บลจ.กรุงไทยปลื้มกองทุนตปท. ผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้กองทุนต่างประเทศหลายกองทุนของบริษัท ให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ลงทุน และติดอันดับ1 ในแต่ละกลุ่มของประเภทการลงทุน จากการจัดอันดับของ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ซ (ประเทศไทย) เช่น กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ (KT-Energy ) เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF World Energy Fund ลงทุนในตราสารทุนของบริษัทชั้นนำทั่วโลก ซึ่งมีธุรกิจหลักในการสำรวจ พัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายพลังงาน นอกจากนั้น กองทุนยังอาจลงทุนในบริษัทที่มุ่งพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน ผลตอบแทน ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2559 ย้อนหลัง6เดือน อยู่ที่ 23.33 % เกณฑ์มาตรฐาน อยู่ที่ 16.64 % YTD (2ม.ค. -17 ส.ค.) อยู่ที่ 14.18 % เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 12.33 %
กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส อิควิตี้ ( KT- Precious ) เน้นลงทุนในกองทุน Franklin Gold and Precious Metals ซึ่งลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ที่เป็นทองคำและโลหะมีค่า ผลตอบแทน ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2559 ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 70.41 % เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 61.30% YTD อยู่ที่ 103.20% และเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 115.36 %
กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เมทัล แอนด์ ไมน์นิ่ง ฟันด์ ( KT-Mining ) เน้นลงทุนในกองทุน Allianz Global Metals and Moning ลงทุนในหุ้นทั่วโลก เกี่ยวกับการสำรวจ การสกัด หรือการแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติ เช่น นิเกิล ทองแดง อลูมิเนียม ทอง แพลตตินัม เหล็ก แร่อื่นๆ ถ่านหิน และ โลหะมีค่า เป็นต้น ผลตอบแทน ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2559 ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 50.86% เกณฑ์มาตรฐาน อยู่ที่ 50.16% YTD อยู่ที่ 48.12% เกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 57.72%
กองทุนเปิดเคแทม อาเซียน อิควิตี้ ฟันด์ (KT- ASEAN) เน้นลงทุนใน JPMorgan Funds- ASEAN Equity Fund โดยจะลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียนผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 17 สิงหาคม ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 15.08% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 13.39% YTD อยู่ที่ 12.58% เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 10.87%
ที่ผ่านมา บริษัทมีการออกกองทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนของลูกค้า ในการกระจายพอร์ตการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี บริษัทมีทีมวิจัยที่ติดตามสถานการณ์การลงทุนต่างๆอย่างใกล้ชิด และหาโปรดักส์ใหม่ๆที่มีโอกาสเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต มานำเสนอให้กับผู้ลงทุนอยู่ตลอดเวลา
นางชวินดา กล่าวถึงมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ ว่า ที่ผ่านมา GDP ไตรมาส2 ขยายตัวประมาณ 3.5 % การใช้จ่ายภาครัฐ และ การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การบริโภค ภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น จากการฟื้นตัวของราคาสินค้าเกษตร และมาตรการกระตุ้นภาครัฐในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คาดว่า ในช่วงต่อจากนี้เศรษฐกิจไทยอาจชะลอลงเล็กน้อย ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาครัฐมีแนวโน้มชะลอลงตามกรอบงบประมาณที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากในปีงบประมาณหน้า การฟื้นตัวของรายได้เกษตรกรจะเห็นชัดเจนหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ในช่วงสิ้นปี ขณะที่เม็ดเงินจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานน่าจะเข้ามาในปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโต 3% แต่อาจมีการปรับขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่า กนง. จะไม่ลดดอกเบี้ย
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในปี 2560 มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี ปัจจัยสำคัญจะเป็นเม็ดเงินจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการฟื้นตัวจากภาวะภัยแล้ง แต่ภาคการส่งออกยังคงน่าเป็นกังวล ส่วนภาคการท่องเที่ยว อาจจะไม่ขยายตัวได้มากเหมือนในปีนี้
หากเศรษฐกิจดีขึ้น มีแนวโน้มที่ กนง.อาจจะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว ยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรต่างประเทศ ที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นผลมาจากมาตรการการผ่านคลายทางการเงินจากธนาคารกลางสำคัญๆของโลก ซึ่งยังน่าจะมีต่อเนื่อง เฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่คงขึ้นได้ไม่มากจากที่ ECB ยังผ่อนคลายทางการเงินในระดับสูงอยู่ ทั้งนี้ จากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่ต่ำ น่าจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม Valuation ของหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปมาก ทำให้ความผันผวนของหุ้นน่าจะมากขึ้นด้วงย ดังนั้น การกระจายตัวในหลายๆ Asset Class เป็นเรื่องที่สำคัญ และอาจมีความสำคัญมากขึ้นด้วยในปีหน้า