news on August 22, 2017, 08:14:34 AM
สวทช. จับมือ เอแบค ดันเครือข่ายITAP หนุน SME เพิ่มขึ้น เริ่มที่อุตฯ จิวเวลรี่



สวทช. ลงนามความร่วมมือกับ ม.อัสสัมชัญ ดำเนินงานหรือเครือข่าย ITAP มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ



(22 สิงหาคม 2560) ณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตสุวรรณภูมิ : กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุลผู้อำนวยการ สวทช.ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญวิทยาลัยการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์ (Elearning ABAC) โดย ภราดา บัญชา แสงหิรัญอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในการดำเนินงาน “เครือข่ายโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม” หรือเครือข่าย ITAP (ไอแทป) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้การสนับสนุน SME ครอบคลุมและครบวงจรมากขึ้น ตั้งเป้าร่วมกันสนับสนุน SME ไม่น้อยกว่า 15 รายต่อปีโดยกลุ่มแรกที่สนับสนุนคือ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับจิวเวลรี่ หรือ Jewelry Tech


ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุลผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
กล่าวว่าสวทช. ดำเนินโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ ITAP มาตั้งแต่ปี 2536 ให้การสนับสนุนSMEแล้วไม่น้อยกว่า 7,000 ราย โดยคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงกับโจทย์ความต้องการของ SME แต่ละรายมาช่วยทำโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรม ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญร่วมดำเนินงานไม่น้อยกว่า 1,300 ราย แต่ยังไม่เพียงพอต่อการให้ความช่วยเหลือ SME ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งภาคการผลิตและการบริการ ที่ยังขาดทรัพยากรด้านต่างๆสำหรับการวิจัยและพัฒนาทั้งด้านการเงินและบุคลากร ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุน SME ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ และได้มีโครงการสนับสนุนSME อย่างต่อเนื่อง โปรแกรม ITAP เป็นโครงการหนึ่งที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบที่จะขยายผล เพื่อให้สนับสนุน SME ได้จำนวนมากขึ้น โดยในปีงบประมาณ 2560 ITAP ตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวน SME ที่ให้การสนับสนุน จากประมาณ 400 รายต่อปี เป็น 1,000 ราย และมีแผนเพิ่มจำนวนขึ้นในแต่ละปี โดยในปีงบประมาณ 2563 จะสามารถสนับสนุน SME ได้ 3,000 รายต่อปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2558”

“ITAP สวทช. ได้ปรับกลยุทธ์การทำงานโดยมุ่งเน้นทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรในรูปแบบเครือข่ายความร่วมมือ ซึ่งความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ครั้งนี้ในรูปแบบเครือข่าย ITAP โดยจะนำกลไก ITAP ที่สามารถเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้การสนับสนุนแก้ไขปัญหาและทำวิจัยและพัฒนา ครอบคลุมหลากหลายสาขา และเข้าถึงเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยได้มากขึ้น ส่งผลให้SME สามารถเข้าถึงการสนับสนุนผ่านกลไกของITAP ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงไปยังกลไกสนับสนุนอื่นๆที่มีประโยชน์อีกด้วย รวมทั้งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมได้รับการส่งเสริมสนับสนุนทางด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่มีประโยชน์และหลากหลายอีกด้วย เนื่องจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มีบุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ในหลากหลายสาขาและมีเทคโนโลยีด้านการเรียนการสอนที่ทันสมัย ตลอดจนจะช่วยสร้างกลไกการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการจากภาคเอกชนได้อย่างชัดเจนและครบวงจรมากขึ้นนอกจากนี้ สวทช.และมหาวิทยาลัยฯ จะช่วยกันส่งเสริมให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ ทำโครงการวิจัยและพัฒนาที่ตอบโจทย์ภาคเอกชนมากขึ้น ทำให้ผลงานของมหาวิทยาลัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อันจะส่งผลต่อเครษฐกิจในภาพรวมของประเทศต่อไปโดยความร่วมมือในครั้งนี้ เริ่มมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 เป็นระยะเวลา 3 ปี มีเป้าหมายที่จะร่วมดำเนินการสนับสนุน SME ไม่น้อยกว่า 15 รายต่อปี”


ภราดา บัญชา แสงหิรัญอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เข้าร่วมโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ ITAP กับ สวทช. เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีและความรู้ทางด้านนวัตกรรมของSMEนักศึกษา และอาจารย์ทั่วประเทศ และให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเรื่องความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อผู้ประกอบการ SME ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม การผลิต การจำหน่าย และการบริการในการดำเนินงานจะมีวิทยาลัยการศึกษาทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ Graduate School of eLearning (Elearning ABAC) โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนินทร จิตตวิริยานุกุล คณบดีบัณฑิตเป็นผู้จัดการเครือข่ายITAP มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และที่ผ่านมา เครือข่ายมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้เริ่มดำเนินขึ้นโครงการไปแล้วทั้งสิ้น 15 โครงการภายในระยะเวลา 2 เดือนกว่ามหาวิทยาลัยพร้อมที่จะเดินหน้าสนับสนุน SME ที่เป็นโครงการกลุ่ม โดยกลุ่มแรกที่ทางเครือข่ายจะเริ่มสนับสนุนคือกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ หรือJewelry Tech เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเสริมสร้างเศรษฐกิจการส่งออกในตลาดโลกต่อไป”
« Last Edit: August 22, 2017, 10:19:34 PM by news »