้เยอะ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งธงด้วย”

ส่วนแดนไท บุญมา เจ้าของแชมป์เอเชียน ทัวร์ สองรายการ หวด 4 อันเดอร์พาร์ 69 อยู่ในกลุ่มอันดับ 16 ร่วมกับ ปีเตอร์ ยูไลน์ แชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ สองรายการจากสหรัฐฯ ส่วนรฐนน วรรณศรีจันทร์ แชมป์เอเชียน ทัวร์ 3 รายการ ทำ 3 อันเดอร์พาร์ 68 รั้งอันดับ 28 ร่วม ขณะที่โปรเพชร-สดมภ์ แก้วกาญจนา ที่เพิ่งคว้าตั๋วเล่นในดีพีเวิลด์ทัวร์ฤดูกาล 2026 และ เอกปริษฐิ์ หวู่ ซึ่งเพิ่งคว้าแชมป์แชมป์เอเชียน ทัวร์ ที่ไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ ตีเข้ามาคนละ 2 อันเดอร์พาร์ 68 เท่ากับ โปรแจ๊ส-อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ อดีตมือหนึ่งเอเชียน ทัวร์ ปี 2019 และ ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ ทั้งสี่คนอยู่ในกลุ่มอันดับ 42 ร่วม


ทางด้านดาวดังของโลกอย่าง หลุยส์ อุสธุยเซน แชมป์ดิ โอเพ่น 2010 จากแอฟริกาใต้ และพอล เคซีย์ แชมป์พีจีเอทัวร์ 3 รายการจากอังกฤษ หวดคนละ 6 อันเดอร์พาร์ 65 อยู่ในกลุ่มอันดับ 5 ร่วม ส่วนสองโปรแถวหน้าชาวอเมริกันอย่าง ดัสติน จอห์นสัน อดีตมือหนึ่งโลก และ แพทริค รีด แชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 2018 ตีมาคนละ 1 อันเดอร์พาร์ 70 รั้งอันดับ 64 ร่วม ขณะที่ เทเลอร์ กูช แชมป์บุคคลลิฟกอล์ฟลีก 2023 จากสหรัฐฯ และเซอร์จิโอ การ์เซีย ดีกรีแชมป์เมเจอร์จากสเปน ตีเกินคนละ 1 โอเวอร์พาร์ 72 อยู่ในกลุ่มอันดับ 91 ร่วม

สำหรับกอล์ฟอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ ได้เพิ่มโควต้าให้กับนักกอล์ฟที่สามารถจบในสองอันดับแรกของตารางคะแนนสะสมอินเตอร์เนชั่นเนล ซีรีส์ ฤดูกาล 2025 จะได้รับสิทธิ์ไปเล่นในลิฟกอล์ฟลีกฤดูกาล 2026 ส่วนผู้ที่ทำอันดับอยู่ในท็อป 40 จะได้สิทธิไปเล่นลิฟ กอล์ฟ ลีก โปรโมชั่นส์ ที่ฟลอริด้า ต้นปีหน้า เพื่อชิงตั๋วไปลิฟกอล์ฟลีกต่อไป

ติดตามข่าวสารของเอเชียน ทัวร์ ได้ที่เว็บไซต์  www.asiantour.com และเฟซบุค Asian Tour
16
ฟินสวิมมิ่งไทยสร้างประวัติศาสตร์ กวาด 7 ทอง ปิดฉากศึกชิงแชมป์อาเซียน


ทีมชาติไทยทำผลงานสุดยอดในศึกฟินสวิมมิ่งชิงแชมป์อาเซียน “2025 CMAS Southeast Asia Championship Finswimming Indoor” ที่ประเทศอินโดนีเซีย กวาดรวม 7 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง ตลอดการแข่งขัน 4 วัน


ผลงานครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการฟินสวิมมิ่งไทย ที่โชว์ศักยภาพและความแข็งแกร่งบนเวทีระดับอาเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ พร้อมสร้างความภูมิใจให้แฟนกีฬาชาวไทยทั่วประเทศ.






ทีมงานผู้ฝึกสอน นักกีฬา ชมรมฯ และเจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับคำชื่นชมในความมุ่งมั่นทุ่มเท ทำให้ทีมชาติไทยสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในศึกชิงแชมป์อาเซียนได้สำเร็จในปีนี้.
17
เจนเนอราลี่โชว์ผลประกอบการและกำไรสุทธิปรับตัวแข็งแกร่ง
ตอกย้ำสถานะเงินทุนที่มั่นคง




             เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยภาพรวมผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2025 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากแรงสนับสนุนของทุกสายธุรกิจ ทำกำไรสุทธิหลังปรับปรุงรวมกว่า 3.3 พันล้านยูโร หรือกว่า 1.25 แสนล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรวม 2.79 ล้านล้านบาท ด้าน “ประกันชีวิต” มีกระแสเงินสดรับสุทธิกว่า 3.96 แสนล้านบาท ด้วยจุดเด่นเน้นสร้างผลิตภัณฑ์คุ้มครองและสุขภาพ มุ่งการออมแบบที่ใช้เงินทุนน้อย มีให้เลือกหลากหลาย ลดความเสี่ยง ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ทั่วโลก

             มร.คริสเตียโน่ โบเรียน (Mr.Cristiano Borean) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เจนเนอราลี่ กรุ๊ป กล่าวว่า “ภาพรวมธุรกิจของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในช่วง 9 เดือน ของปี 2025 ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากแรงสนับสนุนของทุกสายธุรกิจที่ส่งผลต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานในระดับสองหลัก ทั้งธุรกิจประกันชีวิตที่มีกระแสเงินสดรับต่อเนื่อง และธุรกิจประกันวินาศภัยที่มีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง และตอกย้ำความเป็นเลิศด้านเทคนิค รวมถึงอัตราส่วนรวมก่อนการคิดลดมูลค่าที่ปรับตัวดีขึ้น ด้วยการมุ่งดำเนินงานภายใต้แผนกลยุทธ์ Lifetime Partner 27: Driving Excellence เราจะเดินหน้าสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยต่อยอดจากแรงส่งเชิงบวกนี้ ซึ่งสะท้อนผ่านกำไรต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมด้วยงบดุลที่มั่นคง แหล่งสร้างกระแสเงินสดที่หลากหลาย และสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง”

             ด้วยแผนกลยุทธ์ “Lifetime Partner 27: Driving Excellence” ซึ่งให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศด้านความสัมพันธ์กับลูกค้า ความสามารถหลัก และรูปแบบการดำเนินงานของกลุ่ม บริษัทมุ่งเร่งการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตอย่างมีผลกำไร โดยอาศัยฐานลูกค้าที่กว้างขวางและเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ กลุ่มยังจะยกระดับความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และยกระดับประสิทธิภาพโดยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของทั้งกลุ่มให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทุกช่วงของ value chain โดยยังคงให้ความสำคัญกับการทำให้ผลิตภัณฑ์ใช้งานง่ายและนวัตกรรม พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ร่วมสมัย และบูรณาการ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงชีวิต

             สำหรับธุรกิจประกันชีวิต มุ่งเน้นการคุ้มครองและสุขภาพ รวมถึงการออมแบบใช้เงินทุนน้อย เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันที่ตอบโจทย์ความเสี่ยงและรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อประโยชน์ทั้งต่อลูกค้าและกลุ่มบริษัท สำหรับผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองและสุขภาพ มุ่งให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ส่วนผลิตภัณฑ์แบบไฮบริดและยูนิตลิงค์ จะยังคงเป็นความสำคัญอันดับต้น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านความมั่นคงทางการเงินที่เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักสำหรับเป็นกลุ่มการออมและวัยเกษียณอายุ

             ธุรกิจประกันวินาศภัย (P&C) เน้นการเพิ่มการเติบโตอย่างมีกำไร โดยมุ่งเน้นธุรกิจกลุ่มที่ไม่ใช่ประกันรถยนต์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ยังคงยืนยันและเพิ่มระดับความยืดหยุ่นในการปรับอัตราเบี้ยประกัน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการความคุ้มครองภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการเฉพาะของลูกค้า พร้อมให้บริการป้องกัน ช่วยเหลือ และคุ้มครองที่ทันสมัย ด้วยการใช้เทคโนโลยี สำหรับธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่ง (Asset & Wealth Management) ธุรกิจ Asset Management จะเดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินทรัพย์จริงและสินทรัพย์เอกชน เพิ่มศักยภาพด้านการจัดจำหน่าย และขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ ๆ โดยได้รับแรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากการเข้าซื้อ Conning Holdings Limited ส่วนธุรกิจ Wealth Management กลุ่ม Banca Generali จะยังคงมุ่งสู่เป้าหมายด้านขนาดธุรกิจ ความสามารถในการทำกำไร และการมอบผลตอบแทนที่สูงให้แก่ผู้ถือหุ้น

             โดยในช่วง 9 เดือนของปี 2025 ผ่านมา เจนเนอราลี่ กรุ๊ป สามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมี เบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premium) อยู่ที่ประมาณ 2.79 ล้านล้านบาท (73.1 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 3.7% ขณะที่ ธุรกิจประกันชีวิต (Life Net Inflow) มียอดเงินไหลเข้าสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 3.96 แสนล้านบาท (10.4 พันล้านยูโร) ด้านธุรกิจบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่ง (Asset & Wealth Management) ที่ยังคงเติบโตในทิศทางบวก อยู่ที่ 32.16 พันล้านบาท (843 ล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 0.7% ส่งผลให้ผลการดำเนินงาน (Operating Result) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็น 2.27 แสนล้านบาท  (5.9 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 10.1% จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจประกันวินาศภัย (P&C) และการสนับสนุนในเชิงบวกจากทุกกลุ่มธุรกิจ

             ทำให้มีกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted Net Result) อยู่ที่ประมาณ 1.25 แสนล้านบาท (3.3 พันล้านยูโร) เพิ่มขึ้น 14 %) ขณะที่กำไรต่อหุ้นที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted EPS) เพิ่มขึ้นเป็น 82.41 บาทต่อหุ้น (2.16 ยูโรต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 19% สะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและต่อเนื่องให้กับผู้ถือหุ้น

             เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุน (Solvency Ratio) อยู่ที่ 214% (เทียบกับ 210% ณ สิ้นปี 2024) ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารความเสี่ยง การจัดสรรทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และความพร้อมในการรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

             ดูข้อมูลผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2025 เพิ่มเติมได้ที่ https://www.generali.com/investors/share-information-analysts/equity-analysts-and-consensus/Generali-Consensus

###

หมายเหตุ อัตราขายถัวเฉลี่ย 1 ยูโร เท่ากับ  = 38.1547 บาท (ณ วันที่ 30 กันยายน 2568)

อ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย: https://www.bot.or.th/th/statistics/exchange-rate.html
18
รวมคอลเลกชันระดับไอคอนจากแบรนด์เครื่องหอมสำหรับบ้าน Maison Berger Paris
ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส “Anthony Gambus”




            Maison Berger Paris แบรนด์เครื่องหอมสำหรับบ้านชั้นนำจากฝรั่งเศส ตอกย้ำภาพลักษณ์แห่งความงามเหนือกาลเวลาและดีไซน์ร่วมสมัย ด้วยการรวบรวมผลงานสุดโดดเด่นจาก Anthony Gambus (อ็องโตนี กอมบูส์) นักออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลก ผู้อยู่เบื้องหลังตะเกียงน้ำหอมรุ่นไอคอนิกหลายรุ่นของแบรนด์


            Anthony Gambus เป็น Industrial Designer ชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ด้วยประสบการณ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้กับหลากหลายแบรนด์ในกลุ่มเทคโนโลยี ของตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยก่อตั้ง Studio Anthony Gambus เพื่อสร้างสรรค์งานออกแบบเชิงนวัตกรรมที่ผสานความงาม ความร่วมสมัย และฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว


            ความร่วมมือระหว่าง Maison Berger Paris และ Anthony Gambus ได้ถ่ายทอดเอกลักษณ์ของทั้งสองฝ่ายออกมาได้อย่างงดงาม ผ่านคอลเลกชันตะเกียงน้ำหอมดีไซน์ร่วมสมัย ได้แก่

•   VIBES Collection ถ่ายทอดพลังแห่งความเคลื่อนไหวด้วยเส้นสายและรูปทรงสะท้อนเทรนด์ Futuristic Tech

•   DUALITY Collection เปี่ยมเสน่ห์และเย้ายวน มีมนต์ขลัง

•   LAND Collection ถ่ายทอดแนวคิด Authentic กลับคืนสู่ธรรมชาติ ราวกับเครื่องปั้นดินเผาแบบดั้งเดิม

•   DARE Collection ลวดลายอิสระของริบบิ้นประดับรอบวงแหวนของตะเกียงน้ำหอมสื่อความสนุกสนานร่าเริง

•   ADAGIO Collection แรงบันดาลใจจากศิลปะบาโรค ลวดลายสร้างการหักเหของแสง ดูแวววาว


            แต่ละคอลเลกชันสะท้อนความชำนาญด้านดีไซน์ของ Anthony Gambus ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ผสมผสานความหรูหราแบบฝรั่งเศสกับแนวคิดการใช้ชีวิตร่วมสมัยได้อย่างกลมกลืน ซึ่งทั้งหมดนี้คือหัวใจของ Maison Berger Paris แบรนด์ที่มุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์แห่งความหอม พร้อมศิลปะแห่งการออกแบบที่ยกระดับทุกมุมบ้านให้เปี่ยมเสน่ห์และมีเอกลักษณ์เหนือใคร และยังมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของแบรนด์ที่สามารถช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ และเป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง

            สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
Facebook: MaisonBergerThailand
LINE: @maisonbergerthai
www.maisonbergerthailand.com Lazada / Shopee / ShopSabuy / Tiktok
โทร. 02-672-2088
19
"ควิกแสบ" จัดกิจกรรม Workshop Challenge
เฟ้นหาตัวจริง Quick Zabb Idol Contest 2025 Season 2


นายยศสรัล แต้มคงคา ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบรนด์ "ควิกแสบ" จัดกิจกรรม Workshop Challenge สุดสนุกและท้าทาย ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าประกวด Quick Zabb Idol Contest 2025 Season 2 จากทั่วประเทศ ได้แสดงความสามารถ ทั้งการสร้างคอนเทนต์ การฝึกบุคลิกภาพและความมั่นใจ ก่อนเข้าสู่รอบ Final ที่กำลังจะเดือดกว่านี้อีกหลายเท่า โดยมี นางสาวณิชรัตน์ ชำนาญกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการตลาด (ฝ่ายการตลาด) เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ณ สโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เมื่อเร็ว ๆ นี้
20
ภาครัฐเดินหน้าปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ สอดคล้องข้อกังวลภาคเอกชนต่อวิวัฒนาการกลโกงใหม่


             กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์อย่างเข้มงวด หลังนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ แถลงผลประชุมคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรับมือกับ “เทคนิคใหม่ ๆ” ที่ผู้ขายผิดกฎหมายใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ทั้งการเปลี่ยนคำค้น แฮชแท็ก ตัวย่อ รวมถึงการใช้ภาพสื่อความหมายบนแพลตฟอร์มออนไลน์

             ทิศทางดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลและข้อร้องเรียนจากภาคเอกชน ที่สะท้อนพฤติกรรมการปรับตัวของผู้ขายสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบุหรี่เถื่อนในแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ ที่แม้จะมีการปิดกั้นคีย์เวิร์ดแล้ว แต่ยังพบการใช้ตัวย่อพร้อมแสดงภาพสินค้าอย่างชัดเจน และสามารถซื้อโฆษณาเพื่อโปรโมตได้แม้ขัดต่อกฎหมายไทย

             รัฐมนตรีไชยชนกเปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้หารือกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้ง LINE, Google และเตรียมนัดหมาย Facebook ในระดับภูมิภาค เพื่อเร่งอุดช่องโหว่การจัดการเนื้อหาผิดกฎหมาย พร้อมขอให้แพลตฟอร์มทบทวนคำนิยาม “โฆษณา” ให้ครอบคลุมมากกว่าเพียงโฆษณาแบบชำระเงิน (Paid Ads) หลังพบกรณีเว็บไซต์พนันและสินค้าผิดกฎหมายยังคงปรากฏในผลการค้นหา

             กระทรวงฯ ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของภาคประชาชนและภาคเอกชนในการแจ้งเบาะแสพฤติกรรมต้องสงสัย โดยเฉพาะการใช้แฮชแท็กหรือสัญลักษณ์ที่ผิดปกติ เพื่อให้แพลตฟอร์มสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

             การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้สะท้อนว่า ภาครัฐและภาคเอกชนมองเห็นปัญหาเดียวกัน และพร้อมร่วมมือกันอย่างเป็นระบบในการยกระดับความปลอดภัยบนโลกดิจิทัล ลดการแพร่ระบาดของสินค้าผิดกฎหมาย และสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นในอนาคต
Pages: 1 [2] 3 4 ... 10