ตลาดหนังต่างประเทศในบ้านเรายังคงเป็นตลาดที่หอมหวานของ อุตสาหกรรมความ บันเทิง แม้หนังไทยเองจะทำเงินเพียงไม่กี่เรื่อง แต่หนังต่างประเทศกลับทำเงินได้อย่างน่าพอใจ ตลอดปี พ.ศ. 2552 นี้ มีหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ระดับบล็อกบลัสเตอร์ และหนังค่ายอิสระเข้าฉายในบ้านเรา และโกยเงินไปอื้อซ่าหลายเรื่อง ใน จำนวนนี้มีหนังที่ทำเงินเกินหลัก 200 ล้านถึง 2 เรื่องด้วยกันคือ 2012 วันสิ้นโลก และ Transformers2 ทำให้ตลาดหนังต่างประเทศกลับคึกคักขึ้นมาอีกรอบ
ค่ายหนังต่างประเทศที่มียอดบิลดิ่งสูงสุดในปีนี้ต้องยกให้ "โซนี่ พิคเจอร์ส" ที่เก็บรายได้จาก 2012 วันสิ้นโลก ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แถมมีหนังที่ตัวเลขสวยเกินหลัก 50 ล้านบาทอยู่หลายเรื่อง อาทิ Underworld 3 ทำรายได้ทั่วประเทศไปกว่า 65 ล้านบาท Angels & Demons กวาดไปทั้งสิ้น 60 ล้านบาท ส่งผลต่อเนื่องให้ผลประกอบการของโซนี่ฯ อยู่ที่ 546 ล้านบาท และเป็นสถิติใหม่สูงสุดในรอบ 12 ปีตั้งแต่เปิดดำเนินกิจการในประเทศไทย ทำให้ โซนี่ พิคเจอร์ส กลายเป็นแชมป์ค่ายหนังทำเงินแห่งปี 2552 และเป็นค่ายเมเจอร์สตูดิโอยักษ์ใหญ่ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย
อีกค่ายที่ผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจก็คือ ยูไอพี เพราะมีหนังใหญ่อย่าง Transformers 2 ทำเงินทะลุหลัก 200 ล้านบาทเหมือนกัน ส่วนหนังในสต๊อกเรื่องอื่น ๆ ก็ทำตัวเลขสวยงามเกือบ 100 ล้านบาททั้งหนังเอาใจคนชอบความเร็วอย่าง Fast and Furious 4 และหนังแอ๊คชั่นอย่าง G.I. JOE ส่วนหนังฟอร์มดีอย่าง Star Trek และ Watchmen ก็เก็บกันไปได้แค่เพียงเรื่องละ 20 กว่าล้าน
ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ และ วอร์เนอร์ บราเธอร์ ที่มี เฮนรี่ ทราน เป็นหัวเรือใหญ่ถือสิทธิอยู่ในประเทศไทยทั้ง 2 สตูดิโอ ก็ได้แรงพ่อมดช่วยชีวิต เพราะมีหนังใหญ่ทำเงินอย่าง Harry Potte อยู่ในมือ เก็บเงินไปได้ 140 ล้านบาท ส่วนหนังเรื่องอื่น ๆ ก็ทำเงินได้ไม่น้อย ทั้ง X-MEN Origins Wolverine ก็เก็บไปได้กว่า 80 ล้านบาท ส่วน Night at the Museum 2 ก็ตัวเลขดีอยู่ในระดับ 57.2 ล้านบาท
ค่ายที่นำเข้าหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นเยอะ อย่าง "วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอ โมชั่น พิคเจอร์ส" ก็มีหนังการ์ตูนดังอย่าง UP ทำเงินได้เกินเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เพราะเป็นการ์ตูนที่มีเพียงคนแก่และเด็กเป็นตัวเดินเรื่อง ต่างจากการ์ตูนสัตว์ที่จะได้รับความนิยมมากกว่า แต่ด้วยเนื้อหาที่ดีทำให้ UP ไต่ระดับทำรายได้ที่ 52 ล้านบาท เคียงคู่กับ G-FORCE ที่เก็บไปสูงถึง 55 ล้านบาท ซึ่ง สถิติภาพยนตร์การ์ตูนที่เคยทำเงินไว้สูงสุดก็คือ Finding Nemo กับรายได้ 65 ล้านบาท และยังไม่มีใครสามารถลบสถิตินี้ได้ ส่วนหนังคอมเมดี้อย่าง The Proposal ที่มี แซนดร้า บูลล็อก แสดงนำ ก็ทำรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ จะมีก็เพียงแต่ High School Musical ที่ยังไม่โดนใจคนดูเท่าไหร่ เลยเหยียบเส้นคำว่าขาดทุนไปอย่างจัง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าหนังของ "ดิสนีย์" นั้นไม่ใช่หนังที่กินตลาดในวงกว้าง แต่จะได้คนดูที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
ด้าน "มงคลเมเจอร์" บริษัทนำเข้าหนังฝรั่งในเครือ "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" ก็ได้กระแสที่แรงของ เหล่าบรรดาแฟนคลับ "ทไวไลท์" ส่งผลให้เก็บรายได้ของ The Twilight New Moon ภาคต่อของ "แวมไพร์ ทไวไลท์" ไปได้ที่กว่า 93 ล้านบาท ส่วนหนัง Knowing ที่ได้พระเอก นิโคลัส เคจ แสดงนำนั้นก็สามารถพาตัวเองผ่านหลัก 50 ล้านบาท ไปได้อย่างหืดขึ้นคอ
ส่วน "มงคลซีนีม่า" บริษัทนำเข้าหนังเอเชียในเครือ "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" ด้วยเช่นกัน ก็มีหนังทำเงินที่เชิดหน้าชูตาอยู่เพียงเรื่องเดียวคือ Red Cliff 2 หนังมหากาพย์จีนที่ทุ่มทุนสร้างสูงสุดในเอเชียของ จอห์น วู ที่ลงทุนมากถึง 2,800 ล้านบาท มีฉากที่ใหญ่โตอลังการ แต่ก็ลุ้นตัวโก่งกว่าจะเก็บเงินไปได้เพียง 45 ล้านบาท ส่วนหนังเรื่องอื่น ๆ ก็ทำเงินอยู่ในระดับ 20 กว่าล้านเท่านั้น ทั้ง Ink Heart เก็บไป 29 ล้านบาท และ Drag Me to Hell ซิวไปแค่ 24 ล้านกว่าบาทเท่านั้น
"เอ็ม พิคเจอร์ส" ตลอดปีนี้ส่งหนังเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะไม่มีหนังเรื่องไหนทำเงินเกินหลัก 50 ล้านบาท เพราะส่วนใหญ่เป็นหนังค่ายอิสระ ไม่ใช่หนังเมเจอร์สตูดิโอ แต่ก็มีรายได้รวมมาก เกือบ 100 ล้านบาท จากหนังเด่น ๆ 5 อันดับอย่างหนังแอ๊คชั่นไซไฟเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวอย่าง DISTRICT 9 ทำเงินไปมากกว่า 25.5 ล้านบาท ตามมาด้วยหนังบู๊ระห่ำอย่าง Crank ก็เก็บไป 23.5 ล้านบาท หนังดังอย่าง Street Fighter ก็เก็บไปได้ถึง 18 ล้านบาท หนังของหนุ่มสุดล่ำ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ อย่าง Gamer ก็ทำเงินไปได้ 17.7 ล้านบาท ปิดท้ายด้วยหนังเรื่อง Blood The Last Vampire ที่มีดาราเกาหลีคนดัง จวนจีฮุน ก้าวเข้าสู่ฮอลลีวูดเป็นครั้งแรก ก็ทำสถิติอยู่ที่ 14 ล้านบาท
ถึงสภาพเศรษฐกิจจะซบเซาเพียงไร การเมืองจะยุ่งเหยิงสักแค่ไหน แต่ว่าความบันเทิงที่หาเสพได้ง่ายอย่างการดูหนัง ก็ยังคงเป็นกิจกรรมยามว่างที่ฮอตฮิตของหลาย ๆ คนอยู่ โดยเฉพาะหนังฮอลลีวูดที่ครองใจคนทั้งโลกนั้น ยังมีแฟนคลับเฝ้าติดตามชมอย่างเหนียวแน่น หนังต่างประเทศยังคงขายได้เสมอ แม้จะต้องต่อสู้กับสถานการณ์แผ่นผี และการโหลดบิดทางอินเทอร์เน็ตก็ตาม ต้องคอยลุ้นกันต่อไปว่า ปี พ.ศ. 2553 นี้ สถานการณ์ตลาดหนังต่างประเทศจะเป็นไปในทิศทางใด
5 อันดับหนังต่างประเทศทำเงินที่เข้าฉายในประเทศปี 52
อันดับ 1 เป็นหนังที่ทั่วโลกกล่าวขาน 2012 วันสิ้นโลก ของผู้กำกับ โรแลนด์ เอ็มเมอริค เก็บรายได้ในประเทศไทยไป 230 ล้านบาท เป็นหนังที่มีตัวเลขทางสถิติน่าสนใจดังนี้ เป็นหนังต่างประเทศที่สามารถทำลายสถิติเดิมของหนังต่างประเทศทำเงินสูงสุด ตลอดกาลในไทยอย่าง Spider man 3 ที่ทำเอาไว้ 200 ล้านบาท ได้อย่างราบคาบ และเป็นหนังที่ทำเงินเกินหลัก 100 ล้านบาทเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีภาพยนตร์ฉายในเมืองไทย นอกจากนี้หนังยังสร้างปรากฏการณ์การต่อคิวซื้อตั๋วที่ยาวเหยียด ภาพการนั่งชมภาพยนตร์เต็มทุกที่นั่ง ไม่เว้นแม้แต่แถวหน้าสุด เปิดตัววันแรกสามารถทำเงินสูงสุดอยู่ที่หลัก 20.1 ล้านบาท ลบสถิติหนังไทยอย่าง ต้มยำกุ้ง ที่เคยเปิดตัวแรงถึงกว่า 19 ล้านบาท ลงได้อย่างไม่ยากเย็น และยังทำสถิติรายได้จากการขายสายหนังในต่างจังหวัดสูงสุดถึง 23.1 ล้านบาท อีกด้วย และหนังยังสามารถสร้างกระแสให้คนตื่นตัวหันมาสนใจเรื่องโลกร้อนกันมากขึ้น
อันดับ 2 เป็นหนังภาคต่อ Transformers 2 โดยผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ ภาคนี้หุ่นยนต์แปลงร่างแรงได้ใจ จนพาหนังไปแตะที่ระดับ 201 ล้านบาท ต่างจากภาคแรกที่ทำรายได้ไว้เพียง 127 ล้านบาท และทำลายสถิติหนังทำเงินสูงสุดของค่ายยูไอพีอย่าง "เดอะ ลอสต์ เวิลด์" ที่เคยทำเงินไว้ 141.8 ล้านบาท ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ แอนโทนี่ โวเกิลส์ ผู้จัดการทั่วไปของยูไอพี ประเทศไทย เคยกล่าวไว้ว่า "มาจากความสามารถของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ และการแสดงที่เข้าคู่กันของ ไชอา ลาบัฟ และ เมแกน ฟ็อกซ์ เช่นเดียวกับกองทัพหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์สที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง"
อันดับ 3 เป็นของพ่อมดน้อย Harry Potter and the Half-Blood Prince หนังที่สร้างจากนวนิยายยอดฮิตของ เจ.เค.โรว์ลิ่ง ซึ่งเป็นภาคที่ 6 แล้ว สามารถทำเงินไปได้สูงถึง 140 ล้านบาท ซึ่งความแรงของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ นี้แรงตั้งแต่ภาคแรกจนใกล้ถึงภาคจบ จัดเป็นหนังที่มีแฟน ๆ เฝ้าติดตามรอชมมากมาย ทั่วโลกเรื่องหนึ่ง แม้จะมีคนรู้ตอนจบเพราะอ่านจากหนังสือแล้วก็ตาม
อันดับ 4 เป็นของภาพยนตร์มหากาพย์แอ๊คชั่น-ไซไฟ ภาคต่อ Terminator Salvation ฅนเหล็ก 4 : มหาสงครามจักรกลล้างโลก ฝีมือการกำกับของ แม็ค จี นำโดย คริสเตียน เบล กวาดรายได้ไป 120 ล้านบาท ซึ่งภาคนี้จัดเป็นหนังคนเหล็กเรื่องแรกที่เล่าเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในโลก อนาคต นอกจากฉากแอ๊คชั่นอลังการที่มีให้ลุ้นระทึกกันเกือบตลอดทั้งเรื่องแล้ว ผู้ชมก็จะได้เห็นสกายเน็ตในโลกอนาคตแบบเต็ม ๆ หลังจากโผล่มาให้เห็นแวบ ๆ ในภาคก่อน ๆ และนำเสนอที่มาที่ไปของหุ่นรุ่น ที-800 ของ อาร์โนลด์ เจ้าของตำนานคนเหล็กด้วย
อันดับ 5 เป็นของแวมไพร์สุดหล่อ เอ็ดเวิร์ด กับหนัง The Twilight New Moon ภาคต่อของ แวมไพร์ ทไวไลท์ ผล งานการกำกับโดย คริส ไวซ์ ซึ่งความหล่อของพระเอก โรเบิร์ต แพททินสัน ก็ทำเอาสาว ๆ ทั้งเมืองคลั่งกันมาแล้ว ภาคนี้ไม่ได้มีแค่แวมไพร์มากระชาก ใจสาวเท่านั้น ยังมีฝูงหมาป่าหนุ่มมาโชว์ซิกแพคให้สาว ๆ ใจละลายอีกด้วย เก็บรายได้ไปอยู่ที่หลัก 93 ล้านบาท "แวมไพร์ ทไวไลท์" เคยสร้างปรากฏการณ์เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมายมาแล้ว เมื่อปีก่อน ส่งผลให้ 3 นักแสดงนำ โรเบิร์ต แพททินสัน, คริสเตน สจ๊วต และ เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ โด่งดังเป็นพลุแตกในเวลาชั่วข้ามคืน
จาก Dailynews