ไทยยูเนี่ยนตั้งแหล่งเงินทุน venture fund เพื่อลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยีอาหาร
พร้อมประกาศลงทุนในโปรตีนทางเลือกเป็นครั้งแรก
- ไทยยูเนี่ยนประกาศตั้งเงินทุน venture fund เริ่มต้น 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
- โดยเงินทุนนี้จะลงทุนในโปรตีนทางเลือก อาหารฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีห่วงโซ่คุณค่า
- ได้ประกาศการลงทุนในครั้งแรกกับ ฟลายอิ้ง สปาร์ค ผู้ผลิตโปรตีนจากตัวอ่อนแมลงเพื่อเป็นโปรตีนทางเลือกที่ยั่งยืนและอุดมไปด้วยสารอาหารบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศตั้งแหล่งเงินทุน venture fund ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัทในด้านนวัตกรรม ในเบื้องต้นบริษัทตั้งเงินทุนสำหรับลงทุนในบริษัทนวัตกรรมที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยในด้านอาหารเป็นจำนวน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ
เงินทุนนี้จะมุ่งลงทุนใน 3 ด้านได้แก่ โปรตีนทางเลือก อาหารฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีห่วงโซ่คุณค่า ไทยยูเนี่ยนจะลงทุนในบริษัทที่สนใจด้านเหล่านี้และร่วมสนับสนุนและผลักดันให้พัฒนาต่อไปนายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้ลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในนวัตกรรมอาหารทะเลและความยั่งยืน” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว “เรากำลังก้าวไปสู่ทศวรรษหน้า และเราจะร่วมมือกับสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมมากขึ้นในด้านต่างๆ ที่มีนัยยะสำคัญเชิงกลยุทธ์ สิ่งนี้จะเข้ามาเติมเต็มธุรกิจของเราในขณะที่เราขยายธุรกิจออกไปจากแกนเดิม”
ก่อนหน้าการประกาศตั้งเงินทุน venture fund นี้ ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวโครงการ SPACE-F เพื่อบ่มเพาะและผลักดันเทคโนโลยีด้านอาหารเป็นที่แรกในประเทศไทย
ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศการลงทุนในครั้งแรกกับ ฟลายอิ้ง สปาร์ค สตาร์ทอัพด้านโปรตีนทางเลือก ฟลายอิ้ง สปาร์คใช้ตัวอ่อนแมลงที่กินผลไม้เป็นอาหาร โดยแมลงนี้สามารถเติบโตได้ถึง 250 เท่าในวงจรชีวิตเพียงแค่ 7 วัน และด้วยเทคโนโลยีของฟลายอิ้ง สปาร์ค ทำให้การผลิตเพาะเลี้ยงทำได้ง่ายและต้นทุนต่ำ และมีขยะเหลือเกือบศูนย์ และทุกส่วนของแมลงได้ถูกนำมาใช้ ทำให้ฟลายอิ้ง สปาร์ค ล้ำหน้าแหล่งโปรตีนแบบดั้งเดิมที่ได้จากเนื้อสัตว์และพืช และแมลงอื่นๆ เช่น จิ้งหรีดและตั๊กแตน###
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี
วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย
Thai Union creates venture fund to drive food-tech innovation, announces first investment in alternative protein
• Thai Union creates a venture fund with an initial commitment of US$ 30 million
• The venture fund will invest in alternative protein, functional nutrition and value chain technology
• First investment announced into Flying Spark, who produces larval insect protein as a sustainable and nutritious alternative proteinThai Union Group PCL has announced the foundation of a venture fund as part of its continuous investment in innovation. Thai Union has initially committed US$ 30 million for investments in innovative companies that are developing breakthrough technologies in food-tech.
The fund will focus on three strategic areas: alternative protein, functional nutrition and value chain technology. Thai Union will invest in entrepreneurial companies that are active in these areas and will actively partner with these companies to support and accelerate their development. Caption: Thiraphong Chansiri, CEO, Thai Union Group PCL. “Over the last years, Thai Union has made significant investments to become a leader in seafood innovation and sustainability,” said Thai Union CEO Thiraphong Chansiri. “As we move into the coming decade, we will increasingly cooperate with innovative start-ups in strategically interesting areas. This will complement our own activities as we are broadening our business beyond our traditional core.”
The announcement of its venture fund follows the recent opening of Space F, Thailand’s first food-tech incubator and accelerator, where Thai Union Group, together with Thailand’s National Innovation Agency and Mahidol University, is a founding member.
As a first investment, Thai Union has announced an investment into Flying Spark, an alternative protein start-up. Flying Spark uses fruit fly larvae that in nature feed on fresh fruits. The larvae have a lifespan of only seven days yet multiply their body mass 250 times in that period. Flying Spark’s technology enables easy and low-cost cultivation and processing, with nearly zero waste, as all parts of the larvae are used. This gives Flying Spark an edge over conventional protein sources — not only those from meat and plants but also over other insects, such as crickets and grasshoppers. About Thai Union GroupThai Union Group PCL is the world’s seafood leader bringing high quality, healthy, tasty and innovative seafood products to customers across the world for more than 40 years.
Today, Thai Union is regarded as the world’s largest producer of shelf-stable tuna products with annual sales exceeding THB 133.3 billion (US$ 4.1 billion) and a global workforce of over 47,000 people who are dedicated to pioneering sustainable, innovative seafood products.
The company’s global brand portfolio includes market-leading international brands such as Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, and Rügen Fisch and Thai-leading brands SEALECT, Fisho, Qfresh, Monori, Bellotta and Marvo.
As a company committed to innovation and globally responsible behavior, Thai Union is proud to be a member of the United Nations Global Compact, and a founding member of the International Seafood Sustainability Foundation (ISSF). In 2015, Thai Union introduced its SeaChange® sustainability strategy. Find out more at seachangesustainability.org. Thai Union’s on-going work on sustainability issues was recognized in 2018 and 2019 by being ranked number one in the world in the Food Products Industry in the Dow Jones Sustainability Index, achieving a 100th percentile ranking for total sustainability score. Thai Union has now been named to the DJSI for six consecutive years. Thai Union was also named to the FTSE4Good Emerging Index for the third straight year in 2018. About Flying SparkFlying Spark is producing 70 percent protein powder that is extremely rich in iron, calcium, magnesium, dietary fiber, and is an excellent source of amino acids. Its white color and mild taste and aroma enables easy incorporation of the protein into a variety of food and feed products.
The protein production process is highly sustainable; Flying Sparks’ technology requires very little water and land, creates no methane emissions, and does not use hormones or antibiotics. The startup received its seed investment, and is supported by, the Israeli FoodTech incubator “The Kitchen Hub”, a part of the Strauss Group Ltd., the second largest food producer in Israel.