MSN on April 05, 2016, 09:10:26 AM
บลจ.กรุงไทยขายตราสารหนี้3-6เดือนชู1.40%ต่อปี

นางชวินดา  หาญรัตนกูล  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด   เปิดเผยว่า  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย  2 กองทุนตราสารหนี้   ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน1 ( KTSIV3M1 ) อายุ 3 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 8 เมษายน 2559  และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน1 ( KTSIV6M1) อายุ6เดือน เสนอขายถึงวันที่ 12 เมษายน 2559   โดยทั้ง 2 กองทุนเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ  ประเภทเงินฝาก ตั๋วเงินคลัง  พันธบัตรรัฐบาล  พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย   และตราสารหนี้ภาคเอกชน    ผลตอบแทนประมาณ 1.40%ต่อปี  ผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี

นางชวินดา  กล่าวต่อไปว่า    กองทุนเปิดเคแทม โกลบอล แม็คโคร  ออพเพอทูนิตี้ ฟันด์ (KT-GMO)   ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน  โดยในช่วงที่เปิดจำหน่าย IPO  มียอดเงินลงทุนเข้ามาประมาณ 800  ล้านบาท  จากมูลค่าโครงการ1,000 ล้านบาท   และขณะนี้บริษัทได้เปิดจำหน่ายรอบใหม่ ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2559  เป็นต้นไป    หากนักลงทุนที่สนใจซื้อหน่วยลงทุน  สามารถซื้อผ่านตัวแทนจำหน่าย โบรกเกอร์ต่างๆ   ธนาคารซิตี้แบงก์  ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์  และบลจ.กรุงไทย  เงินลงทุนขั้นต่ำ 550,000  บาท

ทั้งนี้  สาเหตุที่กองทุน KT-GMO  ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากการวางเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์การลงทุนของกองทุนรวมหลัก JP Morgan  Investment Funds- Global Macro Opportunities  Fund ที่จะเน้นบริหารในการสร้างผลตอบแทนให้เป็นบวกในทุกสภาวะตลาด รวมถึงการควบคุม ความผันผวนจากการบริหารกองทุนรวมหลัก ให้ไม่เกิน 6-10% และเน้นป้องกันความเสี่ยงจากตลาดขาลง ผลตอบแทนย้อนหลัง  ณ วันที่ 29  กุมภาพันธ์ 2559  กองทุนรวมหลักสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย3ปีย้อนหลังอยู่ที่ 11.86% ต่อปี และ ค่าความผันผวนเฉลี่ย (ต่อปี) 3 ปีย้อนหลัง อยู่ที่ 7.13% และยังได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar 5 ดาว อีกด้วย    กองทุนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ  ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ซบเซา  และการลงทุนมีความผันผวนสูง

ส่วนอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศอายุคงเหลือตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปมีการปรับตัวลดลงตามแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศ ตามกระแสเงินลงทุนไหลเข้าเพื่อหวังผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed) มีแนวโน้มที่จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ ประกอบกับเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลกและตราสารหนี้ออกใหม่ที่มีน้อยกว่าความต้องการลงทุน โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิจำนวน 41,034 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps.มาอยู่ที่ 1.37% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps.มาอยู่ที่ 1.49% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 21 bps. มาอยู่ที่1.63% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ  และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ
« Last Edit: April 05, 2016, 02:18:47 PM by MSN »