ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ
ผลงานผลิตโดย บลัมเฮาส์/คิวซี เอนเตอร์เทนเมนต์
ร่วมกับ มังกี้พอว์ โปรดักชั่นส์
ภาพยนตร์โดย จอร์แดน พีเล
แดเนียล คาลูยา
GET OUT
อัลลิสัน วิลเลียมส์
แบรดลีย์ วิทฟอร์ด
เคเล็บ แลนดรี โจนส์
สตีเวน รูท
ลาคีธ สแตนฟิลด์
และ แคเธอรีน คีเนอร์
ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร
เรย์มอนด์ แมนส์ฟิลด์
คูเปอร์ ซามูเอลสัน
ฌอน เรดิค
จีเน็ตต์ วอลเทอร์โน
อำนวยการสร้างโดย
ฌอน แม็คคิททริค, พี.จี.เอ.
เจสัน บลัม, พี.จี.เอ.
เอ็ดเวิร์ด เอช. แฮมม์ จูเนียร์, พี.จี.เอ.
จอร์แดน พีเล, พี.จี.เอ.
บทภาพยนตร์และกำกับโดย
จอร์แดน พีเล
ชื่อภาพยนตร์: GET OUT
ชื่อไทย: ลวงร่างจิตหลอน
วันที่เข้าฉาย : 6 เมษายน 2560
จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัดข้อมูลเกี่ยวกับการสร้าง
Get Out เป็นภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญของยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส จากการสร้างของบลัมเฮาส์ (ผู้สร้าง The Visit, หนังหลายภาคเรื่อง Insidious และ The Gift) และกำกับโดยจอร์แดน พีเล เรื่องราวเกี่ยวกับหนุ่มอเมริกันผิวสีที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านของแฟนสาวซึ่งเป็นคนผิวขาว เขาเริ่มติดอยู่ในกับดักของเหตุผลแท้จริงที่น่าขนลุก ของการเชิญเขาไปที่บ้าน
เมื่อคริส (แดเนียล คาลูยา จากเรื่อง SICARIO) กับโรสแฟนสาวของเขา (อัลลิสัน วิลเลียมส์ จากซีรีส์เรื่อง Girls) พัฒนาความสัมพันธ์มาถึงจุดที่ไปเยี่ยมบ้านของพ่อแม่แฟน เธอจึงชวนเขาไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่บ้านของพ่อแม่เธอ คือมิสซี (แคเธอรีน คีเนอร์ จาก Captain Phillips) และดีน (แบรดลีย์ วิทฟอร์ด จาก The Cabin in the Woods) ทางตอนเหนือของรัฐ
ตอนแรก คริสอ่านท่าทีเอื้ออารีที่ดูมากเกินของครอบครัวนี้ ว่าเป็นเพราะความประหม่าในการรับมือกับความสัมพันธ์ของลูกสาวกับหนุ่มต่างสีผิว แต่เมื่อเวลาช่วงสุดสัปดาห์ยิ่งผ่านไป การค้นพบสิ่งที่สร้างความกังวลใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็นำเขาไปพบกับความจริงที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
หนังที่มีส่วนผสมเท่าๆกันของเรื่องราวเขย่าขวัญ และการวิจารณ์ที่กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาเรื่อง Get Out เขียนบทและกำกับโดยจอร์แดน พีเล (จาก Key and Peele) และอำนวยการสร้างโดยเจสัน บลัม จากบลัมเฮาส์ (ผู้สร้างเรื่อง Split) ร่วมกับฌอน แม็คคิททริค (จาก Donnie Darko, Bad Words), เอ็ดเวิร์ด เอช. แฮมม์ จูเนียร์ (Bad Words) จากคิวซี เอนเตอร์เทนเมนต์ และพีเล มีเคเล็บ แลนดรี โจนส์ (จากหนังหลายภาคเรื่อง X-Men), สตีเวน รูท (No Country for Old Men), มิลตัน “ลิล เรล” ฮาเวอรี (The Carmichael Show), เบ็ตตี้ เกเบรียล (The Purge: Election Year), มาร์คัส เฮนเดอร์สัน (Pete’s Dragon) และลาคีธ สแตนฟิลด์ (Straight Outta Compton) ร่วมแสดง
นิตยสารวาไรตี้เรียกหนังเรื่องนี้ว่า “การวิพากษ์สังคมที่น่าตะลึง” ที่ “พิสูจน์ว่าเป็นความกล้าหาญอย่างแท้จริง” และฮอลลีวูด รีพอร์เทอร์ ชื่นชมว่าเป็น “หนึ่งในหนังเขย่าขวัญที่น่าพึงพอใจที่สุดในรอบหลายปี” ร่วมแสดงโดยเคเล็บ แลนดรี โจนส์ (จากหนังหลายภาคเรื่อง X-Men) ในบทเจเรมี น้องชายของโรส, สตีเวน รูท (No Country for Old Men)เป็นจิม ฮัดสัน คนขายงานศิลปะท่าทางแปลกๆที่เริ่มถูกชะตากับคริส, มิลตัน “ลิล เรล” ฮาเวอรี (The Carmichael Show) เป็นร็อด วิลเลียมส์ เพื่อนซี้ของคริสและนักสืบสมัครเล่น ที่ไม่ยอมเชื่อว่าเพื่อนของเขาปลอดภัย, เบ็ตตี้ เกเบรียล (The Purge: Election Year) เป็นจอร์จินา แม่บ้านของครอบครัวอาร์มิเทจ, มาร์คัส เฮนเดอร์สัน (Pete’s Dragon) เป็นวอลเทอร์ คนดูแลสนามของครอบครัว และลาคีธ สแตนฟิลด์ (Straight Outta Compton) เป็นโลแกน คิง แขกหนุ่มที่มาร่วมงานฉลองช่วงสุดสัปดาห์ ที่ดูเหมือนไม่ค่อยเข้ากันเอาซะเลย กับภรรยาที่อายุมากกว่าของเขา
พีเลได้ทีมงานเบื้องหลังที่มีความสามารถมาร่วมงานมากมาย เช่นผู้กำกับภาพ โทบี โอลิเวอร์ (จาก Insidious: Chapter 4 ที่กำลังจะออกฉาย), รัสตี สมิธ คนออกแบบงานสร้าง (จาก Meet the Fockers), เกรเกอรี พล็อตคิน คนตัดต่อ (จากหนังหลายภาคเรื่อง Paranormal Activity), เนดีน เฮเดอร์ส คนออกแบบเสื้อผ้า (จากซีรีส์เรื่อง Into the Badlands) และ ไมเคิล เอเบลส์ คนทำดนตรีประกอบ ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารของ Get Out คือเรย์มอนด์ แมนส์ฟิลด์ (จาก The Messenger), คูเปอร์ ซามูเอลสัน (Whiplash), ฌอน เรดิค (จาก The Messenger) และจีเน็ตต์ วอลเทอร์โน (จาก หนังหลายภาค เรื่อง The Purge)ABOUT THE PRODUCTIONเกี่ยวกับงานสร้าง
An American Monster: ปีศาจของอเมริกา
Get Out เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
เมื่อคนดูส่วนใหญ่ได้ยินชื่อจอร์แดน พีเล พวกเขาจะนึกถึงครึ่งหนึ่งของคู่นักแสดงใน Key and Peele และดารานำจากเรื่อง Keanu พีเลเป็นนักแสดงที่เป็นที่รู้จักจากงานเขียนบทแนวตลกของเขา พอๆกับการแสดงนำในหนังและซีรีส์แนวตลกทางโทรทัศน์ เขายังประสบความสำเร็จกับการพากย์เสียงและการแสดงล้อเลียนบุคคลต่างๆ แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือนักแสดงตลกที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์ และเป็นเจ้าของรางวัลเอ็มมีคนนี้ เป็นแฟนหนังแนวหนึ่งที่ต่างชนิดกันไปเลยมานานแล้ว ผลงานกำกับเรื่องแรกของเขาเป็นงานที่จัดจำหน่ายโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และสร้างโดยบลัมเฮาส์ โปรดักชันส์ ของเจสัน บลัม หุ้นส่วนในการสร้างสรรค์หนังสยองขวัญของยูนิเวอร์แซล
พีเล ซึ่งเริ่มต้นด้วยการเป็นคนเขียนบทและนักแสดงใน MADtv เป็นแฟนหนังแนวสยองขวัญมายาวนาน และเชื่อว่าความน่ากลัวและความตลกมาจากบ่อเกิดของแรงบันดาลใจเดียวกัน และทั้งสองสิ่งนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความต้องการที่จะสำรวจความไร้สาระในความเป็นมนุษย์ของเรา เขาชอบความจริงที่ว่าเรารับมือกับปัญหาและความกลัวผ่านทางการระบายความรู้สึกข้างใน จากการหัวเราะ หรือยอมให้ตัวเองรู้สึกกลัว พูดง่ายๆคือ ถ้าเราสามารถเอาชนะความรู้สึกได้ เราจะสามารถก้าวผ่านประสบการณ์นั้นได้
พีเลแนะว่าความตึงเครียดนี้และการปลดปล่อยมันออกมา สามารถสร้างความพึงพอใจทางความรู้สึกกับคนดูได้ “ในฉากหนึ่ง คุณอยากได้การหัวเราะ และอีกฉากหนึ่ง คุณอยากได้ความกลัว มันน่าตื่นเต้นสำหรับผม ที่ได้นำทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มาจากงานแนวคอมเมดี้ มาใช้กับหนังแนวโปรดของผม คือหนังแนวเขย่าขวัญ”
จากการที่เขาคุ้นเคยกับการเจาะลึกหาความไร้สาระจากความจริง เมื่อเริ่มเขียนบทหนัง พีเลวางโครงเรื่องที่มีความสมดุลกันของส่วนที่เป็นความสยองขวญ และการวิจารณ์สังคม ผลลัพธ์ที่ได้คือ Get Out หนังเขย่าขวัญที่ผสมผสานอารมณ์ขัน, การเสียดสี และ ความสยองขวัญ และไม่กลัวที่จะเล่นงานสถานการณ์ปัจจุบันของความสัมพันธ์ต่างสีผิวในอเมริกาแบบซึ่งหน้า “ไอเดียของหนังมาจากการที่ผมอยากทำบางอย่างให้กับหนังแนวเขย่าขวัญและสยองขวัญ ที่ไม่เหมือนใครสำหรับความคิดเห็นของผม ความจริงที่ว่าหนังไปที่เรื่องสีผิว มันก็ไปที่ขอบเขตงานแนวที่ผมได้ทำบ่อย คือแนวตลก นี่คือหนังที่สะท้อนความกลัวจริงๆของผม และประเด็นที่ผมเคยเจอมาก่อน”
พีเลสร้างตัวละครเอกชื่อคริส หนุ่มอเมริกันผิวสีที่ทำงานเป็นช่างภาพและศิลปินอยู่นิวยอร์ก เขาพัฒนาความสัมพันธ์กับแฟนสาวที่เป็นคนผิวขาวไปอีกขั้นหนึ่ง ด้วยการไปเยี่ยมพ่อแม่แฟนในช่วงสุดสัปดาห์ ทันทีที่คริสไปถึงบ้านของครอบครัวแฟนทางตอนเหนือของรัฐ เขาก็เริ่มสงสัยว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่มันดูเหมือนจะเป็น เมื่อเขาพบว่ามีคนผิวสีจำนวนหนึ่งหายตัวไปในเขตชานเมืองนั้น ความสงสัยของเขาก็เปิดเผยออกมา ว่ามันเป็นยิ่งกว่าความหวาดระแวงไปเองโดยไม่มีเหตุผล สิ่งที่เริ่มต้นเหมือนเป็นการไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ธรรมดา กลับพลิกผันและเดินไปสู่บทสรุปที่บ้า, น่าขนลุก, เขย่าขวัญ, น่าสะพรึงกลัว นอกจากนั้น ยังสนุกด้วย
พีเลยอมรับว่าเขาสนุกกับการเล่นกับความคาดหวังของคนดู เรื่องสิ่งที่อาจเกิดขึ้น และพลิกบทสรุปที่คาดเดาล่วงหน้าไว้แบบกลับหัวกลับหาง “ส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของเรื่องราวใน Get Out คือหญิงสาวผิวขาวพาหนุ่มผิวดำไปบ้าน และเธอไม่ได้คิดซับซ้อนเรื่องผลยุ่งยากทางสังคมที่จะตามมา เธอสันนิษฐานว่าครอบครัวของเธอจะไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ ก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ แต่มีนัยหลายอย่างที่เราเริ่มเห็นสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น”
ช่วงเวลาของความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ทำให้คริสสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆถูกเปิดเผยออกมา ไม่ว่าจะเป็นความสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลกๆของคนทำงานบ้านของครอบครัวอาร์มิเทจ หรือความรู้สึกเหมือนเขาก้าวเข้าไปอยู่อีกโลกหนึ่งระหว่างการฉลองประจำปีของครอบครัวเพื่อรำลึกการจากไปของปู่ คริสรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่กำลังจะเป็นบ้า “เคล็ดลับคือการทำให้แน่ใจว่าไม่มีเรื่องบ้ามากๆเรื่องอะไรเกิดขึ้นรวดเร็ว จนเราไม่เชื่อว่าตัวละครจะอยู่ในสถานการณ์นี้ ปัจจัยที่เริ่มเตือนคริสคือการได้เจอกับคนทำงานในบ้าน และพบว่าทั้งคู่มีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาไม่เหมือนใครที่เขาเคยเจอมาก่อน”
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้กำกับและเขียนบทบอกว่ามันมีความสำคัญอย่างที่สุดสำหรับพระเอกของหนังเขย่าขวัญเรื่องนี้ ที่อย่าทำอะไรที่คนดูจะไม่ทำ “ผมเกลียดมากเวลาเป็นแบบนั้นในหนัง” พีเลหัวเราะ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังเขย่าขวัญ ตอนที่คุณอยากให้ใครสักคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา, โทรไปหาตำรวจ และออกไปจากบ้านหลังนั้น นั่นคือสิ่งที่ผมยอมให้คริสเป็น คือเป็นมนุษย์จริงๆ, ฉลาด และคิดแบบมีเหตุมีผล เพราะมันได้อย่างใจมาก”
หนังเรื่อง Get Out ทักทายคนดูด้วยสิ่งกระตุ้นที่มากกว่าความบันเทิงธรรมดา “หนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับหลายอย่าง มันบอกเล่าเกี่ยวกับวิธีที่อเมริการับมือกับเรื่องสีผิว และความคิดที่ว่าการเหยียดผิวเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย เป็นปีศาจของอเมริกา มันยังเกี่ยวกับความคิดของการไม่สนใจ และความคิดที่ว่า ถ้าเรายอมให้ตัวเองทำแบบนั้น มนุษย์อาจจะยืนดูเฉย ในขณะที่ความโหดร้ายเกิดขึ้น” เขารู้สึกว่าสำคัญมากที่จะเจาะลึกลงไปในหนังแนวนี้ และถกกันในเรื่องที่ว่าเชื้อชาติจะมีผลกระทบต่อความสยองขวัญอย่างไร “มันเป็นส่วนสำคัญของการพูดคุยกันครั้งนี้”
ในขณะที่หลายคนคงคาดไว้แล้ว ว่าจะได้เห็นการรับหน้าที่หลายอย่าง เพื่อทำให้ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเป็นหนังตลกเบาสมอง แต่พีเลรู้ว่าเขาต้องการให้ Get Out เป็นผลงานนำร่องของเขาเข้าสู่งานกำกับ “การเขียนบทและกำกับด้วย มันง่ายกว่าการไม่ทำทั้งสองอย่าง ความสวยงามคือการที่มันทำคนละเวลากัน ดังนั้นหน้าที่ของคุณจึงไม่ทับซ้อนกัน มันเป็นข้อได้เปรียบที่เยี่ยมมากที่รู้สึกมั่นใจเวลาจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างในระหว่างการถ่ายทำ และรู้ว่าคุณไม่ได้พลาดอะไรที่คนเขียนบทตั้งใจให้มี”
เพื่อช่วยให้เขานำบทภาพยนตร์มาสู่จอภาพยนตร์ พีเลและผู้อำนวยการสร้างมากประสบการณ์อย่างฌอน แม็คคิททริค และเอ็ดเวิร์ด เอช. แฮมม์ จูเนียร์ ที่เคยให้คำแนะนำนักแสดงหลายคนในการกำกับหนังครั้งแรกของพวกเขา รวมทั้งเจสัน เบทแมน ใน Bad Words หันไปหาผู้อำนวยการสร้างผู้ชำนาญการอย่างเจสัน บลัม ที่สร้างหนังแนวนี้ขึ้นในรูปแบบใหม่ตั้งแต่เขาดูแลการสร้างและทำให้ Paranormal Activity ประสบความสำเร็จในระดับที่เหลือเชื่อ ผลงานล่าสุดของเขา คือ Split ของผู้กำกับ/เขียนบทและอำนวยการสร้าง เอ็ม. ไนท์ ชามาลาน ครองอันดับ 1 ในอันดับหนังทำเงินของอเมริกานานถึงสามสัปดาห์ และสัญญาการจัดจำหน่ายที่บลัมทำกับยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ก็ช่วยให้หนังของพีเลได้รับโอกาสมากขึ้นในการจัดจำหน่าย
บลัมเล่าถึงเหตุผลที่ทำให้เขาอยากทำงานกับพีเลในหนังเรื่องนี้ว่า “จอร์แดนเป็นส่วนผสมที่ไม่เหมือนใครของคนที่มีความสามารถอย่างน่าทึ่งและการทำงานร่วมกับคนอื่น ผมดูหนังน่ากลัวทุกเรื่อง และอ่านบทหนังน่ากลัวทุกบท แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน สำหรับการที่จอร์แดนเปลี่ยนแปลงมาเป็นอีกแนวหนึ่ง ผมเชื่อว่ามีความคล้ายกันหลายอย่างระหว่างหนังตลกและหนังสยองขวัญ มันเป็นหนังสองแนวที่คนดูมีปฏิกิริยาตอบรับทางกายขณะดูในโรง จังหวะของการปล่อยมุกตลกและความน่ากลัว รวมทั้งวิธีการที่คุณสร้างอารมณ์ทั้งสองแบบในหนัง มันก็คล้ายกันมาก จากเรื่องนั้นรวมกับวิธีที่จอร์แดนพูดถึง Get Out ทำให้ผมมั่นใจที่จะลองเสี่ยงกับหนังเรื่องนี้ดู”
แม็คคิททริครู้จักกับผู้กำกับและเขียนบทจอร์แดน พีเลครั้งแรกผ่านทางเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักทั้งสองฝ่าย “ผมต้องขอบคุณคีแนน-ไมเคิล คีย์ ที่เป็นคนแนะนำให้ผมรู้จักกับจอร์แดน หลักๆเลยเป็นเพราะจอร์แดนหลงใหลหนังแนวสยองขวัญ เขาขายไอเดียหนังเรื่อง Get Out กับผม และผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน ผมพูดขึ้นทันทีว่า “เราต้องทำหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
แม็คคิททริค ซึ่งเริ่มต้นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ด้วยการสร้างหนังคัลต์ขึ้นหิ้ง เรื่อง Donnie Darko ยิ่งกว่าประทับใจกับความสามารถที่พัฒนาไปอย่างเร็วในงานกำกับที่เขาพบในตัวพีเล “มันเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่ผมเคยมี จอร์แดนเป็นคนทำงานที่ทุ่มเทอย่างเหลือเชื่อ และรู้อย่างแน่ชัดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ หนังตลกและหนังสยองขวัญเป็นเหมือนญาติใกล้ชิดกันที่เขาช่ำชองกับมัน ก่อนที่จะก้าวเข้ามาด้วยซ้ำ เขาศึกษาหนังแนวสยองขวัญมาทั้งชีวิตเขา”
บลัมเป็นคนแรกที่ยอมรับว่าเขามักจะถูกดึงดูดโดยหนังที่มีอะไรมากกว่าการเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง “Get Out ให้ความตื่นเต้นและความกลัวทุกอย่างของหนังเขย่าขวัญชั้นดีแก่คุณ แต่หนังมีมากกว่านั้น มันทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่เราทำในหนังเรื่อง The Purge ซึ่งเป็นหนังแฟรนไชส์แนวน่ากลัว, เขย่าขวัญ, แอ็คชั่น แต่ก็เป็นหนังที่พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสังคมของเราเช่นกัน Get Out ได้ผลในแบบที่คล้ายกัน ตรงที่มันมีให้ทุกอย่างที่คุณต้องการจากหนังเยี่ยมๆแนวนี้สักเรื่อง แต่มันก็ยังพูดหลายอย่างเกี่ยวกับโลกด้วย จอร์แดนคิดวิธีที่น่าทึ่งมากในการถ่ายทอดความคิดออกมาและพูดเกี่ยวกับสีผิว แล้วก็พามันขึ้นไปถึงระดับที่เป็นความแปลก เรื่องราวของหนังตบตาอย่างมาก เพราะคุณถูกทำให้เชื่อว่าจะได้เห็นเหตุการณ์หลายอย่างค่อยๆเปิดเผยออกมาในแบบที่คุณคุ้นเคย แต่ที่จริง มันถูกเปิดเผยออกมาในแบบตรงกันข้ามเลยทีเดียว”