MSN on July 31, 2019, 01:57:15 PM


เซ็นทรัล รีเทล สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ค้าปลีกไทยสู่ระดับโลกเคลื่อนทัพใหญ่มุ่งสู่ “New Central New Retail” ผนึกค้าปลีก 3 ประเทศ ต่อยอดความสำเร็จ Customer-Centric Omnichannel เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลและการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด

31 กรกฎาคม 2562 - บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“เซ็นทรัล รีเทล” หรือ “Central Retail”) ประกาศเดินหน้าสู่การเป็น “นิวเซ็นทรัล นิวรีเทล - New Central New Retail” กับปฐมบทใหม่แห่งวงการค้าปลีกที่ไร้พรมแดนและไร้ขีดจำกัด เตรียมพร้อมเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยการรวมธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัล ในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี มาอยู่ภายใต้การดำเนินงานและบริหารของเซ็นทรัล รีเทล เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกที่มีศักยภาพการทำธุรกิจบน Customer-Centric Omnichannel Platform เชื่อมต่อประสบการณ์ช้อปปิ้งทั้งที่ร้านค้าและช่องทางออนไลน์อย่างไร้ร้อยต่อให้กับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสและศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน




ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร เซ็นทรัล รีเทล เผยว่า “อาณาจักรค้าปลีกของเซ็นทรัล รีเทล เริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของธุรกิจครอบครัวเมื่อ 72 ปีก่อน ที่เรามุ่งมั่นในการนำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งใหม่ ๆ ที่สามารถครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค ในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีกและเทรนด์เซ็ตเตอร์ โดยเป็นผู้ริเริ่มการทำห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของไทย ไปจนถึงการทำธุรกิจค้าปลีกแบบ Multi-format ผ่านการเปิดร้านค้าเฉพาะทางและธุรกิจค้าปลีกหลายรูปแบบ และปัจจุบันได้
ต่อยอดจากช่องทางออฟไลน์สู่ Omnichannel เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จในการขยายสาขาจนมีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก รวม 1,979 แห่ง ครอบคลุม 51 จังหวัดทั่วประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) พร้อมทั้งต่อยอดความสำเร็จสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งในประเทศอิตาลีและเวียดนาม รวม 134 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดพัฒนา วันนี้ เซ็นทรัล รีเทล พร้อมแล้วที่จะมุ่งสู่ความสำเร็จอีกระดับ ภายใต้การบริหารจัดการโดยทีมงานมืออาชีพ นับเป็นก้าวใหม่ของเซ็นทรัล รีเทล และวงการค้าปลีกของไทย ที่พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ในตลาดค้าปลีกระดับโลก”



ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการ เซ็นทรัล รีเทล เผยว่า จากการที่ได้ร่วมทำงานกับกลุ่มเซ็นทรัลอย่างใกล้ชิด ผมเชื่อมั่นว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมและพร้อมที่สุดสำหรับเซ็นทรัล รีเทล ที่จะเดินหน้าสู่ความสำเร็จขั้นต่อไป จากปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องการเติบโตของ GDP พร้อมด้วยกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ขยายตัว รวมถึงการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในประเทศไทยทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและการเป็น 1 ใน 20 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก

“นอกจากปัจจัยเกื้อหนุนทางเศรษฐกิจ เซ็นทรัล รีเทล ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบริหารงานจากธุรกิจครอบครัวสู่การขับเคลื่อนร่วมกับทีมผู้บริหารมืออาชีพทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งมากด้วยความสามารถและประสบการณ์ในการทำธุรกิจค้าปลีก พร้อมไปกับการเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องของธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงยังห่วงใยและพร้อมเติบโตไปกับทุกสังคมที่เข้าไปดำเนินงาน ผ่านโครงการต่าง ๆ ซึ่งช่วยสร้างมูลค่า สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชุมชนพร้อมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ดร.ประสาร กล่าว 




ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล รีเทล
กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เราดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจ รวมทั้งการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่จากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเซ็นทรัล รีเทลในการเตรียมพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ ฯ ภายใต้วิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งหวังความเป็นเลิศในธุรกิจค้าปลีกที่สร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าผ่านช่องทางที่หลากหลายในทุกประเทศที่ดำเนินธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเซ็นทรัล รีเทล มีโมเดลการดำเนินธุรกิจที่มีเอกลักษณ์จากธุรกิจค้าปลีก ซึ่งครอบคลุม 3 กลุ่มหลัก คือ แฟชั่น ฮาร์ดไลน์ ฟู้ด (Multi-category) ในหลากหลายรูปแบบ (Multi-format) ทั้งในและต่างประเทศ (Multi-market) ซึ่งทั้งหมดนี้เราได้พัฒนา ต่อยอด และเชื่อมทุกประสบการณ์ช้อปปิ้งของลูกค้า ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เรียกว่า Central Retail Experience”

“ด้วยการพัฒนาโครงสร้างองค์กร การสร้างธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะการพัฒนาแพลตฟอร์มสู่ Customer-Centric Omnichannel Platform รวมถึงการพัฒนาธุรกิจหลัก ที่ได้กลายเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัล รีเทล สู่ยุค New Central New Retail ที่เราพร้อมเติมเต็มทุกประสบการณ์ของลูกค้ายุคดิจิทัล เพื่อให้เรามั่นใจว่าเซ็นทรัล รีเทล จะเป็นศูนย์กลางสำหรับการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดให้กับทุกคนภายใต้แนวคิด Central of Life ที่เราภาคภูมิใจ”




ธุรกิจค้าปลีกของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุม 51 จังหวัดทั่วประเทศไทยด้วยเครือข่ายห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ซูเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ รวม 1,979 แห่ง  มีห้างสรรพสินค้า 9 แห่งใน 8 เมืองยุทธศาสตร์ของอิตาลี รวมทั้งมีไฮเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายสินค้าเฉพาะทางรวม 125 แห่ง ใน 37 เมืองในเวียดนาม (ข้อมูลจำนวนร้านค้า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) ความแข็งแกร่งของเครือข่ายห้างร้านของกลุ่มเซ็นทรัลเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่เสริมให้องค์กรเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล กลุ่มเซ็นทรัลเปิดตัวเว็บไซต์ central.co.th อันเป็นจุดเริ่มต้นของการค้าออนไลน์และอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคเข้าสู่การค้าปลีกยุคใหม่ จากรากฐานที่มั่นคงของเครือข่ายห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ผนวกกับการขยายตัวสู่โลกดิจิทัลในทุกแบรนด์ค้าปลีกที่สำคัญ ที่กลายเป็นส่วนผสมที่ผลักดันให้การดำเนินธุรกิจบน Customer-Centric Omnichannel Platform ของเซ็นทรัล รีเทล ได้เชื่อมต่อและครอบคลุมโลกแห่งการช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อสร้างโอกาสในทางธุรกิจแบบไร้รอยต่อและสร้างประสบการณ์ในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภคแบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งสามารถสร้างรายได้รวม (Total Gross Revenue) 240,297 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

“เรามุ่งมั่นจะเป็นบริษัทค้าปลีกที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงที่สุดในหมู่ผู้บริโภคในทุกตลาดที่เราดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผมมั่นใจว่าทั้ง Physical Platform และ Digital Platform ของเซ็นทรัล รีเทล ทำให้เกิด Customer-Centric Omnichannel Platform ที่สมบูรณ์แบบ

ด้วยความพร้อมจากศักยภาพในการนำเสนอสินค้าและบริการสำหรับเฉพาะบุคคลแบบ Personalization ที่ได้จากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลลูกค้าที่มีกว่า 27 ล้านรายทั่วโลก ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี Machine Learning การพัฒนาบริการใหม่ ๆ อาทิ Chat & Shop, e-ordering, Click & Delivery, Click & Express, e-payment ฯลฯ รวมทั้งระบบการจ่ายเงินออนไลน์ในทุกรูปแบบ อาทิ QR code, E-wallet, Scan and Pay, Pay Now Pay Later ที่เราเชื่อว่าจะเป็นคำตอบสำหรับผู้บริโภคทุกคนที่ทั้งมีตัวเลือกสินค้าที่มากกว่า ถูกใจและตรงใจมากกว่า และสะดวกสบายมากกว่า” ญนน์กล่าวย้ำ

รากฐานอันแข็งแกร่งของ เซ็นทรัล รีเทล นำไปสู่ความพร้อมในการต่อยอดและยกระดับศักยภาพการแข่งขันและเติบโตครั้งใหม่ ที่เรียกว่า Central Retail Economy อันประกอบด้วย 3 หัวใจหลัก ได้แก่ 1. Business Highlights ความโดดเด่นในฐานะผู้นำตลาดค้าปลีก 2. Thriving Ecosystem ระบบนิเวศที่เชื่อมโยงแต่ละโมเดลทางธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันจนนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และ 3. Clear Positioning to Win กลยุทธ์ที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้

ซึ่งทั้งหมดนี้ คือจุดแข็งและกลยุทธ์การเติบโตของ เซ็นทรัล รีเทล ที่เราจะมุ่งไปข้างหน้าสู่ New Central New Retail เพื่อการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกระดับภูมิภาคและก้าวต่อไปสู่การเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกระดับโลก ด้วยก้าวย่างก้าวแรกที่สำคัญ กับแผนการเดินหน้าเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย









เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือเซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และเป็นบริษัทเรือธงด้านค้าปลีกซึ่งเป็นรากฐานของกลุ่มเซ็นทรัล มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกที่สำคัญจำนวน  2, 120 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) โดยนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-Category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ในรูปแบบ Omnichannel โดยครอบคลุมกลุ่มแฟชั่น ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ซูเปอร์สปอร์ต Central Marketing Group (CMG) และ รีนาเชนเต (Rinascente) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ได้แก่ ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ เพาเวอร์บาย เหงียนคิม และกลุ่มฟู้ด ได้แก่ ท็อปส์ มาร์เก็ต ท็อปส์ เดลี่ ท็อปส์ พลาซ่า เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี และลานชี มาร์ท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 เซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมในหลากหลายประเทศ ได้แก่ ประเทศไทยที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า รวมกัน 1,979 แห่ง ใน 51 จังหวัด พร้อมทั้งยังดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม รวมกัน 134 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562)

เกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของ Robinson โดย Central Retail
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) (“ROBINS”) ได้รับหนังสือแจ้งจากบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“Central Retail”) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ROBINS เรื่องการปรับโครงสร้างธุรกิจภายใต้กลุ่ม Central Retail เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับ Central Retail ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกและการนำหุ้นของ Central Retail เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (“การทำ IPO”)

Central Retail มีความประสงค์ที่จะรวมธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ ของ Central Retail ในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และประเทศอิตาลี ให้เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว เพื่อให้เป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and multi-category) เพื่อให้ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยการขยายธุรกิจห้างสรรพสินค้าภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว และเพื่อสร้างบริษัทที่เป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และเป็นช่องทางที่จะทำให้ธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลสามารถขยายไปยังตลาดอื่น ๆ ผ่านการค้าปลีกหลากหลายรูปแบบที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ Central Retail มีแผนที่จะระดมทุนผ่านการทำ IPO ซึ่งจะเกิดขึ้นพร้อมกับการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ ROBINS ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่น (“การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์”) โดยแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ Central Retail (Share Swap) โดยอัตราแลกหุ้นของ ROBINS กับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ Central Retail จะคำนวณจากราคาหุ้นของ ROBINS ที่ราคาเสนอซื้อที่ 66.50 บาทต่อหุ้น หารด้วยราคาหุ้น IPO สุดท้ายของ Central Retail และจะไม่มีการชําระค่าตอบแทนในรูปของตัวเงิน (No Cash Alternative) ทั้งนี้ เพื่อให้ Central Retail เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว Central Retail จึงได้เสนอให้เพิกถอนหุ้นของ ROBINS ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อการทำ IPO และการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จสมบูรณ์ โดย Central Retail จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ภายใต้กระบวนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นของ ROBINS ที่ตอบรับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นของ Central Retail และจะยังคงเป็นเจ้าของ ROBINS โดยทางอ้อมผ่านการถือหุ้นใน Central Retail

หมายเหตุ: เอกสารฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ และห้ามมิให้มีการทำซ้ำ ส่งต่อ หรือเผยแพร่เอกสารฉบับนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต
« Last Edit: July 31, 2019, 02:29:09 PM by MSN »