MSN on January 27, 2017, 02:02:39 PM
ทีเส็บปรับกลยุทธ์เร่งยกระดับงานแสดงสินค้านานาชาติ รับ Thailand 4.0



ทีเส็บผลักดันอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติปี 2560 สอดรับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน กระตุ้นงานแสดงสินค้า เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Thailand 4.0 ตอกย้ำการเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติในอาเซียน

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ ทีเส็บ กล่าวในงาน Thailand International Exhibitions & Events Forum หรือ TIEEF 2017 ว่า ทีเส็บเป็นองค์กรหลักในการผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ชุมชน พัฒนาบุคลากร ผู้ประกอบการ และส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน กลุ่มธุรกิจงานแสดงสินค้านานาชาติถือเป็นหนึ่งในธุรกิจสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จากผลสำรวจในปี 2558 มูลค่าการใช้จ่ายทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจประเทศไทยจากการดำเนินกิจกรรมของอุตสาหกรรมไมซ์ คิดเป็นจำนวน 2.22 แสนล้านบาท โดยอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติสร้างมูลค่าการใช้จ่ายถึงกว่า 5.3 หมื่นล้านบาท และมีการจ้างงานกว่า 43,000 อัตรา ซึ่งส่งผลชัดเจนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องทางตรง อาทิ ผู้จัดงาน (Organizer) สถานที่จัดงานแสดงสินค้า การขนส่ง กลุ่มโรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภค เป็นต้น

“เมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายเศรษฐกิจ 4.0 เพื่อให้ประเทศไทยขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม ทีเส็บจึงได้จัดทำแผนบูรณาการการใช้กิจกรรมไมซ์เป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ 2560 – 2579) เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง กระจายความเจริญด้วยนวัตกรรมไปสู่ทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างมั่นคง และสร้างความยั่งยืนด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนับสนุนการจัดงานไมซ์สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมเพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด ประกอบด้วย (1) กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ (2) กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (3) กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ (4) กลุ่มดิจิทัล (5) กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งจะก่อให้เกิดการเพิ่มโอกาสลงทุนของแต่ละอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศได้ในทุกมิติ” นางศุภวรรณ กล่าว

ด้าน นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแสดงสินค้านานาชาติ ทีเส็บ กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติในปีพ.ศ. 2559 พบว่าประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์สำหรับงานแสดงสินค้านานาชาติ 180,480 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวน 15,686 ล้านบาท โดยในปี พ.ศ. 2560 คาดว่า จะมีโอกาสต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์สำหรับงานแสดงสินค้านานาชาติประมาณ 208,000 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศประมาณ 18,000 ล้านบาท

“ทีเส็บได้ปรับกลยุทธ์ในการใช้อุตสาหกรรมการจัดการแสดงสินค้านานาชาติให้เป็นกลไกสำคัญที่จะนำพาเศรษฐกิจประเทศไทยสู่เป้าหมาย Thailand 4.0 สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล กำหนดวิสัยทัศน์และพันธกิจที่จะดึงงานและสร้างงานแสดงสินค้า พร้อมทั้งทำให้การเข้ามาร่วมออกแสดงงานและร่วมงานแสดงสินค้ามีความสะดวกและง่ายต่อการทำธุรกิจและสามารถยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมในองค์รวม ภายใต้ 3 กลยุทธ์ได้แก่ กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนาแนวทางการดึงงานแสดงสินค้านานาชาติแบบเฉพาะเจาะจงไปยังงานในกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เพื่อให้เกิดการต่อยอดของการลงทุนหรือขยายการแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรมใหม่ในอุตสาหกรรมนั้นๆ กลยุทธ์ที่ 2 ยกระดับมาตรฐาน supply chain ในอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าทั้ง hardware และ software โดยทีเส็บมีส่วนงานที่ดูแลด้านพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์อยู่แล้ว แต่ในส่วนของฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ จะต้องเน้นด้านการทำการตลาดเพื่อส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้จัดงาน และกลยุทธ์ที่ 3 พัฒนาการเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่เกี่ยวข้องกับงานแสดงสินค้านานาชาติ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว”

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติด้านจำนวนพื้นที่ขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 2560 มีงานแสดงสินค้านานาชาติภายใต้อุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยและสอดรับกับแนวทางนโยบาย Thailand 4.0 อาทิ (1) งาน Agritechnica Asia 2017 (2) งาน ProPak Asia 2017 (3) งาน SIMA ASEAN Thailand 2017 ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าเกษตร (1) งาน Intermach 2017 (2) งาน The Grand Metalex 2017 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ งาน Medical Fair Thailand 2017 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม งาน Wire & Tube Southeast Asia 2017 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน และงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2017 ในอุตสาหกรรมพลังงาน

โดยในปีนี้ทีเส็บยังได้เปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการตลาดล่าสุด EXHIBIZ IN MARKET เพื่อดึงกลุ่มสมาคม ภาคเอกชน และภาครัฐบาล (Pavilion leader) ให้เข้ามาร่วมจัดงาน ซึ่งคาดว่าแคมเปญดังกล่าวนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนพื้นที่การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ และมีผู้แสดงงานที่มีคุณภาพเข้ามาร่วมงานจัดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ CONNECT Businesses เพื่อดึงกลุ่มนักธุรกิจจากประเทศอาเซียนบวกหกเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในไทย แคมเปญ Be My Guest เพื่อดึงผู้ซื้อจากทั่วโลก และแคมเปญ Premier Exhibition Access Program โปรแกรมสำหรับอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ให้กับผู้จัดงานเพื่อตัดสินใจนำงานแสดงสินค้าเข้ามาจัดที่ประเทศไทย” นางจารุวรรณ กล่าว
« Last Edit: January 27, 2017, 02:52:10 PM by MSN »

MSN on January 27, 2017, 02:08:30 PM
แคมเปญ “Thailand Extra Exhibition...Expand Your Business Opportunities in ASEAN” สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของประเทศไทยนำเสนอสิทธิประโยชน์ทางธุรกิจที่เหนือกว่า และตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางการเชื่องโยงทางธุริจในภูมิภาคอาเซียนผ่านเวทีงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย

สำหรับแคมเปญ Thailand Extra Exhibition…Expand Your Business Opportunities in ASEAN นี้ มุ่งเน้นนำเสนอจุดแข็งของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของประเทศไทยใน 3 มิติ ประกอบด้วย

1.   มิติด้านการเป็น “ศูนย์กลางแห่งการค้าอาเซียน”: ขยายโอกาสทางธุรกิจ ต่อยอดสู่ผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เหนือกว่า (Ultimate ASEAN Marketplace: Expand Connection for Extra Business Benefit) สะท้อนความแข็งแกร่งของประเทศไทยในด้านต่างๆ ดังนี้

•   นครหลวงการเชื่อมโยงของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Connectivity Capital) โดยสะท้อนภาพลักษณ์การเป็นศูนย์การเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคม และการขนส่งของประเทศไทยตามแผนพัฒนาสาธารณูปโภคและการขนส่งของรัฐบาลที่มีแผนการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนเพื่อสร้างศักยภาพทางการค้าอันจะต่อยอดสู่การสร้างโอกาสสำหรับการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติและการสร้างเครือข่ายธุรกิจ
•   ชุมทางการค้าของภูมิกาคเอเชีย (Asia’s Crossroad) ประเทศไทยมีความพร้อมในด้านภูมิศาสตร์สถานที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียนและเชื่อมโยงกลุ่มประเทศอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) อันเป็นกลุ่มตลาดประเทศใหม่ที่น่าจับตาและมีศักยภาพสูงทางธุรกิจและการค้า อีกทั้งการเข้าถึงโดยเที่ยวบินถึง 659 เที่ยวบินต่อวัน เอื้อต่อการค้าและการเชื่อมต่อของธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย
•   จุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลก (World’s Destination) ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการจัดงานแสดงสินค้าแห่งหนึ่งของโลก เพราะมีความหลากหลายทั้งในด้านสถานที่จัดงานที่ทันสมัย และได้มาตรฐานระดับนานาชาติ โรงแรมที่พัก และโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

2.   มิติด้านการเป็น “ขุมพลังทางการค้า”: ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเสริมแรงธุรกิจสู่ความสำเร็จ (Trade Powerhouse: Expanded Liberalisation for Extra Trade Empowerment) สะท้อนความแข็งแกร่งของประเทศไทยในด้านการค้าและการดำเนินธุรกิจในด้านต่างๆ ดังนี้

•   โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ ((ASEAN MICE Collaboration) ซึ่งช่วยเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจที่เหนือกว่าให้ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยผ่านพันธมิตรระดับนานาชาติในภูมิภาคอาเซียน
•   ขุมพลังการค้าเอเชีย (Asia’s Trade Powerhouse) ข้อตกลงทางด้านการค้าเสรีของประเทศไทยกับนานาชาติทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี และข้อตกลงความร่วมมือการค้าเสรีของภูมิภาคอาเซียน บวกหก เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นขุมพลังทางการค้า เชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจไปยังตลาดในภูมิภาคเอเชีย และตลาดโลก ทั้งในส่วนของภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิมและอุตสาหกรรมเกิดใหม่ อาทิการผลิตและการส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ก็ได้รับความสนใจในการลงทุนจากต่างชาติ ข้อตกลงการค้าเสรีไม่เพียงแต่จะช่วยให้คน 2.87 พันล้านคนจากกลุ่มประเทศอาเซียนบวกหกได้สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษี แต่ยังจะส่งเสริมประสิทธิภาพของระบบ ระเบียบ และข้อบังคับด้านศุลกากรสำหรับการค้าระหว่างประเทศให้มีความคล่องตัวเหมาะสมแก่การดำเนินธุรกิจ
•   5 สิงห์อุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก (World’s Spotlight Industry) ประเทศไทยยังจูงใจนักธุรกิจและเสริมแรงความสำเร็จด้วยความโดดเด่นของ  5 อุตสาหกรรมพื้นฐานของประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเป็นอุตสาหกรรมที่น่าจับตาในตลาดโลก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมอาหารและสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมสุขภาพ และอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน และเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญและส่งเสริม เพื่อให้เป็นฐานทางการค้า ต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมเหล่านี้ผ่านเวทีงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย

3.   มิติด้านการ “สร้างเครือข่ายธุรกิจ”: เพื่อพิชิตความสำเร็จและสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า” (The Power of Connection: Expanded Collaboration for Extra Solution and Profitable Diversity) สะท้อนความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของไทยในด้านต่างๆ ดังนี้

•   เวทีสร้างเครือข่ายธุรกิจ (Smart Connector) ไม่เพียงแต่ความเป็นเลิศในด้านการบริการที่มีความเป็นมืออาชีพและการผสานเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจเท่านั้น แต่อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติของไทยยังสามารถต่อยอดและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจเพื่อความสำเร็จที่เป็นเลิศ
•   พันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อถือได้ (Trusted Partner) สำหรับผู้จัดงานแสดงสินค้าที่สนใจนำงานเข้ามาจัดในประเทศไทยและการเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย ทีเส็บพร้อมส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติให้ประสบความสำเร็จสูงสุด

“ภายใต้แคมเปญใหม่ “Thailand Extra Exhibition” ทีเส็บได้เปิดตัวแพคเกจสนับสนุนการตลาดเพื่อมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมภายใต้แพคเกจ Exhibition Extra Advantage Programme โดยมีแพคเกจสำหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม ดังนี้

•   Connect Businesses: โปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทยประเภท Qualified trade visitors โดยมีเงินสนับสนุนมอบให้จำนวน 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อท่าน เมื่อมีการจับคู่ธุรกิจ (Business matching meetings) จำนวน 3 ครั้ง ในงานแสดงสินค้านานาชาติ
•   Be My Guest: โปรแกรมสนับสนุนผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เดินทางมาร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย โดยผู้ซื้อที่มีคุณสมบัติจะได้รับการคัดเลือกจากทางผู้จัดงานจะได้รับการสนับสนุนที่พักจำนวน 2 คืนต่อท่าน
•   Premier Exhibition Access Programme: โปรแกรมเยี่ยมชมและสำรวจสถานที่จัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทย ให้บริการตั้งแต่การดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ สนับสนุนการทำการวิจัยโอกาสทางธุรกิจ ไปจนถึงการประสานงานกับเครือข่ายทางธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีบริการการอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ อาทิ เช่น ช่องทางด่วนตรวจคนเข้าเมือง (Immigration fast track) การจัดการด้านการขนส่ง รายงานสภาพการตลาด และการเป็นศูนย์กลางข้อมูลเบื้องต้นในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยตัวแทนจากภาครัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สนใจเข้าร่วมการจัดงานแสดงสินค้าอีกด้วย

MSN on January 27, 2017, 02:09:56 PM
Thailand International Exhibitions & Events Forum (TIEEF) 2017
ฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)


รายละเอียดในการจัดงาน
วันที่จัดงาน : วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2560
สถานที่จัดงาน : โรงแรม Plaza Athénée Bangkok, A Royal Méridien Hotel
ช่วงงานแถลงข่าว : 10.00 – 12.30 น.
ช่วงงานเสวนาธุรกิจ : 13.00 – 18.30 น.

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เป็นหน่วยงานรัฐภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ที่มีพันธกิจหลักในการผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ และการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ หรือที่รู้จักกันในนามของอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าของภูมิภาคเอเชีย

ฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติมีพันธกิจภายใต้กลยุทธ์องค์กร ได้แก่ การโปรโมทโดยการจัดกิจกรรมการตลาดและประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงการยกระดับมาตรฐานและพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศให้ทัดเทียมกับนานาประเทศในระดับโลก เพื่อเพิ่มจำนวนนักธุรกิจชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าร่วมงานและร่วมออกแสดงงานในงานแสดงสินค้านานาชาติที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย โดยสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างมหาศาล ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศในอันดับต้นๆ

ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ ฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติจึงได้มีการจัดกิจกรรมสัมมนาใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้กำหนดการจัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ Thailand International Exhibitions & Events Forum (TIEEF) 2017 โดยใช้แนวคิด กลยุทธ์การสื่อสารการตลาด Thailand Extra Exhibition : Expand your business opportunity in ASEAN เป็นแนวทางในการออกแบบและสร้างสรรค์ theme งานในปีนี้ และเน้นความสำคัญอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทยและมูลค่าของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ภายใต้คอนเสบ “Less for MORE”

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงาน TIEEF 2017 พื่อสร้างการรับรู้และประกาศถึงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และเป็นเวทีในการถ่ายทอดความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแสดงสินค้า และอีเว้นท์และเฟสติวัล ได้ตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมฯ ตลอดจนเป็นการสร้างและพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพและความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์พันธกิจต่างๆ ของทีเส็บและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติแก่สมาคม หน่วยงาน องค์กรภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมฯ ที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งช่วยสร้างเครือข่ายระหว่างนักธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมฯ เพื่อสร้างและ/หรือต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในการเข้ามาจัดงานแสดงสินค้าในประเทศไทย

โดยงาน TIEEF 2017 ในปีนี้ ได้รับเกียรติจาก รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร มาเป็นประธานในงาน และให้เกียรติมอบโล่เกียรติคุณให้แก่ผู้ประกอบการงานแสดงสินค้าที่ได้รับคัดเลือกภายใต้โครงการ ASEAN Rising Trade Shows (ART) 2016 ซึ่งเป็นแคมเปญการส่งเสริมการตลาดต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 – 2560 เพื่อยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมแสดงสินค้านานาชาติของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นเวทีเชื่อมการค้าอาเซียน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น “ชาติการค้า” (Trading Nation) ตามยุทธศาสตร์รัฐบาล  อีกทั้งยังเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง สร้างโอกาสทางการแข่งขัน ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้านานาชาติของภูมิภาคอาเซียน สอดรับตามพันธกิจและยุทธศาสตร์ของสสปน.ในการเพิ่มปริมาณงานไมซ์และจำนวนนักเดินทางไมซ์ ภายใต้กลยุทธ์การเพิ่มปริมาณงานไมซ์และนักเดินทางไมซ์ด้วยผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง

โดยในปี 2016 ที่ผ่านมา มีงานแสดงสินค้าที่โดดเด่นในด้านต่างๆ และถูกคัดเลือกให้ได้รับโล่เกียรติคุณเพื่อตอกย้ำถึงความสำเร็จของงานแสดงสินค้านั้นๆ โดยแบ่งออกเป็น 5 รางวัล ได้แก่

1.   Best - Marketing Activities & Initiatives
ผู้ชนะเลิศได้แก่ งาน Global Rubber, Latex & Tire Expo 2016 (GRTE) จัดโดยบริษัท เทคโนบิซ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ซึ่งงาน GRTE 2016 เป็นงานที่ได้รับคะแนนสูงสุดด้านข้อเสนอกิจกรรมทางการตลาดและความคิดริเริ่มใหม่ๆ จากคณะกรรมการตัดสินประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมการแสดงสินค้าโลก สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) และทีเส็บ
2.   Best - Highest Growth of ASEAN Participants
ผู้ชนะเลิศได้แก่ งาน ASEAN Sustainable Energy Week 2016 จัดโดยบริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2016 เป็นงานที่มีอัตราการเติบโตของนักธุรกิจต่างชาติจากประเทศในกลุ่มอาเซียนเฉลี่ย   3* ปี สูงที่สุด 311% (เหตุผลที่ดูผลงานย้อนหลัง 3 ปีเนื่องจากต้องการดูความต่อเนื่องด้านการเติบโตของงาน)
3.   Best - Highest Growth of Space Expansion
ผู้ชนะเลิศได้แก่ งาน SIMA ASEAN Thailand 2016 จัดโดยบริษัทอิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยงาน SIMA ASEAN Thailand 2016 เป็นงานที่มีอัตราการเติบโตของพื้นที่จัดงานแสดงงานสินค้าสุทธิต่อเนื่อง 3 ปี และ ROI สูงที่สุดเมื่อเทียบระหว่างเงินสนับสนุนและพื้นที่จัดงานที่เพิ่มขึ้น
4.   Best - Highest Growth of ASEAN Pavilion (%+space)
ผู้ชนะเลิศได้แก่ งาน Beyond Beauty ASEAN Bangkok 2016 จัดโดยบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยงาน Beyond Beauty ASEAN Bangkok 2016 เป็นงานที่สามารถดึงจำนวน Pavilion จากต่างประเทศมาร่วมออกงานแสดงสินค้าได้สูงที่สุดและคิดเป็นอัตราร้อยละการเติบโตของพื้นที่ Pavilion สูงที่สุดถึง 243% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในปี 2016 สามารถดึง Pavilion จาก 4 ประเทศได้แก่ มาเลเซีย พม่า เวียดนาม และอินโดนีเซีย
5.   Best - ASEAN Rising Trade Show 2016
ผู้ชนะเลิศได้แก่ งาน Beyond Beauty ASEAN Bangkok 2016 จัดโดยบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยงาน Beyond Beauty ASEAN Bangkok 2016 มี performance ในการทำงานสูงที่สุดเฉพาะปี 2016 ในด้านผู้เข้าชมงานแสดงสินค้าจากอาเซียน พื้นที่การจัดงานแสดงสินค้าสุทธิเปรียบเทียบปี 2015 – 2016 และจำนวน Pavilion ต่างชาติที่ดึงมาร่วมงานแสดงสินค้ามากที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การปาฐกถาของนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานกรรมการฯ สสปน. เรื่องความสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทยและมูลค่าของอุตสาหกรรมการแสดงสินค้าที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 การบรรยายหัวข้อ “The global exhibition industry and perspectives for Thailand” โดย Mr. Jochen Witt – President and CEO of JWC GmbH และการเสวนาหัวข้อ “The Challenge of transforming Thailand Exhibition Industry towards its Value-Based Economy” ดำเนินรายการโดย Mr. Johen Witt รวมถึงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจากมูลนิธิปิดทองหลังพระ และการจัดทำแอพพลิเคชั่น Online Business Matching เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นเวทีให้ผู้ที่มาร่วมงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้สร้างและขยายเครือข่ายทางธุรกิจอีกด้วย