MSN on October 31, 2017, 11:52:07 PM
PwCคาดเอไอ-ระบบอัตโนมัติพลิกโฉมอนาคตโลกการทำงานในปี 2573

กรุงเทพฯ,31ตุลาคม2560– PwCคาดปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation)จะส่งผลกระทบการดำเนินธุรกิจและรูปแบบการทำงานของมนุษย์ในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้เชื่อว่าจะยังไม่สามารถทดแทนแรงงานมนุษย์ได้เต็มร้อยโดยประเมินโลกของการทำงานและผลกระทบที่จะมีต่อแรงงานในปี2573ออกเป็น4รูปแบบพร้อมมององค์กรและบุคลากรของไทยยังไม่ตื่นตัวกับเรื่องนี้ดีพอ แนะต้องเริ่มเรียนรู้และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะของบุคลากร หลังเทคโนโลยีรุกคืบการทำธุรกิจในไทยมากขึ้นเรื่อยๆ



นางสาวภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwCประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงานWorkforce of the future: the competing forces shaping 2030ที่ได้ทำการสำรวจประชากรจำนวน10,000คนในสาธารณรัฐประชาชนจีนอินเดียเยอรมนี สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาว่าในอนาคตปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence: AI) และระบบอัตโนมัติ(Automation)จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและแรงงานมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยแนวโน้มของรูปแบบการทำงานในปี 2573จะเปลี่ยนแปลงไป โดยมีความซับซ้อนและแข่งขันกันเข้มข้นมากขึ้นขณะที่การกำกับดูแลและกฎระเบียบต่างๆของภาครัฐ จะถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงก่อนที่จะนำมาบังคับใช้กับภาคธุรกิจ สังคม และแรงงานมนุษย์เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในสถานที่ทำงาน

นางสาว แครอล สตับบิงส์ หุ้นส่วนและหัวหน้าร่วมสายงานทรัพยากรบุคคลและองค์กรบริษัทPwCโกลบอล กล่าวว่า แม้ว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อผู้ถูกสำรวจ โดย 37%รู้สึกตื่นเต้นกับโลกของการทำงานในอนาคต แต่ก็ยังแสดงความกังวลว่า ระบบอัตโนมัติจะส่งผลให้งานในบางตำแหน่งเกิดความเสี่ยงเห็นได้จาก 37%ของผู้ถูกสำรวจกังวลว่า ระบบอัตโนมัติจะเข้ามาแทนที่งานของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากปี2557ที่33%และยังมีผู้ถูกสำรวจมากกว่าครึ่งที่คิดว่าหน่วยงานภาครัฐควรหามาตรการช่วยเหลือและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างจริงจัง

“ความเป็นจริงที่ว่า ‘การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด’ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานแล้ววันนี้ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ เห็นได้จากรายงานของเราที่ 60%ของผู้ถูกสำรวจเชื่อว่าในระยะต่อไปจะมีพวกเราเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีการงานที่มั่นคงและยืนยาวไปตลอด เพราะเดี๋ยวนี้คนต่างต้องมองหาและพัฒนาทักษะใหม่ๆทุกๆ2-3ปี เพื่อนำมาเสริมทักษะเดิมที่มีอยู่และยังต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะส่วนบุคคลในด้านอื่นๆเช่นการบริหารความเสี่ยงภาวะความเป็นผู้นำและการบริหารจัดการอารมณ์ของตนด้วย”

รายงานระบุว่า โดยทั่วไปแล้วผู้ถูกสำรวจส่วนใหญ่หรือ65%เชื่อว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาช่วยปรับปรุงแนวโน้มการทำงานให้ดีขึ้นโดยผู้ถูกสำรวจจากสหรัฐอเมริกาและอินเดียมีความมั่นใจเกี่ยวกับประเด็นนี้มากกว่าผู้ถูกสำรวจจากสหราชอาณาจักรและเยอรมนี แต่ก็ชี้ด้วยว่า 74%ของผู้ถูกสำรวจพร้อมที่จะเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม หรือได้รับการฝึกทักษะใหม่ๆ เพื่อไม่ให้ตนตกงานในอนาคต โดยมองว่า การพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลาถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบส่วนบุคคลมากกว่าของนายจ้างและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการทำงานจะช่วยสนับสนุนให้พนักงานสามารถก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีที่มีผลต่อการทำงานและงานที่พวกเขารับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตาม3ใน4 ของผู้ถูกสำรวจทั้งหมด ยังคงมองไปในทิศทางเดียวกันว่าเทคโนโลยีไม่มีทางที่จะมาทดแทนความคิดของมนุษย์ได้ขณะที่86%บอกว่า ทักษะของมนุษย์จะยังคงเป็นที่ต้องการในที่สุด

เปิดโลกการทำงาน4แบบในอนาคต
ทั้งนี้รายงานของPwC ได้แบ่งลักษณะของโลกการทำงานในปี 2573 ออกเป็น 4รูปแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของโลกการทำงานที่อาจเกิดขึ้นในอีก10 ปีข้างหน้า เป็นผลมาจากอิทธิพลของเมกะเทรนด์ เอไอระบบอัตโนมัติ และการเรียนรู้ของเครื่องจักรกล(Machine learning)รวมถึงตั้งคำถามด้วยว่า กำลังแรงงานจะสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ รวมทั้งเทคโนโลยีจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของแต่ละภาคส่วนอย่างไรดังนี้

1.   โลกสีเหลือง (The Yellow World) เป็นโลกที่มนุษย์มาเป็นอันดับแรก(Humans come first)โดยความสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคมจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า ขณะที่เรื่องของจรรยาบรรณ (Ethics) และความน่าเชื่อถือจะนำหน้ากระแสเงินทุนภาคสังคมจะมีความเป็นเอกภาพและมีความสัมพันธ์กัน  ในขณะที่นักคิดค้น นักประดิษฐ์ และกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ๆที่มีเป้าหมายและทักษะจะประสบความสำเร็จโดยมีเทคโนโลยีเป็นทั้งตัวช่วยและความท้าทาย

2.   โลกสีแดง (The Red World) คือโลกที่เป็นแหล่งฟูมฟักนวัตกรรมใหม่ๆ(Innovation rules) โดยรูปแบบในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่หน่วยงานกำกับดูแลจะสามารถควบคุมได้ ทำให้เป็นโลกที่การดำเนินธุรกิจเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่มนุษย์และนวัตกรรมจะอยู่อย่างแยกขาดกันไม่ได้ ในขณะที่เทคโนโลยีอาจกระตุ้นให้เกิดความคิดริเริ่มใหม่ๆทำให้สังคมเชื่อมต่อกันอย่างไร้ขีดจำกัด ภาคธุรกิจในโลกสีแดงจะแข่งกันคิดค้นสิ่งใหม่ๆที่มีเอกลักษณ์ตลอดเวลาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เรียกว่าเป็นโลกที่ทุกอย่างก้าวไปอย่างรวดเร็วแต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงรอบด้าน

3.   โลกสีเขียว (The Green World) เป็นโลกที่ภาคธุรกิจดูแลเอาใจใส่ (Companies care)และให้ความสำคัญกับหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม โดยเป้าหมายสำคัญขององค์กรคือการสร้างไว้วางใจต่อสังคม เป็นโลกที่คนต้องการทำงานกับองค์กรที่ตนมีความเชื่อ วัฒนธรรมองค์กร และค่านิยมที่ตรงกัน ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนจะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจ

4.   โลกสีน้ำเงิน (The Blue World) เป็นโลกที่ระบบทุนนิยมคือ“พระเจ้า”(Corporate is king)โดยบริษัทต่างๆ จะให้ความสำคัญกับการสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ให้กับองค์กรของตนเอง โดยเชื่อว่าจะเป็นหนทางสู่การสร้างผลกำไรที่เหนือคู่แข่งทั้งเก่าและใหม่ ถือเป็นโลกที่ “ขนาด”มีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจในทุกๆ ด้าน ในขณะที่ทาเลนต์ที่มากความสามารถจะเป็นที่ต้องการสูงของนายจ้างและจะได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน ควบคู่ไปกับระบบอัตโนมัติและเอไอที่จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ

นายจอน วิลเลียมส์ หุ้นส่วน และหัวหน้าร่วมสายงานทรัพยากรบุคคลและองค์กร บริษัท PwCโกลบอล กล่าวว่า“รายงานได้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าแต่ละโลกของการทำงานในอนาคตใน 4 รูปแบบจะมีความแตกต่างกันอย่างไร และยังบอกถึงผลกระทบที่มีต่อการทำงานในปัจจุบันด้วยแต่ก็แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถรู้แน่ชัดได้ว่าโลกในการทำงานในปี 2573จะเป็นอย่างไร แต่เราเชื่อว่า คงหนีไม่พ้นที่จะต้องออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งจากสมมุติฐานที่ตั้งไว้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เอไอกับการเรียนรู้ของเครื่องจักรกล จะช่วยให้เราสามารถวางแผนเรื่องกำลังคนได้ดียิ่งขึ้น โดยองค์กรและพนักงานที่เข้าใจตรงจุดนี้ควรรีบเตรียมรับมือและวางแผนอนาคตไว้ล่วงหน้าเพื่อเดินไปสู่ความสำเร็จตั้งแต่เนิ่นๆ”

“อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวล ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำลายความเชื่อมั่นและความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงในประเด็นนี้ อย่างที่กล่าวไปว่าพนักงานส่วนใหญ่ยังมีความเป็นห่วงว่าระบบอัตโนมัติจะเข้ามาแย่งงานของตนในอนาคตจริงหรือไม่ซึ่งตรงนี้ทุกฝ่ายควรเริ่มหันมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างจริงจัง เพื่อเข้าใจภาพรวมของผลกระทบจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีรวมทั้งเตรียมความพร้อม และเพิ่มทักษะที่จะเป็นประโยชน์ให้กับตัวเองและองค์กรเพื่อเป็นการเปลี่ยนถ่ายไปสู่การทำงานในอนาคต และต้องไม่ประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงนี้ต่ำเกินไป” นายจอนกล่าว

ด้านนางสาวภิรตา กล่าวต่อว่า “ปัจจุบันองค์กรและบุคลากรของไทยยังไม่มีความตื่นตัวเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่จะเข้ามากระทบการทำงานของพวกเขาดีพอ โดยองค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพราะอาจมองว่าไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาด้านต้นทุน แต่อย่างไรก็ดี มีองค์กรขนาดใหญ่บางแห่งที่เริ่มตื่นตัวและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการแก้ปัญหาด้านการบริหารจัดการบุคลากรเช่นการนำเอาระบบอัตโนมัติหรือออโตเมชั่นมาทดแทนงานบางประเภทที่ต้องทำซ้ำๆหรืองานที่มีอัตราการลาออกของพนักงานสูงนอกจากนี้ยังมีการทดลองนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อช่วยสอนทักษะบางอย่างให้แก่พนักงานใหม่ด้วย

“ในอีก10ปีข้างหน้านวัตกรรมจะเข้ามามีบทบาทกับภาคธุรกิจไทยมากขึ้นอย่างแน่นอนเนื่องจากต้นทุนด้านเทคโนโลยีจะถูกกว่าปัจจุบันมากเช่นเดียวกับกฎระเบียบต่างๆ ของภาครัฐที่จะถูกปรับให้เอื้อกับพัฒนาการของนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปดังนั้นองค์กรและบุคลากรของไทยจำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมโดยผู้นำองค์กรต้องเริ่มศึกษาและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจและกระบวนการทำงานภายในองค์กรขณะที่บุคลากรไทยจำเป็นจะต้องพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลเช่นทักษะในการคิดวิเคราะห์หรือ Analytical skillsอย่างไรก็ดี ยังมองว่า การบริหารจัดการงานที่ซับซ้อนหรืองานที่ต้องการการตัดสินใจเชิงลึกจะยังคงเป็นงานที่ต้องใช้มนุษย์เป็นหัวใจสำคัญ”

เกี่ยวกับPwC
ที่PwC เป้าประสงค์ของเรา คือ การสร้างความไว้วางใจในสังคมและช่วยแก้ปัญหาสำคัญให้กับลูกค้า  เราเป็นหนึ่งในบริษัทเครือข่าย 158 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 236,000คนที่ยึดมั่นในการส่งมอบบริการคุณภาพด้านการตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางธุรกิจ กฎหมายและภาษี  สำหรับประเทศไทย บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า59 ปีPwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่างๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรกว่า1,800คนในประเทศไทย

PwC refers to the PwC network and/or one or more of its member firms, each of which is a separate legal entity. Please see www.pwc.com/structure for further details.

© 2017 PricewaterhouseCoopers Consulting (Thailand) Ltd. All rights reserved
« Last Edit: October 31, 2017, 11:55:20 PM by MSN »