ข่าวประชาสัมพันธ์ กลุ่มมิตรผล จัดงาน “ปลูก เพ(ร)าะสุข Farmer’s Market” ส่งตรงผลิตผลเกษตรสมัยใหม่พร้อมถ่ายทอดความรู้การปลูกพืชผักสวนครัวจากเกษตรกรสู่คนเมือง
กลุ่มมิตรผล จัดงาน “ปลูก เพ(ร)าะสุข Farmer’s Market” อันเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการทำตามพ่อ ปลูก เพ(ร)าะ สุข” ร่วมเพาะความสุขที่ยั่งยืนให้แก่คนไทยภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมส่งต่อความสุขตรงจากชาวไร่สู่คนเมืองด้วยกิจกรรม “ฝากปลูก” ที่ส่งตรงผลิตผลเกษตรทฤษฎีสมัยใหม่จากเกษตรกร และกิจกรรม “ปลูกสุขริมรั้ว” ถ่ายทอดความรู้การปลูกพืชผักสวนครัวจากเกษตรกร
นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “โครงการ ทำตามพ่อ ปลูก เพ(ร)าะ สุข” ริเริ่มขึ้นจากแนวคิดการน้อมนำเอาแนวพระราชดำริ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาใช้ในการดูแลชาวไร่และชุมชน เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้นและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข”
โครงการทำตามพ่อ ดำเนินการปลูกความสุขสู่ชาวไร่ ด้วยการให้ความรู้ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยจัดตั้งคณะทำงานและปราชญ์เกษตรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการถ่ายทอดความรู้ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ เลย อำนาจเจริญ และตาก พร้อมทั้งคัดเลือกเกษตรกรที่มีความพร้อมเพื่อเข้ารับการอบรมและแนะนำแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ ตลอดจนมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างพื้นฐานในการต่อยอดและพัฒนาพื้นที่ไร่อย่างยั่งยืน ก่อนจะคัดเลือกเกษตรกรผู้ที่มีความพร้อมในการจัดสรรพื้นที่และถ่ายทอดความรู้ 70 คน ในการจัดตั้ง “ศูนย์ปลูก เพ(ร)าะ สุข” จำนวน 70 แห่ง เพื่อขยายผลลัพธ์สู่ 700 และ 7,000 ครัวเรือนในปีต่อๆ ไป
“การดำเนินงานของโครงการได้ผ่านระยะที่ 1 - ปลูกองค์ความรู้ และระยะที่ 2 – เพาะกล้าความสุข รวมไปถึงกิจกรรม “ฝากปลูก” ไปแล้ว ขณะนี้เข้าสู่ระยะที่ 3 – ส่งต่อความสุข ในงาน “ปลูก เพ(ร)าะ สุข Farmer’s Market” วันนี้ โดยกลุ่มมิตรผลร่วมเป็นตัวกลางในการส่งความสุขระหว่างเกษตรกรและคนเมือง ให้คนเมืองได้ฝากปลูกพืชผักที่มีคุณภาพกับเกษตรกร และเกษตรกรนำผลผลิตคุณภาพนั้นส่งตรงมาถึงมือคนเมือง ให้คนเมืองได้รับประทานพืชผัก ผลไม้สดๆ จากไร่ และสนับสนุนเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่ม อีกทั้งกิจกรรม “ปลูกสุขริมรั้ว” ที่เกษตรกรจะมาถ่ายทอดความรู้การปลูกพืชผักสวนครัวให้คนเมืองสามารถปลูกไว้บริโภคเองจากที่บ้านได้ รวมไปถึงประสบการณ์จริงจากการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขรอบด้านและมีภูมิคุ้มกันตามแนวคิดพอเพียงของเกษตรกรที่น่าสนใจและสามารถทำได้ง่ายๆ แม้จะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่” นายบรรเทิงกล่าวเสริม
นายสมศักดิ์ เครือวัลย์ ที่ปรึกษาโครงการทำตามพ่อ “การได้มาเข้าร่วมโครงการทำให้ผมได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนแนวคิดและความรู้เรื่องศาสตร์พระราชา กับเกษตรกรในโครงการ โดยเน้นสิ่งสำคัญของศาสตร์พระราชา คือ คน ดิน น้ำ ป่า พร้อมให้ข้อคิดเกษตรกรเพื่อเป็นหลักในการดำรงชีวิตด้วยวิถีพอเพียง ซึ่งเป็นวิถีทางที่พิสูจน์แล้วว่าเหมาะกับเกษตรกรไทย และประเทศไทย แล้วไม่เฉพาะเกษตรกรเท่านั้น คนเมืองก็นำไปประยุกต์ใช้ได้ พวกเราและประเทศไทยก็จะอยู่รอดได้ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง”
นายปรีชา หงอกสิมมา ปราชญ์เกษตรในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ผู้ถ่ายทอดหลักแนวคิดทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติให้แก่เกษตกรในโครงการในพื้นที่ กล่าวว่า การถ่ายทอดหลักแนวคิดการเกษตรทฤษฎีใหม่ ต้องพิจารณาทั้งการจัดสรรพื้นที่ทำกินและที่อยู่อาศัย แหล่งน้ำ การปลูกพืชทั้งป่าต้นไม้ ปลูกพืชผักผลไม้เพื่อเป็นแหล่งอาหาร และการทำปศุสัตว์ เพื่อใช้เพาะพันธุ์ เก็บผลผลิตมาบริโภคหรือจำหน่ายต่อ ซึ่งคนเมืองก็สามารถมาเรียนรู้จากกิจกรรมนี้ และนำไปปรับให้เข้ากับพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ จะได้สามารถปลูกไว้ทานเอง ลดรายจ่าย ได้พืชผักคุณภาพ ปลอดภัยด้วย”
ด้านเกษตรกรจากกิจกรรม “ฝากปลูก” โครงการทำตามพ่อ นางพยุง ธัญญเจริญ กล่าวว่า “โครงการทำตามพ่อ เปิดโอกาสให้เรียนรู้วิถีชีวิตแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มีผลผลิตไว้รับประทานในครัวเรือน เมื่อเหลือก็แบ่งในชุมชนหรือขายได้ สุขภาพดีขึ้นเพราะได้กินผักปลอดสารเคมี แล้วต่อยอดมาสู่กิจกรรม “ฝากปลูก” ก็ดีใจที่ได้มาร่วมนำพืชผักเราปลูกเองและได้ผลดีมาส่งต่อให้คนเมืองได้รับความสุขเหมือนกับเรา และยังได้ร่วมบอกเล่าให้คนเมืองรู้จักปลูกพืชผักในบ้านไว้กินเอง ไม่จำเป็นต้องลงแรง ทำเท่าที่ไหว ทำแต่พอดี ให้ชีวิตมีความสุขแบบพอเพียง”
นางอัศจรรย์ อนันตภูมิ อีกหนึ่งเกษตรกรจากกิจกรรม “ฝากปลูก” เสริมว่า “การได้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเรียนรู้แนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่และลงมือทำจริง มีส่วนสำคัญช่วยให้ครอบครัวเรารักและสามัคคีกัน มาร่วมแรงช่วยกันพลิกฟื้นผืนดินของเราให้อุดมสมบูรณ์ มีพืชผักนานาพรรณทั้งพันธุ์พื้นบ้านและหายาก อยากกินอะไรก็ปลูกเอง เหลือยังได้แจกจ่าย นำไปขายได้เงินด้วย มีสัตว์หลาย ๆ ชนิดเข้ามาอาศัยอยู่ในไร่ เป็นความสุขที่แท้จริง และยังมีโอกาสส่งต่อความสุขผ่านกิจกรรม “ฝากปูลก” ด้วยผลิตผลที่ปลูกด้วยความสุขจากครอบครัวเรา ให้คนเมืองบริโภคอย่างมีสุขเช่นกัน และได้บอกต่อวิธีการปลูกพืชสวนครัวกับกิจกรรม “ปลูกสุขริมรั้ว” ให้คนเมืองและครอบครัวใช้เวลาปลูกพืชสวนครัวและบริโภคร่วมกัน นำไปสู่ความรักความอบอุ่นในครอบครัว เป็นความสุขที่แท้จริงเช่นกันค่ะ”