“พูลวรลักษณ์” พร้อมผงาด ศูนย์ฯแฟชั่นค้าส่ง “เมโทร แฟชั่น” ชูคอนเซปต์ “4 แหล่ง ในแห่งเดียว” ย่านประตูน้ำ
“เมโทร แฟชั่น” ตอบสนองความแรงของธุรกิจแฟชั่นค้าส่ง ทุ่มทุนกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมผงาดแหล่งรวมแฟชั่นค้าส่ง ชูคอนเซปต์ “4 แหล่งในแห่งเดียว” ได้แก่ โบ๊เบ๊, จตุจักร, สำเพ็ง และประตูน้ำ มั่นใจในอนาคตตลาดลูกค้าต่างประเทศโตแน่
นายวิสิน พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทร แฟชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ตระกูล “พูลวรลักษณ์” ได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของธุรกิจค้าส่งที่ปัจจุบันมีมูลค่าในตลาดเกินกว่า 100,000 ล้านบาท และยังคงมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย 80% และชาวต่างชาติ 20% ทั้งยังมีการขยายตลาดไปยังทุกมุมโลก จึงตัดสินใจที่จะลงทุนในธุรกิจแฟชั่นค้าส่งภายใต้ชื่อ “เมโทร แฟชั่น” โดยมีร้านค้าภายในศูนย์กว่า 370 ยูนิต บนเนื้อที่ 2 ไร่ของโรงหนังเมโทรเดิม สร้างอาคาร 5 ชั้น มีชั้นใต้ดิน มีลานจอดรถประมาณ 250-300 คัน ครอบคุมพื้นที่ใช้สอยกว่า 6,000 ตารางเมตร
ล่าสุด “เมโทร แฟชั่น” ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเป็นศูนย์รวมของธุรกิจค้าส่ง จาก 4 แหล่งในแห่งเดียว อันได้แก่ โบ๊เบ๊, จตุจักร, สำเพ็ง และ ประตูน้ำ แหล่งธุรกิจค้าส่ง 4 ที่นี้ เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับในวงกว้าง เมโทร แฟชั่น เน้นการเลือกสรรสินค้าทีมีดีไซน์และคุณภาพ ในราคาไม่สูง จากแหล่งผู้ผลิตโดยตรง มารวมไว้ด้วยกัน หวังจะให้เป็นศูนย์รวมแฟชั่นค้าส่งจากทุกแหล่ง
“ทางเราได้มีการจัดแบ่งกลุ่มสินค้าอย่างชัดเจน โดยแบ่งโซนของชั้นใต้ดิน เป็นเสื้อผ้านำเข้าจากต่างประเทศ และแฟชั่นยีนส์ ชั้น 1 เสื้อผ้าในประเทศ และต่างประเทศ ชั้น 2 เสื้อผ้าสตรีและบุรุษ เสื้อผ้าเด็ก ชั้น 3 เสื้อผ้าดีไซน์ใหม่ เครื่องประดับ เครื่องหนัง รองเท้า และกระเป๋า ชั้น 4-5 เป็นที่จอดรถ อีกทั้งยังมีบริการเสริมพิเศษ ได้แก่ บริการรถลากและรับฝากของ, บริการให้ข้อมูลโครงการในการช้อปปิ้งผ่านทางเว็บไซต์
www.metrofashion.co.th สำหรับลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ, ศูนย์บริการบัตรสมาชิก โดยจัดเตรียมบริการพิเศษนี้ ไว้ที่ชั้นใต้ดิน” นายวิสินกล่าว
นายวิสินยังกล่าวอีกว่า ทั้งนี้จุดแข็งของบริษัทฯ คือเรื่องราคาในการเช่าพื้นที่ในศูนย์ เพียงตารางเมตรละ 800-1,200 บาท มีสัญญาเช่า 3 ปี ซึ่งคู่แข่งตั้งราคาอยู่ในตารางเมตรละ 1,000-3,000 บาทต่อเดือน ทำให้ผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์ฯ เมโทร แฟชั่น สามารถลดต้นทุนในการเช่าพื้นที่ต่ำลง ซึ่งจากการที่ต้นทุนต่ำนี้จึงทำให้สามารถตั้งราคาขายสินค้าได้ถูกลงกว่าแหล่งอื่น นอกเหนือจากนี้ ทาง “เมโทร แฟชั่น” ยังได้เตรียมงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ในปีนี้ เพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ หวังกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมาใช้บริการที่ “เมโทร แฟชั่น” อีกด้วย
“ผมศึกษาตลาดตรงนี้มากว่า 2 ปี ทำให้ทราบว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่ชอบสินค้าของประเทศไทยมาก แต่มักมีปัญหาเรื่องการคัดเลือกสินค้า และการบริการด้านการขนส่ง ซึ่งนั่นหมายถึงเป็นการลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่น เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก โดยการแบ่งประเภทของสินค้าให้ชัดเจนนี้จะทำให้จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 5-7 วัน ก็จะเหลือเพียง 1-2 วัน จึงทำให้ลูกค้าไม่ต้องไปเสียเวลาหาบริการจากแหล่งอื่น และในอนาคตผมเชื่อมั่นว่าจะทำให้สัดส่วนของลูกค้าตลาดต่างประเทศขยับขึ้นได้อย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดแฟชั่นค้าส่ง ณ ขณะนี้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละประมาณ 8-10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานของอุตสาหกรรมสิ่งทอ และรัฐบาลมีนโยบายที่จะสนับสนุนให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางแฟชั่นแห่งภูมิภาคเอเชีย จึงมองว่าธุรกิจค้าส่งด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายน่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี โดยแบ่งเป็นการค้าส่งย่านประตูน้ำถึง 50-60 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่ารวมธุรกิจค้าส่งสินค้าแฟชั่นในปัจจุบัน