บี.กริม เพาเวอร์ ‘BGRIM’ ชูกำไรเฉียด 3,600 ล้านบาท พุ่งกว่า 55%
ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตปี 2561 กว่า 400 เมกะวัตต์
บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ชูความสำเร็จจากการรับรู้รายได้ของปี 2561 ทำสถิติสูงสุด 31,482 ล้านบาท หรือเติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยเป็นผลจากการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่เข้าสู่ระบบ พร้อมเพิ่มอัตรากำไร EBITDA 28% และอัตรากำไรสุทธิปรับปรุง 9% นั่งแท่นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เชื่อมั่นศักยภาพและความพร้อมของบริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนตามเป้าที่วางไว้นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2560 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 31,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 5 (ABP5) ในนิคมอุสาหกรรมอมตะนคร เต็ม 9 เดือนของปี 2560 และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ ดับบลิวเอชเอ 1 (BPWHA1) ในนิคมอุสาหกรรมเหมราช ซึ่งทั้ง 2 โครงการเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2559 และ 1 พฤศจิกายน 2559 ตามลำดับ ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 8,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 28% โดยมีสาเหตุหลักมาจากประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ของกลุ่มบริษัทฯ ที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ กำไรสุทธิ 3,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% และกำไรสุทธิปรับปรุง 2,918 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 1,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงาน และการประหยัดดอกเบี้ยจากการชำระคืนเงินกู้ของบริษัทฯ หลังจากการปรับโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมจากการทำ IPO“ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ มาจากปัจจัยหลัก คือ การเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้าตามแผนที่ได้กำหนดไว้ ได้แก่ โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 5 (ABP5) ในนิคมอุสาหกรรมอมตะนคร เดือนมิถุนายน 2559 โรงไฟฟ้าบี.กริม เพาเวอร์ ดับบลิวเอชเอ 1 (BPWHA1) ในนิคมอุสาหกรรมเหมราช เดือนพฤศจิกายน 2559 และโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซน้ำน้อย 2 และเซกะตำ 1 (XXHP) เดือนกรกฎาคม 2560 รวมถึงการบริหารต้นทุนของโรงไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไร EBITDA สูงขึ้นเป็น 28% และการประหยัดดอกเบี้ยจากการชำระคืนเงินกู้ 5,960 ล้านบาท หลังได้เงินจาก IPO ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิในปีนี้ ลดลงเหลือเพียง 1.4 เท่า ซึ่งเป็นไปตามที่แผนระดมทุนที่วางไว้” นางปรียนาถ กล่าว นางปรียนาถ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงปี 2561 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อตามแผนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่วางไว้ ทั้งในประเทศและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านบุคลากรทีมปฏิบัติการและทีมบำรุงรักษาที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า โดยมีแผนสร้างโรงไฟฟ้ากว่า 400 เมกะวัตต์ในปี 2561 ซึ่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 มีกำลังการผลิตติดตั้ง 133 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์และจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 90 เมกะวัตต์โดยทันที หลังจากนั้นจะมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมอีก 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 266 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 31 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 1 โครงการในประเทศ สปป.ลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ด้วยวงเงิน 235 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
ปัจจุบัน บริษัทฯ ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 52 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,518 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวมทั้งสิ้น 31 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,779 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและอยู่ระหว่างการพัฒนา มีกำลังการผลิตติตตั้งรวม 739 เมกะวัตต์