MSN on June 28, 2016, 08:24:24 AM
บลจ.กรุงไทยขายตราสารหนี้3เดือนชู1.40%ต่อปี
                 
นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า   บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ  103 ( KTFF103 ) เสนอขาย วันที่ 29มิถุนายน – 5 กรกฎาคม  2559   อายุ 3 เดือน  เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศทั้ง100%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  ซึ่งประกอบด้วย  เงินฝากประจำ  Bank of china  (Macau)   , China Construcytion Bank (Asia) Corp.Ltd  , Agricultural Bank  of CHINA , Union National  Bank  PJSC  และ First  Gulf  Bank  PJSC ผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี   เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการล็อคผลตอบแทนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ   และบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี

ทั้งนี้  จากเหตุการณ์   Brexit  ทำให้เกิดการคาดการณ์ถึงมาตรการต่างๆของธนาคารกลางหลักๆ โดยรัฐบาลญี่ปุ่น  ทั้งนายกรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง พร้อมที่จะออกนโยบายแทรกแซงค่าเงินเยน หากมีการแข็งค่ามากเกินไป   ในขณะเดียวกันตลาด ก็มีการคาดว่า  Fed  จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมนี้   รวมถึงมีโอกาสมากขึ้นที่จะลดดอกเบี้ยด้วยซ้ำ เพื่อที่จะสร้างเสถียรภาพ และความมั่นใจให้กับตลาดหลังเกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงค่อนข้างมาก

เศรษฐกิจไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเหตุการณ์ Brexit เนื่องจากสัดส่วนการค้าที่ค่อนข้างจำกัด ผลกระทบหลักจะไปอยู่ในภาคส่งออกบางส่วนเท่านั้น   และประเทศไทยมี Current account ที่สูงมาก ทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย   ส่วนอัตราดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทย ยังคงอยู่ที่ 1.50%

บลจ.กรุงไทยคาดว่า  ประเทศไทย จะได้รับผลกระทบทางอ้อม   ในขณะที่ตลาดต่างประเทศ  โดยเฉพาะยุโรปและอังกฤษ จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากทั้งตลาดตราสารหนี้  และตราสารทุน  โดยระยะสั้นสินทรัพย์ปลอดภัยจะสามารถช่วยลดผลกระทบได้   

โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุตามแรงซื้อกลับของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศตามความกังวลจากความไม่แน่นอนหลังการลงประชามติถอนตัวออกจาก EU ของ UK (Brexit) ในขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม จากความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจในประเทศยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องและเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งหลังของปี โดยในส่วนของนักลงทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยอดขายสุทธิจำนวน 191 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นผลกระทบต่อเนื่องจาก Brexit ต่อตลาดการเงินทั่วโลก ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ  และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ

อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนตามกระแส Risk off จากความไม่แน่นอนของตลาดการเงินหลังการลงประชามติถอนตัวออกจาก EU ของ UK (Brexit) โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 6 bps มาอยู่ที่ 0.64% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps. มาอยู่ที่ 1.08% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps.มาอยู่ที่ 1.57% ต่อ
« Last Edit: June 28, 2016, 03:56:35 PM by MSN »