happy on August 08, 2016, 06:16:42 PM

ชื่อภาพยนตร์:       KUBO AND THE TWO STRINGS
ชื่อไทย:               คูโบ้ และพิณมหัศจรรย์
วันที่เข้าฉาย:         1 กันยายน 2559
จัดจำหน่าย:          บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


Kubo and The Two Strings อนิเมชั่นผจญภัยสุดระทึกล่าสุดจากไลก้า เอนเตอร์เทนเมนท์

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=2-bz_j2Mzo4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=2-bz_j2Mzo4</a>

Kubo and The Two Strings คูโบ้และพิณมหัศจรรย์ภาพยนตร์สต็อปโมชั่น อนิเมชั่นผลงานล่าสุดจากไลก้า สตูดิโอผู้สร้าง Coraline, Paranorman และ The Boxtrolls พบกับเรื่องราวการผจญภัยของคูโบ้ (ให้เสียงพากย์โดย อาร์ท พาร์คินสัน จาก Game of Thrones และ Dracula Untold) เด็กชายผู้ซึ่งมีความเฉลียวฉลาดและจิตใจงดงาม เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองริมทะเล ต่อมาชีวิตอันเงียบสงบของเขาก็หายไป เมื่อถูกวิญญาณอาฆาตตามรังควาน
 
คูโบ้ออกผจญภัยสุดระทึกร่วมกับลิง (เจ้าของรางวัลออสการ์ ชาร์ลิซ เธอรอน)และด้วง (เจ้าของรางวัลออสการ์ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์)  เพื่อปกป้องครอบครัวของเขา เขาออกค้นหาดาบ, เสื้อเกราะ และหมวกนักรบ เพื่อที่จะไขปริศนาของพ่อ ซามูไรนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่พลีชีพในสนามรบ คูโบ้ต้องต่อสู้กับเหล่าทวยเทพและอสุรกาย รวมถึง มูนคิง ผู้เต็มไปด้วยความอาฆาต (เรล์ฟ ไฟน์) และ คู่แฝดปีศาจ (รูนี่ย์ มาร่า) เพื่อไขความลับแห่งตำนาน และทำให้ครอบครัวมารวมกันอีกครั้ง


Kubo and The Two Strings คูโบ้และพิณมหัศจรรย์ กำกับการแสดงโดย เทรวิส ไนท์ ให้เสียงพากย์โดย ชาร์ลิซ เธอรอน, แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, เรลฟ์ ไฟน์, รูนีย์ มาร่า และอาร์ท พาร์คินสัน




เกริ่นนำ

ตั้งแต่เริ่มต้น  ชุมชนของเราที่ไลก้าไล่ตามเป้าหมายที่ธรรมดาที่สุดอย่างหมดหัวใจ นั่นคือการทำหนังที่มีความหมาย  คำประกาศที่เรียบง่ายนี้ขัดแย้งกับความยุ่งยากซับซ้อนและเหนื่อยทั้งกายและความคิดของการทำหนังแอนิเมชั่นตั้งแต่นับหนึ่ง และใช้ความอุตสาหะพยายาม ทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาทีละภาพๆ นานเป็นปีๆ แต่ถ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น ตัดเรื่องอื่นทุกอย่างทิ้ง  พวกเราก็เป็นแค่นักเล่าเรื่อง

เราเชื่อว่าการเล่าเรื่องคือส่วนสำคัญของสิ่งที่เราเป็น เราเชื่อว่าเรื่องราวที่ดีที่สุดคือส่วนผสมที่ประณีตและมีศิลปะของความมืดและแสงสว่าง  ของความรุนแรงและความอบอุ่น ของการใช้สมองและการใช้ความรู้สึก เราปรารถนาจะทำหนังที่ทะเยอทะยานที่ดึงดูดความคิด  หนังที่ทำให้ตาพร่าด้วยความพิศวง หนังที่สัมผัสหัวใจเราด้วยความหมายท่วมท้น เราเล่าเรื่องราวที่กระทบใจเรา ที่เราหวังว่าจะทำให้เกิดความรู้สึกแบบเดียวกันนั้นกับคนดูทั่วโลก

ศิลปะในรูปแบบที่ดีที่สุดของมัน พูดกับความเป็นมนุษย์เหมือนกันของเรา และไม่มีที่ไหนที่เป็นหลักฐานได้มากกว่าในศิลปะของการเล่าเรื่อง เรื่องราวที่ดีให้ของขวัญกับเราได้มากมาย  มันทำให้เราได้มองโลกผ่านสายตาที่ไม่ใช่ของเราเอง ทำให้เราได้สัมผัสเรื่องราวของคนอื่นราวกับเป็นเรื่องราวของเราเอง สามารถนำเราสู่ความคิดใหม่ๆ วิธีคิดใหม่ๆ ตระหนักถึงความเชื่อมโยงที่ซ่อนอยู่ของทุกสรรพสิ่ง เรื่องราวดีๆดึงเอาความเห็นอกเห็นใจออกมาได้ เรื่องราวดีๆสามารถเปลี่ยนแปลงคุณได้

ที่ไลก้า เรารู้ว่าเราโชคดีมาก  เรามีสิทธิพิเศษที่หาใดเหมือนในการบอกเล่าเรื่องราวที่นำผู้คนมารวมกัน  จุดไฟในจินตนาการ  จุดประกายให้คนมีฝัน   นั่นคือสิ่งที่หนังเป็นสำหรับผมตอนผมเป็นเด็ก   มันยังคงมีพลังแบบนั้นอยู่

โรเบิร์ต ฟรอสต์ กวีผู้ยิ่งใหญ่ เคยเขียนไว้ว่า “Nothing gold can stay.” และเขาพูดถูก ความงามดำรงอยู่เพียงชั่วคราว ความมหัศอัศจรรย์อยู่เพียงชั่วครู่ ความพิศวงค่อยๆเลือนลางไป และชีวิตเองก็ไม่ได้ยืนยาวชั่วนิรันดร์ แต่แท้จริงแล้ว มีบางสิ่งที่คงอยู่ต่อไปได้  คือเรื่องราวที่เราเล่า นานหลังจากตัวมันเองสูญสลายไป เรื่องที่เราเล่าขานจะยังคงอยู่ เติบโต และงอกงามในความหมายและพลัง พลังที่คงทนของเรื่องราวเตือนให้ผมระลึกว่าศิลปะดำรงอยู่ได้ ไม่ว่าในกาลเวลา สถานที่ และวัฒนธรรมใด มันเตือนให้ผมระลึกว่าเราทุกคนเชื่อมโยงถึงกัน เราทุกคนยืนอยู่บนโลกใบนี้ และศิลปะดึงดูดให้เรามารวมกันได้ ผ่านทางความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ที่เรามีร่วมกัน และพูดกับสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นอย่างที่เราเป็น ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า Kubo and the Two Strings จะเป็นเรื่องราวเช่นที่ว่านั้น


ทราวิส ไนท์
ประธานและซีอีโอไลก้า
ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับ Kubo and the Two Strings




เรื่องย่อ

สตูดิโอไลก้า ผู้สร้างแอนิเมชั่นที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เรื่อง Coraline  ภูมิใจเสนอ Kubo and the Two Strings ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแนวแอ็คชั่น-ผจญภัยเรื่องยิ่งใหญ่ และประสบการณ์การชมภาพยนตร์ ที่จะพาคนดูเข้าสู่โลกของสิ่งที่น่าพิศวง 

บนชายฝั่งที่มีหินสูงชัน ณ ดินแดนญี่ปุ่นยุคโบราณในจินตนาการ  เด็กชายคนหนึ่งชื่อคูโบ้อาศัยอยู่บนหน้าผาสูงริมทะเล  คูโบ้ (พากย์เสียงโดยอาร์ท พาร์คินสัน จากซีรีส์เรื่อง Game of Thrones) เป็นเด็กมอมแมมข้างถนนที่เฉลียวฉลาดและเอื้ออารี มีรายได้พอเลี้ยงชีพในแต่ละวันจากการเล่านิทาน ที่สะกดคนในหมู่บ้านประมงเล็กๆด้วยพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องที่สนุกตื่นเต้นจากกระดาษพับ  ในบรรดาคนในหมู่บ้านที่หลงใหลเรื่องเล่าของเขา คือโฮซาโต (จอร์จ ทาเค),  ฮาชิ (แครี-ฮิโรยูกิ ทากาวะ) และคาเมโย (เบรนดา แวคคาโร นักแสดงที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์) ในตอนกลางคืน คูโบ้จะคอยดูแลแม่ของเขาเวลาที่เธอตกอยู่ในภวังค์ ตามการขึ้นและตกของดวงจันทร์

ชีวิตที่เงียบสงบของหมู่บ้านแห่งนี้พังทลายลง เมื่อคูโบ้เรียกวิญญาณจากอดีตของเขามาโดยไม่ตั้งใจ และถูกรังควานด้วยความอาฆาตในอดีต  เขาต้องหนี โดยมีลิงจอมดุและเอาจริงเอาจัง (พากย์เสียงโดยชาร์ลิซ เธอรอน นักแสดงรางวัลออสการ์) และด้วงซามูไร (นักแสดงรางวัลออสการ์แมทธิว แม็คคอนาเฮย์) รวมพลังร่วมทางกัน เพื่อไขปริศนาเรื่องพ่อของเขาซึ่งเป็นซามูไรผู้ยิ่งใหญ่  คูโบ้ต้องตามหาของสำคัญที่เคยเป็นของพ่อ  คือเสื้อเกราะ ดาบ และหมวก

ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนใหม่และพิณมหัศจรรย์ของเขา การเดินทางผจญภัยของคูโบ้ต้องดั้นด้นฝ่าพายุหิมะในฟาร์ แลนด์ส  ดินแดนใต้น้ำการ์เดน ออฟ อายส์ และป่าไผ่ที่เต็มไปด้วยภยันตราย  คูโบ้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังวิเศษของเขาจากบททดสอบความเข้มแข็งและคุณสมบัติ ต้องต่อสู้ทั้งกับทวยเทพและอสุรกาย รวมทั้งมูนคิง ซึ่งผูกใจเจ็บ (เรล์ฟ ไฟน์ส นักแสดงที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์) และปีศาจสาวฝาแฝด (รูนีย์ มารา นักแสดงที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์) เพื่อไขความลับเรื่องมรดกของเขา  ทำให้ครอบครัวกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง  และเติมเต็มชะตากรรมที่กล้าหาญของเขา

ผลงานภาพยนตร์จากไลก้า Kubo and the Two Strings ให้เสียงพากย์โดยชาร์ลิซ เธอรอน, อาร์ท พาร์คินสัน และเรล์ฟ ไฟน์ส, จอร์จ ทาเค, แครี-ฮิโรยูกิ ทากาวะ, เบรนดา แวคคาโร ร่วมด้วยรูนีย์ มารา และแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ออกแบบเสื้อผ้าโดยเดบราห์ คุก   ดนตรีประกอบโดยดาริโอ มาริอาเนลลี   ตัดต่อ-ลำดับภาพโดยคริสโตเฟอร์ เมอร์รี, เอซีอี  ออกแบบสร้างฉากโดยเนลสัน โลว์รี แฟรงค์ พาสซิงแฮมกำกับภาพ แอเรียนน์ ซัทเนอร์, พี.จี.เอ. และทราวิส ไนท์, พี.จี.เอ. อำนวยการสร้าง แชนนอน ทินเดิลและมาร์ก เฮมส์เขียนเรื่อง บทภาพยนตร์โดยมาร์ก เฮมส์และคริส บัทเลอร์  กำกับโดยทราวิส ไนท์ 
« Last Edit: August 08, 2016, 06:24:53 PM by happy »

happy on August 08, 2016, 06:31:17 PM



แรงบันดาลใจ

สตูดิโอไลก้าออกเดินทางเพื่อค้นหา เช่นเดียวกับฮีโร่คนใหม่ของพวกเขา  ในช่วงสิบปี  สถานะของไลก้าในโลกการสร้างภาพยนตร์เติบโตจากการเป็นสตูดิโอผลิตงานแอนิเมชั่นเล็กๆที่เพิ่งเริ่มบิน กลายเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ได้รับการยกย่องที่สุดแห่งหนึ่งของโลก   ปี 2016 สตูดิโอที่ตั้งอยู่ในโอเรกอนแห่งนี้ได้รับการประกาศเกียรติคุณ ด้วยรางวัลออสการ์สำหรับความสำเร็จด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ธรรมเนียมของไลก้าเรื่องความกล้าหาญในการถ่ายทอดเรื่องราว  นวัตกรรมใหม่ด้านเทคนิคการผลิต ตัวละครที่ลืมไม่ลง งานด้านภาพที่ยอดเยี่ยม และการนำเอารูปแบบศิลปะของแอนิเมชั่นแบบสต็อปโมชั่นเข้ามาสู่ศตวรรษที่ 21   ทั้งหมดนั้นรวมกันอยู่ในผลงานที่ทะเยอทะยานที่สุดของบริษัทจนถึงตอนนี้ คือ Kubo and the Two Strings

ปัจจัยที่สำคัญมากของเรื่องราวที่สร้างสรรค์ขึ้นนี้ คือความชื่นชอบวัฒนธรรมและประเพณีของญี่ปุ่น   เด็กชายคนหนึ่งกลายเป็นวีรบุรุษ  การเดินทางของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ขันและความตื่นเต้นเร้าใจ  และการค้นพบตัวเองที่เราทุกคนต่างก็ค้นหา

ทราวิส ไนท์ ผู้กำกับและอำนวยการสร้าง Kubo and the Two Strings  เป็นแอนิเมเตอร์ที่เคยได้รับรางวัลแอนนี่ เป็นผู้อำนวยการสร้างและหัวหน้าทีมแอนิเมเตอร์ในหนังชิงออสการ์เรื่อง ParaNorman และ The Boxtrolls บอกว่า “เทคนิคแบบสต็อปโมชั่นมีมาตั้งแต่สมัยที่เริ่มมีภาพยนตร์   โดยพื้นฐานแล้ว มันคือกระบวนการแบบเดียวกับที่วิลลิส โอ’ไบรอันใช้ ในหนังเรื่อง King Kong เมื่อปี 1933   แต่เรามีการสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆและเทคนิคต่างๆที่เปลี่ยนแปลงวิธีการนี้โดยสิ้นเชิง   การผสมผสานศิลปะ งานช่าง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของเรา ทำเพื่อให้การเล่าเรื่องด้านภาพมีพลัง”

ไลก้ายังหลีกเลี่ยง “กฏเกณฑ์มาตรฐาน” ของแอนิเมชั่น  โดยชอบที่จะใช้เทคนิค  สไตล์ และความสวยงามทางศิลปะที่รองรับเรื่องราวนั้นได้เหมาะสมที่สุดมากกว่า บ่อยครั้งมักจะใช้ผสมผสานกัน  สิ่งที่ยึดมั่นเหนียวแน่นในสตูดิโอแห่งนี้ คือข้อบัญญัติในการถ่ายทอดเรื่องราวที่กล้าหาญ โดดเด่น และยืนนาน  ไนท์กล่าวว่า “เราอยากทำหนังที่มีความหมาย และทำแบบนั้นในวิถีทางที่จะผลักดันภาพยนตร์แอนิเมชั่นให้ก้าวไปข้างหน้า”

“เราเป็นผู้สืบทอดประเพณีการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะนั่งรอบกองไฟ ในโรงละครในยุคกรีกโบราณ  หรือโรงละครโกลบในอังกฤษยุคเชคสเปียร์  การได้สัมผัสเรื่องราวต่างๆในที่ที่มีคนอยู่รวมกัน เป็นพิธีกรรมที่มีพลังและเป็นนิรันดร์  สมัยนี้โรงหนังคือที่ที่เราไปดูไปฟังเรื่องราวเกี่ยวกับตัวตนของเรา  มันเป็นสิทธิพิเศษที่เหลือเชื่อมากที่ได้รับมรดกนั้นมา เราจริงจังกับมัน   เราอยากให้สิ่งใหม่กับคนดู ประสบการณ์ที่มีความหมาย  บางอย่างที่พวกเขาจดจำจะมันและอยู่ในชีวิตของพวกเขา”

“เมื่อก่อนผมมองหาเรื่องที่ใหญ่และแพงและมีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ หนังที่จะพูดกับความหมายที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิตและวัยเด็ก ช่วงที่โตมา ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเรื่องราวมหากาพย์แฟนตาซี   ผมเป็นหนอนหนังสือ ชอบอ่านงานของโทลคีน เทพนิยายกรีกและนอร์เวย์  งานของแอล. แฟรงค์ บอม  และการ์ตูนมังงะเรื่อง Lone Wolf and Cub (ซามูไรพ่อลูกอ่อน)  อาจจะไม่น่าแปลกใจที่ผมเป็นคนบ้าหนังด้วย ผมชอบหนังมหากาพย์อย่างงานของอากิระ คูโรซาวา, สตีเวน สปีลเบิร์ก, ฮายาโอะ มิยาซากิ, ริดลีย์ สก็อตต์, เดวิด ลีน และจอร์จ ลูคัส   จริงๆแล้ว Star Wars เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมจำได้ว่าดูในโรง”


“ไลก้ายังไม่เคยรับมือกับหนังแฟนตาซียิ่งใหญ่   มันเป็นงานที่ยากจริงๆ   หนังสต็อปโมชั่นส่วนใหญ่หน้าตาเหมือนถ่ายทำกันบนโต๊ะ เพราะเขาทำกันแบบนั้นจริงๆ   แต่หนังแฟนตาซีที่มีวีรกรรมยิ่งใหญ่ต้องการขอบเขตงานและสเกลงานที่ใหญ่   การทำหนังสเกลเล็กๆที่ถ่ายทำกันบนแผ่นไม้ในโกดังเก็บของ ให้มีหน้าตาและความรู้สึกออกมาเหมือนหนังมหากาพย์สเกลใหญ่ที่ถ่ายทำบนทัศนียภาพอลังการ เป็นงานงานหินที่แทบไม่มีทางเป็นไปได้   ไม่มีใครจะทำงานแบบนั้น   ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมตื่นเต้นที่จะทำมัน”

ดังนั้น ไนท์จึงตอบรับเป็นอย่างดีกับงานที่โยนมาจากแชนนอน ทินเดิล ซึ่งสร้างสรรค์ตัวละครและเรื่องราว   ทินเดิลบอกว่า “สำหรับผม Kubo and the Two Strings เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวมากๆ   มันได้แรงบันดาลใจจากความสัมพันธ์ของภรรยาผมกับแม่ของเธอที่สุขภาพไม่ค่อยดี   ผมอยากบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาผ่านนิทานพื้นบ้านในจินตนาการที่ได้แรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น   การดึงมาจากมุมที่เป็นส่วนตัวแบบนั้นทำให้เรื่องราวถ่ายทอดออกมาเป็นแฟนตาซีเรื่องยิ่งใหญ่  แต่มีแก่นของความรู้สึกสะเทือนใจในส่วนลึก”

มาร์ก เฮมส์พัฒนาเรื่องราวของหนังร่วมกับทินเดิล และเขียนเป็นบทภาพยนตร์ร่วมกับคริส บัทเลอร์ ซึ่งเคยเขียนบทและกำกับเรื่อง ParaNorman ให้กับไลก้า  เฮมส์ให้ความเห็นว่า “หนึ่งในธีมหลักใน Kubo and the Two Strings คือพลังที่ฟื้นคืนของการเล่าเรื่องราว   ในเวลาที่เธอมีความจำแจ่มชัด แม่ของคูโบ้จะเล่าเรื่องราวชีวิตที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ก่อนที่พ่อของเขาจะพบชะตากรรมที่น่าเศร้า   แต่เธอจะทรุดโทรมลงอยู่ตลอด และคูโบ้ก็กลายเป็นนักเล่านิทานให้คนในหมู่บ้านฟัง  ไม่เพียงเพื่อหารายได้ยังชีพสำหรับเขาและแม่ แต่ยังเพื่อให้นิทานที่เขาเล่าคงอยู่ต่อไปด้วย”

แอเรียนน์ ซัทเนอร์ หัวหน้าฝ่ายผลิตที่ไลก้าและอำนวยการสร้างเรื่อง ParaNorman บอกว่า “มันไม่ได้อธิบายไว้ว่าเวทมนตร์ของคูโบ้มาจากไหน   จากตอนที่เราเห็นเขา คูโบ้โชคดีที่มีความสามารถน่าทึ่งนี้ในการทำให้เรื่องราวของครอบครัวเขามีชีวิตขึ้นมา โดยใช้การพับกระกระดาษและชามิเซ็งมหัศจรรย์ของเขา”

การนำโปรเจ็คต์นี้มาสู่จอภาพยนตร์ใช้เวลากว่าห้าปี  Kubo and the Two Strings เติบโตขึ้นในฐานะจดหมายรักที่มีต่อวัฒนธรรมของญี่ปุ่นจากทีมงานศิลป์ ฝ่ายเทคนิค ฝ่ายช่าง และช่างฝีมือทุกคน หน้าตาของหนังได้แรงบันดาลใจจากศิลปะเก่าแก่ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ไม้ จากงานของช่างพิมพ์งานแม่พิมพ์ไม้ชั้นครูหลายคน เช่น คัทสึชิกะ โฮกุไซ และคิโยชิ ไซโตะ  ทินเดล ซึ่งออกแบบตัวละครทั้งหมดบอกว่า “ตัวละครสะท้อนความหลงใหลของผมเกี่ยวกับญี่ปุ่นและศิลปวัฒนธรรมของพวกเขา”

ส่วนไนท์เอง ความเลื่อมใสของเขาที่มีต่อศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นย้อนกลับไปไกลกว่า 30 ปี “ผมไปญี่ปุ่นครั้งแรกกับพ่อ ตอนผมอายุประมาณแปดขวบ การโตมาในแถบแปซิฟิก นอร์ธเวสต์ ในหลายๆด้าน ญี่ปุ่นเป็นเหมือนบ้าน แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันไม่เหมือนอะไรที่ผมเคยเจอมาเลย  มันสวยแทบลืมหายใจ เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่ง  สถาปัตยกรรม ศิลปะ สไตล์การแต่งตัว ดนตรี อาหาร หนังและรายการทีวี และหนังสือการ์ตูน มันเป็นแสงสว่างของชีวิตเลย   ผมตกเป็นทาสมันโดยสิ้นเชิง”

ไนท์กว้านซื้อหนังสือการ์ตูนมังงะเพื่อนำกลับบ้าน “ผมตื่นเต้นกับการวาดที่สวยมาก และการเล่าเรื่องด้วยภาพที่เข้าใจชัดเจนถึงแม้ผมจะอ่านไม่ออก  การได้รู้จักเกี่ยวกับญี่ปุ่นในช่วงวัยเด็กของผม คือจุดเริ่มต้นความรักที่มีต่อวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่วัฒนธรรมหนึ่งชั่วชีวิต ผมแทบรอไม่ไหวที่จะได้กลับไป และตั้งแต่นั้นผมก็กลับไปอีกหลายครั้ง”

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่หนังเรื่องแรกของผมในฐานะผู้กำกับ จะผสมผสานทุกอย่างที่ผมรักมากตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก  มหากาพย์แฟนตาซี  แอนิเมชั่น เรื่องราวของซามูไร และศิลปะที่สวยงาม ของญี่ปุ่น ในขณะที่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับผมวิ่งเล่นเตะฟุตบอลหรือเล่นรถของเล่น   ผมกลับฝันถึงญี่ปุ่นและจินตนาการภาพกองทัพซามูไรแบบสต็อปโมชั่น จาง อี้ โหมว นักสร้างหนังผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่า เด็กผู้ชายทุกคน ถ้าไม่อยากได้ชุดรถไฟจำลองก็อยากทำหนังศิลปะการต่อสู้  ผมไม่เคยมีชุดรถไฟจำลอง”

“การทำหนังเรื่องนี้ มีอิทธิพลของคูโรซาวาอย่างมากในงานด้านภาพ  สปีลเบิร์กเรียกคูโรซาวาว่า “เชคสเปียร์ที่วาดภาพ” และผมเชื่อว่านั่นเป็นความจริง  ทุกภาพในหนังของคูโรซาวาเหมือนภาพวาด การจัดวางองค์ประกอบ การตัดภาพ การเคลื่อนไหว การจัดแสง และรูปแบบ  เป็นแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์ภาพใน Kubo แต่ไม่ใช่แค่วิธีการทำหนังของเขา เนื้อหาในหนังที่เขาทำมันพูดกับผม ปรัชญาการดำรงตัวตนของปัจเจกบุคคล ความเป็นมนุษย์ และวีรบุรุษในอุดมคติ อย่างเช่นใน No Regrets for Our Youth (1946)”   
 
ไนท์บอกว่า นักสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นผู้เป็นตำนาน ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธามายาวนานในไลก้า “ให้แรงบันดาลใจในการทำหนังเรื่องนี้แก่ผมในอีกมุมหนึ่งที่แตกต่างกันเลย   มิยาซากิค้นพบสิ่งที่เขาหลงใหล อย่างเช่นยุโรป และเขาทำให้สิ่งนั้นอยู่ในตัวเขา ผสมผสานมันเข้าด้วยกัน และร้อยเรียงออกมาเป็นงานศิลป์ของเขา เขาไม่ได้บอกเล่าข้อมูลหรือจำลองเรื่องจริง มันเป็นการตีความของเขาอย่างที่แสดงให้เห็นในศิลปะของเขา   ภาพแบบที่มิยาซากิใช้อ้างอิงถึงยุโรป เป็นวิธีการที่ผมอยากอ้างอิงถึงญี่ปุ่น นั่นคือนำเสนอมุมมองของผมที่มีต่อสถานที่และวัฒนธรรมที่มีความสำคัญมากต่อผมมายาวนาน”

ไนท์ยกเครดิตความกระตือรือร้นของเขาให้ทีมศิลปินผู้สร้างงานของไลก้า ที่มองกว้างออกไป ในการหาแหล่งข้อมูลของความคิดสร้างสรรค์ เพื่อต่อยอดแรงบันดาลใจ เดบราห์ คุก หัวหน้าฝ่ายออกแบบเครื่องแต่งกายศึกษาเทคนิคการพับอันโด่งดังของอิซเซ มิยาเกะ นักออกแบบแฟชั่นยุคใหม่ชาวญี่ปุ่น  ดีน โฮล์มสผู้ออกแบบและจัดแสงดูหนังสารคดีที่มีภาพสถานที่ในญี่ปุ่น และทีมสร้างหุ่นไปหาข้อมูลการสร้างชุดเกราะซามูไรที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะพอร์ทแลนด์

สถานที่และบรรยากาศที่แปลกประหลาด ที่คิด ออกแบบ และสร้างเป็นฉากสำหรับ Kubo and the Two Strings ได้แรงบันดาลใจจากเดวิด ลีน นักสร้างหนังชาวอังกฤษ   หนังของผู้กำกับชั้นครูคนนี้พาคนดูไปสู่โลกที่น่าทึ่งบนโลกใบนี้สำหรับการเดินทางตามหาบางสิ่งของตัวละคร  และไนท์ก็ต้องการให้ไลก้าทำแบบเดียวกันสำหรับหนังยิ่งใหญ่เรื่องนี้

เนลสัน โลว์รี คนออกแบบสร้างฉาก ที่เคยสร้างสรรค์สถานที่ที่เหมือนอีกโลกหนึ่งให้กับหนังของไลก้าเรื่อง ParaNorman พบว่า “การทำงานในหนังที่จมอยู่ในวัฒนธรรมอื่นน่าตื่นเต้นมาก  เราอยากสร้างสรรค์ศิลปะที่สวยงามของญี่ปุ่นออกมาดีที่สุดอย่างที่เป็น   การพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ไม้ในสมัยเอโดะเป็นการอ้างอิงหนึ่งที่
สำคัญมาก”

ในช่วงแรก ไลก้าเชิญศิลปินญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในสาขาต่างๆมาร่วมงานและให้คำปรึกษา เพื่อยกระดับกระบวนการความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานแต่ละวัน จากนักออกแบบท่าเต้นวัย 90 ซาโฮมิ ทาจิบานะ ที่เป็นผู้นำนักเต้นเพื่อสร้างสรรค์ฉากการรำวงในเทศกาลโอบ้งในหนัง ไปจนถึงที่ปรึกษาและล่าม ทาโร่ โกโตะ ซึ่งต้องเจอกับคำถามจากทีมงานทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะในการถ่ายทำช่วงแรก หรือโทรศัพท์ไปโตเกียว 

ในกรอบของการตีความ ไลก้าเห็นคุณค่าของความถูกต้องในการอ้างอิงทางวัฒนธรรม  ผู้กำกับศิลป์ อลิซ เบิร์ด เล่าถึงตอนที่โกโตะให้ข้อมูลในฉากที่คาเมโย หญิงชราในหมู่บ้านสื่อสารกับคูโบ้ขณะที่เขาเล่าเรื่องราว  แต่เดิมคิดกันไว้ว่าจะให้ตัวละครนี้นั่งบนพื้นตอนที่เขาเล่า “แต่ทาโร่บอกเราว่าผู้หญิงจะไม่นั่งบนพื้นแบบนั้น ไม่ว่าจะมีสถานะทางสังคมอย่างไร  มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้เห็น  ทำแบบนั้นคงช็อคมาก เราเลยเปลี่ยน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กๆ  แต่การบอกเล่ารายละเอียดเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อคุณพยายามจะถ่ายทอดภาพที่ถูกต้องของวัฒนธรรมและวิถีชีวิต  การทำงานใน Kubo and the Two Strings กลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับทุกคน   เราอยากทำให้สุดๆ เกินความคาดหมาย เพื่อแสดงความซื่อสัตย์ต่อวัฒนธรรมและปรัชญาของญี่ปุ่น”

เทศกาลโอบ้งเป็นฉากที่มีความสำคัญในหนัง เมื่อคูโบ้แสวงหาหนทางเยียวยาจาการสูญเสีย  ประเพณีโอบ้งของญี่ปุ่นคือการแสดงความคารวะต่อบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้ว มีรากฐานมาจากธรรมเนียมแบบชาวพุทธ และกลายเป็นวันหยุดประจำปีในญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงเวลานั้นเชื่อกันว่าวิญญาณของบรรพบุรุษจะกลับมายังโลกเพื่อเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องและลูกหลาน   ตามประเพณี จะมีการแขวนโคมไฟไว้หน้าบ้านเพื่อนำทางให้แก่วิญญาณของเหล่าบรรพบุรุษ   จะมีการการรำวงโอบ้ง (บงโอโดริ) มีการไปเยี่ยมคารวะหลุมศพ และทำอาหารไว้ที่บ้าน ศาลเจ้า   และวัด   การปฎิบัติในประเพณีโอบ้งมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่   ในบางที่จะมีการลอยโคมไฟในแม่น้ำ  ทะเลสาบ และทะเลในตอนจบของเทศกาล เพื่อนำทางวิญญาณบรรพบุรุษกลับไปสู่โลกของพวกเขา  เทศกาลโอบ้งมีขึ้นสามวันในช่วงกลางเดือนสิงหาคมในหลายเขตของญี่ปุ่น  ส่วนเขตอื่นจะจัดกันในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม

จอร์จ ทาเค ให้เสียงพากย์ในบทโฮซาโต  ผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเทศกาลโอบ้งแก่ลูกของเขา “ในหนัง ผมสอนให้ลูกสาวผมรู้จักประเพณีนี้ เพื่อคารวะต่อบรรพบุรุษของตัวละครของเรา  เรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล”

ซัทเนอร์บอกว่า “ในเรื่องราวของเรา โฮซาโตเป็นตัวแทนของคนที่เป็นเหมือนพ่อที่คอยชี้แนะ  และเขาอยู่ในฐานะตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับคูโบ้ ว่าพ่อที่รักลูกจะปฏิบัติต่อลูกยังไง และค้ำจุนขนบธรรมเนียมและความเชื่อในครอบครัว  ความคิดเรื่องการให้เกียรติคนในครอบครัว แม้ว่าพวกเขาจะจากไปแล้ว เป็นธีมสำคัญในเรื่องราว และเป็นสิ่งที่เราทุกคนเข้าใจ”

ทาเคมองว่า “ความตายเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล  เราใช้มันเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงความเคารพบรรพบุรุษของเรา และมันกลายเป็นการเฉลิมฉลองเช่นเกียวกับเป็นพิธีกรรม การร่ายรำเป็นส่วนสำคัญของเทศกาลโอบ้ง   ที่จริงแล้ว ตอนเป็นเด็ก ผมคิดว่าโอบ้งเป็นเทศกาลเต้นรำที่สำคัญ แต่ต่อมาพ่อแม่ก็อธิบายให้ผมฟัง ว่านั่นเป็นวิธีการที่เราแสดงความคารวะต่อประวัติศาสตร์ของครอบครัวเรา”

สำหรับทาเค การดูแลแม่ที่มีสภาพอารมณ์เปราะบางของคูโบ้ เป็นภาพสะท้อนที่มีพลังมาก  เขาเล่าว่า ”คุณแม่ผมสุขภาพแย่ลง และในที่สุดก็ย้ายมาอยู่กับผมและสามีผม แม่เอาโต๊ะหมู่บูชาแบบชาวพุทธของแม่มาด้วย และมันอยู่ตรงนั้นจนแม่จากไป  ความทรงจำและความมีเมตตาของบรรพบุรุษของเรามีความสำคัญมาก เพราะเราทุกคนต่างก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอยู่ตลอด”

เฮมส์บอกว่า “เรื่องราวของหนังสามารถเป็นเครื่องมือทางจิตวิญญาณได้  เรื่องราวที่คูโบ้เล่า นำไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียว ความเชื่อมโยงถึงกัน และความจริง  ดังนั้นการผจญภัยที่จับต้องได้ของเขาต้องสะท้อนสิ่งนั้น  ทำให้ฉากแอ็คชั่นสุดระทึกของเรา และฉากของสถานที่ที่น่าตื่นตา มีความหมายเป็นสองเท่า   ทุก ‘จังหวะ’ ของแอ็คชั่นภายนอก ต้องสะท้อนถึงการผจญภัยในส่วนลึกของตัวเอกของเรา”

happy on August 08, 2016, 06:37:03 PM



เรื่องของครอบครัว

Kubo and the Two Strings เป็นภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่เกี่ยวกับการค้นหา โดยมีภูมิประเทศที่สูงตระหง่าน การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นด้วยศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว อำนาจวิเศษ และตัวร้ายที่น่าสะพรึงกลัว แต่ก็เป็นเรื่องราวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่และการให้อภัยด้วยเช่นกัน เรื่องราวของเด็กคนหนึ่งที่พยายามนิยามความหมายของครอบครัวและประเพณี  และการเข้าใจว่าความสูญเสียและการเยียวยาเป็นสิ่งที่อยู่เคียงข้างกันในหัวใจของมนุษย์

ผู้กำกับทราวิส ไนท์บอกว่า “หนังของไลก้ามักจะเล่าเรื่องราวที่เป็นส่วนตัวเสมอ  แต่มันก็ขัดกัน คือยิ่งเรื่องราวมีความใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นเรื่องที่มีความเป็นสากลมากเท่านั้น  ในขณะที่มันเป็นแบบนั้นในหนังทุกเรื่องของเรา แต่มันมีความเป็นตัวผมใน Kubo and the Two Strings มากกว่าในงานไหนๆที่ผมเคยทำมา อาจจะทำให้ตกใจนิดหน่อยในเรื่องการเปิดเผยตัวตนส่วนหนึ่งของคุณ ที่โดยปกติแล้วคุณปกปิดและปกป้องมัน  แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำถ้าเราอยากเล่าเรื่องราวที่มีความหมาย มีความสำคัญ และเป็นหัวใจจริงๆ”

“อารมณ์ที่เป็นแก่นของเรื่องเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งกับแม่ของเขา นั่นเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตัวผมเอง  ผมเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเช่นเดียวกับคูโบ้  และการดำรงชีวิตของผมจะวนเวียนอยู่รอบๆแม่ผม   เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผม นั่นเป็นนิยามความสัมพันธ์ของชีวิตวัยเด็กของผม  หนังเรื่องนี้สำรวจช่วงเวลานั้นในชีวิตเรา ตอนที่สิ่งเหล่านั้นเริ่มจะเปลี่ยน จากนั้นก็เปลี่ยนแบบไม่มีทางหวนคืน  ตอนที่เราเรียนรู้เกี่ยวกับความจริงที่ลึกซึ้งและเศร้าโศกว่ารักคือทุกข์  นั่นเป็นความจริงที่เจ็บปวด แต่มันเป็นแง่มุมพื้นฐานในความหมายของการเป็นมนุษย์

ประสบการณ์ด้านศิลปะมีประโยชน์มากสำหรับไนท์  “การทำงานแอนิเมชั่นมายี่สิบปี  การพากเพียรอยู่กับการสร้างสรรค์ การพัฒนางาน การผลิต และการจัดการมาอย่างยาวนาน  ในที่สุดผมก็รู้สึกว่าตัวเองได้ปริญญาด้านความรอบรู้และทัศนคติ  การเป็นผู้กำกับได้ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ทุกอย่างที่ผมเคยมีมา  หนังเรื่องนี้เรียกร้องการทำงานด้านเทคนิค แต่ที่มากกว่าคือด้านอารมณ์  ขณะที่เราพัฒนาหนังขึ้นมา ผมก็รู้สึกมากขึ้นถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างตัวละครของเรากับชีวิตของผมเอง  ชีวิตเป็นเชื้อไฟของศิลปะ และประสบการณ์ของผมกับครอบครัวผม รวมกับชีวิตการทำงานในงานแอนิเมชั่น ให้ความมั่นใจกับผมว่าสามารถทำเรื่องนี้ออกมาดีที่สุดอย่างที่มันควรจะเป็น”

หลังจากอำนวยการสร้างและเป็นหัวหน้าทีมแอนิเมเตอร์ในผลงานที่ผ่านมาของไลก้า  ตอนแรกไนท์ประหลาดใจกับงานมากมายที่หน้าที่นี้ต้องทำ “เมื่อคุณเป็นผู้กำกับ คุณเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง  การตัดสินใจทุกอย่างด้านครีเอทีฟ ด้านศิลป์ และด้านเทคนิค ท้ายที่สุดก็จะมากองอยู่บนบ่าของผู้กำกับ  เศษผ้าทุกชิ้น เส้นผมทุกเส้นที่ตัดในวิกผมของของคูโบ้  ของประกอบฉากทุกชิ้นในทุกฉาก  ก้อนเมฆทุกก้อนบนท้องฟ้าทุกแห่ง  และดนตรีประกอบทุกเพลงต้องผ่านผู้กำกับ เป็นงานที่ทำให้หมดแรงได้เลย  แต่มันก็มีความสุขด้วย  คุณอยู่ท่ามกลางศิลปินมากมายที่มีความสามารถและมีความกระตือรือร้น  คุณพยายามให้แรงบันดาลใจกับพวกเขา แต่ท้ายที่สุด พวกเขาต่างหากที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณ  มันเป็นการร่วมมือกันที่งดงามมาก  การกำกับ Kubo คือประสบการณ์ที่ทำให้พึงพอใจอย่างสร้างสรรค์ที่สุดของชีวิตผม”

การมีหนึ่งในนักสร้างหนังที่เป็นแรงบันดาลใจของเขา คืออากิระ คูโรซาวา อยู่ในอันดับแรกของความคิด  ไนท์ตระหนักถึงการที่ “คูโรซาวามักจะวิเคราะห์ฮีโร่ในอุดมคติ และการที่คนคนหนึ่ง ต้องยืนหยัดเพียงลำพังตลอดช่วงเวลาของหนัง ต่อต้านระบบที่ด่างพร้อย หรือจารีต หรือแม้แต่ครอบครัว เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

“ในการก้าวข้ามครั้งสำคัญทีไม่สามารถย้อนกลับมาได้ จากวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่  คูโบ้ถูกบังคับให้ต้องเผชิญหน้ากับขนบประเพณี และประวัติความเป็นมาของครอบครัวเขา Kubo and the Two Strings  บอกเราว่าการมีครอบครัวมีหมายความอย่างไร และการที่ครอบครัวสามารถกำหนดให้เราเป็นคนที่เราเป็นและกลายมาเป็น  ธีมเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจจากหนังหลายเรื่องของคูโรซาวา”

การผสมเรื่องราวการผจญภัยที่ตื่นเต้นเร้าใจ และอารมณ์ของการค้นหาครอบครัวในเนื้อเรื่องของหนัง ดึงดูดความสนใจคริส บัทเลอร์ผู้เขียนบท  เขาบอกว่า “หนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดผมเข้ามาในโปรเจ็คต์นี้ในตอนแรก คือความสัมพันธ์ระหว่างคูโบ้กับลิง  มีอารมณ์ขันมากมายในการโต้ตอบกันของทั้งคู่  แต่เป็นอารมณ์ขันที่อิงกับคาแร็คเตอร์และสถานการณ์จริงๆ อย่างที่คุณจะพบเจอในหลายๆครอบครัว”

“ในธรรมเนียมนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น  ตัวเอกที่เดินทางไปตามหาสิ่งของบางอย่าง จะมีผู้นำทาง ซึ่งปกติแล้วจะเป็นผู้ชาย   มันเยี่ยมมากที่หนังให้ลิงเป็นเพศหญิง”

ผู้อำนวยการสร้างแอเรียนน์ ซัทเนอร์ บอกว่าไลก้าได้แนะนำให้คนดูรู้จักตัวละครเพศหญิงที่เข้มแข็งมาตลอด “ครั้งแรกเรามีโครอลไลน์ ตัวละครเอกเพศหญิงที่ไม่เหมือนแบบที่เคยมีสำหรับหนังแอนิเมชั่น  ใน ParaNorman เรามีแอ็กกี้  ใน Boxtrolls เรามีวินนี พอร์ทลีย์-ไรน์ด  ตอนนี้เราเพิ่มลิงลงไปในรายชื่อนั้นได้เลย”

นักแสดงรางวัลออสการ์ ชาร์ลิซ เธอรอน บอกว่า “สิ่งที่ฉันรักในหนังที่ไลก้าทำ คือการที่พวกเขายอมรับว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ได้มาได้ง่ายๆเสมอไป” เธอรอนตกลงพากย์เสียงในบทลิง กระตือรือร้นที่จะถ่ายทอดคุณลักษณะที่ “ดุ ตลก ช่างแดกดัน ฉลาด ไม่ขอโทษ และห่วงใยคูโบ้อย่างลึกซึ้ง”

“ในเรื่องนี้ฉันคิดถึงลูกชายฉันมาก   มีหลายอย่างที่ฉันเจาะจงเลือกแสดงสำหรับบทลิงที่มาจากความเป็นแม่ในตัวฉัน ซึ่งฉันอาจจะไม่ถ่ายทอดออกมาแบบนั้นถ้าฉันไม่ได้เป็นแม่  การปกป้องมากเกินไปที่ลิงมีต่อคูโบ้เป็นสิ่งที่ฉันพยายามฉลองเต็มที่ และคงการเชื่อมโยงนี้ไว้ให้มากที่สุดที่จะมากได้ เพราะฉันรู้สึกเป็นอย่างนั้นจริงๆ  ลิงเชื่อในความรักแบบที่ต้องเข้มงวด และฉันคิดว่าตัวเองเป็นแม่แบบนั้น  แม่ฉันเลี้ยงฉันมาแบบตรงไปตรงมามาก และฉันคิดว่าลิง ตรงไปตรงมากเกี่ยวกับความจริงทุกอย่างของชีวิต”   

“การที่ตอนนี้ฉันเป็นแม่แล้ว ก็เป็นเหตุผลเช่นกันว่าทำไมฉันอยากพากย์ Kubo and the Two Strings เพราะฉันมักจะพูดขำๆเสมอ ว่าลูกๆฉันจะไม่ได้ดูหนังเรื่องไหนที่ฉันแสดง จนกว่าพวกเขาจะอายุอย่างน้อย 55  และนี่คือหนังที่พวกเขาจะได้ดูจริงๆก่อนถึงตอนนั้น”

นักแสดงรางวัลออสการ์อีกคน แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ได้รับบทหนังและเริ่มอ่านให้ลูกๆของเขาฟังทุกคืนเป็นนิทานก่อนนอน “ตัวละครในหนังที่ลูกๆผมชอบจะเป็นตัวละครที่แสดงอะไรตลกๆ ทำหน้าตาท่าทางตลกๆ ในเรื่องนี้พวกเขาจะเอาใจช่วยตัวละครที่เป็นเบี้ยล่างซึ่งติงต๊องที่สุด หรือคนที่สังคมไม่ยอมรับ”

“ผมไม่เคยทำงานในหนังแอนิเมชั่นมาก่อน  และแน่ใจที่สุดว่าไม่ได้ทำงานในหนังที่เหมาะสำหรับเด็กมานานมาก  ผมเลยคิดว่า ‘ไปทำงานในหนังที่ให้ลูกๆดูได้สักเรื่องดีกว่า’ ผมตื่นเต้นที่สามารถเล่นอะไรตลกๆได้ในเรื่องราวของหนัง เป็นด้วงซามูไรที่เป็นโรคนอนไม่หลับ”

แม็คคอนาเฮย์บอกว่า “ด้วงเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ในความคิดของเขา   การโดนคำสาปทำให้เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองเป็นใครหรือมาจากไหน  ระหว่างการเดินทาง เขาเริ่มคืนสติและเชื่อมต่อกับพื้นเพและความเป็นมาในอดีตของเขา การมองโลกในแง่ดีแบบคนประสาทหลอน ทำให้เขาเป็นที่รัก และในที่สุดก็ช่วยให้เขาผ่านพ้นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ได้”

เธอรอนเปรียบเทียบลิงและด้วงกับตัวละครที่เป็นคู่หูกันในหนังยุคเก่า “มันย้อนกลับไปสมัยการสร้างหนังในยุคทศวรรษที่ 40  ที่จับตัวละครสองตัวมาอยู่ด้วยกันในรถไฟที่กำลังวิ่ง และดูพวกเขาต้องเผชิญหน้ากันและอยู่ด้วยกัน  พวกเขาไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ยกเว้นความรักที่มีต่อคูโบ้  และเพื่อเอาชีวิตให้รอดจากปีศาจและพายุและอย่างอื่นทุกอย่างที่โถมใส่ พวกเขาก็มาถึงจุดที่ต้องถามใจกัน ว่าอยากจะฝ่าฟันไปด้วยกันหรือเปล่า”

“ลิงมีบุคลิกภาพแบบ Type A มากๆ  และทุกอย่างจะต้องผ่านเธอก่อน  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมด้วง ซึ่งทำหน้าที่ในแบบที่ต่างกันสุดขั้ว จึงทำให้เธอหงุดหงิดนิดหน่อย”

แม็คคอนาเฮย์หัวเราะ “ลิงสงสัยในตัวด้วงอย่างแรงตอนเขาโผล่มา เพราะตอนแรกเขาดูเหมือนเป็นตัวอันตราย  มีอารมณ์ขันมากมายรับส่งกันไปมาระหว่างตัวละครสองตัวนี้  ด้วงทำให้เธอรำคาญพอสมควร แต่คุณจะเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อยๆพัฒนาขึ้นเมื่อมันต้องเป็น”

เนื่องจากการทำหนังของไลก้าต้องใช้เวลาหลายปี ไม่ใช่หลายเดือน การพากย์เสียงจึงถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ตอนแรก โดยทำเป็นช่วงๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลต้นทางสำหรับการทำงานของทีมแอนิเมเตอร์   ผู้อำนวยการสร้างแอเรียนน์ ซัทเนอร์ บกวา  “เราต้องการได้เด็กมาพากย์เป็นเสียงเด็กในหนังของเราเสมอ  แต่เวลาหลายปีของการผลิตก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย โชคดีที่อาร์ท พาร์คินสันคุมคาแร็คเตอร์คูโบ้ได้อยู่ตั้งแต่เริ่มแรกโดยไม่แกว่งเลย และความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเด็กชายคนนี้ก็ลึกซึ้งขึ้นตามช่วงเวลาที่บันทึกเสียง”

พาร์คินสันที่แฟนๆนับล้านรู้จักของจากบทริคคอน สตาร์ค ในซีรีส์เรื่อง Game of Thrones ได้เจอกับการงานที่ยิ่งใหญ่คนละแบบใน Kubo and the Two Strings และเช่นเดียวกับผู้พากย์ตัวหลักๆคนอื่นในหนัง การเข้าถึงตัวละครของนักแสดงหนุ่มน้อยก็ผ่านทางสายสัมพันธ์ในครอบครัว  “คูโบ้ทำหน้าที่เลี้ยงดูแม่ของเขาตอนต้นเรื่อง  เขาต้องทำตัวเป็นคนมีวินัยมากๆ  แต่วิธีที่เขาดูแลแม่บอกถึงความรู้สึกที่ห่วงใยมาก  ผมค่อนข้างใกล้ชิดกับแม่  มันจึงง่ายสำหรับผมในการเชื่อมโยงกับคูโบ้ในทางนั้น  ผมยังชอบเรื่องที่เขากล้าหาญมากกับการออกไปผจญภัยที่ใหญ่โตมหึมานี้”

อลิซ เบิร์ด ผู้กำกับศิลป์ของหนัง กลายเป็นคุณแม่ช่วงเดียวกับที่กำลังจะเริ่มการทำงานใน Kubo and the Two Strings  เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่งที่ออกไปผจญภัยที่อันตรายเพียงลำพัง จึงเป็นเรื่องที่มีความหมายใหม่สำหรับเธอไปทันที  เบิร์ดบอกว่าทำไมการทำให้สำเร็จในสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ จึงสำคัญมากสำหรับคูโบ้  “คนทั้งหมู่บ้านหวังพึ่งพาเขา  เขามีลิงและด้วงเป็นผู้ช่วย แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องด้วยตัวเขาเอง”

ซัทเนอร์บอกว่า “ไลก้าเป็นครอบครัวของศิลปินจริงๆ ไม่มีอะไรที่ทำให้พอใจอย่างสร้างสรรค์ได้มากกว่าการเห็นคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้  มากกว่า 400 คนตอนรวมพลเต็มที่  ค่อยๆทำให้บทหนังมีชีวิตขึ้นมา เริ่มจากการสร้างหุ่น จากนั้นก็ฉาก แสง และการลงเสียง   มันน่าอัศจรรย์มาก และเกินความคาดหมายของฉันเสมอ”

ลูกสาวของเทรเวอร์ ดาลเมอร์ ผู้ออกแบบคอนเส็ปต์ เกิดในช่วงเดียวกับที่เขาทำงานใน Kubo and the Two Strings  ทำให้กระบวนการของการถ่ายทอดเรื่องราวนี้กระทบใจมาก เขาเล่าว่า “ช่วงแรกๆที่เราดูแอนิเมติก (ร่างแรกของหนังซึ่งเป็นภาพนิ่งและสตอรีบอร์ด กับเสียงจากบทพูดในหนังที่นักแสดงบันทึกเสียงไว้ก่อนแล้ว) ผมน้ำตาไหล  ผมรู้สึกว่าคนดูจะเข้าใจอารมณ์ในหนังของเราตอนดูในโรง”   

ดาริโอ มาริอาเนลลี คนทำดนตรีประกอบที่ได้รับรางวัลออสการ์ ซึ่งทำดนตรีให้กับหนังของไลก้าเป็นเรื่องที่สองติดต่อกันหลังจาก The Boxtrolls  ทำดนตรีของเขาจากส่วนที่เกี่ยวกับครอบครัวเช่นกัน “ผมแต่งเพลงธีมที่สามารถเล่นได้ทุกครั้งที่มีฉากพูดคุยกันถึงความเป็นมาของครอบครัวคูโบ้ โดยเฉพาะตอนที่เกี่ยวกับพ่อของเขา นี่เป็นหนังที่ใหญ่ แต่ผมต้องวางธีมนี้เป็นธีมสำคัญ”

มาร์ก เฮมส์ ผู้เขียนบท รู้สึกว่าความต้องการของคนดูที่จะเข้าใจโลกผ่านการเล่าเรื่องที่มีพลัง เป็นการผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว “มันเปลี่ยนเราจากคนแปลกหน้ากลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งโลก  เรื่องราวที่ดีเป็นเหมือนกระจกที่ทำให้เราได้มองข้ามอัตตาของเรา และตระหนักว่าเราทุกคนกำลังทำงานด้วยกันในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวใหญ่นั้น”

เรล์ฟ ไฟน์ส นักแสดงที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์ ผู้พากย์เสียงมูนคิง บอกว่าหนังเรื่องนี้ ”คล้ายเรื่องราวในเทพนิยายกรีกหรือตำนานปรัมปรา ไม่รู้สึกว่ามันเหมือนเรื่องราวในแอนิเมชั่นแบบที่ทำๆกันมา การดีไซน์จะดึงดูดใจคนดูรุ่นเยาว์หรือหนุ่มสาว แต่ผมคิดว่าขอบเขตของงานศิลปะจะดึงดูดใจคนดูวัยผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน”

ไนท์เล่าว่า “ทุกอย่างในชีวิตผมเปลี่ยนไปหมดตอนผมมีลูก  ความจริงข้อนี้เป็นหัวใจสำคัญของ Kubo and the Two Strings   สิ่งที่เรานำมาใส่ลงไปในหนังคือชีวิตเรา คือความสัมพันธ์ของเรากับพ่อแม่เรา กับคู่ของเรา กับลูกๆของเรา และความรักตลอดกาลของเราที่มีต่อศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลายของญี่ปุ่น Kubo and the Two Strings เป็นทั้งแถลงการณ์ส่วนตัว คือเป็นจดหมายรักของผมถึงแม่ผม  และเป็นการประกาศต่อสาธารณะถึงคำมั่นสัญญาของไลก้า ในการบอกเล่าเรื่องราวที่มีความหมาย”