happy on May 01, 2016, 06:40:26 PM

ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ
โดยความร่วมมือกับ เพอร์เฟ็กต์ เวิลด์ พิคเจอร์ส
ผลงานการสร้างของ เกรย์/ กู้ด ยูนิเวอร์ส
ภาพยนตร์โดย นิโคลัส สโตลเลอร์
เซ็ธ โรเก้น
แซ็ค เอฟรอน
โรส เบิร์น
โคลอี้ เกรซ มอเร็ทซ์
เดฟ ฟรังโก้
ไอก์ บารินโฮลทซ์

ผู้อำนวยการสร้างบริหาร
นาธาน คาแฮน
โจ เดรก
เท็ด กิดโลว์
แอนดรูว์ เจย์ โคเฮน
เบรนแดน โอเบรียน

อำนวยการสร้างโดย
เซ็ธ โรเก้น, พีจีเอ
อีวาน โกลด์เบิร์ก, พีจีเอ
เจมส์ วีเวอร์, พีจีเอ

สร้างจากตัวละครที่สรรค์สร้างโดย
แอนดรูว์ เจย์ โคเฮน และเบรนแดน โอเบรียน

เขียนบทโดย
แอนดรูว์ เจย์ โคเฮน & เบรนแดน โอเบรียน & นิโคลัส สโตลเลอร์ &
อีวาน โกลด์เบิร์ก & เซ็ธ โรเก้น

กำกับโดย
นิโคลัส สโตลเลอร์

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=l7itGglRLLc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=l7itGglRLLc</a>

ชื่อภาพยนตร์      BAD NEIGHBOURS 2:SORORITY RISING
ชื่อไทย      เพื่อนบ้านมหา(บรร)ลัย 2
วันที่เข้าฉาย      5 พฤษภาคม 2559
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด


เบื้องหลังงานสร้าง

           เหล่าดารานำกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่ว่าจะเป็น เซ็ธ โรเก้น (The Night Before), แซ็ค เอฟรอน (Dirty Grandpa) และโรส เบิร์น (Spy) ร่วมสมทบความฮาด้วย โคลอี้ เกรซ มอเร็ทซ์ (The Equalizer) ใน  Neighbors 2: Sorority Rising ภาคต่อของภาพยนตร์ตลกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งปี 2014 นิโคลัส สโตลเลอร์ (Forgetting Sarah Marshall) กลับมาทำหน้าที่ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อความต้องการของพ่อแม่ ขัดกับความผูกพันของสมาชิกบ้านภราดรภาพสาว

      บัดนี้ ลูกคนที่สองของ แม็ค (โรเก้น) และเคลลี่ แร็ดเนอร์ (เบิร์น) กำลังจะลืมตาดูโลก พวกเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว นั่นหมายถึงการย้ายไปอยู่ย่านชานเมือง แต่ขณะที่พวกเขาคิดว่าจะได้ความเงียบสงบกลับคืนมา และปลอดภัยที่จะขายบ้านแล้ว พวกเขากลับพบว่าคนใหม่ที่เข้ามาครอบครองบ้านข้างๆ ของพวกเขาคือชมรมภราดรภาพที่เฮี้ยวยิ่งกว่าเท็ดดี้ (เอฟรอน) และเหล่าเพื่อนหนุ่มเสียอีก

      เพราะกำลังเซ็งสุดขีดกับระบบที่เข้มงวดและการเหยียดผู้หญิงในมหาวิทยาลัย เหล่าสาวๆ สุดเฮี้ยวจากบ้านแคปปานู จึงตัดสินใจย้ายมาปักหลังในบ้านที่พวกเธอสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่พวกเธออยากทำ เมื่อ เชลบี้ (มอเร็ทซ์) และเหล่าพี่น้อง อันได้แก่ เบ็ธ (เคียร์ซี่ย์ เคลมอนส์ จาก Amazon’s Transparent) และนอร่า (บีนนี่ เฟลด์สตีน จาก Fan Girl) พบบ้านหลังเหมาะที่อยู่นอกสถาบันการศึกษาไม่ไกลนัก พวกเธอไม่ยอมปล่อยให้ความจริงที่ว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนถนนที่เงียบสงบ มาขว้างเส้นทางงานปาร์ตี้ที่ต้องเปรี้ยวจี๊ดและมันส์กระจายไม่แพ้ปาร์ตี้ของพวกหนุ่มๆ

      เมื่อถูกสถานการณ์บีบให้ต้องหันไปพึ่งพิงอดีตเพื่อนบ้านผู้มีความสามารถในการจัดการกับเพื่อนบ้านรายใหม่ พวกแร็ดเนอร์ พร้อมด้วยเพื่อนซี้อย่าง จิมมี่ (ไอก์ บารินโฮลท์ซ จากภาพยนตร์ใหม่เรื่อง Suicide Squad) และพอลล่า (คาร์ล่า กัลโล จาก Superbad) จึงต้องดึงตัว เท็ดดี้ (เอฟรอน) ผู้มากความสามารถเข้ามาทำหน้าที่เป็นเหมือนอาวุธลับของพวกเขา ถ้าเขาสามารถแทรกซึมเข้าไปในชมรมหญิงแห่งนี้ และหว่านเสน่ห์ให้พวกเธอหลงไหลได้ พวกแร็ดเนอร์ก็จะสามารถปิดบ้านแคปปานู แต่ถ้าพวกเขาคิดว่าเพื่อนบ้านสาวแสนซ่าส์ของพวกเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ โดยไม่ต่อสู้ พวกเขาก็กำลังประมาทพลังมันสมองอันชาญฉลาดของสาวแรกรุ่นและความเพี้ยนของพวกเธอไปเสียแล้ว

       Neighbors 2: Sorority Rising ยังได้ทีมนักแสดงสมทบชั้นยอดที่กลับมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา นำทีมโดย เดฟ ฟรังโก้ (21 Jump Street), คริสโตเฟอร์ มินท์ซ-แพลสส์ (This Is the End) และเจอร์ร็อด คาร์ไมเคิล (The Carmichael Show) ในบทสมาชิกชมรมเดลต้า ไซ รวมถึงขวัญใจอย่าง ลิซ่า คูโดรว์ (Web Therapy) ในบทคณบดี แครอล แกล็ดสโตน

       สำหรับภาพยนตร์ตลกเรื่องนี้ ทางทีมผู้สร้างได้รวบรวมทีมงานหลังกล้องที่มีทั้งทีมงานชุดเดิมและทีมงานใหม่ นำทีมโดยผู้กำกับภาพ แบรนดอน ทรอสต์ (This Is the End, The Interview), โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เธเรซ่า กูเลสเซอเรี่ยน (Togetherness, Before We Go), ผู้ลำดับภาพ ซีน เบเกอร์ (The Interview, This Is the End), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ลีซ่า อีแวนส์ (Zoolander 2, Trainwreck) และผู้แต่งดนตรีประกอบ ไมเคิล แอนดรูว์ส (Bridesmaids, Neighbors)

       ที่กลับมาทำหน้าที่เดิม ก็คือ ผู้อำนวยการสร้าง อีวาน โกลด์เบิร์ก (This Is the End, The Interview), เจมส์ วีเวอร์ (This Is the End, The Interview) และโรเก้น ที่ทำหน้าที่อำนวยการสร้างภายใต้ชื่อบริษัท พอยต์ เกรย์ พิคเจอร์ส

       สร้างจากตัวละครที่สร้างสรรค์โดย แอนดรูว์ เจย์ โคเฮน และเบรนแดน โอเบรียน จาก Neighbors ภาพยนตร์เรื่อง Neighbors 2: Sorority Rising เขียนบทโดย โคเฮน และโอเบรียน และสโตลเลอร์ และโกลด์เบิร์ก และโรเก้น นาธาน คาแฮน (Juno) และ โจ เดรก (ภาพยนตร์ชุด The Hunger Games) จากกู้ด ยูนิเวิร์ส กลับมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ร่วมกับ เท็ด กิดโลว์ (The DUFF), โคเฮน และโอเบรียน







เบื้องหลังงานสร้าง

ย่านเดิม ไร้กฏ :
เหล่าเพื่อนบ้านคืนจอ

             Neighbors ภาพยนตร์ตลกภาคแรก ซึ่งเปิดตัวฉายไปเมื่อปี 2014 โดนใจคนดูที่เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างคู่ผัวเมียกับชมรมเด็กมหาวิทยาลัยที่ย้ายมาอยู่ข้างบ้านพวกเขา และเป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้โกยรายได้  แถมยังได้เสียงวิจารณ์ชื่นชม นำมาซึ่งการพูดคุยกันในหมู่ผู้สร้าง อันได้แก่ ผู้กำกับนิโคลัส สโตลเลอร์ และทีมผู้อำนวยการสร้าง เซ็ธ โรเก้น, อีวาน โกลด์เบิร์ก และเจมส์ วีเวอร์ ถึงงานสร้างภาพยนตร์ภาคต่อ

       ด้วยความตั้งใจที่จะไม่ให้ผลงานของพวกเขาต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับภาพยนตร์ตลกภาคต่อที่ดูซ้ำซากอย่างที่เคยเห็นในอดีต ที่มักลงเอยด้วยการนำเสนอเรื่องราวซ้ำๆ ของภาพยนตร์ต้นฉบับแต่อัดเนื้อหาแน่นจนเกินไป ทางทีมผู้สร้างเน้นย้ำว่าการสร้างเรื่องให้ดูใหญ่ขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผลงานที่ดีกว่าเดิม โรเก้น ซึ่งแสดงนำและทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์ภาคต่อนี้ด้วย ให้ความเห็นไว้ว่า “ในการพูดคุยของเรา เราไม่ได้คุยกันว่าจะขยายให้มันบานปลายออกไปอย่างไร ซึ่งภาพยนตร์ภาคต่อมากมายมักเดินผิดพลาดไปในทางนั้น แต่เราคุยกันว่าจะพัฒนามันไปอย่างไร เราไม่ได้พยายามเพิ่มและทำหนังให้ออกมาเป็นหนังภาคแรกในแบบที่ใหญ่ขึ้น เราต้องการจะสำรวจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในชีวิตของคนเหล่านี้”

       เพื่อหลีกเลี่ยงหลุมพลางและความผิดพลาดที่ภาพยนตร์ภาคต่อส่วนใหญ่มักเดินตกลงไป ทางทีมสร้างสรรค์ทีมนี้ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับภาพยนตร์ภาคต่อที่พวกเขารู้สึกว่ามีธีมคล้ายๆ กัน และพวกเขาก็พบแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแหล่งข้อมูลที่น่าประหลาดใจ สโตลเลอร์กล่าวว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เหมือนภาพยนตร์ Toy Story ระดับเรท R…แต่ถึงยังไงมันก็คือ Toy Story นั่นแหละ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเติบโต การมีอายุมากขึ้น และสิ่งที่ทั้งสนุกและหวานปนขมเกี่ยวกับกระบวนการเติบโต และมันเกี่ยวพันกับตัวละครทุกตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไร”

       สองสามปีต่อมาหลังจากจัดการกับกลุ่มหนุ่มๆ ที่ย้ายมาอยู่ข้างบ้าน แม็คและเคลลี่ พบว่าพวกเขากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตใหม่ เมื่อลูกคนที่2 กำลังจะเกิด ทั้งคู่อยู่ระหว่างเตรียมตัวย้ายครอบครัวที่กำลังเพิ่มจำนวนสมาชิกออกไปจากเมืองในแหล่งมหาวิทยาลัย และมุ่งหน้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว 

       บัดนี้ สเตลล่า (เอลิส วาร์กัส) กำลังเข้าสู่ช่วงอายุที่เด็กน้อยได้ค้นพบพลังของคำว่า “ไม่!” แม็คและเคลลี่จึงต้องเผชิญหน้ากับความคิดที่ว่าสักวันหนึ่งลูกสาวที่น่ารักของพวกเขาจะต้องเติบโตกลายเป็นวัยรุ่นหัวรั้น และมองพวกเขาด้วยความชิงชังเหมือนสมัยที่พวกเขาเคยเป็นเมื่อครั้งวัยรุ่น สโตลเลอร์สรุปว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสยดสยองและความหวาดกลัวที่พ่อแม่ทุกคนต่างเคยรู้สึกว่าพวกเขากำลังเป็นพ่อแม่ที่แย่มาก และสักวัน ลูกของพวกเขาจะต้องเกลียดพวกเขาแน่”

       ความรู้สึกเหล่านี้คือสิ่งที่สร้างความสนใจให้กับทีมผู้สร้าง โรเก้นกล่าวว่า “ภาพยนตร์ภาคแรก พูดถึงการไม่อยากยอมรับไอเดียของการโตเป็นผู้ใหญ่ และยังคงอยากจะได้ปาร์ตี้และทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่น ในภาพยนตร์ภาคนี้ พวกเขายอมรับแล้วว่าพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่อยากยอมรับว่าลูกๆ ของพวกเขาจะต้องเติบโต และในที่สุดก็อาจจะไม่ค่อยชอบหน้าพวกเขา ในขณะที่ภาพยนตร์ภาคแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับแม็คและเคลลี่ที่ยังอยากจะทำตัวเป็นเด็กอยู่ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่พวกเขาพยายามที่จะควบคุมเด็กคนหนึ่ง” 

       สำหรับอดีตเพื่อนบ้านของครอบครัวแร็ดเนอร์ อันได้แก่ เท็ดดี้ แซนเดอร์ส เวลาได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้รับการยกโทษให้ หลังจากการล่มสลายของเดลต้าไซและการที่เขาโดนขับไล่ เท็ดดี้ต้องติดแหง็กอยู่กับงานขายของที่ไร้ความหมาย เขากลายเป็นคนไร้เป้าหมายและทิศทาง

       ขณะที่เพื่อนๆ ร่วมชมรมของเขาต่างลงหลักปักฐานตามแบบชีวิตของผู้ใหญ่ และเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวทั้งในเรื่องหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว เท็ดดี้ก็ยิ่งรู้ตัวว่าเขาอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง “เท็ดดี้อยู่ในสภาวะที่เปราะบางมาก” เอฟรอนอธิบาย “เขาก้าวมาสู่ขอบแนวของขั้นใหม่ของชีวิต และกำลังเจอวิกฤตชีวิต บรรดาเพื่อนพ้องพี่น้องในเดลต้าไซของเขาต่างก้าวไปข้างหน้าและประสบความสำเร็จ แต่ชีวิตเขากลับซบเซา และไม่ก้าวหน้าไปไหนเลย”

       ขณะที่เท็ดดี้กำลังเกิดความสงสัยว่าจะใช้ความสามารถพิเศษของเขา (ซึ่งดูเหมือนจะไร้ประโยชน์) เพื่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร แม็คและเคลลี่ก็กำลังเตรียมตัวสู่ก้าวใหญ่ก้าวต่อไป ขณะที่ผู้ซื้อตัดสินใจและอยู่ในช่วงเตรียมการซื้อขาย สายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาอีกครั้ง เมื่อมีผู้เช่าคนใหม่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านที่พวกเดลต้าไซเคยเช่าอยู่ โรส เบิร์นอธิบายว่า “แม็คกับเคลลี่พยายามจะนำชีวิตก้าวไปข้างหน้า และมีกลุ่มชมรมใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ข้างบ้านพวกเขา พวกเขาต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่ว่าพวกเขาอาจจะต้องเสียบ้านที่พวกเขากำลังจะขาย รวมถึงบ้านที่พวกเขาเพิ่งซื้อ เดิมพันจึงสูงมาก”

       กลุ่มชมรมสาวกลุ่มนี้กลายเป็นเครื่องเตือนใจที่แสนโหดร้ายที่ทำให้แม็คและเคลลี่นึกถึงความกลัวที่โหดร้ายที่สุดนั่นก็คือ ที่สุดแล้วลูกสาวของพวกเขาอาจจะเติบโตขึ้นมาและเกลียดพวกเขา โรเก้นอธิบายว่า “เรายอมรับว่าเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เราก็ไม่อยากยอมรับว่าลูกๆ ของเราจะต้องเติบโต และเริ่มไม่ชอบหน้าพวกเรา และในที่สุดก็จะกลายเป็นเหมือนสาวๆ ที่อยู่ข้างบ้านพวกเรา”

       ขณะพัฒนาโปรเจ็กต์นี้ ไอเดียในการคิดสร้างเรื่องราวอันหลากหลายถูกคิดขึ้น (หลายปีต่อมา พวกเดลต้าไซกลับมา และมีจุดปาร์ตี้ที่เรียกว่า ดอร์มโมโพลิส!) ในที่สุด ทีมที่คิดสร้างสรรค์ก็ลงเอยกับไอเดียที่ให้มีกลุ่มชมรมหญิงที่ชอบปาร์ตี้ ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านว่างข้างๆ บ้านพวกเขา จากนั้น พวกเขาก็ค้นพบเรื่องที่น่าประหลาดใจ “มีคนๆ หนึ่งในสำนักงานของเราเคยอยู่ในกลุ่มชมรมแบบนี้มาก่อน และเขาก็ได้ยินพวกเราคุยกันถึงไอเดียที่มีกลุ่มชมรมสาวที่ปาร์ตี้หนักย้ายเข้ามาอยู่ข้างบ้าน” โรเก้นเล่า “เธอเอ่ยขึ้นมาว่าที่จริงแล้วพวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้จัดปาร์ตี้หรอกนะ เมื่อเราลองคิดกันดูแล้ว เราพบว่ามันคือความจริงที่ทำให้เราได้ไอเดียของโครงเรื่องนี้ขึ้นมา”   

       ในความเป็นจริง การลองเซิร์ชกูเกิ้ลดูแค่นิดเดียวก็จะรู้ว่ากลุ่มบ้านสาวๆ เหล่านี้มีข้อห้ามไม่ให้ดื่มแอลกอฮอลในที่พักของพวกเธอ ด้วยการค้นพบความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ทางทีมผู้สร้างจึงสะดุดประเด็นที่น่าสนใจที่ช่วยขยายขอบเขตของ Neighbors ออกไปอีก “เมื่อเราเริ่มต้นค้นคว้าว่ากลุ่มบ้านสาวๆ เหล่านี้เป็นยังไง แล้วเราก็ต้องช็อคว่าระบบมีการเหยียดเพศแค่ไหน” อีวาน โกลด์เบิร์กกล่าว “เซ็ธกับผมมาจากแคนาดา และคาดกันว่าพวกเธอคงจะจัดปาร์ตี้เหมือนกับพวกบ้านนิสิตชาย เรารู้ว่าการใส่โทนแนวคิดเรื่องสิทธิสตรีเข้าไปในโครงเรื่อง จะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจมากขึ้น”

       แน่นอน สาวๆ เหล่านี้ที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัย แบร็กซ์ตัน ต่างพร้อมที่จะได้สัมผัสรสชาติของวัฒนธรรมในรั้วมหาวิทยาลัย พวกเธอได้อยู่ห่างไกลจากสายตาพ่อแม่ และข้อบังคับตามแบบของชีวิตนักเรียนไฮสกูล เมื่อพวกเธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าพวกเธอไม่สามารถจัดปาร์ตี้สนุกสนานได้เท่ากับพวกผู้ชาย พวกเธอก็พบอุดมการณ์ที่คุ้มค่าที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้มา เด็กสาวที่มีความนับถือตัวเองต้องต่อสู้เพื่อสิทธิที่จะได้ปาร์ตี้

       เมื่อบ้านหนึ่งพยายามจะขายบ้านให้ได้ และอีกบ้านต้องการจะเริ่มต้นอาณาจักรของพวกเธอโดยอยู่นอกระบบที่ผู้ชายเป็นใหญ่ หลายอย่างจึงบานปลายไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเท็ดดี้ติดอยู่ตรงกลาง เมื่อวิธีที่สาวๆ นำมาใช้เริ่มอำมหิตมากขึ้น ฮีโร่ของเราถูกบีบให้ต้องเลือกระหว่างบ้านของหนุ่มๆ กับระบบที่เขาเคยรัก หรือยอมเปลี่ยนข้างเพื่อจะทลายบ้านสาวๆ หลังนี้

       ทีมผู้สร้างตัวละครของภาพยนตร์ภาคแรก แอนดรูว์ เจย์ โคเฮน และเบรนแดน โอเบรียน ร่วมมือกับโรเก้น, วีเวอร์ และสโตลเลอร์ เพื่อทำหน้าที่เขียนบทให้กับภาพยนตร์ตลกภาคที่สองนี้ พวกเขาช่วยกันจินตนาการเรื่องราวที่แม็คและเคลลี่ต้องสู้หัวชนฝากับกลุ่มเด็กสาว ที่พยายามท้าทายระบบที่มีการเหยียดเพศ

       ศักดิ์และศรีของกลุ่มบ้านนิสิตสาวเหล่านี้ ทำให้พวกเธอทำตัวร้ายได้ และทำให้เส้นแบ่งว่าใครเป็นผู้ร้ายเหมือนลางเลือนไป “สาวๆ บ้านแคปปานู มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนกว่า และมีเป้าหมายมากกว่า” โรเก้นบอก “ว่ากันว่าผู้ร้ายที่ดีที่สุดมักน่าเห็นใจ เพราะเช่นนั้น สาวๆ เหล่านี้สามารถที่จะโหดได้มากกว่า และน่ากลัวกว่าหนุ่มๆ เดลต้าไซ” 

       เช่นเดียวกับเวลาเกิดสงคราม คุณธรรมต้องถูกทดสอบเมื่อต้องต่อสู้เพื่อความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงบนเส้นทางสู่ความชอบธรรม สโตลเลอร์กล่าวว่า “สิ่งที่สาวๆ กลุ่มนี้อยากทำก็คือการได้มาซึ่งศักดิ์ศรี ดังนั้นแม้กระทั่งเมื่อพวกเธอกลายเป็นที่ชิงชังสำหรับแม็คและเคลลี่ คุณก็ยังเอาใจช่วยให้พวกเธอทำได้สำเร็จ เพราะพวกเธอกำลังต่อสู้กับระบบ”

       เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทีมครีเอทีฟที่พวกเธอจะต้องดูเป็นตัวละครที่สมจริง ไม่ใช่แค่มุขตลก สาวๆ ของบ้านแคปป้า นู กำลังต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกเธอมีศรัทธาจริงๆ ไอเดียต่างๆ ถูกสำรวจผ่านตัวละครที่ชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงถูกแสดงให้เห็นในภาพยนตร์แนวนี้อย่างไร ในโลกของ Neighbors ผู้หญิงเป็นตัวของตัวเองและมีอิสระมากพอที่จะหาความสนุกด้วยตัวเอง เหมือนกับผู้ชาย

       “หนึ่งในมุขตลกของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ เรามีตัวละครทึ่ม  มากมายที่ออกมาโต้แย้งเรื่องกฎของสิทธิสตรี” สโตลเลอร์บอก “เป็นตัวละครนักเรียกร้องสิทธิสตรีในแบบที่สามารถทำตัวซื่อบื้อ ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นว่าภาพยนตร์ตลกมากมายหลายเรื่องมักไม่ยอมให้ผู้หญิงทำตัวซื่อบื้อแบบผู้ชายได้”




« Last Edit: May 01, 2016, 06:58:36 PM by happy »