news on January 08, 2017, 10:00:38 PM
ฮิวเลตต์แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ทะลายอุปสรรคที่ขัดขวางการนำอุปกรณ์IoTมาปรับใช้งานอย่างแพร่หลาย เสนอโซลูชั่นใหม่ช่วยให้การใช้งานอุปกรณ์IoTขนาดใหญ่ในอาณาบริเวณกว้างสำหรับระดับองค์กรและอุตสาหกรรมเป็นจริงขึ้นมาได้





กรุงเทพ – 6 มกราคม 2560- ฮิวเลตต์แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์(NYSE: HPE) ได้ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถติดตั้งใช้งานอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์(IoT)ได้ในพื้นที่อาณาบริเวณกว้างขวางสำหรับตอบโจทย์ทั้งการใช้งานภายในองค์กรและทางด้านอุตสาหกรรม โดยโซลูชั่นเหล่านี้มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้:
•   HPE Mobile Virtual Network Enabler
•   HPE Universal IoT Platform
•   Aruba ClearPass Universal Profiler
•   Aruba 2540 Series Switches
•   Edgeline Systems ขยายความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในเรื่องระบบการประมวลผลปลายทางและระบบการควบคุมจัดการแบบเบ็ดเสร็จ

“ประเด็นทางด้านการลงทุนที่สูงจนยากจะเข้าถึงและการขาดโซลูชั่นสำเร็จรูปแบบองค์รวมนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญในการนำอุปกรณ์ IoTมาปรับใช้งานในวงกว้างให้แพร่หลาย”KeertiMelkoteรองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปแห่งฮิวเลตต์แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์กล่าว “ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปเสริมให้กับ IoTเพื่อขยายเฟรมเวิร์คที่มีความครอบคลุมของเราให้กว้างขวางยิ่งขึ้นภายใต้การทำงานบนโซลูชั่นระบบโครงข่ายที่ปลายทาง(edge infrastructure), แพลตฟอร์มของระบบซอฟต์แวร์ และความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์อื่น ๆ ในระบบนิเวศทางด้านเทคโนโลยีของเราทำให้เอชพีอีสามารถเอาชนะอุปสรรคทางด้านต้นทุน, ความซับซ้อน และความปลอดภัยอันเป็นข้อกังวลของเหล่าองค์กรที่กำลังมองหาบริการในรูปแบบใหม่ซึ่งจะช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานและประสบการณ์ในการปฏิบัติงานได้ในอนาคต”

ถึงแม้องค์กรจะได้ทำการผสาน IoTเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงานหลักในธุรกิจแล้ว การonboardingIoTและการบริหารจัดการอุปกรณ์เหล่านั้นก็ยังคงมีค่าใช้จ่ายที่สูงและยังคงขาดประสิทธิภาพอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในระบบที่มีขนาดใหญ่ และในขณะเดียวกัน ความหลากหลายของการเชื่อมต่อ, โปรโตคอล และความปลอดภัยในการใช้งานIoTนั้นก็ทำให้องค์กรไม่สามารถผนวกรวมข้อมูลระหว่างโครงข่ายของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันด้วยวิธีการที่แตกต่างกันได้สำเร็จ

เพื่อทำให้การนำ IoTไปใช้สร้างองค์ความรู้อันทรงคุณค่าจากข้อมูลของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกันอยู่นับพันล้านชิ้นเป็นจริงขึ้นมาได้ เอชพีอีได้ช่วยให้เหล่าองค์กรปรับปรุงวงจรการใช้งานอุปกรณ์ IoTได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoTลงและการแปลงการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ทั้งหมดให้กลายเป็นภาษากลาง เอชพีอีมีเครื่องมือที่ทำให้เหล่าองค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนและยังทำให้การนำระบบ IoTไปใช้งานภายในระบบขนาดใหญ่ให้ดีขึ้นได้อย่างมหาศาล.

เพื่อปรับปรุงให้การลงทุนIoT ในระบบระยะไกล ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เอชพีอีจึงได้ประกาศเปิดตัว HPE Mobile Virtual Network Enabler (MVNE) และเสริมความสามารถใหม่ๆ ให้กับระบบ HPE Universal IoT (UIoT)

HPE Mobile Virtual NetworkEnabler – HPE Mobile Virtual Network Enabler ที่เปิดตัวใหม่นี้จะทำให้ลูกค้าสามารถควบคุมอุปกรณ์ IoTที่ต้องมีการเชื่อมต่อโครงข่ายและบริการโทรศัพท์ไร้สายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งระบบนี้จะรองรับการมาของเหล่าIoT Mobile Virtual Network Operators (MVNOs)ที่จะเกิดขึ้นในบทบาทผู้ให้บริการเฉพาะทางเพื่อขายการเชื่อมต่อสำหรับอุปกรณ์ IoTแก่ลูกค้าโดยตรงด้วยราคาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับระบบการเชื่อมต่อของเครื่องจักรสู่เครื่องจักร (machine-to-machine/M2M)และการใช้งาน IoTในขนาดใหญ่HPE MVNEบริการในการจัดเตรียม, ตั้งค่า, บริหารจัดการ และคิดค่าใช้จ่ายนั้นเมื่อถูกนำมาใช้ร่วมกับการให้บริการโครงข่ายในพื้นที่เป็นบริเวณกว้างแล้ว ก็จะช่วยเปลี่ยนแปลงการลงทุนของระบบ IoTขนาดใหญ่ให้คุ้มค่าขึ้นได้ด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมลงไปได้สูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์

HPE Universal IoT Platform ด้วยการออกแบบระบบมาเพื่อสนับสนุนการใช้งานระบบ IoTในขนาดใหญ่,รองรับอุปกรณ์จากผู้ผลิตหลากหลายราย และมีระบบเครือข่ายจากผู้ผลิตหลากหลายรายได้ด้วยการใช้มาตรฐานสื่อสารกลางอย่าง oneM2M ก็ทำให้ HPE Universal IoT Platform สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ HPE MVNE ได้ และยังสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ IoTได้จากหลากหลายผู้ผลิต, ออกรายงานสรุปรวม และมีบริการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับอุปกรณ์เป็นจำนวนมากได้ในระดับเดียวกันกับผู้ให้บริการโครงข่าย(Carrier-grade) แพลตฟอร์มนี้ยังสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระยะไกลแบบใช้พลังงานต่ำอย่างเช่น LoRaและ SIGFOX  รวมไปถึงยังรองรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านระบบโครงข่ายสำหรับโทรศัพท์ไร้สาย, คลื่นวิทยุ, Wi-Fi และบลูทูธได้อีกด้วย

ความสามารถใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามามีดังนี้
•   สนับสนุนมาตรฐาน Lightweight M2M - ทำให้อุปกรณ์ IoTสามารถทำงานร่วมกับบริการ UIoTได้แบบ Plug-and-play
•   บริหารจัดการอุปกรณ์ได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม – โดยสามารถบริหารจัดการทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ SIM และไม่ใช้ SIM ได้ด้วยการรองรับระบบ, อุปกรณ์ และแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย
•   รองรับการใช้งานเกทเวย์ของ LoRaมากขึ้น – สามารถใช้เกทเวย์ของ LoRaที่มีชุดของแอพพลิเคชั่นพื้นฐานเหมือนกันได้หลายชนิดมากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการจัดเตรียมและควบคุมอุปกรณ์ภายใต้การใช้งานที่มี LoRaแตกต่างกันไป

บทความแนะนำ: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/news-archive/featured-article/2016/11/New-release-of-HPE-Universal-IoT-Platform-increases-opportunities-for-insights-and-innovation.html

“เพื่อให้ประโยชน์อันสูงสุดของ IoTนั้นเป็นที่ประจักษ์ต่อทั้งภาคธุรกิจและเหล่าผู้บริโภค เครือข่ายเซ็นเซอร์ของ IoTนั้นสามารถถูกติดตั้งใช้งานได้ทุกที่ และเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ได้” Paul Gudonisประธานกลุ่มธุรกิจองค์กรของ Inmarsat กล่าว “การรวมกันระหว่างระบบเครือข่ายดาวเทียมชั้นนำทั่วโลกของ Inmarsat และ Universal IoT Platform ที่ทำงานบนคลาวด์ของเอชพีอีนั้นก็ได้ทำให้เหล่าองค์กรสามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ความร่วมมือแรกของพวกเราในโครงการPrecision Farming นั้นไม่เพียงแต่ได้สร้างแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการเกษตรเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการในการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ในอุดมคติที่บริษัทของพวกเราสามารถนำวิธีการเดียวกันนี้ไปปรับใช้ได้ในอีกหลากหลายอุตสาหกรรมนอกเหนือไปจากการเกษตร พวกเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับโอกาสที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้”

ความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ IoTภายในระบบเครือข่ายภายในองค์กร
เพื่อให้การเชื่อมต่อของระบบ IoTขนาดใหญ่สามารถควบคุมและรักษาความปลอดภัยได้ที่ระบบเครือข่ายปลายทางขององค์กร อรูบา หนึ่งในบริษัทของฮิวเลตต์แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรส์ได้เคยประกาศเปิดตัว Aruba ClearPass Universal Profiler และ Aruba 2540 Series Switch ออกมาแล้วโดยโซลูชั่นใหม่เหล่านี้จะทำการจำแนกและจัดเก็บข้อมูลของอุปกรณ์ IoTทั้งหมดทันทีที่อุปกรณ์เหล่านั้นทำการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อ IoTผ่านสายสัญญาณได้อีกด้วย

ClearPass Universal Profiler ที่ออกมาใหม่นี้จะทำการจำแนกคุณลักษณะของอุปกรณ์ IoTโดยอัตโนมัติทันทีที่อุปกรณ์เหล่านั้นเชื่อมต่อเข้ามายังระบบเครือข่าย ซึ่งความสามารถนี้จะทำให้เหล่าผู้จัดการฝ่าย ITสามารถระบุได้ว่ามีอุปกรณ์ IoTอะไรบ้างอยู่บนระบบเครือข่ายมีสายและระบบเครือข่ายไร้สาย แล้วยังสามารถทำการกำหนดนโยบายรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมสำหรับแต่ละอุปกรณ์ได้Universal Profilerนี้ยังช่วยให้สามารถตรวจสอบและรับรู้ข้อมูลแวดล้อมเช่นความเสี่ยงหรือประเด็นปัญหาทางด้านประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ IoTได้อีกด้วย

Aruba 2540 Series Switch สามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ IoTให้มากขึ้นได้ด้วยการกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเครือข่ายอย่างครบวงจร โดยความสามารถนี้จะทำการระบุและกำหนดสิทธิ์ให้กับอุปกรณ์ IoTทันทีที่มีการเชื่อมต่อเข้ามาในระบบเครือข่าย, ทำการกำหนดระดับความสำคัญให้แก่แอพพลิเคชั่นที่ส่งผลต่อธุรกิจ และควบคุมว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะสามารถเข้าถึงส่วนใดของระบบเครือข่ายได้บ้าง Aruba 2540 Series Switch นี้เหมาะต่อการใช้งานสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ด้วยความหนาแน่นน้อยถึงปานกลางที่ปลายขอบของระบบเครือข่ายองค์กร

HPE Aruba Media Advisory: http://news.arubanetworks.com/press-release/hpe-aruba-drives-iot-adoption-innovations-connectivity-and-device-visibility

นำเสนอนวัตกรรมที่ปลายทางของระบบเครือข่ายโดยเฉพาะสำหรับการใช้งาน IoTในระดับอุตสาหกรรม
ความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ทางด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจรนั้นถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับIoTโดยพาร์ตเนอร์ทางด้านเทคโนโลยีของระบบแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ นั้นก็ได้ช่วยส่งเสริมให้ HPE Edgeline Converged Edge Systems สามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า และเพิ่มเติมความสามารถใหม่ๆได้อีกด้วย วันนี้ เอชพีอีได้ประกาศถึงโซลูชั่นใหม่ๆ จำนวนมากและกรณีการใช้งานร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่จะทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับ IoTได้แก่:

•   การตรวจจับความผิดปกติและแก้ไขปัญหาภายในโรงงาน –ในความร่วมมือระหว่าง PTC และ National Instruments นั้น Edgeline Systems ได้ทำให้การแจ้งเตือนการเสียของระบบต่างๆ ได้ล่วงหน้า ช่วยให้ทีมบำรุงรักษาสามารถแก้ไขความผิดพลาดเหล่านั้นได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมา

•   การบริหารจัดการข้อมูลที่ปลายขอบของระบบเครือข่าย – ด้วยการพัฒนาต่อยอดจาก OSIsoftก็ทำให้โซลูชัน Edgeline Systems นี้ถูกออกแบบมาสำหรับการจัดเก็บข้อมูล, การบริหารจัดการข้อมูล และการเข้าถึงข้อมูลต่อเนื่องในรูปแบบอ้างอิงเวลาโดยเฉพาะ ซึ่งก็เป็นความสามารถพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเทคโนโลยีในการปฏิบัติงานและโลกของ IoTในปัจจุบัน

บทความแนะนำ: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/news-archive/featured-article/2016/11/Living-on-the-Edge-With-Edgeline-Converged-Edge-Systems.html

คำกล่าวสนับสนุน

“เราได้เลือกให้เอชพีอีเป็นพาร์ทเนอร์หลักในแผนการสร้างเมืองอัจฉริยะของรัฐบาลอินเดีย”Dr.AnandAgarwalซีอีโอแห่ง Sterlite Technologies กล่าว “ในฐานะของพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์สำหรับ IoTเอชพีอีจะเข้ามาร่วมพัฒนาส่วนต่างๆ ของเมืองอัจฉริยะ ได้แก่ ระบบมาตรวัดอัจฉริยะ, ระบบจัดการน้ำและของเสียอัจฉริยะ และระบบลานจอดรถและไฟส่องสว่างอัจฉริยะ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ด้วย ทั้งหมดนี้จะเป็นแม่แบบสำหรับเมืองและชนบทของอินเดีย ความร่วมมือของเรากับเอชพีอีนี้ได้แสดงให้เห็นว่าการประสานงานและการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกันจะสามารถสร้างคุณค่าได้มากยิ่งกว่าเดิมสำหรับทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมืองอัจฉริยะ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตประจำวันของประชาชนผู้อยู่อาศัยได้จริง ด้วยการผนวกรวมจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีและบริการของเราเข้าด้วยกัน เราก็จะสามารถสร้างโซลูชั่นเมืองอัจฉริยะชั้นนำระดับโลกให้กับอินเดียได้อย่างแน่นอน”

“กลุ่มมาตรฐาน oneM2M นั้นมุ่งเน้นไปที่การทำให้วิสัยทัศน์ของการสร้างสังคมที่เชื่อมต่อถึงกันให้กลายเป็นจริงขึ้นมาได้ด้วยการพัฒนาข้อกำหนดทางด้านเทคนิคที่ระบุให้ต้องมีชั้นของบริการ M2M กลางซึ่งสามารถสื่อสารร่วมกันได้”Fran O’Brien ผู้ดำรงตำแหน่ง Steering Committee Chair แห่ง oneM2M กล่าว “oneM2M ได้รับทราบถึงการทำงานของบริษัทอย่างฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ด เอ็นเทอร์ไพรส์(เอชพีอี) ที่ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวบริการแพลตฟอร์มสำหรับ IoTที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐาน oneM2M หนึ่งได้ และทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการได้อย่างหลากหลายตัวอย่างเช่น เมืองอัจฉริยะ, ระบบขนส่งอัจฉริยะ และรถยนต์อัจฉริยะ”

“การผนวกรวมโซลูชั่นจากหลากหลายผู้ผลิตให้อุปกรณ์และระบบของ IoTที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารระหว่างกันและบริหารจัดการร่วมกันได้นั้นถือเป็นความท้าทายอย่างมาก”Zeus Kerravalaหัวหน้านักวิเคราะห์จาก ZK Research กล่าว “การฝืนให้โซลูชั่นเหล่านี้ทำงานร่วมกันได้จะส่งผลให้เกิดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านโครงสร้างและค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานเป็นอย่างสูงตามมา และทำให้องค์กรเริ่มต้นใช้งานโซลูชั่น IoT ได้ช้าลง โซลูชั่นใหม่ของเอชพีอีที่ถูกนำเสนอขึ้นมาเพื่อแก้ไขอุปสรรคในการนำ IoTไปใช้งานได้นี้จะช่วยลดเวลาในการติดตั้งใช้งานระบบ IoTลงเป็นอย่างมาก และยังจะช่วยให้สถาปัตยกรรมของระบบเครือข่ายมีความซับซ้อนน้อยลง อันจะส่งผลให้มีความปลอดภัยสูงขึ้นไปด้วย”

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
•   Discover London Press Kit: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/news-archive/press-kits/2016/11/Discover-London-2016.html
•   Maximize Enterprise IoT Value with the Intelligent Edge: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/news-archive/featured-article/2016/11/Maximize-Enterprise-IoT-Value-with-the-Intelligent-Edge.html
•   Intelligent Spaces: Adapting to the Way People Work: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/news-archive/featured-article/2016/11/Intelligent-Spaces-Adapting-to-the-Way-People-Work.html
HPE and Nokia collaborate to expand IoT initiatives: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/news-archive/press-release/2016/11/1288009-hewlett-packard-enterprise-and-nokia-expand-collaboration-on-internet-of-things.html

เกี่ยวกับบริษัทฮิวเลตต์แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์
บริษัทฮิวเลตต์แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นบริษัทผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถก้าวสู่อนาคตได้อย่างรวดเร็วขึ้น ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบที่สุดในอุตสาหกรรม มีโซลูชั่นหลากหลายทั้งในระบบคลาวด์ ศูนย์ข้อมูล ไปจนถึงแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในสำนักงาน ด้วยเทคโนโลยีและบริการต่าง ๆ ของเราช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกสามารถใช้งานไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและมีความปลอดภัยสูงยิ่งขึ้น
« Last Edit: January 08, 2017, 10:03:17 PM by news »