news on December 15, 2016, 08:54:57 PM


วีซ่า – นวัตกรรมเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการเติบโตของระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย





กรุงเทพฯ, 15 ธันวาคม พ.ศ. 2559 – วีซ่าบริษัทผู้ให้บริการด้านเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกเผยให้เห็นว่าความต้องการสำหรับโซลูชั่นนวัตกรรมการชำระเงินยังคงเพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทยสืบเนื่องจากมูลค่าการทำธุรกรรมจากผู้ถือบัตรชาวไทยที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

มูลค่าการชำระเงินทั้งหมดจากบัตรวีซ่าได้เพิ่มขึ้นถึง 9.3เปอร์เซ็นต์ในปีงบประมาณที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตของบัตรเดบิตวีซ่าที่ 18เปอร์เซ็นต์และบัตรเครดิตวีซ่าที่ 8.6เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่มูลค่าธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม   อีคอมเมิร์ซที่เกิดขึ้นจากบัตรวีซ่าสูงขึ้นถึง 24 เปอร์เซ็นต์

นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ในขณะที่การเติบโตดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการชำระเงิน แต่เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนด้านนวัตกรรม โลกการค้าดิจิตอลในรูปแบบใหม่และการเชื่อมต่อกันอย่างมากที่สุด (hyper-connected) กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อลูกค้าสถาบันการเงินของเราออกบัตรวีซ่าพวกเขาได้ออกสินค้าที่เป็นมากกว่าบัตรหนึ่งใบ โดยถือเป็นการเปิด‘บัญชีวีซ่า’ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บัตรวีซ่าได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่ได้รับการเชื่อมต่อ”

เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมการชำระเงินในประเทศไทย วีซ่าได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Visa Developer ที่เปลี่ยน VisaNetซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลกเป็นแพลตฟอร์มเปิด (open platform)สำหรับการชำระเงินและการค้า

โดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์จากสถาบันทางการเงิน บริษัทด้านเทคโนโลยี ร้านค้า และสตาร์อัพต่างๆ จะสามารถเข้าถึงระบบการชำระเงินยอดนิยมของวีซ่าผ่าน APIs, SDKs และการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ด้วยตนเอง

ตัวอย่างของโซลูชั่นที่ได้รับการพัฒนาและเปิดตัวในประเทศไทยคือแอพพลิเคชั่นมือถือที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกซึ่งใช้ Visa Direct API เพื่อให้บริการด้านการชำระเงินแบบเรียลไทม์ โดยผลิตภัณฑ์นี้จะทำเกิดการให้การโอนคะแนนสะสมหรือเงินแก่ผู้ใช้บัตรโดยตรง

บริการVisa Tokens Service (VTS) เป็นอีก API หนึ่งที่ช่วยให้สถาบันทางการเงินสามารถออกรหัสโทเค็น ซึ่งเป็นบัญชีดิจิตอลที่เพิ่มระบบความปลอดภัยและทำให้การซื้อสินค้าของผู้บริโภคง่ายดายยิ่งขึ้นเมื่อทำการซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ส่วนตัว หรืออุปกรณ์มือถืออื่นๆ

นอกจากนี้วีซ่ากำลังขยายจุดรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วประเทศไทยโดยปัจจุบันมีจำนวนของร้านค้าที่รับบัตรวีซ่าได้เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งล้านในปี 2559 โดยเฉพาะนอกกรุงเทพมหานคร และยังมีจำนวนของเครื่องรูดบัตรพกพาสำหรับมือถือและแท็บเล็ต (mPOS) ที่มีการใช้งานอยู่เกือบถึงห้าหมื่นเครื่องซึ่งเป็นที่นิยมในธุรกิจประกันชีวิต

“เทคโนโลยีมีศักยภาพอันมหาศาลที่จะยกระดับประสบการณ์การชำระเงินของผู้บริโภคทั้งหมด ปัจจุบันธุรกิจจำนวนมากยังคงพึ่งพาระบบแบบเดิมๆ ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้บริโภคต้องการทุกสิ่งทุกอย่างทันทีในเวลาอันสั้น ประสบการณ์ของพวกเขา (customer experience) มีความสำคัญอย่างยิ่ง วีซ่ามีความมุ่งมั่นที่จะขยายการเข้าถึงการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงนี้” นายสุริพงษ์ กล่าวปิดท้าย

เกี่ยวกับวีซ่า
วีซ่าคือบริษัทผู้ให้บริการด้านเครือข่ายการชำระเงินระดับโลก แก่ลูกค้าบุคคล ธุรกิจ และสถาบันการเงิน ตลอดจนองค์กรรัฐ ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีด้านเงินตราดิจิตอลที่รวดเร็ว ปลอดภัย และวางใจได้  โดยมี VisaNetหนึ่งในระบบเครือข่ายการทำงานด้านเงินตราดิจิตอลที่ทันสมัยมากที่สุดระบบหนึ่งของโลกเป็นรากฐาน ซึ่งสามารถประมวลและควบคุมการทำธุรกรรมได้กว่า 65,000รายการในหนึ่งวินาทีพร้อมด้วยระบบป้องกันการปลอมแปลงสำหรับลูกค้าบุคคลและการรับประกันการชำระเงินสำหรับร้านค้าวีซ่าไม่ใช่ธนาคารและมิได้มีบริการการออกบัตรเพิ่มวงเงินเครดิตหรือกำหนดอัตราค่าบริการแก่ผู้ถือบัตรหากแต่ให้บริการนวัตกรรมซึ่งส่งเสริมให้สถาบันการเงินสามารถมอบทางเลือกที่มีความหลากหลายให้แก่ลูกค้าได้เช่นบริการชำระเงินจากยอดเงินในบัตรเดบิตหรือการใช้จ่ายด้วยวงเงินล่วงหน้าผ่านผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตต่างๆข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่า อ่านได้ที่:www.visa.co.thwww.visaapnewsroom.com และ @VisaNewsบนทวิตเตอร์
« Last Edit: December 15, 2016, 10:41:44 PM by news »