จัดตั้ง “แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป” ขยายธุรกิจครอบคลุม Digital Communications ครบวงจร

จัดตั้ง “แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป” ขยายธุรกิจครอบคลุม Digital Communications ครบวงจร
พร้อมประกาศร่วมทุน “TYO” บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น
เสริมแกร่ง พร้อมแข่งขัน ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล

จับตา แรบบิทส์ เทลล์ เอเจนซี่เลือดใหม่ ที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2558 เผยความสำเร็จก้าวสำคัญ ขยายธุรกิจ พุ่งทะยานไปไกลอีกขั้น จัดตั้ง “แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป” ให้บริการครอบคลุม Total Digital Communications แบบครบวงจร ในหนึ่งเดียว! พร้อมประกาศร่วมทุนกับบริษัท “TYO” บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เสริมความแข็งแกร่งด้านเงินลงทุน และเสริมเขี้ยวเล็บด้านครีเอทีฟ และนวัตกรรมนิวมีเดีย

                   เตรียมพลิกมิติใหม่ สร้างความแตกต่างให้กับวงการโฆษณาและการตลาดดิจิทัลของไทย ตั้งเป้าผลักดัน แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป กระโดดเป็นผู้เล่นรายหลักของอุตสาหกรรม Digital Communications ในประเทศไทย ที่พร้อมให้บริการด้านกลยุทธ์การตลาด การสื่อสารการตลาด การสร้างแบรนด์ และโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในยุคดิจิทัลแบบครบวงจร ด้วยขุมกำลังด้านดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ดิจิทัลโปรดักชั่น ตลอดจนดิจิทัลพีอาร์และคอนเทนต์ที่แตกต่างและล้ำหน้า เข้าถึงจริตและเข้าใจชีวิตคนยุคดิจิทัลมากที่สุด เพื่อพร้อมต่อการขยายธุรกิจและเติบโตของแรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ต่อไปในอนาคต ด้วยวิสัยทัศน์สูงสุด สู่การเป็น “Advance Asia’s Digital Communications”

                   โดย “TYO” เป็นบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ใน Tokyo Stock Exchange มีเทคโนโลยีการผลิตสื่อที่ทันสมัย และบุคลากรมือฉมังที่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงสื่อดิจิทัล และมองหาการขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจของดิจิทัลเอเจนซี่ของไทยอย่าง แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป จึงตัดสินใจเข้าร่วมทุน และพร้อมที่จะช่วยต่อยอด พัฒนาธุรกิจ รวมทั้งขยายโอกาสการเติบโตใหม่ๆ สู่ตลาดระดับภูมิภาคร่วมกัน รวมทั้งแลกเปลี่ยน Know-how ในทุกๆ ด้าน ทั้งเทคโนโลยีการผลิต การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีความยูนิค มีจิตวิญญาณ และแปลกใหม่ ยากที่จะลอกเลียนแบบได้ ซึ่งแน่นอนว่า แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ยังคงมีอิสระในการบริหารงานและดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ รวมถึงคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและ DNA ในการทำงานตามแบบฉบับของชาวกระต่ายที่จะพุ่งทะยานสูงยิ่งกว่าเคย

รุ่งโรจน์ ตันเจริญ

                   นายรุ่งโรจน์ ตันเจริญ CEO แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป กล่าวว่า “วันนี้ ถือเป็นความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจไปอีกขั้น จากเดิม เรามีบริษัทในเครืออยู่ 3 บริษัท วันนี้ เราปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็น “แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป” อย่างเต็มตัว โดยไม่ได้ทำเพียงแค่ Digital Agency เท่านั้น แต่จะมีบริษัทในเครือเพิ่มขึ้น เพื่อพัฒนาบริการต่างๆ ที่อยู่ในขอบเขตของ Digital Communications ทั้งหมด เพื่อสร้าง Ecosystem และ Synergy ร่วมกันภายใน แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และครบวงจรในหนึ่งเดียว รองรับตลาดที่ยังพัฒนาและเติบโตอย่างมากของไทยในขณะนี้ พร้อมทั้งก้าวทันเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

แม็ค สุนาถ

                   การก่อตั้ง แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป จึงเป็นการขยายขีดความสามารถขององค์กร ให้รองรับ Vision และขอบเขตที่กว้างไกลขึ้น รวมทั้งยกระดับการบริหารงานภายใน ให้มีโครงสร้างพื้นฐาน, โครงสร้างองค์กร, ทรัพยากรบุคคล, เทคโนโลยี และระบบต่างๆ ที่พร้อมต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาปรับตัวไปตามโลกดิจิทัลที่หมุนไปทุกวัน

                   ทั้งนี้ แรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ประกอบด้วย 3 บริษัทในเครือ ได้แก่

                   -    บริษัท “Rabbit’s Tale” – Full-service Digital Creative Agency ให้บริการกลยุทธ์การตลาดและสื่อสารการตลาดบนโลกดิจิทัลแบบครบวงจร

                   -    บริษัท “Moonshot” – Digital PR & Content Agency ให้บริการด้านดิจิทัลพีอาร์และการบริหารจัดการคอนเทนต์ ตอบโจทย์การประชาสัมพันธ์แห่งยุคดิจิทัล

                   -    บริษัท “Code & Crafts” – Digital Production ที่เน้นส่วนการผลิตสื่อดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น Website/Application Digital

                   “พร้อมกันนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีที่เราได้ประกาศร่วมทุนกับบริษัท TYO ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Tokyo Stock Exchange ที่มีธุรกิจในอุตสาหกรรมโฆษณาหลากหลาย ทั้ง Production / Creative Agency / Animation / Web&App production/ Digital Agency รวมไปถึงบริษัทลูกในภูมิภาคนี้ ทั้งจีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ Production ที่เป็น Top 3 ในประเทศญี่ปุ่น และจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ1 ในญี่ปุ่นหลังจากการร่วมทุนกับบริษัท AOI Pro ในต้นปี 2560 นี้ โดย TYO ถือเป็นบริษัทที่มีผลงานดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง และได้รางวัลโฆษณาระดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน ดังนั้น ตั้งแต่วันแรกที่ TYO เข้ามา เราก็รู้สึกถึงการ synergy ที่สามารถต่อยอดธุรกิจ และพัฒนาบริการร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ดีขึ้นไปได้อีก” นายรุ่งโรจน์ เปิดเผยเกี่ยวกับการร่วมทุน

                   โดยเบื้องต้น จะแลกเปลี่ยน Know-how วิธีคิด กระบวนการคิด ซึ่งกันและกัน ในอนาคต จะมีการแลกเปลี่ยนพนักงานกัน เพื่อให้ได้ไปเรียนรู้ในระดับภูมิภาคมากขึ้น และอาจจะต่อยอดขยายธุรกิจไปในภูมิภาคนี้ รวมถึงมีแนวทางในการรับลูกค้าที่เป็น brand จากทางญี่ปุ่นมากขึ้น จาก know-how ที่ TYO ถ่ายทอดให้ ตลอดจนดิจิทัลเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีการวิจัยกันอยู่ในญี่ปุ่น

                   นายรุ่งโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด้าน TYO เองก็สนใจร่วมทำงานกับเรา โดย TYO มองว่าแรบบิทฯ มีความแตกต่างจากเอเจนซี่รายอื่น จากการที่ founder ทุกคน ไม่มีใครอยู่ในวงการ Agency โฆษณามาก่อนเลย พวกเราเริ่มต้นธุรกิจจากแนวคิดที่ Fresh มากๆ จากคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ไม่ได้ยึดติดกับ Norm เดิมๆ มีพลังจากหัวใจและไอเดียที่ยิ่งใหญ่ กระหายที่จะสร้างสิ่งใหม่ๆ และกำหนด Digital Landscape ให้กับอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งแรบบิทฯ และ TYO ต่างยอมรับและเห็นตรงกันเรื่องทิศทางธุรกิจ ที่ไม่ได้มองเพียงแค่ผลกำไรตอบแทน แต่มองที่วิสัยทัศน์ในอนาคตข้างหน้า กระบวนการในการสร้างและวางรากฐานของบริษัทเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้น”

ทาคาโยชิ คิชิโมโตะ

                   นายทาคาโยชิ คิชิโมโตะ Executive creative Director, TYO Inc. กล่าวว่า “TYO Group มีแผนในการพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย จากข้อมูลของ DAAT รายงานว่าการใช้สื่อโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่า 30% และมีแนวโน้มจะเติบโตอีก 30% หรือมากกว่านั้นทุกปี โดยแรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป เป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องตามอุตสาหกรรม จากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งลูกค้าในประเทศและลูกค้าบริษัท ต่างชาติ จึงทำให้ TYO ตัดสินใจร่วมทุนกับแรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ทั้งนี้ TYO จะสนับสนุนแรบบิท ดิจิทัล กรุ๊ป ทั้งทางด้านการลงทุนและการแชร์ด้านครีเอทีฟซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท”

                   นายรุ่งโรจน์ กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจเอเจนซี่โฆษณาของไทยว่า “Digital Advertising spending ในประเทศไทย ยังมีสัดส่วนเพียงแค่ 10 กว่า % เท่านั้นเอง หากเทียบกับต่างประเทศที่ไปถึง 30-40% แล้ว ดังนั้น เรายังมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ ในขณะเดียวกัน Digital Agency ในประเทศไทยยังถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ยังใหม่มาก ซึ่งก็เหมือนอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั่วไป ที่ช่วงใหม่ๆ ยังเป็นอะไรที่ทั่วๆไปอยู่ แต่ต่อไป เอเจนซี่ต่างๆ จะพัฒนาเสริมจุดแข็งตัวเอง และแต่ละเจ้าก็จะมีความถนัด มีจุดเด่นแตกต่างกันไป เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน โดยมองว่า เทรนด์ของดิจิทัลในประเทศไทย ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก อุตสาหกรรมนี้ไม่เคยนิ่ง ขนาด Facebook และ Google เองยังเปลี่ยน algorithms แทบทุกสัปดาห์ ดังนั้น วันนี้เราต้องมองไกลไปกว่าการเป็นแค่เอเจนซี่ แต่ต้องมองในระดับที่เหนือกว่านั้น คือ Digital Communications หรือการสื่อสารผ่านพฤติกรรมคนยุคดิจิทัลทั้งหมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ คือการมองไกลๆ ไปข้างหน้า พร้อมที่จะล้างสิ่งเดิมๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองไปตามอุตสาหกรรมทุกวัน”