MSN on December 06, 2016, 02:19:19 PM
บล.แอพเพิล เวลธ์ มอง SET เดือน ธ.ค. เคลื่อนไหวในกรอบ 1,488-1,540 จุด แรงซื้อต่างชาติเริ่มแผ่ว! ได้เม็ดเงิน LTF-RMF โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีหนุน แนะสอย  PTT-PTTEP- PTTGC-CK-STEC-ROBINS-HMPRO-CENTEL–ERW เข้าพอร์ต



บล.แอพเพิล เวลธ์ ผ่ามุมมองแนวโน้ม SET เดือนธ.ค. แกว่งตัวในกรอบ 1,488-1,540 จุด  แรงซื้อนักลงทุนต่างชาติเริ่มแผ่ว ลุ้นเม็ดเงิน LTF-RMF กว่า 2 หมื่นล้านบาท เข้ามาหนุน สั่งลุยหุ้น PTT - PTTEP - PTTGC - CK - STEC – ROBINS- HMPRO - CENTEL - ERW  เข้าพอร์ต ได้รับอานิสงส์เต็มๆ ราคาน้ำมันพุ่ง-รัฐเดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจ็กต์-มาตรการช็อปช่วยชาติ แนะจับตาผลการลงประชามติรับร่างปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันที่ 4 ธ.ค.อย่างใกล้ชิด ชี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของกลุ่มยูโรโซน คาดประชุมเฟดรอบสุดท้ายของปีนี้ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค. ขึ้นดอกเบี้ยชัวร์ ดันเงินดอลลาร์แข็งโป๊ก

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนธันวาคม 2559 จะได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเป็นสินค้าออก (โอเปก) ได้ข้อสรุปปรับลดลงกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2560 มีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ระดับเฉลี่ย 55 ดอลลาร์/บาร์เรล  นอกจากนี้ ตลาดฯยังจะได้แรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF – RMF ที่จะเข้ามาในตลาดประมาณ 2 หมื่นล้านบาทด้วย โดยประเมินกรอบดัชนีฯจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,488 – 1,540 ( Forward P/E 2560 ที่ระดับ 14.0 – 14.5 เท่า )  กลยุทธ์การลงทุนแนะนำซื้อลงทุน  PTT , PTTEP , PTTGC , CK , STEC , ROBINS , HMPRO , CENTEL , ERW 

“กลุ่มพลังงานได้รับประโยชน์หลังจากโอเปกตัดสินใจลดกำลังการผลิต ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้างคาดได้ปัจจัยหนุนจากรัฐบาลเร่งการประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู – เหลืองให้เสร็จภายในกลางเดือน ธ.ค. , รถไฟทางคู่ รฟท. ได้ประกาศร่าง TOR จำนวน 3 เส้นทางแล้ว คือ ประจวบ-ชมพร , นครปฐม – หัวหิน และ หัวหิน – ประจวบ โดยกำหนดขายเอกสารประมูลวันที่ 3 – 9 ธ.ค. นี้ เสนอราคาในวันที่ 10 ก.พ. 2560 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีส้มก็จะมีการเปิดซองประมูลวันที่ 6 ม.ค. 2560  และหุ้นกลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยวที่ได้ประโยชน์จากมาตรการนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหยอนภาษีได้ ซึ่งคาดจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 3 – 6 หมื่นล้านบาท” นายอภิชัยกล่าวในที่สุด

สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามใน ธ.ค. นี้ คือ การลงประชามติร่างปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันที่ 4 ธ.ค. นี้ ซึ่งหากพรรครัฐบาลแพ้โหวตนายก ฯ อิตาลีอาจจะลาออก ส่งผลให้ความเสี่ยงทางการเมืองยุโรปเพิ่มมากขึ้นเนื่องหากขั้วอำนาจกลับมาอยู่กับฝ่ายค้านที่สนับสนุนนโยบายออกจากกลุ่มยูโรโซน ขณะที่การประชุม FOMC ในวันที่ 13 – 14 ธ.ค. นี้ มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินแถบอาเซียนและเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเริ่มไหลออกจากตลาดหุ้น TIP จำนวน 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นคาดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องใน ธ.ค. นี้ เพื่อรอดูแนวนโยบายการค้าและการลงทุนใหม่ของสหรัฐในช่วงต้นปีหน้า ส่วนการประชุม ECB วันที่ 15 ธ.ค. นี้ อาจจะมีการพิจารณาขยายมาตรการซื้อพันธบัตรที่จะสิ้นสุดใน มี.ค. ปีหน้าออกไปอีก 6 เดือน