MSN on August 08, 2017, 08:13:04 AM



แสนสิริจับมือญี่ปุ่น ผนึกโตคิว กรุ๊ป รุกอสังหาฯ ไทย พลิกโฉมวงการที่อยู่อาศัยตอบรับกลุ่มลูกค้าไทย-ต่างชาติ เตรียมเปิดตัวโครงการแรก “taka HAUS” มูลค่า 2,000 ลบ. ก.ย. นี้ แผนระยะยาวเล็งปั้นเมือง พัฒนา Community ร่วมกันในอนาคต ก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรระดับโลก









สองบริษัทยักษ์ใหญ่ไทย – ญี่ปุ่น แสนสิริ ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรระดับโลก จับมือ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้บริการระบบรถไฟในโตเกียว การพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกิจการโรงแรม รีสอร์ท และธุรกิจอื่นๆ ผนึกความร่วมมือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัทร่วมทุน สิริ ทีเค วัน (Siri TK One Company Limited) พลิกโฉมพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรับความต้องการกลุ่มลูกค้าไทย – ต่างชาติ เตรียมเปิดตัวโครงการแรก “taka HAUS” (ทากะ เฮาส์) ทำเลสุขุมวิท – เอกมัย มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่อยู่อาศัยของทั้งคนไทยและญี่ปุ่นกันยายนนี้ เผยแผนระยะยาว ศึกษาความเป็นไปได้จากความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทาวน์ในญี่ปุ่นของโตคิวที่สอดคล้องกับโมเดลความสำเร็จของ T77 ของแสนสิริ เล็งปั้นเมือง พัฒนา Community ร่วมกันในอนาคต

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกับ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและให้บริการระบบรถไฟในเขตชานเมืองโตเกียว การพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกิจการโรงแรม รีสอร์ท และธุรกิจอื่นๆ และบริษัท สหโตคิว คอร์ปอเรชัน จำกัด ร่วมกันก่อตั้งบริษัท สิริ ทีเค วัน (Siri TK One Company Limited) ในสัดส่วน กลุ่มแสนสิริถือหุ้น 70% กลุ่มโตคิวฯ ถือหุ้นสัดส่วน 29% และบริษัท สหโตคิวฯ ถือหุ้นสัดส่วน 1% เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม นำร่องเปิดตัวโครงการแรกในชื่อ “taka HAUS” (ทากะ เฮาส์) มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท

“การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ระหว่างแสนสิริ และ โตคิว กรุ๊ป เริ่มต้นจากการที่สองบริษัทมีการดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญาที่ตรงกัน  คือการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ด้วยจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจของ แสนสิริ ภายใต้กลยุทธ์ “Complete Your Living Experience” และโตคิว กรุ๊ป สโลแกน “Toward a Beautiful Age” ที่ไม่เพียงพัฒนาแค่ที่อยู่อาศัย แต่มุ่งมั่นสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีให้กับลูกค้าควบคู่กัน โดยการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าอย่างละเอียดในทุกๆ ด้าน (Customer Insight) ตั้งแต่การคิดผ่านมุมมองของลูกค้า ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลายและรวบรวมข้อมูล ว่าลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความต้องการในการอยู่อาศัยอย่างไร ทำให้เรามั่นใจว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการมอบรูปแบบการใช้ชีวิตเมืองที่เป็นไปได้อย่างไม่สิ้นสุด นับเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยบนมาตรฐานที่เหนือระดับ และพลิกโฉมการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระดับสากล ที่จะตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โดยโครงการภายใต้การร่วมทุน บริษัทจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในชื่อ“taka HAUS” (ทากะ เฮาส์) ในทำเลเอกมัย 12 มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนนี้” นายอุทัย กล่าว

นอกจากการดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญาที่ตรงกันแล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ยังเล็งเห็นศักยภาพของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับมาตลอดระยะเวลากว่า 33 ปี ซึ่งแสนสิริมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยปัจจุบัน บริษัทได้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด  ทาวน์เฮาส์  โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยจำนวนโครงการกว่า 318 โครงการ จำนวนที่อยู่อาศัยกว่า 86,000 ยูนิต ที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 17 จังหวัด รวมทั้งการพัฒนาโครงการในตลาดต่างประเทศ 9 Elvaston Place ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของแสนสิริในการแสดงศักยภาพสู่สากล นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานในการขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของแสนสิริ อาทิ การรุกธุรกิจคอมมูนิตี้ รีเทล ภายใต้ชื่อ “ฮาบิโตะ มอลล์” ซึ่งเป็นการเปิดให้ร้านค้าและร้านอาหารเช่าพื้นที่ในปีที่ผ่านมา รวมถึงบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนซื้อ – ขาย - เช่า อสังหาริมทรัพย์และบริหารงานขายโครงการ รวมถึงบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่พักอาศัยและบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ซึ่งได้รับการยอมรับและเชื่อถือด้านการให้บริการและให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ทั้งจากภาครัฐและเอกชนมากว่า 20 ปี

บริษัทยังมองถึงความร่วมมือระยะยาวในอนาคต จากการที่โตคิว เป็นบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น มีฐานกลุ่มธุรกิจที่กว้างขวางที่ไม่เพียงแค่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังนับเป็นการประสานให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดร่วมกัน เป็นการผนวกพลังระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจระหว่างประเทศที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กันและกันอย่างยั่งยืน อาทิ การที่โตคิว คอร์ปอเรชั่น มีฐานลูกค้าที่จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจในการผลักดันแบรนด์ “แสนสิริ” ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความร่วมมือจากการนำโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญคือ ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ตรงกันในด้านการนำเสนอไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย โดยโตคิว กรุ๊ป มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทาวน์ อาทิ โครงการ Tokyu Tama Denen –Toshi ซึ่งมีพื้นที่กว่า 5,000 เฮกตาร์ ในเขตเขา Tama ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโตเกียว ซึ่งเชื่อมต่อสี่เมืองใหญ่ ทั้ง Kawasaki, Yokohama, Machida และ Yamato โดยอยู่ห่างจากศูนย์กลางโตเกียว เพียงแค่ 15 – 30 กิโลเมตร ในเมืองมีประชากรประมาณ 600,000 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2012) โดยปัจจุบันนับเป็นโครงการพัฒนาเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นที่ดำเนินการโดยบริษัทเอกชน รวมถึงยังมีโปรเจคต์การพัฒนา “ย่านชิบูย่า” ให้เป็น Entertainment City แลนด์มาร์คแห่งความบันเทิงที่ครบวงจรมากขึ้นในอนาคต ขณะที่แสนสิริมีประสบการณ์ความสำเร็จจากการพัฒนา “T77” A Good Town for Good Life ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตเมืองบนสุขุมวิทในการอยู่อาศัยครบวงจร บนเนื้อที่ 50 ไร่ กลางสุขุมวิท 77 ที่รวมไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ที่พร้อมสรรพไปด้วยคอนโดมิเนียมรวมทั้งสิ้น 6 โครงการจากแสนสิริ 1 โครงการทาวน์เฮาส์ รวมถึงอพาร์ทเมนท์ระดับพรีเมียมจากมั่นคงเคหะการ 1 ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์แห่งแรกจากแสนสิริ และยังมีโรงเรียนนานาชาติ อย่าง Bangkok International Preparatory and Secondary School (บางกอกเพรพ) ที่รวมเป็นการยกระดับการใช้ชีวิตที่ครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวสุขุมวิทสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งเคยพัฒนาพื้นที่ย่านรามอินทราให้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการอยู่อาศัยมาแล้วจากความสำเร็จของการก่อตั้งโรงเรียนสาธิตพัฒนาให้เป็นโรงเรียนชั้นนำของกรุงเทพฯ และเป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าซื้อโครงการบ้านเดี่ยวของแสนสิริในทำเลรอบข้าง

“อนาคตกรุงเทพฯ อาจจะคล้ายเมืองใหญ่ทั่วโลก คือเป็น Cluster/District หรือเป็นเมืองย่อยในเมืองใหญ่ ดังนั้นการเลือก Cluster ที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในแง่การใช้ชีวิตและการลงทุน สิ่งอำนวยความสะดวกจะไม่รวมศูนย์อยู่แค่กรุงเทพชั้นในเหมือนปัจจุบัน แต่จะกระจายออกไปยังพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบโดยการจับกลุ่มของเมืองย่อยหรือ Cluster จะเป็นไปตามสถานีรถไฟฟ้า แทนที่จะเป็นตามเขตปกครองหรือตามถนนเหมือนในอดีต โดยกรุงเทพฯ ยังอยู่ในช่วงระหว่างการขยายโครงข่ายคมนาคมที่ทำให้เชื่อว่ายังมีความต้องการที่อยู่อาศัยที่อยู่ทั้งตามแนวรถไฟฟ้าและอยู่ในเขตชุมชนต่างๆอีกมากในอนาคต ซึ่งแสนสิริและโตคิวมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้สำหรับแผนความร่วมมือในอนาคตเพื่อมอบ Community ที่อยู่อาศัย ความบันเทิง โรงเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจรเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ไม่จำเป็นต้องเกาะกลุ่มความเจริญแค่ในกรุงเทพฯ ชั้นในเพียงอย่างเดียวในอนาคต” นายอุทัย กล่าว

ด้านนายโทชิยูคิ โฮชิโนะ กรรมการ และเจ้าหน้าที่ผู้จัดการบริหารอาวุโส/ผู้จัดการบริหารทั่วไป สำนักงานใหญ่ธุรกิจต่างประเทศ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า โตคิว คอร์ปอเรชั่น  เริ่มดำเนินธุรกิจจากการก่อสร้างทางรถไฟสาย Meguro-kamata (เมกุโระ-คานาตะ) ในปี 2465 ในเดือนมีนาคม 2560  กลุ่มโตคิวมีบริษัทอยู่ภายใต้การดำเนินงานจำนวนทั้งสิ้น 221 บริษัท และบริษัทร่วมทุนอีก 8 แห่ง ภายใต้การดำเนินงานของ โตคิว คอร์เปอเรชั่น มีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมหลายภาคส่วน ตั้งแต่คมนาคม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกและโรงแรม

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของ โตคิว คอร์ปอเรชัน เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มบริษัทโตคิวที่จะบรรลุถึง 100 ปีเร็วๆนี้ และทางบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตของชาวเมืองในประเทศญี่ปุ่นผ่านทางการพัฒนาเครือข่ายคมนาคมควบคู่ไปกับอสังหาริมทรัพย์ โดยการลงทุนและพัฒนาประกอบไปด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกด้านค้าปลีก โรงเรียนและโรงพยาบาล ซึ่งล้วนนำมาซึ่งความสะดวกและความน่าอยู่ตลอดตามเครือข่ายทางรถไฟของโตคิว และได้นำมาซึ่งชื่อเสียงของเมืองที่บริษัทได้สร้างขึ้นว่า เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุด นอกจากนั้น โตคิว คอร์ปอเรชัน ยังได้นำเสนอโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ Dresser ตามแนวคิด “ความคิดสร้างสรรค์” “ความน่าอยู่” และ “ความปลอดภัย”

“ในประเทศไทย โตคิว คอร์ปอเรชัน ได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2524 และได้รังสรรค์ผลงานมากมาย ตั้งแต่ ถนนสายหลักๆ สะพาน อาคารที่ทำงาน โรงเรียน โรงงาน และล่าสุด ได้มีการส่งมอบการก่อสร้างทางรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ที่แล้วเสร็จ สำหรับธุรกิจค้าปลีก บริษัท ห้างสรรพสินค้า บางกอก-โตคิว จำกัด ได้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่เริ่มเปิดห้างแรกในปี 2528 และต่อมาได้มีการเปิดสาขาที่ 2 ในย่านศรีนครินทร์ ที่ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ในปี 2557 นอกจากนี้ โตคิว คอร์ปอเรชันและสหกรุ๊ปยังได้ร่วมกันก่อตั้ง บริษัทร่วมทุน สห โตคิว     คอร์ปอเรชัน ขึ้น และได้เข้าบริหารอาคารอพาร์ตเมนต์พร้อมบริการ “HarmoniQ Residence Sriracha” สำหรับชาวญี่ปุ่นและครอบครัว เมื่อปี 2559 และก็เป็นที่น่าพอใจ ที่โครงการ “HarmoniQ Residence Sriracha” ได้มีลูกค้าเต็มมาโดยตลอดด้วยชื่อเสียงของโครงการที่เป็นที่กล่าวขาน” นายโฮชิโนะกล่าว

ผู้บริหารระดับสูงของโตคิว คอร์ปอเรชัน กล่าวต่อไปว่า เรานับถือความร่วมมือทางยุทธศาสร์กับแสนสิริ ที่เราเข้าใจดีว่าเรามีค่านิยมและวิสัยทัศน์ที่คล้ายคลึงกัน เรารู้ดีว่าประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นการดีที่มีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสบการณ์อย่างแสนสิริมาดูแล ซึ่งนับเป็นความท้าทายของโตคิวในการช่วยเพิ่มพูนคุณค่าเพื่อนำมาซึ่งสิ่งแวดล้อมที่สะดวกสบาย ปลอดภัยและสวยงาม

“นอกเหนือจากนั้น ประเทศไทยยังเป็นจุดศูนย์รวมของระเบียงเศรษฐกิจหลายด้านด้วยกัน และยังเป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งทำให้เกิดมีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เกิดขึ้นด้วยการผลักดันของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรุงเทพมหานคร ที่จะยังเป็นจุดดึงดูดผู้คนมาสู่จุดศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจนี้ และเป็นประเด็นที่จะนำมาซึ่งอุปสงค์ทางด้านที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนต่อไป” นายโฮชิโนะ กล่าวสรุป

นอกเหนือจากนั้นความพยายามในด้านการค้นคว้าและพัฒนาร่วมกันในความสัมพันธ์นี้ โตคิวเองก็พร้อมที่ใช้พลังด้านธุรกิจที่มีอยู่ในการสนับสนุนโครงการให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่นโดยผ่านทาง Tokyu Livable ความเชี่ยวชาญในการขาย ให้เช่า และการให้คำปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ จะช่วยขยายศักยภาพทางธุรกิจของเราในกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น เพื่อผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืน สำหรับเรา นี่คือความร่วมมือทางธุรกิจระยะยาวที่จะเพิ่มพูนมูลค่าสำหรับทั้งสององค์กรต่อไปอย่างยั่งยืน
   
เกี่ยวกับแสนสิริ
แสนสิริ ผู้นำแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่สร้างรากฐานและเป็นต้นแบบมาตรฐานที่พักอาศัยมายาวนานถึง 33 ปี ความมุ่งมั่นในการรังสรรค์ทุกโครงการของแสนสิริ มาพร้อมดีไซน์นำสมัยเหนือคู่แข่ง ถึงพร้อมด้วยประโยชน์ใช้สอยครบครัน เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ครอบครองและคงไว้ซึ่งอุดมกาณ์ในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอ

แสนสิริ ถือกำเนิดขึ้นจากรากฐานที่แข็งแรง นั่นคือ บริษัท แสนสำราญ ปฐมบทแห่งความสำเร็จของแสนสิริ ชื่อของ แสนสำราญ ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2531 และได้สร้างกระแส ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ด้วยแนวคิดคอนโดมิเนียมตากอากาศระดับพรีเมียม นาม บ้านไข่มุก บนชายหาดหัวหิน ในทำเลสุดคลาสสิค โดดเด่นด้วยกระเบื้องโมเสกสีเหลืองมัสตาร์ด อันเป็นเอกสิทธิ์ของแสนสำราญโดยเฉพาะ การสร้างความแตกต่าง และล้ำหน้ากว่าใครในยุคนั้น ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งก้าวแรกที่ยังได้รับการกล่าวขาน และเป็นแบบอย่างของคุณภาพชีวิตที่ลงตัวนับตั้งแต่นั้น 8 ปี ถัดมา บริษัท แสนสำราญ จำกัด และ บริษัท สิริภิญโญ จำกัด สองยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ได้ผนึกกำลังและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งนับเป็นการประกาศความเป็นผู้นำอย่างภาคภูมิ ก่อนจะเปิดตัว บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในปีเดียวกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยการดูแลและจัดการอย่างมืออาชีพ

ปัจจุบัน บริษัทได้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด  ทาวน์เฮาส์  โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมคุณภาพทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยจำนวนโครงการกว่า 318 โครงการ จำนวนที่อยู่อาศัยกว่า 86,070 ยูนิต ที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 17 จังหวัด รวมทั้งการพัฒนาโครงการในตลาดต่างประเทศ 9 Elvaston Place ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของแสนสิริในการแสดงศักยภาพสู่สากล

เกี่ยวกับโตคิว คอร์ปอเรชั่น
โตคิว คอร์ปอเรชั่น เริ่มดำเนินธุรกิจจากการก่อสร้างทางรถไฟสาย Meguro-kamata (เมกุโระ-คานาตะ) ในปี 2465 ในเดือนมีนาคม 2560  กลุ่มโตคิวมีบริษัทอยู่ภายใต้การดำเนินงานจำนวนทั้งสิ้น 221 บริษัท และบริษัทร่วมทุนอีก 8 แห่ง ภายใต้การดำเนินงานของ โตคิว คอร์เปอเรชั่น มีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุมหลายภาคส่วน ตั้งแต่คมนาคม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกและโรงแรม

โตคิว คอร์เปอเรชั่นในฐานะธุรกิจหลักของกลุ่ม ได้พัฒนาความเป็นอยู่ของคนในเมือง ด้วยการนำบริการด้านการคมนาคม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ มาพัฒนาในระยะยาว พร้อมคิดค้นและพัฒนาการให้บริการที่รองรับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค

ในประเทศไทย โดยในกรุงเทพฯ บริษัท โตคิว ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จำกัด ปัจจุบันได้ให้บริการ ห้างโตคิว ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จำนวน 2 แห่งในกรุงเทพมหานคร เพื่อจำหน่ายสินค้าคุณภาพจากญี่ปุ่น ขณะที่ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด ยังร่วมมือกับบริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศ ก่อตั้งบริษัท ช. การช่าง-โตคิว จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านการก่อสร้างทางหลวง และโรงงานของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น โดยมีการคาดการณ์ว่ายังสามารถเติบโตต่อไปได้เรื่อยๆ ในประเทศไทย ในปี 2559 โตคิว คอร์ปอเรชันและสหกรุ๊ป ได้ร่วมกันก่อตั้ง บริษัทร่วมทุน สห โตคิว คอร์ปอเรชัน ขึ้น และได้เข้าบริหารอาคารอพาร์ตเมนต์พร้อมบริการ ในชื่อ “HarmoniQ Residence Sriracha” สำหรับชาวญี่ปุ่นและครอบครัว รวมทั้งโตคิวยังมีการสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์โตคิวอย่างต่อเนื่องพร้อมสร้างกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสู่ชิบูย่าในอนาคต
« Last Edit: August 08, 2017, 03:04:34 PM by MSN »

MSN on August 08, 2017, 03:03:33 PM



Sansiri joins hands with Japan’s Tokyu to transform Thailand’s residential development, targeting Thai and foreign buyers, with 2-billion-baht taka HAUS in September and long-term community development plan, embarking on a new journey as Thailand’s world-class full-service real-estate developer









Bangkok (8 August 2017)- Thailand’s full-service real estate developer Sansiri and Japanese conglomerate Tokyu Corp. whose illustrious portfolios include railway development and operation in the peripheries of Tokyo, urban and real-estate development, hotel and resort operations and various other businesses, have joined forces to develop property for both Thai and foreign buyers under a new joint venture named Siri TK One Co. Ltd. in September, the new firm will unveil its first condominium development, taka HAUS, in the Sukhumvit–Ekkamai neighbourhood. With an estimated value of 2 billion baht, the development will be tailored specifically to the lifestyles of Thai and Japanese residents. In the long run, both developers will consider the possibility of jointly developing a community, based on the success of Sansiri’s T77 and Tokyu’s urban development experiences in Japan.

Mr. Uthai Uthaisangsuk, Chief Operating Officer of Sansiri Public Co. Ltd., announced that Sansiri has partnered with Tokyu Corporation who specialises in the development and operation of a railway network in the peripheries of Tokyo, urban and real-property development, hospitality businesses and many other operations, and Saha Tokyu Corp. Ltd., to establish Siri TK One Co. Ltd. Sansiri itself holds 70% of this joint venture’s shares, while Tokyu Corporation. and Saha Tokyu hold 29% and 1% of the remaining shares, respectively. The purpose of this strategic partnership is to develop condominium projects, starting with a 2-billion-baht development named taka HAUS.

“This alliance between Sansiri and the Tokyu Corporation stems from the similarities between our business philosophies. With Sansiri’s mission statements of ‘Complete Your Living Experience’ and Tokyu’s group slogan of ‘Toward a Beautiful Age’, both of our companies go beyond developing houses; we offer products that improve customers’ lifestyle. We gain insights into our customers’ needs by putting ourselves in their shoes, studying their consumption behaviours and gathering the residential needs of each target group. Thanks to all of this, we are confident that this partnership will bring about an urban development brimming with endless possibilities, set a new standard for Thailand’s real-estate sector and transform residential development at an international level. With this partnership, we will develop a condominium named taka HAUS on Ekkamai 12. The 2-billion-baht project will be tailored to the lifestyles of both Thai and foreign nationals. It will be launched in September,” the chief operating officer stated.

In addition to similar philosophies, this partnership also came about because Tokyu Corpotation(Japan) saw the potential of Sansiri, a 33-year-old Thai real-estate developer and service provider with a sizable collection of highly successful residential projects that meet varying consumer demands both in Thailand and overseas. Sansiri has earned a lead role in Thailand’s real-estate market thanks to a full range of products and services on offer. It is well known and praised for developing premium collections of detached homes, twin homes, town homes, home offices and condominiums across the country. The company has so far developed 318 projects, comprising 86,000 housing units in 17 provinces. It has even piloted a project overseas in the heart of London, England, at 9 Elvaston Place, to showcase its potential in the international arena. Moreover, Sansiri has strengthened its core real-estate business with expansions into other related businesses. For instance, Sansiri operates a community mall called Habito, whose rentable spaces for shops and restaurants have just opened last year. The developer also owns a subsidiary called Plus Property Co. Ltd., which offers a comprehensive range of property-related services, such as brokerage, sales and property management. It has been trusted by the public and private sectors for its all-inclusive services and consultancy for over 20 years.

Sansiri would also like to explore the possibility of long-term collaboration since both companies operate under very similar philosophies of going beyond mere construction of homes. The Tokyu Corporation has much experience in developing an entire town. For instance, it has developed Tokyu Tama Denen–Toshi located in the southwest of Tokyo, spanning over 5,000 hectares. This grand-scale development is located only 15 to 30 kilometres from the centre of Tokyo, namely Kawasaki, Yokohama, Machida and Yamato. The town has approximately 600,000 people (as of 31 March 2012). It is considered the largest urban development in Japan by a private entity. The group also plans on developing Shibuya into an entertainment city. Meanwhile, Sansiri itself has successfully developed the T77 community under the concept of “A Good Town for Good Life.” Catering to all lifestyle needs, this development is situated on an area of 50 Rai in the centre of Sukhumvit 77. It is located in close proximity to the SkyTrain and the Ram Inthra–At Narong Expressway. The community is home to six Sansiri condominium projects, a townhouse development, a premium apartment by MK Real Estate Development, Sansiri’s first lifestyle community retail mall and Bangkok International Preparatory and Secondary School (Bangkok Prep). All of this elevates the standard of living for T77’s residents and provides living solutions for both Thai and foreign urbanites in the Sukhumvit neighbourhood. Sansiri has also been successful in the development of the Ran Inthra area by transforming Satitpattana School into a leading Bangkok school, attracting customers to Sansiri’s developments nearby.

“In the future Bangkok will most likely become a city of clusters, much like other major world cities. In other words, there will be several city centres instead of one downtown area. Choosing the right cluster will be crucial in terms of living and investment. Facilities and amenities will not be confined to inner Bangkok like today, but will be spread out in different clusters. Each cluster will most likely be anchored to a mass rapid transit train station instead of the traditional district or road. As Bangkok is still expanding its transport infrastructure, we believe that there is potential for even more demand for residential developments along these mass rapid transit lines and existing communities. Sansiri and Tokyu see the opportunities and possibilities of future collaboration in developing a community with homes, entertainment centres, schools and a comprehensive range of facilities. We’d like to provide lifestyle solutions that allow clusters to prosper and lessen people’s reliance on inner Bangkok,” the chief operating officer stated.

Meanwhile, Mr. Toshiyuki Hoshino, Director, Senior Managing Executive Officer and Executive General Manager of International Business Headquarters of Tokyu Corporation, stated that the Tokyu Corporation began with the Meguro–Kamata railway in 1922. As of March 2017, the Tokyu Group operates a total of 221 companies and eight other incorporated organizations under Tokyu Corporation. Its operations extend across a wide range of sectors, encompassing transportation, real estate, retails and hotels.

The history of Tokyu Corporation, the head company of the Tokyu Group, will be soon 100 years and it has been improving the Japanese urban livelihood through continuous combined development of transportation and real estate. The investments and development includes retail facilities, schools and hospitals which support the convenience & attractiveness to residents along the Tokyu railways, and this brought us the thankful reputation of our town as the most attractive place to live. Tokyu Corporation has been delivering its condominiums with “Dresser” brand with its core concepts of “Creativity”, “Habitability”, and “Safety”.

“In Thailand, Tokyu Construction has JV businesses with Ch. Karnchang PCL since 1981. It has contributed to deliver main roads, bridges, offices, schools, factories; and most recently, it has delivered the construction of the MRT Purple Line. In retail field, Bangkok – Tokyu Department Store Co., Ltd. has been appreciated by many customers since its open in 1985, and it has opened the second store in the Paradise Park Shopping Center in Srinagarindra. And in 2014, Tokyu Corporation together with Saha Group have set up the JV Company of Saha Tokyu Corporation Ltd. and commenced serviced apartment of “HarmoniQ Residence Sriracha” for Japanese expatriate families opened in 2016. Thankfully, the “HarmoniQ Residence Sriracha” is operating with nearly full occupancy and is been received wonderful reputation.” Mr. Hoshino noted.

Then Mr. Hoshino continued “We respect this strategic partnership with Sansiri which has the mutually understandable value and vision. We understand that there is a cultural difference between Thailand and Japan, thus by led by the Thai national leading and experienced developer of Sansiri, Tokyu will challenge its best to add values to deliver the comfortable, safe and beautiful living environment.”

Furthermore, there exists multiple economic corridors in Thailand and is considered as the Hub of Greater Mekong Subregion. There exists large sized industries, and the Government leads the advancement of the industry, and that should bring the Thailand continuous growth. Especially Bangkok continues to attract people as the centre of the economy and that brings the sustainable housing demand.” Mr. Hoshino concluded.

In addition to our collaborative research and development efforts in this partnership, Tokyu is also equipped with businesses that will promote our new project among Japanese buyers, namely the Tokyu Livable. The expertise in real-estate sales, leasing and consultancy will expand our business potential among Japanese buyers, ensuring optimal mutual benefits and building a more robust business relationship. It’s a long-term business partnership that will create value added to both parties in a sustainable manner

About Sansiri
Sansiri is a leader in Thailand’s property development scene. Over the past 33 years the company has taken roots and established standards for residential construction. Every project of Sansiri showcases the company’s commitment, ahead-of-its-time design and a full range of uses that deliver a good quality of life and the utmost satisfaction to homeowners, living up to its ideology of always providing the best of the best to customers.

Sansiri was established on a solid foundation that was Sansamran Co. Ltd. Founded in 1988, Sansamran became the talk of the town with its premium resort condominium named Baan Kaimuk on the ever-popular beach of Hua Hin. The property stands out with Sansamran’s exclusive mustard-coloured mosaics. Because of this state-of-the-art development, the company became known as a trendsetter and has set the industry’s standards ever since. Eight years later, Sansamran Co. Ltd. and Siripinyo Co. Ltd., two of Thailand’s real-property giants, combined their assets and registered the new company with the Stock Exchange of Thailand under the name Sansiri Public Co. Ltd., proudly making its mark as an industry leader. In the same year, its subsidiary Plus Property Co. Ltd. was opened to provide a more comprehensive range of residential brokerage and property management solutions.

Having earned the leading position in Thailand’s real-property sector, Sansiri offers a complete range of products and services. It is well known and praised for developing a premium range of detached homes, twin homes, town homes, home offices and condominiums across the country. The company has so far developed 318 projects, comprising 86,070 housing units in 17 provinces. It has even piloted a project overseas in London, England, at 9 Elvaston Place, to showcase its potential in the international arena.

About the Tokyu Corporation
The Tokyu Corporation’s humble beginning was the Meguro–Kamata railway in 1922. As of March 2017, the Tokyu Group operates a total of 221 companies and eight other incorporated oeganizations under Tokyu Corporation. Today, its operations extend across a wide range of sectors, encompassing transportation, real estate, lifestyle & services, and hotels & resorts.

Tokyu Corporation, its main business, has improved the urban livelihood through long-term development of transport services. In addition to this core, the company also invents and develops services that support the day-to-day activities of Japanese consumers.

In Thailand, the Bangkok - Tokyu Department Store Co., Ltd. operates two department stores in Bangkok under the name Tokyu Department Store, where premium quality products from Japan can be purchased. Through Tokyu Construction Co. Ltd., the company has joined forces with a leading Thai construction firm in the founding of Ch. Karnchang–Tokyu Construction Co. Ltd., whose growing core operation is the construction of highways and manufacturing plants of Japanese companies in Thailand. Moreover, Tokyu continues to promote an awareness of the Tokyu brand among Thai consumers and will launch activities that attracts tourists to Shibuya.
« Last Edit: August 08, 2017, 03:05:12 PM by MSN »