wmt on December 14, 2016, 09:50:24 PM
รมว.ท่องเที่ยวชี้ !! ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พร้อมแนะโครงการเพื่อเพิ่มรายได้หลังเกษียณ และผลสำเร็จการผลักดันร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยกีฬา พร้อมเดินหน้าพัฒนากีฬาเพื่อการท่องเที่ยวต่อไป
















   
   นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วและคาดว่าสถานการณ์จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โครงการประชารัฐจึงได้จัดทำโครงการ Amazing Thai Host เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุในท้องถิ่นที่มีความสามารถและต้องการสร้างรายได้หลังจากเกษียณอายุปฏิบัติงานดูแลนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวด้วยการสอดส่องดูแลความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุร้าย ช่วยอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้าโดยการประสานงานกับหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบในท้องที่ วันละ 5 ชั่วโมงสัปดาห์ละ 3 – 4 วันโดยผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับบัตรประจำตัวและเครื่องแบบที่มีตราสัญลักษณ์ Amazing Thai Host เพื่อใช้ในระหว่างการปฏิบัติงาน รวมถึงได้รับการอบรมตามเหมาะสม

   นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ในต่างประเทศ เช่น แคนาดา จะเรียกว่าอาสาสมัครผู้สูงอายุ (White Hat Volunteer) จะอยู่ประจำสนามบิน Calgary ส่วนเกาหลีใต้เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยวสำคัญในกรุงโซล (i-Seoul) รวมทั้งในญี่ปุ่นกัมพูชาก็มีโมเดลนี้อยู่เช่นกันโดยประโยชน์ที่จะได้รับมีหลายด้านทั้งการที่ผู้สูงอายุมีอาชีพเสริมมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น รองรับนโยบายการดูแลผู้สูงอายุและเพื่อเพิ่มกำลังซื้อและสร้างการกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกด้วย

   สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อยากให้เข้าร่วมโครงการ อาทิอดีตข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว อดีตทหารเรือสำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลผู้สนใจที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการและอาศัยอยู่ในบริเวณเดียว  หรือใกล้เคียงกับพื้นที่เป้าหมายของโครงการ ระยะเวลา ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2560ถึง 28กุมภาพันธ์ 2561

   รมว.ท่องเที่ยว ยังเปิดเผยต่อไปว่า ตามข้อมูลล่าสุดจากรายงานของกรมการท่องเที่ยวพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่1 มกราคมจนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 30.26 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 1.51 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.68 และ 13.32 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาตามลำดับ ซึ่งอัตราการเติบโตของรายได้มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวนับเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ   

ทั้งนี้ ยังจะเดินหน้าต่อในการจัดแข่งขันกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว อย่างต่อเนื่อง และวันนี้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวง และ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น,ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์,ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครและผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อจัดการแข่งขันจักรยานทางไกลประเทศไทยในวันที่ 13-15 มกราคม 2560 ซึ่งเป็นการแข่งขันจักรยานแบบ Criterium Stage

ณ บึงแก่นนครจังหวัดขอนแก่นและการแข่งขันจักรยานประเภทStage Race(เส้นทางขอนแก่น-กาฬสินธุ์ – สกลนคร-นครพนม) รวมระยะทาง 300 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วม กว่า 1,200 คน จาก 17 ประเทศ       การจัดแข่งขันวิ่งเชียงใหม่มาราธอนในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2559 นี้ มีผู้สมัครเข้าแข่งขันเกินกว่าที่คาดไว้เป็นจำนวนมากถึง 12,000 คน จาก 53 ประเทศ ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 6,000 คน นับเป็นแนวโน้มที่ดีในการสร้างให้ประเทศไทยเป็น Sports Destination ของนักกีฬาและนักท่องเที่ยวที่รักสุขภาพสนใจการเล่นกีฬา

   นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ครม. ได้อนุมัติ ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. ....คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันการศึกษาเฉพาะทางในศาสตร์ทางการกีฬา มุ่งพัฒนาองค์ความรู้ ส่งเสริมวิชาการทางการกีฬาและวิชาชีพชั้นสูง ผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการกีฬา การพลศึกษา วิทยาศาสตร์การกีฬา เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการกีฬา บริหารธุรกิจการกีฬา และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องเป็นศูนย์ฝึกของนักกีฬาระดับชาติ เป็นแหล่งสร้างและพัฒนาบุคลากรด้านการกีฬาชั้นเลิศของประเทศ โดยมีโรงเรียนกีฬาสำหรับฝึกฝนเยาวชนก่อนเข้าสู่มหาวิทยาลัย

2. กำหนดให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสถาบันพลศึกษา พ.ศ. 2548 และให้สถาบันการพลศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติตามพระราชบัญญัตินี้ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

3. กำหนดให้แบ่งมหาวิทยาลัยออกเป็น 4 ภาค ได้แก่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดยให้แต่ละภาคประกอบด้วยวิทยาเขตและโรงเรียนกีฬา

4. กำหนดให้มหาวิทยาลัย ประกอบด้วยสภา 3 สภา ได้แก่ สภามหาวิทยาลัย สภาวิชาการ สภาคณาจารย์และข้าราชการ และกำหนดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษาและการประเมินผลหน่วยงาน

5. กำหนดให้มีบทกำหนดโทษทางอาญากรณีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามพระราชบัญญัตินี้

6. กำหนดบทเฉพาะกาลว่าด้วยการโอนกิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน การนับวาระดำรงตำแหน่ง การบังคับใช้กฎหมายโดยอนุโลม การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสรรหาอธิการบดีและรองอธิการบดีประจำภาค และการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกและกำหนดที่ตั้งของมหาวิทยาลัยประจำภาค
« Last Edit: December 14, 2016, 09:57:13 PM by wmt »