Victoria & Abdul
ชื่อไทย: ราชินีและคนสนิท
วันที่เข้าฉาย: 12 ตุลาคม 2560
จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด
จูดี้ เดนช์ นักแสดงรางวัลออสการ์ รับบท “ควีนวิกตอเรีย” ใน Victoria and Abdul ราชินีและคนสนิท ภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวมิตรภาพสุดประทับใจระหว่างสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักรกับอับดุล คาริม สหายคนสนิทที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากอินเดีย ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสและเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตในปีนี้ด้วย
อับดุล คาริม เสมียนหนุ่ม เดินทางจากอินเดียมาเข้าร่วมในงานพิธีฉลองการครองราชย์ครบ 50 ปีของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร และกลายมาเป็นสหายที่พระองค์ทรงพอพระราชหฤทัย แม้ว่าพระองค์ทรงเผชิญความกดดันจากการครองราชย์อันยาวนาน แต่มิตรภาพของทั้งคู่เปี่ยมด้วยความศรัทธาและภักดี และได้เพิ่มพูนมากขึ้น สมเด็จพระราชินีทรงเห็นโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปผ่านมุมมองใหม่ ๆ และทรงกลับมามีความเบิกบานพระราชหฤทัยอีกครั้ง
Victoria and Abdul สร้างจากหนังสือ Victoria & Abdul: The True Story of the Queen’s Closest Confidant โดย ชราบานี บาซู ภาพยนตร์นำแสดงโดย จูดี้ เดนช์, อาลี ฟาซาล, เอ็ดดี้ อิซซาร์ด, อาดีล อักฮ์ทาร์, ทิม พิก็อตต์-สมิธ, โอลิเวีย วิลเลียมส์, เฟเนลลา วูลการ์, พอล ฮิกกินส์, โรบิน โซอันส์, จูเลี่ยน วัดแฮม, ไซมอน คัลโลว์ และไมเคิล แกมบอน
ภาพยนตร์กำกับการแสดงโดย สตีเฟ่น เฟรียร์สA Stephen Frears Film
ผลงานภาพยนตร์โดย สตีเฟน เฟรียร์ส
เกี่ยวกับภาพยนตร์จูดี้ เดนช์ นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ (จาก Shakespeare in Love) กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับที่ได้เข้าชิงออสการ์ สตีเฟน เฟรียร์ส (The Queen) และกลับมารับบทสมเด็จพระราชินีวิกทอเรียอีกครั้ง ใน Victoria & Abdul
Victoria & Abdul เขียนบทภาพยนตร์โดยลี ฮอลล์ ผู้เขียนบทที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ (Billy Elliot) ดัดแปลงจากหนังสือชื่อ Victoria & Abdul: The True Story of the Queen’s Closest Confidant. ของนักหนังสือพิมพ์ ชราบานี บาซู
Victoria & Abdul บอกเล่าเรื่องจริงของมิตรภาพที่น่าทึ่ง และไม่น่าเป็นไปได้ ระหว่างสมเด็จพระราชินีวิกทอเรีย (จูดี้ เดนช์) กับเลขาหนุ่มชื่ออับดุล คาริม (อาลี ฟาซาล) ที่กลายมาเป็นครูของพระองค์ เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ และเพื่อนผู้จงรักภักดี
ปี 1887 อับดุลเดินทางจากอินเดียเพื่อถวายเหรียญในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ฉลองการขึ้นครองราชย์ครบ 50 ปีของสมเด็จพระราชินี แต่กลับเป็นที่โปรดปรานของพระราชินีผู้สูงวัยอย่างน่าประหลาดใจ ความสัมพันธ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและไม่น่าเป็นไปได้นี้ก่อให้เกิดศึกภายในพระราชวัง พระราชินีต้องทรงงัดข้อกับพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพาร Victoria & Abdul ตั้งคำถามเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา อำนาจ และความไร้สาระของจักรวรรดิอย่างติดตลก ผ่านมุมมองของมิตรภาพที่เหนือความคาดหมาย และลึกซึ้งกินใจ
โฟกัส ฟีเจอร์ส ร่วมกับเพอร์เฟ็คท์ เวิร์ล พิคเจอร์ส, บีบีซี ฟิล์มส์ และเวิร์คกิ้ง ไทเทิล ร่วมกับครอสส์ สตรีท ฟิล์มส์ ผลงานภาพยนตร์ของสตีเฟน เฟรียร์ส Victoria & Abdul นำแสดงโดยจูดี้ เดนช์, อาลี ฟาซาล, เอ็ดดี้ อิซซาร์ด, อดีล อัคห์ทาร์, ทิม พิกอตต์-สมิธ, โอลิเวีย วิลเลียมส์, เฟเนลลา วูลการ์, พอล ฮิกกินส์, โรบิน โซนส์, จูเลียน วอแดห์ม, ไซมอน คาลโลว์ และไมเคิล แกมบอน คัดเลือกนักแสดงโดยลีโอ เดวิส และลิสซี โฮล์ม, คัดเลือกนักแสดง (อินเดีย) โดยนานดินี ชริเคนท์, ดนตรีประกอบโดยโทมัส นิวแมน, แต่งหน้าและทำผมโดยแดเนียล ฟิลลิปส์, ออกแบบเสื้อผ้าโดยคอนโซลาตา บอยล์, ออกแบบฉากโดยอลัน แม็คโดนัลด์, ตัดต่อโดยเมลานี แอนน์ โอลิเวอร์, เอซีอี กำกับภาพโดยแดนนี โคเฮน, บีเอสซี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้าง ลูคัส เว็บบ์, ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร คริสติน แลงแกน และโจ ออพเพนไฮเมอร์, ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร ลี ฮอลล์, อมีเลีย เกรนเจอร์ และ ไลซา เชซิน, ดัดแปลงจากหนังสือของชราบานี บาซู, บทภาพยนตร์โดยลี ฮอลล์, อำนวยการสร้างโดยทิม เบแวน, เอริก เฟลล์เนอร์, บีแบน คิดรอน และเทรซี ซีเวิร์ด กำกับโดยสตีเฟน เฟรียร์ส ภาพยนตร์โดยโฟกัส ฟีเจอร์ส เกี่ยวกับงานสร้างคนทั้งโลกรู้จักสมเด็จพระราชินีวิกทอเรีย กษัตริย์ผู้ทรงปกครองจักรวรรดิที่ขยายขอบเขตไปทั่วโลก – แต่อับดุลคือใคร?
“พระองค์เป็นพระราชินีของอังกฤษ เขาเป็นแลขาผู้ต่ำต้อยจากอินเดีย มิตรภาพของพวกเขาจะช็อคพระราชวังและนำไปสู่การต่อต้านพระราชินีถึงขั้นเกือบจะปฏิวัติ” - ชราบานี บาซู นักเขียนหญิงผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
เรื่องราวของมิตรภาพระหว่างบุคคลทั้งสอง ที่มีการจงใจปิดบังไว้นานนับศตวรรษ ได้ถูกถ่ายทอดสู่สายตาและการรับรู้ของผู้ชมภาพยนตร์แล้ว ใน Victoria & Abdul.
ปี 2001 บาซูกำลังค้นคว้าหาข้อมูลจากหนังสือที่บอกถึงประวัติความเป็นมาของแกงกะหรี่ ทำให้เธอได้ทราบว่าสมเด็จพระราชินีวิกทอเรียโปรดการเสวยแกงกะหรี่ บาซูเดินทางไปที่ออสบอร์นเฮาส์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชินีวิกทอเรียที่เกาะไวท์ (Isle of Wight) และแปลกใจมากที่ได้เห็นภาพคนสองภาพ และรูปปั้นครึ่งตัวสีบรอนซ์ของผู้ชายชาวอินเดียที่ดูมีความเป็นเจ้านาย ในห้องแต่งตัวของพระราชินีวิกทอเรีย เธอได้เห็นภาพเขียนของชายชาวอินเดียคนนี้อีกหนึ่งภาพ ตั้งอยู่ตรงกันต่ำลงไปจากจอห์น บราวน์ผู้เป็นที่รักของพระราชินี ในห้องที่ใหญ่กว่านั้น คือห้องเดอร์บาร์ เต็มไปด้วยสมบัติมีค่าจากอินเดีย เป็นสิ่งเตือนความจำเรื่องความหลงใหล “อัญมณีในมุงกุฎ” ของพระราชินี ถึงแม้จะทรงเป็นจักรพรรดินีของอินเดีย แต่ไม่เคยเสด็จไป บาสซูเล่าว่า “ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย จึงไม่สามารถเสด็จไปอินเดียได้ พระองค์จึงทรงให้อินเดียเป็นฝ่ายมาหาพระองค์เอง”
ปี 2006 เธอเดินทางไปที่บัลมอรัล ซึ่งเป็นปราสาทของพระราชินีที่ไฮแลนด์ของสก็อตแลนด์ ที่นั่นเธอได้เห็นกระท่อมคาริม ซึ่งเป็นบ้านที่พระราชินีวิกทอเรียสร้างให้อับดุล เธอเข้าใจถึงความสำคัญบางอย่างของชายชาวอินเดียลึกลับผู้นี้ ที่เป็นที่รู้จักและเรียกกันว่ามูนชี (หรือครู) และบาซูถือเป็นภารกิจของเธอในการหาคำตอบ ว่าความสำคัญที่ว่านั้น คืออะไร
เจ้าชายเบอร์ตี้ พระราชโอรสของสมเด็จพระราชินี ที่ต่อมาคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ได้ทำลายจดหมายที่เขียนถึงกันทั้งหมด ระหว่างพระราชมารดาของพระองค์ กับมูนชี แต่ไม่ได้คิดที่จะแตะต้องบันทึกของพระองค์ที่เขียนเป็นภาษาของอินเดีย ในสมุดบันทึกเหล่านั้น บาซูได้ค้นพบเรื่องราวของพระราชินีวิกทอเรียกับมูนชีผู้เป็นที่รักของพระองค์...อับดุล คาริม บันทึกที่เขียนด้วยลายพระหัตถ์ของพระราชินีวิกทอเรียในภาษาอูรดู ถูกเก็บไว้ในหอจดหมายเหตุของพระราชวงศ์วัง และถูกตัดทิ้งอย่างสิ้นเชิงจากประวัติศาสตร์ฉบับตะวันตกของยุควิกทอเรีย เพราะไม่มีนักประวัติศาสตร์คนไหนอ่านภาษาอูรดูออก บาซูเล่าว่า “ฉันรู้จักภาษาอูรดู ถึงแม้ฉันจะอ่านบันทึกไม่ออก อับดุลเขียนข้อความให้พระราชินีเป็นภาษาโรมัน และฉันเข้าใจข้อความเหล่านี้ ในขณะที่ฉันต้องไปหาคนแปลบันทึกซึ่งเป็นภาษาอูรดู บันทึกมีอยู่ 13 เล่ม” และจากหน้าต่างๆในบันทึกเหล่านี้ เรื่องราวความสัมพันธ์ของพระราชินีวิกทอเรียและอับดุล ก็ปรากฏขึ้น
มีบันทึกอีกหนึ่งฉบับที่กำลังจะถูกค้นพบ ขณะที่การสืบค้นของบาซูพาเธอไปไกลถึงเมืองการาจี, ปากีสถาน อับดุลไม่เคยมีลูก แต่เหลนชายของเขานำเธอไปพบกับบันทึกฉบับนั้น ซึ่งถูกเก็บไว้ในหีบใส่ของขนาดใหญ่ อับดุลเริ่มเขียนบันทึกในปี 1887 ตอนที่เขาถูกเรียกตัวให้เดินทางจากอินเดีย ไปรับใช้ในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ฉลองการครองราชย์ครบ 50 ปี สมุดบันทึกของเขาให้ข้อมูลกับบาซูโดยตรงจากเจ้าของเรื่องราว ซึ่งยืนยันสิ่งที่เธอค้นพบมากมายจากบันทึกด้วยลายพระหัตถ์เป็นภาษาอูรดูของพระราชินี “ในที่สุด ฉันก็ได้ฟังเรื่องราวจากปากของอับดุล”
รายละเอียดต่างๆดึงดูดใจนักเขียนหญิงผู้นี้เป็นอย่างมาก “อับดุลอายุ 24 ตอนถูกส่งตัวจากอินเดียมาอังกฤษ เขาได้รับความสนใจจากพระราชินีวิกทอเรีย และได้เลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว มีการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมให้กับเขา เพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้สื่อสารกันง่ายขึ้น และเขาสอนภาษาอูรดูให้พระองค์ทุกเย็น เขาอ่านบทกวีของกาหลิบให้พระองค์ฟัง ทั้งสองคนเริ่มกลายเป็นเงาของกันและกัน
“คนในวังของพระองค์วางแผนต่อต้านเขา และขู่ว่าเจ้าชายแห่งเวลส์ องค์มกุฎราชกุมาร [ตำแหน่งของเจ้าชายเบอร์ตี้ในขณะนั้น] คงต้องเข้ามาจัดการ พระราชินีวิกทอเรียทรงยืนเคียงข้างอับดุลอย่างมั่นคง”
บาซูคัดลอกสมุดบันทึกเหล่านี้ และเขียนเป็นหนังสืออกมา ชื่อ Victoria & Abdul: The True Story of the Queen’s Closest Confidant
ผู้สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลบาฟต้า บีแบน คิดรอน แห่งบริษัทผลิตภาพยนตร์ครอสส์ สตรีท ฟิล์มส์ ได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ในปี 2010 และสนใจเรื่องนี้ในทันที เธอเล่าว่า “สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจคือ นี่คือเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีการบอกเล่ามาก่อน เป็นเพชรที่ซ่อนอยู่มานานกว่าศตวรรษ มันเป็นการเปิดเผยว่าพระราชินีวิกทอเรียมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก กับคนที่ไม่เพียงเป็นข้าราชบริพาร แต่ยังเป็นข้าราชบริพารที่เป็นมุสลิมอีกด้วย ปฏิกิริยาภายในวังของพระองค์ก็ถูกบอกออกมาได้ค่อนข้างดี และสัมพันธ์กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกเราตอนนี้ – การพูดถึงความตึงเครียดระหว่างวัฒนธรรม และการยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง”
ลี ฮอลล์ นักเขียนบทที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ จากเรื่อง Billy Elliot หุ้นส่วนของคิดรอนในบริษัทครอสส์ สตรีท ได้ฟังบาซูในวิทยุ และเกิดอาการอาการสนใจไม่แพ้กัน ทั้งสองคนจึงขอนัดพบเธอ แต่ตอนนั้น ครอสส์ สตรีทไม่ได้เป็นบริษัทเดียวที่สนใจจะซื้อหนังสือของบสซูมาสร้างเป็นภาพยนตร์ แต่การตอบรับของทั้งสองคนที่มีต่อเรื่องราวในหนังสือ ก็ได้รับความสนใจจากบาซูเช่นกัน คิดรอนเล่าว่า “สิ่งที่ทำให้ชราบานีสนใจ คือการวิธีที่เรามองเรื่องราวใน Victoria & Abdul ว่าเป็นเรื่องราวของคนนอก เป็นการปะทะกันทางชนชั้นและวัฒนธรรม และเรารู้สึกว่ามันคงมีชีวิตชีวามาก ที่จะได้เห็นโลกของพระราชินีวิกทอเรียจากมุมมองของชายหนุ่มสามัญชนคนหนึ่ง จากเมืองอัครา ที่ก้าวขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของจักรวรรดิ
“เรายังมองว่านี่คือหนังที่สามารถสร้างออกฉายตามโรงได้ด้วย เป็นเรื่องราวที่สนุกและบันเทิง – เรื่องราวเกี่ยวกับราชวงศ์ที่คนดูไม่เคยเห็นมาก่อน ในขณะที่มีการพูดถึงเรื่องความมีอคติด้วย”
บาซูตกลงขายลิขสิทธิ์ให้กับครอสส์ สตรีท และบริษัทก็เริ่มลงมือเตรียมงานโปรเจ็คต์นี้ร่วมกับคริสติน แลนแกน แห่งบีบีซี ฟิล์มส์ จุดเปลี่ยนของหนังมาถึง เมื่อคิดรอนและฮอลล์นำ Victoria & Abdul ไปให้เพื่อนที่รู้จักกันมานาน และเคยร่วมงานกันบ่อยครั้ง คือเอริก เฟลล์เนอร์ ประธานร่วมในบริษัทผลิตภาพยนตร์เวิร์คกิ้ง ไทเทิล ฟิล์มส์ ร่วมกับทิม เบแวน เฟลล์เนอร์ ผู้อำนวยการสร้างที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ เล่าว่า “ผมมองเรื่องนี้ในฐานะเรื่องราวในยุคสมัยของเรา และผมรู้ว่าในฐานะผู้เขียนบท ลี ฮอลล์มีความเชี่ยวชาญที่จะดัดแปลงหนังสือของชราบานีได้ เขาจะรู้สึกดึงดูดใจกับเรื่องราวที่สำรวจชนชั้น และมองจากมุมมองของคนนอกที่มองเข้าไป และจากมุมมองของคนในที่มองออกมา”
ทีมผู้อำนวยการสร้างตั้งใจจะทำหนังที่จะให้ภาพหรูหราภายในพระราชวัง, ภูมิประเทศที่สวยงามอลังการ และเครื่องแต่งกายที่ฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น ซึ่งคนดูคาดหวังจะได้เห็นในหนังที่เป็นเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ ในขณะที่ก็ให้เรื่องราวของมิตรภาพและความจงรักภักดีกับคนดู ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาอาจไม่ได้คาดคิด
คิดรอนเล่าว่า “มันเป็นการเติมพลังสำหรับเรา ในการทำหนังสักเรื่องที่มีทั้งฉากใหญ่ๆ, ดนตรีประกอบ, ต้องใช้นักแสดงประกอบที่ต้องมาแต่งตัวตั้งแต่ตีห้า เพื่อที่เราจะได้เริ่มถ่ายทำตอนแปดโมง กับฉากการสนทนากันอย่างใกล้ชิดของคนสองคน ที่จริงจังและจับใจ
“ความสัมพันธ์ระหว่างพระราชินีวิกทอเรียกับอุบดุล พูดเรื่องความแตกต่างระหว่างวัย วัยชราของพระองค์และความหนุ่มของเขาไม่ได้เป็นอุปสรรคในความรัก และทั้งคู่ก็มีการเปลี่ยนแปลงจากประสบการณ์นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับพวกเขา และเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าจะเป็นความพิเศษสำหรับคนดูด้วยเช่นกัน”
และจากการเป็นหนังที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่ทำออกมาเป็นหนังความยาวสองชั่วโมง บางเหตุการณ์และบุคคลจึงต้องมีการเสริมแต่งเข้ามา ด้วยจุดประสงค์เพื่อความบันเทิง คิดรอนเล่าว่า
“เราทุกคนพูดเรื่องที่ว่าบทหนังควรจะต้องสร้างเรื่องราวจากรายละเอียดที่มีอยู่มากมายในหนังสือของชราบานี ซึ่งเขียนออกอย่างสวยงามและชวนให้คิดถึงอดีตมาก แต่ก็มีวิธการเขียนในแบบของนักหนังสือพิมพ์ ในขณะที่หนังของเราจะดูมีความเป็นเทพนิยายมากกว่า
มันซื่อตรงต่อจิตวิญญาณของเรื่องราว แต่ด้วยความจำเป็น มันต้องสร้างสรรค์ช่วงเวลาที่มีความเป็นดราม่าขึ้นด้วยเช่นกัน บทหนังของลีเขียนออกมาได้สนุกมาก แต่หัวใจของหนัง คือความสัมพันธ์ที่จับใจเรา นั่นเป็นสิ่งที่เขาชอบทำในการบอกเล่าเรื่องราวของเขา คือการทำให้คนดูหัวเราะ แล้วก็ทำให้พวกเขาร้องไห้
“จากการที่ชราบานีเขียนหนังสือโดยใช้เรื่องราวที่ได้จากสมุดบันทึกของทั้งพระราชินีวิกทอเรียและอับดุล ก็เป็นธรรมดาที่ข้อมูลจะเป็นส่วนๆ ไม่ปะติดปะต่อ ซึ่งลีนำมาเรียงร้อยให้ต่อเนื่องกัน แต่ถึงจะดูมีส่วนที่ชวนหัวเราะอยู่มากแค่ไหนในบทหนัง แต่ความชวนหัวนั้น มาจากพระราชินีวิกทอเรียเอง!”
บาซูบอกว่า “ลีหยิบเอาส่วนที่ใช่เลยออกมาจากในหนังสือ และเขาพัฒนาบางส่วนและพัฒนาตัวละครเพิ่มขึ้น แต่แน่นอน เขายังคงเก็บส่วนที่เป็นมนุษย์ปุถุชนเอาไว้”
ส่วนความสามารถในการตีความ ทั้งการให้น้ำหนักกับประวัติศาสตร์ และมุมมองที่มีอารมณ์ขันอันชาญฉลาด ก็ยกให้เป็นงานคุณภาพของผู้กำกับที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ สตีเฟน เฟรียร์ส คิดรอนอยากได้เฟรียร์สมาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้มาตลอด “ฉันรู้ว่าเขาจะคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ Victoria & Abdul เพราะเขาสามารถดึงอารมณ์ขันจากสถานการณ์ได้ แต่ก็ไม่สูญเสียมุมมองของความจริงจัง”