wmt on August 23, 2017, 03:04:58 PM
ก.ท่องเที่ยว เร่งเดินหน้าคลัสเตอร์ “อารยธรรมอีสานใต้” และ “วิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขง” ส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชน พร้อมเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทุกมิติ

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วม ครม.สัญจร จ.นครราชสีมา เล็งแผนพัฒนาการท่องเที่ยว ฟื้นวิถีชุมชน ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่น สร้างรายได้ด้วยการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ มองเห็นโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของโคราชหลายจุด โดยภาพรวมแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดมีจุดเด่นด้านเชิงนิเวศและโบราณสถาน ซึ่งทางจังหวัดได้มีการเสนอยุทธศาสตร์การดำเนินแผนงานและนำลงพื้นที่ดูงาน 2 เส้นทาง คือ 1.การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชื่อมโยงเส้นทางผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น ระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กับผืนป่าวังน้ำเขียว มีความหลากหลายทางพืชพันธุ์ รวมถึงสถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหินบ้านโกรกเดือนห้า หรือจีโอพาร์ค โคราช แหล่งรวบรวมซากดึกดำบรรพ์ และ 2.การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แหล่งโบราณสถาน วัฒนธรรมประเพณีที่เป็นจุดเด่นในแต่ละพื้นที่ ซึ่งล้วนมีความน่าสนใจ อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย มีการร่วมหารือกันว่าทำอย่างไรที่จะทำให้การท่องเที่ยวคลัสเตอร์อารยธรรมอีสานใต้และวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขงสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

นางกอบกาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่อีสานใต้ของไทยมีจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวเชื่อมโยงทุกมิติ (ASEAN Connect) เพราะมีความพร้อมทุกด้านอาทิ สนามบินนานาชาติ ซึ่งมีเที่ยวบินที่เชื่อมโยงในทุกภูมิภาค เส้นทางรถยนต์เชื่อมต่อยังประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว และกัมพูชา รวมถึงเพื่อนบ้านในเขตลุ่มแม่น้ำโขง และเส้นทางใหม่ที่กำลังเร่งดำเนินการ คือ เส้นทางมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช การท่องเที่ยวทางรางด้วย “รถไฟไทยขบวนใหม่ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี” เพื่ออำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวข้ามภาค

นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือร่วมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ถึงการพัฒนาที่จะสอดคล้องกับ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12” เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันอย่างเป็นระบบ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่เปิดโอกาสให้คนสูงวัยและคนทุพพลภาพ กว่า 10.7 ล้านคนทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก ปลอดภัย ทันสมัย เป็นธรรม เหมือนบุคคลทั่วไป เพื่อผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นการท่องเที่ยวที่สร้างประโยชน์สุขให้แก่คนทุกวัย โดยในปัจจุบันได้มีสถานที่นำร่องคือสวนนงนุช และในอนาคตจะมีการเปิดให้คนแก่และคนทุพพลภาพเข้าชมพิพิธภัณฑ์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย

“ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือ การเป็นเจ้าบ้านที่ดีและการปรับสภาพภูมิทัศน์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสะอาด รวมถึงการให้บริการที่ดี จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง ทั้งยังอยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและชุมชน เพื่อเป็นการท่องเที่ยวชุมชนกระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจทางตรงลงสู่พื้นที่ได้อย่างยั่งยืน โดยช่วงปลายปีนี้จะมีการจัดงานเทศกาลออกพรรษาในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน และกิจกรรมที่สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ด้วยการจัด MOTO GP ณ จังหวัดบุรีรัมย์” นางกอบกาญจน์ กล่าวทิ้งท้าย