happy on February 17, 2021, 11:04:19 PM


ไทยยูเนี่ยนได้รับการสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเป็นครั้งแรก

•   อัตราดอกเบี้ยจะอิงกับเกณฑ์ด้านความยั่งยืน 3 ข้อด้วย
•   ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามมากกว่าสองเท่าตัวจากจำนวนสินเชื่อที่ต้องการ ทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น นับเป็นก้าวสำคัญไปสู่  Blue Finance
•   โดยมีธนาคารชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นและไทยเป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วม และนักลงทุนสถาบันทั้งธนาคารชั้นนำในประเทศญี่ปุ่นและไทย ได้เข้าร่วมในการปล่อยสินเชื่อครั้งนี้






นายธีรพงศ์ จันศิริ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


16 กุมภาพันธ์ 2564, กรุงเทพมหานคร – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก ประสบความสำเร็จในการออกสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเป็นครั้งแรก ทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ไทยยูเนี่ยนได้รับเป็นครั้งแรกนี้ แบ่งออกเป็น สินเชื่อที่ออกในประเทศไทยเป็นสกุลเงินไทยบาทและดอลล่าร์สหรัฐ เป็นจำนวนเทียบเท่า 6,500 ล้านบาท   และสินเชื่อนินจา/ซามูไรเป็นสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐและเยน เป็นจำนวนเทียบเท่า 183 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ  โดยสินเชื่อทั้งสองจำนวนนี้รวมกันเป็นจำนวน 12,000 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี

โดยการขอสินเชื่อในครั้งนี้ของไทยยูเนี่ยนได้รับการตอบรับมากกว่าสินเชื่อที่ต้องการมากกว่าสองเท่า  ความสำเร็จในการรับสินเชื่อในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงก้าวสำคัญของบริษัทในการเป็นสู่ Blue Finance หรือการบริหารจัดการการเงินเพื่อโครงการและการทำงานในการอนุรักษ์มหาสมุทร ที่ยังประโยชน์ให้แก่ทั้งบริษัทและอุตสาหกรรมในภาพรวม

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคาร มิซูโฮ จำกัด และธนาคาร เอ็มยูเอฟจี จำกัด ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arrangers and Bookrunners) รวมถึงเป็นผู้ประสานงานด้านดัชนีความยั่งยืน (Sustainability Coordinators) ของเงินกู้ร่วมในครั้งนี้  สินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวของไทยยูเนี่ยนที่ได้รับสินเชื่อในการดำเนินธุรกิจ โดยสินเชื่อที่ออกในประเทศไทย นอกจากผู้จัดการเงินกู้ร่วมแล้ว ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด และธนาคารบีเอ็นพี พารีบาร์  ได้เข้าร่วมในฐานะ Lead Arranger และธนาคารโอเวอร์ซี-ไชนีสแบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด สาขากรุงเทพฯ  และธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ (ไทย) จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมในฐานะ Arranger เพื่อสนับสนุนสินเชื่อในครั้งนี้ให้แก่ไทยยูเนี่ยน

นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังได้ใช้เครือข่ายนักลงทุนของผู้จัดการเงินกู้ร่วม ในประเทศญี่ปุ่นในการเข้าถึงตลาดสินเชื่อญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก จนได้รับผลตอบรับเป็นสินเชื่อจากต่างประเทศเป็นจำนวนถึง 183 ล้านเหรียญสหรัฐ  และมีทั้งหมด 19 สถาบันการเงินของญี่ปุ่นรวมถึงธนาคารจากประเทศต่างๆ ที่ตั้งสาขาในประเทศญี่ปุ่นร่วมอนุมัติสินเชื่อในครั้งนี้ร่วมกับผู้จัดการเงินกู้ร่วม

สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้นมีความเชื่อมโยงกับตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ซึ่งหากบริษัทสามารถดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนตามที่ระบุไว้ ก็จะได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ย  ซึ่งตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสำหรับไทยยูเนี่ยนที่กำหนดไว้คือ การรักษาอันดับในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI  สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้าหมาย และเพิ่มการกำกับดูแลในห่วงโซ่อุปทานด้วยการใช้การตรวจสอบด้วยวิธีอิเล็คทรอนิคให้มากขึ้น และ/หรือ มีการตรวจสอบบนเรือประมงปลาทูน่าให้มากยิ่งขึ้น   

Sustainalytics ได้รับการมอบหมายให้เป็นผู้ตรวจสอบให้ความคิดเห็นต่อตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนว่าสอดคล้องไปกับหลักการของสินเชื่อที่มีความเชื่อมโยงกับการทำงานด้านความยั่งยืนหรือไม่  โดยตัวบ่งชี้ในแต่ละข้อนั้นจะได้รับการยืนยันจากองค์กรอิสระเพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างยุติธรรม

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งสินเชื่อในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเราหรือ SeaChange® ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราที่เชื่อว่าการทำงานด้านความยั่งยืนจะต้องนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรม  การที่สถาบันการเงินต่างๆ ให้การตอบรับเป็นอย่างดีต่อสินเชื่อที่มีความเชื่อมโยงกับการทำงานด้านความยั่งยืน หมายความว่าความพยายามและการทำงานด้านความยั่งยืนที่ผ่านมาของไทยยูเนี่ยนเป็นที่ประจักษ์และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ยังสะท้อนว่าทั่วโลกให้ความสำคัญกับจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจและนักลงทุนต้องการสนับสนุนบริษัทที่ตั้งใจจริงในการทำงานเพื่อให้เกิดผลลัพธ์และความเปลี่ยนแปลง”

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการจัดหาสินเชื่อที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อีกครั้ง โดยเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างไทยยูเนี่ยนให้บรรลุสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน ด้วยการผสานความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนเพื่อให้สินเชื่อที่มีความเชื่อมโยงกับการทำงานด้านความยั่งยืนที่สำคัญนี้ประสบความสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่วางไว้ ท่ามกลางความท้าทายในหลากหลายด้าน ซึ่งร่วมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก การกำหนดตัวบ่งชี้ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่ต้องมีความเหมาะสมและเข้มงวด และสถานการณ์ตลาดสินเชื่อในญี่ปุ่นและไทย”

"สินเชื่อนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการผสานพลังความร่วมมืออันแข็งแกร่งของกรุงศรีและ MUFG โดยใช้ศักยภาพความพร้อมของทั้งสองสถาบันในการสนับสนุนและเชื่อมโยงทุกความต้องการของลูกค้าให้บรรลุเป้าหมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ในโอกาสนี้เราขอร่วมแสดงความยินดีกับไทยยูเนี่ยนกับความสำเร็จครั้งใหญ่นี้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของงานด้าน ESG บนเส้นทางสู่ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน”

นายยาซูฮิโร่ คูโบตะ เจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการทั่วไป ธนาคาร มิซูโฮ จำกัด สาขากรุงเทพฯ กล่าวว่า “มิซูโฮขอแสดงความยินดีกับไทยยูเนี่ยนในความสำเร็จในครั้งนี้  เราภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จในการพัฒนาด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารทะเล  มิซูโฮเชื่อว่าสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานของไทยยูเนี่ยนในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ให้หมดไป ด้วยการตรวจสอบย้อนกลับของวัตถุดิบต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานได้  และนี่คือเหตุผลสำคัญทีมิซูโฮได้ให้การสนับสนุนร่วมกับธนาคารต่างๆ ในครั้งนี้”

นายริชาร์ด ยอร์ค กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายลูกค้าบรรษัทและวาณิชธนกิจ เอเชียแปซิฟิก ธนาคาร เอ็มยูเอฟจี จำกัด (MUFG Bank) กล่าวว่า “MUFG ยินดีที่ได้สนับสนุนไทยยูเนี่ยนในการขับเคลื่อนธุรกิจระดับโลกสู่ความยั่งยืน ในฐานะที่เป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วมซึ่งมีบทบาทสำคัญในสินเชื่อครั้งนี้ MUFG ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรที่ดีให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีร่วมกัน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการสนับสนุนทางการเงินที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ทำให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงให้กับไทยยูเนี่ยนได้เป็นอย่างดี”

“ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถผสานพลังเครือข่ายซึ่งครอบคลุมอยู่ทั่วเอเชีย รวมทั้งกรุงศรี เพื่อร่วมกันสนับสนุนความต้องการลูกค้าทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นให้บรรลุผลสำเร็จ และยังสามารถขยายฐานนักลงทุนให้กับลูกค้า สะท้อนศักยภาพที่เข้มแข็งของเราในด้านตลาดทุน ทั้งนี้ เราขอร่วมแสดงความยินดีกับไทยยูเนี่ยนอีกครั้งสำหรับความสำเร็จที่สำคัญในครั้งนี้”

สามารถอ่านรายงานวิเคราะห์ด้านเกณฑ์ความยั่งยืนได้ ที่นี่





เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน

เกี่ยวกับกรุงศรี

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 75 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 670 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 631 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 39 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 33,431 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 9.5 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด) อีกด้วย

กรุงศรี มีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น

เกี่ยวกับ มิซูโฮ

มิซูโฮเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีสินทรัพย์รวมประมาณ 217.90 ล้านล้านเยน ณ เดือนธันวาคม 2020 มิซูโฮมีพนักงานประมาณ 60,000 คนใน 116 แห่งนอกประเทศญี่ปุ่นและมีประสบการณ์ด้านการธนาคารกว่า 140 ปีในอุตสาหกรรมการเงินที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ครอบคลุมด้านการเงินและการบริการเชิงกลยุทธ์รวมไปถึงการธนาคาร หลักทรัพย์ ทรัสต์และกองทุน เครดิตการ์ด  ที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล และ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน ผ่านทางกลุ่มสถาบันการเงินมิซูโฮรวมทั้งธนาคารมิซูโฮ และ บริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮ

มิซูโฮได้ให้ความสำคัญและพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทางด้านการเงินกับผู้ประกอบการที่มีความมุ่งมั่นในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

เกี่ยวกับ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)

มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานกว่า 2,600 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 180,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ

MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปัน สู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก

MUFG Bank เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเครือข่ายครอบคลุมในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยในต่างประเทศ MUFG Bank นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งในด้านธุรกิจและการลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ภาครัฐ และลูกค้ารายย่อยทั่วโลก

สำหรับในภูมิภาคเอเชีย MUFG Bank ให้บริการครอบคลุมในกว่า 20 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บังกลาเทศ กัมพูชา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เมียนมา นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม

นอกจากนี้ MUFG Bank ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับหลายธนาคารที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้สามารถนำเสนอบริการอย่างครอบคลุมผ่านเครือข่าย ซึ่งประกอบไปด้วย VietinBank ในเวียดนาม กรุงศรี ในไทย Security Bank ในฟิลิปปินส์ และ Bank Danamon ในอินโดนีเซีย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english