happy on November 20, 2017, 07:01:16 PM


หัวเว่ย ลงนามบันทึกความเข้าใจ กับกระทรวงดีอีฯ
เร่งเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล
เลือกพื้นที่ EEC เตรียมสร้างคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์สุดล้ำสมัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหัวเว่ย ประเทศไทย ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วย “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนด้านการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0” เร่งขยายความร่วมมือในด้านคลาวด์ บิ๊กดาต้า และการพัฒนาบุคลากร โดยหัวเว่ยได้ประกาศแผนเตรียมสร้างคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์สุดล้ำสมัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทย เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 รองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของภาครัฐและเอกชนไทย

ในระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 9 – 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พลอากาศเอก ดร. ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ร่วมหารือกับผู้บริหารของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ จำกัด และเห็นควรให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ครั้งนี้ขึ้น

พลอากาศเอก ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ภายใต้วิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0 ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลโดยมีนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน และอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ การลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตในหลาย ๆ ด้านของคนไทยให้ดีขึ้นอีกด้วย” 

หัวเว่ยเป็นผู้จัดหาโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก บทบาทการมีส่วนร่วมของหัวเว่ยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตทั่วโลก และเพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคของหัวเว่ยให้เติบโตยิ่งขึ้น บริษัทเตรียมที่จะลงทุนสร้างคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดยักษ์แห่งแรกของภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจและเลือกทำเลที่ตั้ง ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเร่งดำเนินการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์เฟสแรก

มร. เฉียง หัว กรรมการผู้จัดการ ของหัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวย้ำถึงเทคโนโลยีคลาวด์ ซึ่งจะเป็นเสมือนเสาหลักของโลกอัจฉริยะแห่งอนาคต ว่า “การลงทุนด้านคลาวด์คอมพิวติ้งและการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จะช่วยผลักดันการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 สิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงสู่โลกดิจิทัล การสร้างคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะช่วยให้รัฐบาลและภาคธุรกิจของไทยสามารถก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างราบรื่น ตลอดจนกระตุ้นให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ สามารถวางแผนการปรับใช้งานโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ในเชิงรุก โดยอีอีซีจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปและการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย”

เขาได้กล่าวเสริมว่า หัวเว่ยมีความยินดีที่จะใช้องค์ความรู้และประสบการณ์ในด้านนวัตกรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นอันมีคุณภาพของหัวเว่ยในการทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนทุกภาคอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัล  ความพยายามเหล่านี้จะช่วยเร่งกระบวนการปฏิรูปประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และทำให้คนไทยได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น “หัวเว่ยจะสร้างไฮบริดคลาวด์เพื่อรองรับรัฐบาล รวมทั้งองค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และผู้ใช้รายย่อยในประเทศไทย” มร. เฉียง กล่าว “ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถปรับใช้เทคโนโลยี ทั้งบิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติ้ง อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตก้าวหน้าขึ้น”

ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า โครงการการลงทุนของหัวเว่ยในอีอีซีจะเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย และช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ  หัวเว่ยได้แสดงความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรหลักของไทยในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของประเทศ รวมถึงเป็นบริษัทชั้นนำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมต่าง ๆ  และเป็นพันธมิตรที่พร้อมจะดำเนินกลยุทธ์คลาวด์และบิ๊กดาต้าไปด้วยกัน

บันทึกความเข้าใจที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามร่วมกันนี้ยังรวมถึงการจัดหาบริการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาคลาวด์และบิ๊กดาต้าของไทย การสร้างโอเพ่นแพลตฟอร์มเพิ่มเติม อาทิ โอเพ่นแล็บ และศูนย์นวัตกรรมโซลูชั่น CSIC ของหัวเว่ย การเร่งพัฒนาบุคลากรด้านไอซีที และการช่วยขยายธุรกิจสตาร์ทอัพและ SME ให้เติบโตมากขึ้น

ในช่วงปี พ.ศ. 2559 และ 2560 หัวเว่ยได้ให้คำแนะนำเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของประชากร การเกษตร และการท่องเที่ยว ตามที่รัฐบาลไทยและนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เสนอแนะ  โดยได้จัดทำและเผยแพร่รายงานเชิงลึก พร้อมแนะให้ไทยลงทุนด้านการใช้งานโครงสร้างอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์และคลาวด์คอมพิวติ้งให้มากขึ้น ปรับปรุงโครงสร้างนวัตกรรมที่มีอยู่ และเพิ่มการลงทุนด้านการพัฒนาบุคลากรด้านไอซีทีรุ่นต่อ ๆ ไปให้มากขึ้น  การเป็นพันธมิตรกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมไปถึงแผนการลงทุนของหัวเว่ยในการสร้างคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในประเทศไทย ถือเป็นผลสำเร็จของรายงานเชิงลึกนี้

สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของหัวเว่ยตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ดูแลตลาดประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ โดยรอบ รวมถึงอินเดีย เวียดนาม เมียนมาร์ บังคลาเทศ ศรีลังกา กัมพูชา ลาว เนปาล ฮ่องกง และมาเก๊า