MSN on February 28, 2020, 03:03:35 PM
แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น เผยผลประกอบการปี 62 แข็งแกร่ง โชว์กำไรสุทธิเติบโต 109% จากปีก่อน พร้อมเปิดกลยุทธ์เดินหน้าสู่ปี 63 เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน

แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เปิดผลประกอบการประจำปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,040 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 109% และในไตรมาส 4/2562 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 482 ล้านบาท เติบโต 140% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พร้อมเดินหน้าธุรกิจในปี 2563 ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก มุ่งมั่นสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมยกระดับเศรษฐกิจของประเทศแบบองค์รวม






นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
กล่าวว่า "ปี 2562 ที่ผ่านมาเป็นปีที่สำคัญของเรา นอกจากความสำเร็จจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผลการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจก็มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นที่น่าพอใจ มีกำไรสุทธิ 1,040 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 109% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน(1) เติบโต 8.4% ซึ่งกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน(1) แบ่งสัดส่วนเป็นโรงแรมและการบริการ (Hospitality) 45% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบกิจการการค้า (Retail) 22% และธุรกิจอาคารสำนักงาน (Office) 33% รายได้จากพอร์ทโฟลิโอสินทรัพย์ดำเนินงาน(1) เติบโต 3.4% ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์ของบริษัทในปี 2562 ที่มุ่งเน้นการเติบโตการปรับปรุงตำแหน่งทางธุรกิจของสินทรัพย์ที่มีอยู่ การพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ และการปรับกลยุทธ์พอร์ทการลงทุนเพื่อเน้นผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมาย”

สำหรับผลการดำเนินงาน ของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในปี 2562 กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงาน(1) เพิ่มขึ้น 1.3% โดยรายได้หลักเพิ่มขึ้นจากโรงแรมกลุ่มไมซ์ที่เพิ่มขึ้น 6.8% โดยโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ที่อยู่ในช่วงการดำเนินงานเริ่มต้น (Ramp up) มีรายได้เติบโต 13.9% และมีกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 26% ทั้งนี้บริษัทมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) สูงกว่าอุตสาหกรรมโรงแรมโดยรวม โดยมีดัชนีชี้วัด (RGI Index) เท่ากับ 108

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial) มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงาน(1) เพิ่มขึ้น 7.7% จากความสำเร็จในการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ เกทเวย์ แอท บางซื่อ ที่มีรายได้เติบโต 1,037% และกำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้น 225% และ ลาซาล อเวนิว ที่มีรายได้เติบโต 175% และกำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้นถึง 9,245% ประกอบกับธุรกิจอาคารสำนักงานมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้เช่าพื้นที่ให้รองรับความต้องการของลูกค้าและธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตรา 6% (ไม่รวมผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ที่บริษัทจำหน่ายออกจากกลุ่มในระหว่างปี 2561) และด้วยกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมทั้งการจัดซื้อจำนวนมากส่งผลให้การเติบโตของอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้สำหรับพอร์ตทรัพย์สินดำเนินงาน(1) สูงขึ้นจาก 48 % เป็น 51%

ขณะที่สินทรัพย์รวมของบริษัทเติบโต 17.3% หนี้สินรวมของบริษัทลดลงร้อยละ 50.7% จากการนำเงินจากการเพิ่มทุนบางส่วนมาใช้ในการบริหารสภาพคล่องและจ่ายชำระคืนเงินกู้และเตรียมการลงทุนในทรัพย์สินกลุ่ม 3 (บริษัทได้เข้าซื้อสินทรัพย์กลุ่ม 3 ณ วันที่ 1 มกราคม 2563 ด้วยมูลค่าลงทุนรวม 26,229.5 ล้านบาท) ทำให้บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งโดยพิจารณาได้จากอัตราหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 0.4 เท่า

BUILDING A BETTER FUTURE 2020

ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของแอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทได้กำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ได้แก่ การสร้างตอบแทนต่อส่วนทุนที่คุ้มค่า การสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืน และการเป็นองค์กรที่น่าชื่นชมและเชื่อถือ โดยดำเนินงานผ่านกลยุทธ์หลัก 5 ข้อ ของ AWC สำหรับปี 2563 คือ

•   เติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง (Growth-Led Strategy) มุ่งเน้นให้โครงการใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามแผนการเติบโตของบริษัทมีศักยภาพที่จะสร้างการเติบโตที่ชัดเจนให้บริษัท โดยมีแผนจัดสรรเงินทุนมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาทั้งโครงการโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์มากกว่า 12 โครงการ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนห้องพักในโรงแรมเป็น 8,506 ห้อง และเพิ่มพื้นที่เช่าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าเป็น 415,481 ตร.ม. ภายในปี 2024

•   มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง (Middle to High Income Customer Segment) บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน อันได้แก่ ลูกค้าและนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง และนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ที่มีอัตราการเติบโตและอัตราส่วนกำไรต่อรายได้สูง

•   สร้างความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรระดับโลก (Global and Unique Partners) เพื่อสร้างและขยายเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในสายงานต่างๆ ในการแบ่งปันความชำนาญและมาตรฐานการดำเนินงานให้อยู่ในระดับสากล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จากระบบจัดจำหน่ายทั่วโลก (Global Distribution Channel) โปรแกรมสมาชิก (Loyalty Program) กว่า 300 ล้านสมาชิกของผู้บริหารโรงแรม และเพิ่มตัวเลือกแบรนด์ที่หลากหลายให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น

•   เป็นผู้นำตลาด สร้างประสบการณ์ใหม่ให้วงการ (New Benchmark) ด้วยการสร้างสรรค์โครงการขนาดใหญ่และมีจุดดึงดูดเพื่อสร้างขีดการแข่งขันและเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กับประเทศ โดยโครงการของบริษัทมีจุดเด่นที่เป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการหรือจุดหมายการท่องเที่ยวนั้น ๆ อาทิ การส่งเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับอุตสากรรมไมซ์ให้กับประเทศไทย การดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่ง และการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้จุดหมายปลายทางที่โครงการของ AWC เปิดดำเนินการ

•   พัฒนาและดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อคุณค่าองค์รวม (Synergy & Sustainability) การสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการจัดทำแผนงานเพื่อความยั่งยืนในมิติต่างๆ ทั้งในด้านการรับรองมาตรฐานความยั่งยืนจากหน่วยงานต่างๆ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนตอบสนองนโยบาย “การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน” ของบริษัทผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิแอสเสท เวิรด์ เพื่อการกุศล (Asset World Foundation for Charity) และ The Gallery วิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งทั้งหมดนี้คือการเดินหน้าสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับบริษัท นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมยกระดับเศรษฐกิจ และสังคมไทยแบบองค์รวม กลยุทธ์หลัก 5 ข้อ ถูกสนับสนุนด้วยโครงสร้างพื้นฐานและโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง ของ AWC ได้แก่ ความชำนาญในด้านการลงทุนและพัฒนาโครงการ ศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์เพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนเต็มศักยภาพของการลงทุน ทั้งยังมีการลงทุนที่หลากหลายและสมดุลเพื่อบริหารความเสี่ยงจากการผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของตลาดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อเป้าหมายการเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ก้าวหน้าและเติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน

การสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวจากบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) ของกลุ่มธนาคารโลกสำหรับกลุ่มอสังริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทย (The First Green Loan for Real Estate Group in Thailand)

หลังจากบริษัทได้มีการลงนามในหนังสือตอบรับ (Engagement Letter) เพื่อรับจัดสรรสินเชื่อสีเขียวสำหรับโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Loan) แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น ได้เตรียมความพร้อมด้วยการลงนามในความร่วมมือว่าด้วยการรับรองมาตรฐานความเป็นเลิศในการออกแบบอาคารเพื่อประสิทธิภาพสำหรับตลาดเกิดใหม่ (Excellence in Design for Greater Efficiencies: EDGE) จากบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศของกลุ่มธนาคารโลก ซึ่ง AWC และ IFC อยู่ในระหว่างการหารือเพื่อการจัดหาเงินทุนสีเขียว (Green Financing) สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จะเป็นกลุ่มอสังริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวดังกล่าว ด้วยความพร้อมที่จะพัฒนาโครงการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้วยการประหยัดพลังงานไฟฟ้า และน้ำในอาคารได้อย่างน้อย 20% ขึ้นไป เมื่อเทียบกับโครงการทั่วไป และแผนพัฒนาและดำเนินงานอื่นๆ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงานซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของ AWC ที่มุ่งมั่นเพื่ออนาคตที่ดีกว่าและคุณค่าองค์รวมอย่างยั่งยืน

การรับมือต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น มีความห่วงใย และได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลความปลอดภัย เรื่องสุขอนามัยภายในโครงการ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรโรงแรมชั้นนำต่าง ๆ ในการออกนโยบายยกเว้นค่าธรรมเนียมในการยกเลิกเข้าพักในโรงแรมและการยกเลิกหรือเลื่อนการจัดประชุม โดยพิจารณาความเหมาะสมในช่วงเวลาที่เดินทางและประเทศต้นทาง ส่วนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า บริษัทจะมอบส่วนลดค่าเช่าตามสถานการณ์ผลกระทบด้านจำนวนลูกค้าและเศรษฐกิจของแต่ละโครงการเดือนต่อเดือน และพิจารณามอบความช่วยเหลือเพิ่มตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และจะร่วมยืนหยัดรับมือทุกปัญหาเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกันอย่างดีที่สุด

หมายเหตุ: (1) พอร์ททรัพย์สินดำเนินงานของบริษัท หมายถึง พอร์ททรัพย์สินที่ดำเนินงานและไม่รวมอาคารซีดับเบิ้ลยู ทาวเวอร์ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ โรงแรมซี เอช โฮเท็ล และโรงแรมเดอะทานตะวัน โฮเตล สุรวงศ์ แบงค็อก ซึ่งถูกจำหน่ายออกตามแผนการปรับกลยุทธ์พอร์ทการลงทุนเพื่อเน้นผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมาย และโรงแรมอิมพีเรียลโบ๊ทเฮ้าท์บีชรีสอร์ท ที่หยุดดำเนินงานเพื่อปรับปรุงโรงแรม ช่วงกลางปี 2561 รวมถึงรายได้จากค่าบริหาร และดอกเบี้ยรับจากบริษัทกลุ่มทีซีซี

เกี่ยวกับบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท Holding Company ภายใต้เครือทีซีซีกรุ๊ป (TCC Group) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) ซึ่งบริหารงานโดยผู้บริหารโรงแรมที่มีชื่อเสียงภายใต้แบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จักระดับสากล อาทิ แมริออท, เดอะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล, โอกุระ, บันยันทรี, ฮิลตัน และเชอราตัน และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail and Commercial Building) ซึ่งครอบคลุมโครงการในกลุ่ม 1) อสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail and Wholesale) ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ชอปปิงมอลล์ คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต และอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าส่ง โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้ามีโครงการที่มีชื่อเสียงคือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ โครงการเกทเวย์ แอท บางซื่อ โครงการพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำ และโครงการตะวันนา บางกะปิ 2) อาคารสำนักงาน (Office) โดยโครงการที่โดดเด่นในเครือ AWC คือ อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ และอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทางธุรกิจที่มีศักยภาพในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ

ล่าสุด บริษัทประสบความสำเร็จหลังจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ณ วันที่ 10 ต.ค. ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นการซื้อขายหุ้นไอพีโอในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเป็นหุ้นไอพีโอในธุรกิจอสังหา ฯ ที่มีมูลค่าตลาดที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (จากฐานข้อมูลของบลูมเบิร์ก)
« Last Edit: February 28, 2020, 03:06:20 PM by MSN »