news on September 04, 2018, 07:52:03 AM






ข่าวประชาสัมพันธ์ กสทช. และ ITU จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ด้านการกำกับดูแลภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกภายใต้กรอบการประชุมใหญ่ WTDC ประจำปี พ.ศ.2561 (COE 2018)



นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ คณะกรรม กสทช.




3 ก.ย. 2561 - กรุงเทพฯ - นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นประธานเปิดงานประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการกำกับดูแลภายในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ระหว่างสำนักงาน กสทช. และ ITU ภายใต้กรอบการประชุมใหญ่ WTDC ประจำปี พ.ศ. 2561 (COE 2018) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กสทช. และ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) โดยในโครงการความร่วมมือดังกล่าว ได้จัดให้มีการประชุมเชิงปฎิบัติการเรื่อง “Distributed Ledger Technologies (Blockchain) Ecosystem and Decentralization” ในระหว่างวันที่ 3 – 6 กันยายน 2561
 
โครงการความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กสทช. และ ITU ในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาความร่วมมือของแต่ละภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ในยุคดิจิทัล ผลักดันให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการพัฒนาการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารภายในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก อีกทั้งจะเป็นกลไกสำคัญของสำนักงาน กสทช. ในการสร้างความร่วมมือในระดับสากลเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาภายในภูมิภาค ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก พร้อมทั้งมีความสอดรับการแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะผลักดันประเทศไทยให้เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยการลดต้นทุน ลดระยะเวลา เพิ่มช่องทางการค้าและก่อให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพื่อนำสังคมไปสู่การเป็นสังคมอัจฉริยะ (Smart City) ต่อไป นอกจากนี้ การเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่อง Distributed Ledger Technologies (Blockchain) Ecosystem and Decentralization ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับแนวคิด Thailand 4.0 ได้อย่างหลากหลาย เนื่องจากเทคโนโลยี Blockchain ช่วยในเรื่องความถูกต้องของข้อมูลและการปลอมแปลงข้อมูลที่ทำได้ยาก มีความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ แต่ยังคงมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบจะต้องอาศัยความ                                                                         

ร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะต้องได้รับการสนับสนุนจากระบบการสื่อสารโทรคมนาคมที่เสถียรและมีศักยภาพมากพอที่จะรองรับการนำเทคโนโลยี Blockchain ไปประยุกต์ใช้กับงานให้สัมฤทธิ์ผล  อนึ่ง สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้านโทรคมนาคมจึงต้องมีส่วนร่วมในการผลักดันในเรื่องนี้ด้วยไม่มากก็น้อย
   
« Last Edit: September 04, 2018, 07:55:15 AM by news »