pooklook on February 18, 2010, 09:30:08 AM
“อ้น” ไม่แคร์ยินดีแก้ผ้าต่อ บอกเป็นงานที่รัก ลั่นไม่ได้ใส่ชุดนั้นเดินถนน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์18 กุมภาพันธ์ 2553 00:04 น.




“อ้น สราวุฒิ” ไม่สนกระแสวิจารณ์ หลังถ่ายแบบโชว์ก้นแอนด์ข้าวต้มมัด บอกเป็นการทำงานต้องเข้าถึงบทบาท และถือเป็นงานที่รัก ยินดีถ่ายอีกถ้าคอนเซ็ปท์เจ๋งเงินไม่เกี่ยว
       
       ตั้งแต่ถ่ายภาพวาบหวิวขึ้นปกนิตยสารอิมเมจโชว์ก้นขาวๆ กับข้าวต้มมัดตู้มๆ ก็มีกระแสข่าวว่า “อ้น สราวุธ มาตรทอง” จะ โดนปลดจากละคร “เทวดาสาธุ” ด้าน “หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์” ผู้บริหารบรอดคาซท์ ผู้ผลิตละครดังกล่าว ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่อ้นนั้นกลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆ แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็มาปรากฏตัวรับมอบโดโครงการธนะพัฒน์ หลังจากเป็นผู้ชนะเลิศปประกวดในรายการซูเปอร์สตาร์ งานนี้ก็เลยถือโอกาสเคลียร์
       
       “ภาพแฟชั่นที่ผมถ่ายว่าแล้วต้องถาม อืม...ก็ตอบได้เลยว่า สำหรับ ผมมันก็เป็นอีกงานหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับมันแค่เป็นโจทย์อีกหนึ่งโจทย์ ผมแยกเป็นสองส่วนคืองานกับชีวิตปกติ เพราะฉะนั้นทุกครั้งถ้าใครได้มาดูโชว์ซุปเปอร์สตาร์ผมได้รับโจทย์เป็นอะไร ผมก็จะเข้าไปให้ถึงไม่ว่าจะเป็นอะไร ผมก็จะนำเสนอให้มันเป็นไปตามคอนเซ็ปท์นั้น”
       
       “ทีนี้คอนเซ็ปท์ของภาพมันเป็นเรื่องของความรุนแรงนิดหน่อย แต่สุดท้ายแล้วในวงเล็บมันคือแฟชั่น เราก็เป็นนักแสดงเราทำงานในฐานะนักแสดงก็จบ ก็ตัดสินใจไม่นาน จริง ๆ แล้วผมคุยกับพี่ณัฐ (ประกอบ สันติสุข) ช่างภาพก่อนครับว่า อยากทำงานด้วยกันเราชอบทำงานกับคนเก่งๆ และก็เห็นงานที่โอปอล์ (ปาณิสรา พิมพ์ปรุ) ถ่ายกับพี่ณัฐแล้วชอบ เลยมาถ่ายกับพี่เขาดีกว่า”
       
       “คอนเซ็ปท์มันอาจจะแรงก็ใช่ครับ อาจจะเป็นเพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นภาพผมแบบนั้น แต่ผมไม่ได้แต่งชุดนั้นเดินบนถนนนะครับ นั่นแค่อีกโจทย์ สมมุติว่าผมได้รับบทละครเป็นฆาตรกร หรือเป็นคนบ้าผมต้องเป็นแบบนั้นในชีวิตจริงไหม ผมแค่ทำงานด้านการแสดง และผมก็รู้สึกพอใจ”
       
       “ผมเห็นงานทุกชิ้นก่อนแล้ว ยกเว้นภาพหนึ่งผมเห็นในอินเตอร์เนตที่ตัวผมเหมือนคนแก้ผ้าแล้วมีหนังพันรอบ ตัว อันนั้นไม่ใช่ผม คือมีเพื่อนมาถามว่ารูปนั้นมาถามว่าใช่ผมไหม ผมก็งงว่ารูปไหนเลยไปเปิดในอินเตอร์เนต เอ้ารูปนี้อะไรก็เลยนึกถึงที่เพื่อนถาม อ่อรูปนี้แน่เลยก็จะบอกไว้เลยว่ารูปนั้นไม่ใช่ผมนะครับ เป็นฝรั่งที่ไหนไม่รู้ผมไม่ได้ถ่ายอันนั้น อาจจะเอาลิงค์มาจากต่างประเทศ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม”



“ฟีคแบคคนรอบข้างก็ไม่มีอะไร แต่ผมบอกคนรอบข้างแล้วนะว่า งานมันอาจจะแรงนิดนึงนะ แต่ว่าผมรักมัน ถ้าเรากลัวแล้วงานมันไม่ถึงจุดหมายผมคิดเองว่างั้นอย่าทำเลยดีกว่า ก็เลยคิดว่าในเมื่อเราทำงานก็ต้องทำให้ถึงจุดหมายเสร็จงานก็คือเสร็จงาน ผมคิดแค่นั้น ที่บ้านก็เข้าใจว่าทำงาน”
       
       พระเอกหนุ่มแจงตอนนี้ยังไม่มีปัญหาเรื่องงาน และไม่ขอตอบเรื่องกระแสข่าวผู้ใหญ่ไม่พอใจกับแฟชั่นเซ็ทดังกล่าว
       “ส่วนผู้ใหญ่ทางช่องผมไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว สำหรับผมคิดว่าก็แค่งานอีกชิ้นหนึ่ง ก็ได้ยินว่าพี่ๆนักข่าวไปถามพี่หน่อง อันนี้ผมขอไม่พูดถึงเพราะว่าส่วนผู้ใหญ่ก็คือส่วนผู้ใหญ่ เราก็เคารพการตัดสินใจหรือคำตอบตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรก็ทำงานปกติ”
       
       “กับกระแสข่าวที่ว่าผู้ใหญ่ไม่พอใจเท่าไรกับภาพที่ออกมา ผมขอไม่ตอบตรงกระแสข่าว เพราะสมมุติว่าถามผมว่าผมชอบกินทุเรียนไหม ผมก็จะตอบว่าไม่ชอบทุเรียน คือคนเรามีสิทธิ์จะตอบคำถามแต่งานก็ส่วนงาน พี่หน่องก็ยังไม่มีเรียกคุยอะไร ผมได้เจอพี่หน่องแล้วก็บอกแกว่า พี่หน่องครับผมขอโทษนะครับที่มันหวือหวาไปนิดนึง (หัวเราะ) แต่ว่าพี่หน่องเข้าใจผมใช่ไหมว่าผมทำงาน พี่หน่องก็มองว่าผมเป็นนักแสดงแล้วมันก็เป็นอีกหนึ่งโจทย์ ที่ผมทำมันก็มีหลายโจทย์นะ เวลาผมทำหล่อๆ ใสๆ ก็อีกหนึ่งโจทย์หรือเวลาผมเป็นบ้าๆ บอๆ ก็อีกหนึ่งโจทย์ ซึ่งผมแบ่งแยกชีวิตผมอีกส่วนหนึ่งเอาไว้ แต่ทุกอย่างที่เห็นเวลาผมทำงานมันก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง”
       
       “กับบทละครที่รับเป็นเทวดามาตลอดมันจะมีผลกับละครไหม เป็นการยื่นคำถามและการชี้แจงเรื่องงานให้คนดูมากกว่าว่า คนส่วนใหญ่มั่นใจว่าไม่ได้ติดตามผลงานผมมาโดยตลอด แต่ถ้าคนที่ติดตามงานผมก็จะเข้าใจวิธีการทำงาน คนที่รับรู้จากสื่อแค่บางงานของผม เขาอาจจะอึ้งกับบางงาน”
       
       “จะบอกว่า ผม...ไม่ใช่เทวดาครับ เคลียร์ไหม ผมไม่ใช่เทวดา ผมเป็นอ้น สราวุฒิ แล้วบังเอิญเขาให้ผมเล่นเป็นเทวดาแล้วบังเอิญผมเล่นแล้วคุณเชื่อ เพราะผมเล่นดีใช่ไหม นั่นคืออีกหนึ่งงานไง พอถอดชุดขาวก็เป็นอ้น สราวุฒิไง ก็หนังสือเล่มนี้ให้โจทย์ผมมาก็เลย เล่นแล้วบังเอิญว่าผมเล่นดี คุณก็เชื่อพอผมถอดชุดเขาผมก็เป็นอ้น สราวุฒิ เหมือนกัน”
       
       ลั่นหากมีงานแนวนี้ติดต่อเข้ามาก็จะรับ แต่งานต้องเจ๋งจริง เพราะอยากทำงานกับคนเก่งๆ เรื่องเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะต้องการทำงาน หากมัวแต่ไปคิดถึงเรื่องราวในอดีตก็จะไม่มีความสุข
       
       “ถ้ามีติดต่องานแบบนี้เข้ามาอีกจะรับไหม ผมขอพูดตรงนี้เลยว่าชีวิตจากวันนี้ไปที่ผมทำงานผมไม่ทำงานเพื่อเงิน เงินเป็นปัจจัยที่สองสามของผม ผมอยากทำงาน ถ้าสมมุติว่ามีใครก็ตามนักเรียนศิลปะหรือว่าคนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือคน เก่ง ตอนนี้ผมอยากทำงานด้วย ผมรู้สึกว่าผมอยากทำงานกับคนเก่งๆ หรือคนที่มีไอเดียสร้างสรรค์เราคุยกันได้เรื่องไอเดีย ถ้างานคุณเจ๋งผมอยากร่วมงานด้วย เงินไม่ใช่เรื่องที่หนึ่ง”
       
       “หนังก็มีคนมาทาบทามนะ ประมาณว่าถ้ามีเด็กๆ เขาทำหนังกัน อ้นจะเล่นไหม ถ้าบทเจ๋งอ้นก็เล่นนะ ผมไมได้อยู่ติดเพดาน ผมอยากทำงานคือไม่ใช่พอมีชื่อเสียงแล้วต้องติดเพดาน แล้วคนอื่นจับไม่ถึง คนเลยไม่กล้าเรียกเราเพราะเราเป็นดาราดังอยู่สูง สำหรับอ้น สราวุฒิมันไม่ใช่ตรงนั้นครับ จากนี้ไปถ้าใครมีงานอะไรก็แล้วแต่ที่คิดว่างานคุณเจ๋ง แล้วคุณคิดว่าคุณมีของและคุณอยากได้ทรัพยากรบุคคลที่ร่วมงานด้วย ผมอยากทำงานเงินคุยกันได้”
       
       “การถ่ายภาพกับอิมเมจเป็นเหมือนงานอีกชิ้น หนึ่งที่ผมวางโชว์ไว้ คืองานชิ้นนี้เป็นงานอีกชิ้นที่อาจมีคนชื่นชอบ ไม่ชอบก็เดินผ่านไปไปชมงานชิ้นอื่น มันเป็นเรื่องปกติของคนทำงานแล้วมันต้องก้าวต่อไป เราจะมานั่งอยู่ที่เดิมอยู่กับสิ่งที่เคยผิดพลาดมา เราไปจมอยู่กับมันแล้วชีวิตของเราอยู่ไหน โลกข้างหน้าและความสุขของเราอยู่ไหน แต่ผมอยากมีความสุขอยากมีชีวิต อยากทำงานและผมอยากสร้างสรรค์ เพราะฉะนั้นจะมีงานใหม่ๆ เข้ามามีงานที่น่าสนใจหรือใครก็ตามก็ขอให้บอก”