อันดับ 6 - Jojo no Kimyo na Boken จำนวน 97เล่มเขียนโดย Hirohiko Araki ลงหนังสือ Shonen Jump ตั้งแต่ปี 1987 ก่อนที่จะย้ายไปลง Ultra Jump ในภาคล่าสุด โดยเขียนต่อเนื่องมาตลอด มีหยุดเขียนบ้างเล็กน้อยในช่วงเปลี่ยนภาคจนจบภาค 6 ในปี 2002 และในปี 2004 ถึงเริ่มเขียนเรื่องใหม่ชื่อ Steel Ball Run แต่หลังจากเขียนไปซักพักอยู่ดีๆก็เติมชื่อ Jojo เข้าไปเฉย กลายเป็น Jojo ภาคที่ 7 ไปเรียบร้อย เนื้อเรื่องของแต่ละภาคจะต่างกันไป แต่ทุกภาคจะเกี่ยวกับการต่อสู้ของผู้มีพลังพิเศษ และมีตัวเอกที่ชื่อและนามสกุลขึ้นต้นด้วยคำว่า Jo... ทั้งคู่เสมอ แม้ว่าเรื่องนี้จะได้รับความนิยมสูง แต่ก็เคยทำเป็นอนิเมแค่ OVA 13 ตอนเท่านั้น ไม่เคยทำฉายทาง TV น่าจะเป็นเพราะลายเส้นของผู้เขียนซับซ้อนมากจึงไม่เหมาะต่อการทำเป็นอนิเม ในไทยใช้ชื่อว่า โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ลิขสิทธิ์เป็นของเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์
อันดับ 7 - Kotaro Makaritoru จำนวน 94เล่มเขียนโดย Tatsuya Hiruta ลงหนังสือ Shonen Magazine ตั้งแต่ปี 1982 จนถึงปัจจุบันยังไม่จบแต่หยุดพักชั่วคราวมาเป็นปีแล้ว เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัย(มันนับป็นการผจญภัยได้มั้ยเนี่ย เหอๆ)ของตัวเอกที่เป็นนักเรียนมัธยมและมีความสามารถด้านคาราเต้ ในไทยใช้ชื่อว่า ข้าชื่อโคทาโร่ ลิขสิทธิ์เป็นของวิบูลย์กิจ ส่วนสาเหตุที่หยุดเขียนก็เพราะผู้เขียนป่วยหนัก ไม่สามารถเขียนได้ แต่ก็มีบางข่าวบอกว่าผู้เขียนหายแล้ว แต่สำนักพิมพ์เห็นว่าความนิยมตกจึงไม่ได้ให้เขียนต่อ ซึ่งถ้าเป็นความจริงก็คงจะแย่ยิ่งกว่าโดนสั่งตัดจบแบบปาหมอนอีก
อันดับ 8 (ร่วม) - Grappler Baki จำนวน 91 เล่มเขียนโดย Keisuke Itagaki ลงหนังสือ Shonen Champion ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปัจจุบัน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับนักสู้ผู้ที่ผจญภัยเพื่อจะเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยการที่จะทำได้นั้นจะต้องเอาชนะพ่อของตัวเองที่ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกให้ได้ ในไทยใช้ชื่อว่า บากิ ลิขสิทธิ์เป็นของวิบูลย์กิจ
อันดับ 8 (ร่วม) - Shizukanaru Don จำนวน 91 เล่มเขียนโดย Tatsuo Nitta ลงหนังสือ Shonen Sunday ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1989 จนถึงปัจจุบัน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับลูกชายของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าที่เลือกจะไม่เข้าแก๊งและกลายเป็นดีไซเนอร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ก็ถูกพ่อบังคับให้มาสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องปกปิดสถานะของตัวเองเป็นความลับไม่ให้เพื่อนร่วมงานรู้ เรื่องนี้เคยทำเป็นละคร แต่รู้สึกจะไม่เคยเข้าไทยอีกแล้ว
อันดับ 9 - Hajime no Ippo จำนวน 87 เล่มเขียนโดย Jyoji Morikawa ลงหนังสือ Shonen Magazine ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1990 จนถึงปัจจุบัน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กที่ถูกเพื่อนรังแกอยู่เสมอจนวันหนึ่งได้รับการช่วยเหลือจากนักมวยคนหนึ่ง ทำให้เขามีความฝันอยากจะเป็นนักมวยบ้าง เรื่องนี้เคยทำเป็นอนิเมฉายทาง TV ในช่วงปี 2000 - 2002 และภาคใหม่พึ่งเริ่มฉายเมื่อต้นปีที่ผ่านนมา ในไทยใช้ชื่อว่า ก้าวแรกสู่สังเวียน ลิขสิทธิ์เป็นของวิบูลย์กิจ
อันดับ 10 - Captain Tsubasa จำนวน 82 เล่มเขียนโดย Yoichi Takahashi ลงหนังสือ Shonen Jump ตั้งแต่ปี 1981 และย้ายไปลง Young Jump จนถึงปัจจุบัน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่รักการเล่นฟุตบอล มีความพยายาม ไม่ท้อถอย มีจิตใจดีงาม และเก่ง เรียกว่าสมเป็นพระเอกจริงๆ (และที่สำคัญที่สุด ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงปัจจุบัน นัดไหนที่พระเอกได้ลงสนามรู้สึกว่ายังไม่เคยแพ้ทีมไหนเลยซักครั้ง เหอๆ) เรื่องนี้จริงๆเคยจบไปหลายครั้งแล้ว แต่ผู้เขียนไปเขียนเรื่องอื่นแล้วไม่รุ่ง สุดท้ายก็ต้องกลับมาหากินกับเรื่องนี้ต่อ โดยในตอนแรกจบที่การได้แชมป์ระดับประเทศ แล้วกลับมาเขียนภาคใหม่จนจบได้แชมป์เยาวชนโลก แล้วปี 2001 ก็กลับมาเขียนต่อเพื่อช่วยจุดกระแสฟุตบอลโลกที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพร่วมในปี 2002 โดยเน้นไปที่ตัวเอกที่เล่นฟุตบอลอาชีพในสเปนแต่เขียนได้ยืดมาก จนจบภาคเวลาจริง 3 ปี ในเรื่องพึ่งแข่งไปไม่กี่นัด(เรียกว่ามีแต่น้ำล้วนๆ) ต่อมาก็กลับมาเขียนภาคเตรียมไปโอลิมปิก(ทั้งๆที่ภาคก่อนพึ่งเตรียมไปบอลโลกแล้วยังไม่ได้ไป เรียงลำดับเรื่องได้งงมาก) จนเมื่อปีที่แล้วก็จบภาคลงโดยที่ญี่ปุ่นพึ่งผ่านรอบคัดเลือกได้ไปแข่งโอลิมปิกรอบสุดท้าย ล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ก็กลับมาเขียนภาคใหม่อีกโดยเน้นไปที่เพื่อนๆตัวเอกที่เล่นฟุตบอลอาชีพในอิตาลี (.......จะเริ่มแข่งโอลิมปิกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้) แม้ว่าหลังๆจะมีคนบ่นกันมากว่ายืด โม้ และมั่วเกินไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วโลกและได้จุดประกายให้กับนักฟุตบอลชื่อดังหลายๆคนไม่ว่าจะเป็น Hidetoshi Nakata อดีตนักเตะอันดับ 1 ของญี่ปุ่นและเอเชีย, Zinedine Zidane อดีตนักเตะอันดับ 1 ของฝรั่งเศสและของโลก หรือคนที่ยังเล่นอยู่ในปัจจุบันก็ เช่น Francesco Totti กับ Alessandro Del Piero ทีมชาติอิตาลี และ Fernando Torres ทีมชาติสเปน เรื่องนี้เคยเป็นอนิเมฉายทาง TV และเป็น OVA อยู่หลายภาค และเคยเข้ามาฉายในไทยโดยใช้ชื่อว่า เจ้าหนูสิงห์นักเตะ แต่หนังสือฉบับลิขสิทธิ์ใช้ชื่อว่า กัปตันซึบาสะ ลิขสิทธิ์เป็นของสยามอินเตอร์คอมิกส์