พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ
ผลงานความร่วมมือกับ ไมเคิล เบย์
ผลงานการสร้างของ แพลทตินั่ม ดูนส์
A Quiet Place
ดินแดนไร้เสียง
กำกับโดย จอห์น คราซินสกี้
เนื้อเรื่องโดย ไบรอัน วู้ดส์ และสก็อตต์ เบ็ค
บทภาพยนตร์เขียนโดย ไบรอัน วู้ดส์ และสก็อตต์ เบ็ค และจอห์น คราซินสกี้
อำนวยการสร้างโดย ไมเคิล เบย์, p.g.a. แอนดรูว์ ฟอร์ม, p.g.a. แบร็ด ฟูลเลอร์, p.g.a.
ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ซีเลีย คอสตัส, จอห์น คราซินสกี้, อัลลิสัน ซีเกอร์, ไบรอัน วู้ดส์, สก็อตต์ เบ็ค, แอรอน จานุส
นำแสดงโดย เอมิลี่ บลันท์, จอห์น คราซินสกี้, มิลลิเซนต์ ซิมมอนด์ส, โนอาห์ จูป
ชื่อภาพยนตร์: A QUIET PLACE
ชื่อไทย: ดินแดนไร้เสียง
วันที่เข้าฉาย: 5 เมษายน 2561
จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ฟาร์อีสต์) A Quiet Place ดินแดนไร้เสียงคือภาพยนตร์ลุ้นระทึกและเขย่าขวัญ นำแสดงโดย จอห์น คราซินสกี และเอมิลี บลันท์ เรื่องราวของครอบครัวที่ต้องใช้ชีวิตในความเงียบ เพราะหากส่งเสียงออกมา สิ่งมีชีวิตลึกลับจะออกไล่ล่าพวกเขา โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่สามีภรรยาในชีวิตจริงคู่นี้ มารับงานแสดงร่วมกัน โดย ภาพยนตร์เรื่องนี้ จอห์น กราซินสกี ควบหน้าที่ผู้กำกับ รวมถึงเขียนบทร่วมกับ ไบรอัน วูดส์ และ สก็อตต์ เบ็ค
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับผลตอบรับจากนักวิจารณ์อย่างดีเยี่ยม หลังฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ SXSW โดยคะแนนจากนักวิจารณ์ที่เว็บมะเขือเน่า Rotten Tomatoes.com อยู่ที่ 100 เปอร์เซนต์ ด้วยคะแนนเฉลี่ยสูงถึง 8.3 คะแนน จากนักวิจารณ์ 26 คน พร้อมกับคำชมจากนักวิจารณ์ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ระทึกตั้งแต่ต้นจนจบ
ภาพยนตร์อำนวยการสร้างโดย ไมเคิล เบย์, แอนดรูว์ ฟอร์ม และแบรด ฟูลเลอร์A Quiet Place ดินแดนไร้เสียง เปิดรอบพิเศษ 3-4 เมษายน หลัง 20.00 น. ฉายจริง 5 เมษายน ในโรงภาพยนตร์เบื้องหลังงานสร้างในภาพยนตร์ทริลเลอร์สยองขวัญสุดทันสมัย A Quiet Place ครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วยสมาชิกสี่คน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในความเงียบ หลังจากสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ออกตามล่าเสียง กลายเป็นภัยคุกคามต่อการเอาชีวิตรอดของพวกเขา ถ้าพวกมันได้ยินคุณ พวกมันจะตามล่าคุณ
พาราเม้าต์ พิคเจอร์ส โดยความร่วมมือกับ ไมเคิล เบย์ ภูมิใจเสนอ ผลงานการสร้างของ แพลทตินั่ม ดูนส์ เรื่อง A Quiet Place กำกับโดย จอห์น คราซินสกี้ และนำแสดงโดย เอมิลี่ บลันท์, คราซินสกี้, มิลลิเซนต์ ซิมมอนด์ส และโนอาห์ จูป บทภาพยนตร์เป็นฝีมือการเขียนบทโดย ไบรอัน วู้ดส์, สก็อตต์ เบ็ค และจอห์น คราซินสกี้ จากเรื่องโดย ไบรอัน วู้ดส์ และสก็อตต์ เบ็ค ผู้อำนวยการสร้าง ได้แก่ ไมเคิล เบย์, แอนดรูว์ ฟอร์ม และแบร็ด ฟูลเลอร์ และทีมผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ ซีเลีย คอสตัส, คราซินสกี้, อัลลิสัน ซีเกอร์, ไบรอัน วู้ดส์, สก็อตต์ เบ็ค และแอรอน จานุสความเงียบคือการเอาชีวิตรอดเมื่อตอนที่ จอห์น คราซินสกี้ ได้อ่านโครงร่างแรกของบทภาพยนตร์เรื่อง A Quiet Place ซึ่งเขียนบทโดยคู่หู ไบรอัน วู้ดส์ และสก็อตต์ เบ็ค (Nightlight) เรื่องราวที่แสนน่ากลัวนี้โดนใจเขาอย่างแรงทีเดียว เอมิลี่ บลันท์ ภรรยาของ คราซินสกี้ เพิ่งจะคลอดลูกสาวคนที่ 2 ของพวกเขา และเขาก็จะใช้เวลาตอนกลางคืนอยู่แบบเงียบๆ พูดก็ต้องกระซิบ และวิตกกังวลตามประสาพ่อมือใหม่ ในบรรยากาศนั้น มันทำให้เขาอินไปกับไอเดียที่พูดถึงการพยายามค้นหาที่ปลอดภัยของครอบครัวหนึ่ง รวมไปถึงความต้องการที่จะผูกพันกัน ในโลกที่เสียงร้องแม้แต่แอะเดียว หรือการเดินด้วยฝีเท้าหนักๆ แค่ครั้งเดียว ก็สามารถนำความตายมาเยือนได้ทันที เรื่องนี้ดูเหมือนจะห้อมล้อมความหวาดกลัวของคนเป็นพ่อแม่เอาไว้อย่างที่สุด
ในเวลานั้น คราซินสกี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งในฐานะนักแสดงแนวดราม่า (กับผลงานเมื่อเร็วๆ นี้อย่าง Detroit และ 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi), มือเขียนบท (เจ้าของบทภาพยนตร์ที่ถูกนำไปสร้างเป็นผลงานของ กัส แวน แซนต์ เรื่อง Promised Land) และผู้กำกับที่กำลังมาแรง (ผู้ประเดิมผลงานเรื่องแรกด้วย Brief Interviews With Hideous Men และติดตามมาด้วย The Hollars) แต่กับ A Quiet Place คราซินสกี้ตัดสินใจที่จะกระโดดรับหน้าที่ทั้งสามบทบาทนี้ และถือเป็นผลงานภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องแรกที่เขารับงานหลายหน้าที่ขนาดนี้ เมื่อเขาได้เข้ามารีไรท์เรื่องราวไอเดียสุดบรรเจิดของ วู้ดส์และเบ็ค เขายังมองเห็นถึงโอกาสที่จะนำเสนอเรื่องราวนี้ในแบบที่มีความเฉพาะตัว และเพียบไปด้วยพลังของภาพยนตร์แนวสยองขวัญ แน่นอน เขาอยากสร้างความน่ากลัวทุกวินาทีในแบบภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่ตื่นเต้นจนทำให้ลืมหายใจ
แต่มากไปกว่านั้น เขาอยากสร้างการต่อสู้ระหว่างเสียงกับความเงียบ และระหว่างความกลัวและความรัก ซึ่งคงจะเป็นประสบการณ์ที่ตึงเครียดทางอารมณ์สำหรับคนดู
คราซินสกี้ย้อนเล่าถึงสิ่งแรกที่จับใจเขาว่า “ผมกำลังเจอกับความกลัวทุกอย่างของคุณพ่อมือใหม่ เป็นความกลัวว่าจะทำให้ลูกสาวของผมปลอดภัยได้อย่างไร และจะเป็นพ่อที่ดีอย่างไร เมื่อตอนที่เรื่องนี้มาถึงมือผม ผมรู้สึกอินไปกับมันอย่างเป็นส่วนตัวที่สุด ผมรู้สึกว่าภายในเรื่องเรียบๆ นี้มันทั้งน่าสนใจ น่ากลัว และเป็นอุปมาอุปไมยถึงความเป็นพ่อแม่ ดังนั้น มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ทรงพลังอย่างมากที่จะเริ่มต้นจินตนาการว่าพ่อแม่สองคนจะพยายามปกป้องลูกๆ ของพวกเขาด้วยการทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ นั่นก็คือการใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ทำให้เกิดเสียงดังเลย มันทำให้จินตนาการของผมโลดแล่น มีไอเดียมากมายที่ผมอยากสำรวจครับ”
ยิ่งเขาพยายามจินตนาการถึงการเป็นพ่อในช่วงเวลาที่โลกวิบัติ ไอเดียนั่นก็ยิ่งน่ากลัว และมีพลังมากขึ้น เรื่องนี้เต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจ แต่ก็มีความรุนแรงต่อครอบครัวที่พยายามสื่อสารกัน ไม่ว่าสิ่งต่างๆ จะเลวร้ายสักแค่ไหน “ในชีวิตปกติ คุณพยายามทำให้แน่ใจว่าลูกๆ ของคุณมีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีอาหารกินสมบูรณ์ ได้รับการดูแล ได้รับการศึกษา ซึ่งมีเรื่องให้น่าเป็นห่วงมากมาย แต่ในโลกแห่งฝันร้ายใบนี้ ความเครียดในการเป็นพ่อแม่คนมันมากกว่านั้น 10,000 เท่า” คราซินสกี้ตั้งข้อสังเกต “ในโลกของครอบครัวแอ็บบ็อตต์ แค่ก้าวผิดพลาดก้าวเดียว คุณอาจต้องเสียคนที่รักไป มันคือสิ่งที่พวกเขาทุกคนรู้ดี”
การที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีโอกาสในเชิงสร้างสรรค์ทั้งทางด้านการแสดง การออกแบบ และงานเอฟเฟ็กต์ เป็นอีกเรื่องที่ดึงดูดใจคราซินสกี้ “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้สำรวจว่าจะเล่าเรื่องราวนี้ออกมาอย่างไรในแบบที่ทำให้ตื่นเต้นได้มากที่สุด โดยใช้สมดุลระหว่างความเงียบและเสียงครับ” คราซินสกี้อธิบาย
เรื่องราวในแนวสยองขวัญถือเป็นแนวใหม่สำหรับคราซินสกี้ทั้งในฐานะมือเขียนบทและผู้กำกับ แต่นับจากเริ่มต้น เขาเดินเข้ามาทำงานด้วยความทุ่มเททางอารมณ์ “ภาพยนตร์เรื่องโปรดของผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแนวสยองขวัญหรือเรื่องแนวอื่นๆ ก็คือภาพยนตร์ที่มีการเปรียบเทียบแฝงอยู่” คราซินสกี้บอก “ตัวอย่างเช่น Jaws คือหนึ่งในหนังเรื่องโปรดตลอดกาลของผม แต่สำหรับผม จริงๆ แล้ว Jaws ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับฉลาม แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายสามคนที่มีบางสิ่งที่พวกเขาจะต้องเอาชนะให้ได้ และฉลามก็เป็นตัวกระตุ้น นั่นคือมุมมองที่ผมมีต่อเรื่องนี้ มันคือหนังที่น่ากลัว แต่มันน่ากลัวก็เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวจริงๆ ผมรู้สึกว่าผมมีประสบการณ์ส่วนตัวที่จะนำสิ่งนั้นมานำเสนอได้”
เช่นเดียวกับภาพยนตร์สยองขวัญทุกเรื่อง A Quiet Place เริ่มต้นด้วยเหตุการณ์ที่หลุดออกมาจากฝันร้ายที่ร้ายที่สุดของคุณ แต่นับจากตรงนั้น คราซินสกี้ก็ตั้งเป้าให้กับตัวเองเดินไปในทิศทางที่แตกต่าง นั่นก็คือการเชื่อมโยงความรักกับความกลัวเข้าด้วยกัน และให้ทั้งสองสิ่งนั้นกับคนดู ไอเดียก็คือการให้จำนวนของความสยองนั้นเชื่อมโยงโดยตรงกับความผูกพันของคนดูที่มีต่อครอบครัวแอ็บบ็อตต์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าคุณห่วงใยพวกแอ็บบ็อตต์ คุณจะรู้สึกประหลาดใจเมื่อพวกเขาประหลาดใจ คุณจะเศร้า เมื่อพวกเขาเศร้า และคุณจะกลัวเมื่อพวกเขารู้สึกหวาดกลัว ดังนั้น นั่นจึงกลายเป็นหัวใจของสิ่งที่ผมอยากทำ นั่นก็คือการปล่อยให้คนดูตกหลุมรักกับสิ่งที่ทำให้ครอบครัวแอ็บบ็อตต์เป็นครอบครัวที่มีความงดงาม” คราซินสกี้อธิบาย “คุณกลัวแทนพวกเขา เพราะคุณจินตนาการตัวเองว่าอยู่ในสถานการณ์ของพวกเขา”
การทำให้คนดูเหมือนเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ของครอบครัวแอ็บบ็อตต์ ก็คือการใช้คิวเสียงในแบบสร้างสรรค์ ขณะที่ คราซินสกี้ ขุดลึกลงไปในงานรีไรต์บทของเขา เขาก็เริ่มทำรายการเสียงที่ได้ยินเป็นประจำทุกวัน โดยแบ่งแยกระหว่าง “เสียงที่ปลอดภัย” กับ “เสียงที่ไม่ปลอดภัย” มันทั้งน่าตื่นเต้นและยังเผยให้เห็นหลายอย่าง เพื่อสร้างโลกที่ตรงกันข้ามกับโลกที่มีเสียงดังจอแจของพวกเรา เป็นโลกที่เสียงถูกให้ความหมายใหม่ว่าเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ก็เน้นย้ำว่ามันคือส่วนหนึ่งของประสบการณ์มนุษย์
“ผมอยากทำความเข้าใจว่าจุดแบ่งกั้นมันอยู่ตรงไหนที่คุณจะทำเสียงได้ และสิ่งที่อยู่ข้างนอกนั้นจะไม่ได้ยินเสียงคุณ ผมใช้เวลามากมายในการค้นคว้าเสียงทุกประเภทที่ครอบครัวๆ หนึ่งอาจทำให้เกิดขึ้นในฟาร์มที่โดดเดี่ยว จากนั้น ผมก็เริ่มคิดเกี่ยวกับทุกวิธีที่ครอบครัวนี้อาจจะคิดหาทางเพื่อทำให้เสียงเหล่านั้นเบาลง มันเป็นกระบวนการที่เต็มไปด้วยจินตนาการและสนุกมากครับ”
เสียงดังปกติในชีวิตประจำวันที่พวกเราทำกัน จู่ๆ ก็กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายใหม่สำหรับคราซินสกี้ “ผมเริ่มฟังทุกสิ่งทุกอย่างเลยครับ” คราซินสกี้สารภาพ “จากเสียงกระทบกันของเครื่องเงินกับจาน จนถึงเสียงตกของรองเท้าเมื่อคุณถอดมันออก มันกลายเป็นเกมในบ้านของเราซึ่งภรรยาของผม (เอมิลี่ บลันท์) และผมจะพยายามทำตัวให้เงียบ และเราจะหันไปหากันอย่างเงียบๆ ถ้าพวกเราทำเสียงดัง เราจะพูดว่า ‘คุณตายแล้ว’ มันกลับกลายเป็นวิธีการเตรียมตัวที่ดีมากครับ”
คราซินสกี้ยังมีวิธีทดสอบว่าไอเดียไหนที่จะทำให้คนดูตื่นเต้นได้มากที่สุด “บ่อยครั้งที่เอมิลี่และผมจะนั่งจินตนาการถึงสถานการณ์ต่างๆ และถ้าเอมิลี่พูดว่า ‘ฉันกลัว ฉันไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงสถานการณ์นั้น’ ผมก็จะพูดว่า ‘มันจะเข้าไปอยู่ในบทภาพยนตร์ด้วย’”
เพราะต้องผจญภัยกับภัยคุกคามที่ดูเหมือนจะคอยฟังเสียงอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง 7 วันต่อสัปดาห์ พวกแอ็บบ็อตต์จึงต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้เสียงเบาที่สุด อาทิเช่น การโรยทรายเอาไว้ตามทางเดินเพื่อให้เสียงฝีเท้าเงียบที่สุด การทาสีแผ่นพื้นกระดานเพื่อไม่ให้เกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด และการทำระบบแสงเพื่อสื่อสารขึ้นมาเป็นพิเศษ “ความสนุกของงานเขียนบทก็คือการดูว่าเราจะนำเอาไอเดียที่จะต้องอยู่อย่างเงียบๆ นี้ไปใช้ได้มากแค่ไหน ตั้งแต่การให้พวกแอ็บบ็อตต์สื่อสารกันด้วยแสงที่มีสีสันแตกต่างกัน จนถึงการโปรยทราย เพื่อให้พวกเขาเดินได้เงียบมากขึ้น” คราซินสกี้อธิบาย
เพราะเรแกน ลูกสาวของพวกแอ็บบ็อตต์ หูหนวก พวกเขาจึงรู้วิธีใช้ภาษามือแบบอเมริกัน (ASL) ซึ่งกลายเป็นความสามารถที่ทำให้พวกเขารอดชีวิตมาได้ แต่เมื่อเรื่องราวในบทภาพยนตร์คืบหน้าไป คราซินสกี้ใช้เวลาในการคิดแผนการในการสื่อสารของครอบครัวแอ็บบ็อตต์มากขึ้น เมื่อมีลูกสองคนที่กำลังเผชิญกับอนาคตที่คาดเดาไม่ได้ และลูกอีกคนกำลังจะลืมตาดูโลก พวกแอ็บบ็อตต์จึงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องพูดคุยกัน แต่วิธีที่พวกเขาจะสื่อสารกันได้นั้นมีจำกัดมาก
เหตุผลที่ทำให้พวกแอ็บบ็อตต์ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่สำหรับคราซินสกี้ ความตึงเครียดและความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยู่ที่การเคลื่อนไหวของครอบครัวนี้ หนึ่งในความท้าทายสูงสุดของการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือการคิดว่าจะกระตุ้นอารมณ์หงุดหงิด เศร้าโศก ท้าทาย ความจำเป็น และความรัก ที่อยู่เหนือจากความกลัวที่ต้องอยู่ท่ามกลางศัตรูที่คอยฟัง โดยใช้ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำได้อย่างไร เขาพบว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการผสมผสานอารมณ์พื้นฐานที่สุดของมนุษย์เข้าไปในโลกที่ความเป็นมนุษย์ได้ถูกทำลายลง
“ผมรู้สึกสนใจเป็นพิเศษในฉากส่วนตัวของพวกแอ็บบ็อตต์ขณะที่พวกเขาอยู่ด้วยกันในฐานะครอบครัว” คราซินสกี้บอก “และต่อมา เมื่ออยู่ในกองถ่าย มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับนักแสดงที่จะค้นหาวินาทีอันงดงามเหล่านี้ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้คนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ถ้อยคำ การสื่อสารกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่สำคัญกับพวกเรา ได้แก่ ความรัก ความใส่ใจ และความกลัวในสิ่งที่จะเกิดในวันรุ่งขึ้น”
กระบวนการเขียนบท ได้กลายมาเป็นโอกาสให้คราซินสกี้ลับฝีมือในการกำกับของเขา และภาษาภาพอันโดดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ก่อนที่เขาจะได้ก้าวเท้าเข้าไปในกองถ่าย “ส่วนที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการได้มารีไรต์บทภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ ผมคิดถึงเรื่องการกำกับตลอดเวลาครับ” คราซินสกี้บอก “ผมรู้ว่าผมอยากถ่ายทำอะไรขณะที่ผมเขียนบท แม้แต่เรื่องที่ว่าผมจะใช้มุมกล้องไหน มันคือประสบการณ์ที่มีความโดดเด่นมากสำหรับผมที่จะใส่ไอเดียในการกำกับเอาไว้ในบทภาพยนตร์ครับ”
เมื่องานสร้างดำเนินไป การได้รับแรงสนับสนุนจากทีมผู้มีประสบการณ์ที่แพลทตินั่ม ดูนส์ ซึ่งเป็นคนส่งเรื่องนี้มาให้กับเขาตั้งแต่แรก ช่วยหนุนจินตนาการของคราซินสกี้ได้อย่างมาก ไมเคิล เบย์, แอนดรูว์ ฟอร์ม และแบร็ด ฟูลเลอร์ ไม่เพียงแต่เป็นสามผู้สร้างภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการเท่านั้น แต่พวกเขายังมีความชื่นชมในภาพยนตร์แนวสยองขวัญ และเคยอยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวอย่าง The Purge และภาพยนตร์ชุด Ouija รวมถึงงานรีเมกภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง The Texas Chainsaw Massacre, The Amityville Horror, Friday The 13th และ A Nightmare on Elm Street
คราซินสกี้สรุปว่า “ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในแบบที่เป็นกับทีมผู้สร้างทีมนี้ครับ ทุกคนต่างทุ่มเทเต็มที่ ตั้งแต่ผู้อำนวยการสร้าง จนถึงทีมนักแสดงและทีมงาน ผมคิดว่าทุกคนต่างมาทำงานโดยเชื่อว่าถ้าเราสามารถสร้างไอเดียนี้ได้จริง มันจะเป็นงานที่พิเศษจริงๆ ครับ”