pooklook on February 14, 2010, 09:59:00 PM


เรื่องานในวง การ
ดู เหมือนงานมะรุมมะตุ้มโดยเฉพาะงานพิธีกร
   ตอนนี้ก็มีงานดีเจ 104.5 แฟตเรดิโอ แล้วก็มีพิธีกรรายการ ดิไอดอล ทางช่อง 9  หนึ่งวันเดียวกัน ทางทีวีไทย เจาะใจ ทางช่อง 5 แล้วก็หนังเรื่องใหม่ "มาย วาเลนไทน์" ผมแบ่งเวลาได้เพราะมีผู้จัดการดูให้ เวลาส่วนตัวก็มี เวลาส่วนตัวคือเวลาที่ไม่ใช่เวลางาน เวลาทำงานคือไม่ใช่เวลาเรียน เราก็ไม่รับงานตอนเรียนก็แค่นั้นเอง

เรื่องเรียนไปถึงไหนแล้ว
   ตอนนี้ผมเรียนปี 4 คณะวิศกรรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเจ้าธนบุรี บางมด แต่ผมคงเรียนอีกหลายปีกว่าจะจบ ไม่เกี่ยวกับทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยหรอก แต่ผมขี้เกียจเอง เราทำอะไรมันก็ได้อย่างนั้น เราไม่ค่อยตั้งใจเรียน ไม่ไปเรียน ผลคือเราอาจจะเรียนไม่จบ ถ้าเราไม่ทำงาน เราไม่ตั้งใจที่จะพิจารณาตัวเอง งานก็จะออกมาไม่ดี  ถามว่าซีเรียสไหม ผมก็อยากจบพร้อมเพื่อน พ่อแม่ก็ว่าผม ผมก็ไม่แก้ต่างกับเขา ผมก็ยอมรับ

กับหนัง "มาย วาเลนไทน์" 
   ในหนังนางเอกมีผู้ชาย 3 คนรุมจีบ โดยมีพี่จิ๊บ (วสุ แสงสิงแก้ว) ที่ดูภูมิฐาน แล้วก็พี่กฤษณ์ (กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์) มีแนวทางของตัวเองค่อนข้างสูง ส่วนผมเป็นผู้ชายที่เป็นเพื่อนเก่า หลงรักเขา ถามว่ายากไหม ตอนผมเล่นรู้สึกว่าไม่ยาก แต่ผมยังไม่เห็นผลงานของตัวเอง ผมเลยไม่รู้ว่าผมเล่นเป็นยังไง

จับงานพิธีกรเป็นเรื่องเป็นราว
   ผมทำไปเพราะชอบถ้าไม่สนุกก็ไม่ทำ สำหรับผมแล้วสนุกกับงานพิธีกรของผม ถ้างานที่ทำทำแล้วมีความสุขผมก็ทำ ถ้างานไหนไม่มีความสุขผมก็ไม่ทำ กับงานพิธีกรผมทำมาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าเอาจริงๆ พิธีกรรายการทีวีไม่นับรายการวิทยุปีนี้ผมทำงานพิธีกรขึ้นปีที่ 3 แล้ว

กระแสตอบรับจากคนดูพูดถึงงานพิธีกรอย่างไร บ้าง
   ไม่รู้เหมือนกันผมไม่ได้ตามกระแสตอบรับเลย แต่เขาก็บอกว่าติดตามดูรายการด้วยนะ  การเป็นพิธีกรไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากหรือน้อยหรอก แต่เราจะทำยังไงให้คนดูได้ประโยชน์จากเรามากที่สุด

กดดันไหมกับงานพิธีกร
   ไม่กดดัน จะกดดันก็ต่อเมื่อมีคนชม ผมไม่ชอบยิ่งมีคนชมผมยิ่งรู้สึกกลัว ผมจะบอกตัวเองว่าพอแล้วอย่าชม ผมกลัวเวลาคนชมแสดงว่าเขากำลังจับตามองเราก็กดดัน ผมไม่แคร์คนเกลียดนะ สมมติมีคนชมว่าเราเก่งจังเลย เราไม่อยากบอกกับตัวเองว่าเราเป็นคนเก่ง เพราะกลัวเราจะเหลิงไปกับคำเยินยอ แล้วกลัวว่าเราจะไม่เก่ง อยากให้คนบอกว่าไม่เก่งนี่ล่ะ เราจะได้ปรับปรุง คือเราอย่าไปสนใจว่าเก่งหรือไม่เก่งก็ทำดีไปเถอะ

เคยคิดไหมวันหนึ่งเข้าวงการบันเทิง
   ไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาด้วยซ้ำ แต่เคยคิดว่าอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ ตอนเด็กๆ มีรายการวิทยุช่อง 9 เท่าที่ผมจำได้คุณแม่ผมพาไปจัดรายวิทยุตอนเด็กๆ จัดอยู่วันหนึ่งมั้ง นั่นคืองานแรกที่ทำ แต่มาถึงตอนนี้เข้ามาก็ดีเป็นประโยชน์สำหรับผม ในแง่งานพิธีกรผมได้ประสบการณ์ คนดูก็ได้ความรู้จากผมกลับไป ผมมองว่าสื่อที่ดีคนเสพก็คงได้รับสิ่งที่ดี

ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม
   คือผมว่าเปลี่ยนทุกคน ไม่ใช่ว่าเป็นผม แต่เชื่อว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นดาราหรือไม่ใช่ดารา ชีวิตเปลี่ยนไปทุกวันอยู่แล้ว ไม่มีวันไหนที่ชีวิตเหมือนกันมันเปลี่ยนไปทุกวัน ในแง่การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะจากเดิมเรียนหนังสืออย่างเดียวตอนนี้ก็ทำงานด้วย

วางแผนอนาคตในวงการอย่างไร
   ผมคงทำงานพิธีกรให้ดีก่อน ถ้าวันหนึ่งพร้อมแล้วค่อยทำอะไรที่น่าจะเป็นประโยชน์ ตอนนี้แค่วางแผนทุกๆ ปี ทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้นไปอีก แก้ไขในจุดบกพร่อง ผมไม่อยากมานั่งดูตัวเองที่บ้าน แล้วมาคิดว่าทำไมเราถึงมีจุดบกพร่อง



ชีวิตไฮเปอร์
ดูความคิดเปอร์เป็นผู้ใหญ่กว่าวัย
   ผมก็เหมือนเด็กๆ ทั่วไปแต่มีบางมุมที่คนไม่เห็นเหมือนกัน ผมก็ไม่ได้โตไปกว่าอายุหรอก ตอนนี้ผมอายุ 21 ปี ถามว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง ผมก็ยังไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ยังเด็กอยู่

ถือว่าตัวเองรับภาระหนักกว่าคนวัยเดียวกัน ไหม
   ผมไม่ได้มองอย่างนั้น ผมได้รับโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าใครได้โอกาสที่เข้ามาผมเชื่อว่าเขาทำในสิ่งที่ได้โอกาสเหมือนกัน ฉะนั้นเมื่อผมจะเอาโอกาสที่ได้มาทำให้ในสิ่งดี ไม่อยากให้คนอื่นพูดว่าได้โอกาสดีๆ แล้วทำได้เท่านี้เองเหรอ

เป็นคนรุ่นใหม่ที่ถูกจับตามอง
   นี่ล่ะเป็นสิ่งที่ผมกดดัน คือคนพูดถึงผมแต่ถ้าผมไม่ได้แรงอย่างคนอื่นพูดกัน แล้วผมจะเป็นยังไง ก็ดีคนที่จับตามองแต่บอกไม่ถูก มันอึดอัด ถามว่าผมมองว่าตัวเองมาแรงไหม ไม่เลยมีคนอื่นที่โดดเด่นกว่าผมเยอะ

แสดงว่าไม่คิดว่าตัวเองโด่งดัง
   ไม่เลย เขารู้จักเราแค่ในทีวีเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าตัวเองมีชื่อเสียงเลย

หลายคนยกให้เปอร์เป็นไอดอลของเขา
   นี่ล่ะที่กดดันทำให้เราคิดว่ามีคนจับตามองเราอยู่นะ ถ้ามีคนรุ่นเดียวกันจับตามองผมไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ถ้ามีรุ่นน้องจับตามอง เราก็พยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขา ผมไม่อยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ใคร แต่เมื่อผมรับโอกาสนั้นมาแล้วก็ต้องทำให้ดี

หลายคนมองว่าเปอร์มีความเป็นส่วนตัวสูง
   ผมมองว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ตัวผมเป็นยังไงต้องไปถามคนที่เขารู้จักผม อีกคนอาจจะบอกว่าผมเข้าถึงยาก หรือบางคนบอกกว่าผมสนุกสนาน แต่สำหรับผมมองว่าผมเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง

ถูกมองว่าเปลี่ยนไปจากตอนเข้าสู่วงการแรกๆ
   ผมไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าสิ่งที่คุณเห็นมันก็เป็นแบบหนึ่ง แต่ละคนก็มองต่างมุม ตอนนี้หลายคนอยากจะเห็นผมด้านนี้ ในวันหนึ่งผมอาจจะมีข่าวอะไรที่ไม่ดีออกมาก็ได้ คนเรามีทุกๆ ด้านในตัวเรา

แสดงว่าเปอร์กลัวในเรื่องข่าวคราวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง
   ไม่กลัว ผมไม่กลัวเรื่องข่าว ผมรู้ว่าตัวตนผมเป็นยังไง



เรื่องความรัก
ล่าสุดมีข่าวกับ "ก้อย" รัชวิน เป็นมือที่สามของ "เป้" อารักษ์
   (หัวเราะ) ผมไม่สนใจ ไม่มีอะไร ผมก็เฉยๆ ถามมาก็ตอบไป พวกนี้ทำอะไรผมไม่ได้ ถ้าผมโกรธ ผมก็ตกเป็นเหยื่อของข่าว ตกเป็นกระแส คนก็พูดไปเรื่อยๆ เขาเลิกกันแล้วเกี่ยวอะไรกับผม ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมขำกับข่าวด้วยซ้ำ คือเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากตอบ อยากเป็นข่าว ผมไม่ได้ทำงานในด้านข่าวพวกนี้ ผมเป็นพิธีกร ผมทำงานอะไรบางอย่างที่จะให้ประโยชน์แก่คนดู แต่นี่มันไม่เป็นประโยชน์ ผมเลยไม่ชอบ ไม่โกรธ เข้าใจว่ามันคืองานของแต่ละคน

แต่ให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้มีคนที่ดูๆ อยู่
   อันนี้ข่าวตีความผิด ผมบอกว่าผมมีในใจของผม ผมไม่ได้จีบเขา เขาคือผู้หญิงในใจเรา แต่เราไม่ได้บอกเท่านั้นเองว่าเขาเป็นใคร แล้วเราก็ไม่ได้จีบ ไม่ได้คุย แต่มีผู้หญิงที่เรารักอยู่ ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นแม่ผมก็ได้ (หัวเราะ) ใครจะไปรู้ เพราะผมไม่ได้บอกว่าเป็นใครแล้วก็ไม่ได้เป็นแฟนด้วย

ตอบแบบไม่เคลียร์
   ผมไม่มีคนที่คบอยู่ ผมรักคนคนหนึ่งอยู่ คนนั้นเป็นใครผมไม่บอก ไม่ต้องตีความกันหรอก เพราะไม่ได้เป็นแฟนกัน

ถ้ามีแฟนจะเปิดตัวไหม
   ไม่ปิดก็บอกได้ ไม่จำเป็นต้องปิดบังอยู่แล้ว แต่ที่ไม่บอกเพราะคนที่ผมรัก เขายังไม่รู้แล้วจะบอกทำไม (หัวเราะ)

มีสาวในสเปกไหม

 มี แต่คนที่ตรงสเปก ไม่ใช่ว่าเราจะเอามาเป็นแฟนนะ ผู้หญิงที่ตรงสเปกอาจจะไม่ได้มาเป็นแฟนเราก็ได้
 
ณ วันนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม
   ผมก็เฉยๆ ว่าจะต้องมีความรักหรือจะต้องรีบร้อน อยู่เฉยๆ ถ้ามาก็มาเองล่ะ ถามว่ามีเข้ามาบ้างไหม ถ้าเข้าก็คงรู้ แต่ก็คงวิ่งเพราะผมยังไม่อยากมีใคร อยากทำงาน อยากเรียนก่อน